(รีวิวภาคจบ #เกียวโต #โอซาก้า) ทัวร์ญี่ปุ่น ซากุระบาน 37,900 บาท #รูปเยอะ
ได้เจอ... รถพยาบาลจอดรับผู้ป่วย โดยมีคุณป้า 2 คนยืนซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์อะไรบางอย่างอยู่ท้ายรถ เหมือนในการ์ตูน (อนิเมะ) แนวสืบสวนหลายๆ เรื่อง
ได้เจอ... ตำรวจทางด่วนขับรถตามจับใครสักคนในรถคันที่เหยียบเกิน 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ได้เจอ... รถดับเพลิงวิ่งวุ่นไปยังจุดเพลิงไหม้ ทั้งที่ไม่บ่อยนักที่มันจะเกิดขึ้นในประเทศนี้
ได้เจอ... อนเมียวจิประจำศาลเจ้าที่หน้าตาดียิ่งกว่าพระเอกในซีรี่ส์ดัง
ได้เจอ... เจ้าบ่าวเจ้าสาวในชุดแบบโกโบริ อังศุมาลินกลางเมือง
ได้เจอ... ตัวอย่างโรงเรียนที่เป็นต้นแบบโรงเรียนในการ์ตูน (อนิเมะ) ทั้งหลาย
ได้เจอ... สภาพอากาศทั้งหนาว ร้อน และสายฝนเย็นฉ่ำ
ได้เจอ... เสียงปริศนาที่ติดตามเราไปทุกๆ โรงแรม กระทั่งถึงโรงแรมสุดท้ายที่ทำให้เราได้รู้ว่า เจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่คน
ได้เจอ... อากาศปลอดโปร่งที่ทำให้เราได้เห็นภูเขาไฟที่สมส่วนที่สุดในโลกตลอดการเดินทาง ทั้งที่กรุ๊ปทัวร์ก่อนหน้ามองเห็นเพียงก้อนเมฆและไอหมอก
ได้เจอ... ดอกไม้สวรรค์แสนสวยกลีบบางที่พร้อมใจกันบานต้อนรับ ทั้งที่กรุ๊ปทัวร์ก่อนหน้าได้เห็นเพียง 3 ต้น
ได้เจอ... น้ำใจงามๆ ของเจ้าของประเทศที่ได้ชื่อว่าเจริญสุดๆ ทางเทคโนโลยี "
และแม้จะมีถนนหนทางอีกทั้งความสะดวกสบายซอกซอนไปในทุกหนทุกแห่ง แต่การตัดถนนนของเขากลับไม่ใช้วิธีระเบิดภูเขา เพื่อรักษาสมดุลธรรมชาติ รวมไปถึงวงจรชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย วิธีที่เขาใช้จึงเป็นการเจาะอุโมงค์ผ่านภูเขาแต่ละลูก แม้ต้องใช้เงินมากกว่าการระเบิดภูเขาถึง 2 เท่าก็ตามที
นอกจากนี้พาหนะที่ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้กันเป็นอย่างมาก กลับกลายเป็นจักรยาน รถไฟ และรถยนต์ขนาดเล็กไม่เกิน 660 ซีซี. ที่เรียกกันว่า K-Car
สถานที่แรกที่พวกเราเดินทางโดยตรงมาจากนาโกย่า คือศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ หรือศาลเจ้าจิ้งจอกขาว เมืองเกียวโต (เคียวโตะ) ซึ่งมีอุโมงค์โทริอิสีส้มแดงความยาว 4 กิโลเมตรเป็นจุดเด่น และมีทางลาดให้ผู้ใช้วีลแชร์สามารถขึ้นไปจนถึงบริเวณตัวศาลเจ้าได้
(กว่าจะมาถึงนั่งรถนานมากค่ะ แต่ก็เก็บภาพมาตลอดทาง แทบไม่ปล่อยมือถือเลย)
(อ่านต่อ คห.1 นะคะ)
ใครอยากย้อนกลับไปดูรูปวันก่อนหน้านี้ เชิญที่เพจถ่ายรูปของนิล หรือ ไอจีของนิลได้เลยนะคะ
Yumio Hikari Ameyuki Moe สตูดิโอ
IG ploynil_chitima กระทู้รีวิววันที่ 3 ค่ะ
4 ความคิดเห็น
ภาพภายในเมืองเกียวโต และที่ร้านอาหารค่ะ อาหารมื้อนี้ก็อร่อยอีกแล้ว ฮิๆ อิ่มแปร้ น้ำเหลืองๆ ที่เห็นในแก้วคือชานะคะ ไม่ใช่เบียร์ แหะๆ
ของตกแต่งน่ารักๆ ภายในร้านอาหารค่ะ อดถ่ายรูปไม่ได้เลย
ต่อไปก็... มุ่งหน้าสู่โอซาก้ากันเลยยยยยยยย
ภาพจากบนทางด่วนค่ะ
เหมือนโรงเรียนตามอนิเมะมากๆ
สวนสาธารณะ ก่อนถึงสี่แยกนรก (= =") ทำไมถึงเป็นสี่แยกนรกน่ะหรือคะ เพราะมันคือ สี่แยกที่รถบัสของพวกเราจะต้องยูเทิร์นเข้าไปยังปราสาทโอซาก้า แต่ไฟเขียวครั้งนึง จะมีรถที่ยูเทิร์นผ่านมันไปได้แค่ 3-4 คันเท่านั้น และเราก็ติดอยู่ตรงนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงค่ะ
ถึงแล้ว... อาณาบริเวณด้านนอกปราสาทโอซาก้าค่ะ รถเยอะมาก
ซากุระสวยๆ
รอบๆ อาณาบริเวณปราสาทโอซาก้าค่ะ
กับปราสาทโอซาก้า แหะๆ เจ้าของกระทู้กับคุณแม่ค่ะ ที่ใส่แว่นดำ เพราะแดดแยงตา ถ่ายรูปไม่สะดวกค่ะ ไม่ได้อยากเท่แต่ประการใด
เก็บตก ก่อนเดินทางไปยังสถานที่ต่อไป
อ่านต่อ คห.ถัดไปนะคะ
ปิดท้ายการไปเยือนญี่ปุ่นวันสุดท้าย ด้วยการช้อปปิ้งในย่านชินไซบาชิ
แสงอาทิตย์ยามเย็นสะท้อนผิวน้ำคลองโดทมโบริ (Dotonbori) อันใสสะอาดเป็นอีกภาพที่ชวนให้ประทับใจ
ดูเหมือนจะมีสิ่งหนึ่งที่นิลค้นพบว่าญี่ปุ่นไม่ต่างอะไรจากประเทศไทย นั่นก็คือ การลดราคาสินค้าใกล้หมดอายุหลังเวลา 19.00 น. ของซุปเปอร์มาร์เกตแต่ละแห่ง ซึ่งดูจะเป็นสวรรค์สำหรับนักกินอย่างนิลมาก ฮิๆ
เก็บตกฝาท่อ อันแรกที่เกียวโตค่ะ สองอันถัดมาโอซาก้า
อ่านต่อ คห.ถัดไปนะคะ
หลังจากเหมาซื้อข้าวของที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว (นิลไม่ค่อยได้อะไร แหะๆ มัวหลงทาง ทั้งที่ไกด์มีแผนที่ให้) พวกเราก็เดินทางไปยังสนามบินคันไซ เพื่อเตรียมเดินทางกลับประเทศไทยค่ะ
่างญี่ปุ่น แต่ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดตั้งแ ต่ 2 ทุ่มค่ะ ไม่ว่าจะในหรือนอกสนามบินก็ ตามที
สนามบินคันไซ (เคไอเอ็กซ์) สร้างบนเกาะที่เกิดจากการถมทะเล สนามบินแห่งนี้สูงจากระดับน้ำทะเลแค่ 15 ฟุต นอกจากนี้สนามบินของโอซาก้า ยังติดอันดับ 1 สนามบินที่มีระบบจัดการกระเป๋าดีที่สุด อันดับที่ 12 ใน 30 สุดยอดสนามบินปี 2015 และเทอร์มินอลสำหรับสายการบินราคาประหยัดดีที่สุดอีกด้วย (ขอขอบคุณข้อมูลจาก MSN)
ถึงจะเป็นประเทศเทคโนโลยีอย
เครื่องบินของสายการบิน Air Asis X พาพวกเราบินลัดฟ้ากลับประเทศไทยในช่วงเที่ยงคืนของวันนั้น และถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพในเวลาเกือบๆ 05.00 น. โดยมีอาหารบนเครื่องให้เช่นเคย ข้าวต้มไก่ มันไปนิดนึงแต่อร่อยค่ะ นอกจากนั้นก็มีผลไม้ กับน้ำเปล่า และน้ำผลไม้ด้วย
หลายๆ คนบอกว่า ชาวญี่ปุ่นไม่ค่อยสนใจคนรอบข้าง แต่สำหรับนิลและคุณแม่ ทุกครั้งที่พวกเราประสบปัญหา โดยเฉพาะกับการเข็นวีลแชร์บนฟุตบาท หากไม่ได้สมาชิกกรุ๊ปทัวร์แต่ละท่านคอยช่วยเหลือตามประสาคนไทยไม่ทิ้งกัน ก็เป็นชาวญี่ปุ่นนี่แหละค่ะที่ยื่นมือเข้ามาช่วย ทั้งที่เราพึ่งพบหน้ากันครั้งแรกแท้ๆ แน่นอนว่าความประทับใจในครั้งนี้จะยังคงฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเราสองแม่ลูกไปจนถึงทัวร์ญี่ปุ่นในครั้งหน้า
มันจะต้องมีครั้งหน้าแน่นอน
ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามนะคะ
พลอยนิล.
รีวิวดีมากเลยค่ะ เห็นแล้วอยากไปเลย
ขอบคุณนะคะ (^ ^) ขนาดนิลไปแล้วยังอยากไปอีกรอบเลยค่ะ ทุกที่สวยมากๆ ประทับใจสุดๆ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?