การฝันเกี่ยวกับเซ้นต์หรือเปล่า
ตั้งกระทู้ใหม่
แต่ว่าถ้าเราจะฝันจริงๆเราจำได้เลยตั้งเเต่ที่จำความได้ถึงตอนนี้ไม่ถึงสิบครั้ง
เราอยากจะถามว่าฝันแบบนี้คืออะไรอ่ะ
1.ตอนหลังจากที่ย่าเราเสีย3วันได้(ไม่รู้เกี่ยวเปล่า) เราฝันว่าเราถูกงูเหลือมอ่ะพันรอบๆตัวเราจนเกือบถึงสะดือเเล้วก็สะดุ้งตื่น อันนี้ติดตาเลยตั้งเเต่อนุบาลสาม
2.เราฝันว่าปลาหมอที่อาเราเลี้ยงไว้ตาย เเล้วเราก็ตื่นเวลาสักประมาณเกือบหกโมงนี่ล่ะ เห็นเขาว่าฝันใกล้รุ่งจะเป็นฝันบอกเหตุ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆตรงเป๊ะๆเลย
3.อันนี้ไม่รู้ว่าบาปหรือเปล่าคือเราฝันว่าแม่ตัวเองตายอ่ะ แบบพอจับใจความได้เราเห็นแม่เรานอนนิ่งๆอยู่บนเตียงอ่ะ ไม่มีรอยแผลอะไรเลย อันนี้สดๆร้อนๆ
4. อันนี้ไม่ได้ฝันอ่ะเเต่เป็นความรู้สึก คือระหว่างเราเดินเข้าไปในโรงเรียนอ่ะ จู่ๆไม่รู้อะไรดลใจเราเราคิดว่าวันนี้ครูไพเราะ(ขออนุญาตเอ่ยชื่อนะ) ต้องไม่มาแน่ๆคือเรารู้สึกแบบนี้จริงๆเเล้ววันนั้นเรามีเรียนคาบครูแกแล้วท่านก็ไม่มาจริงๆมารู้อีกทีว่าท่านไม่สบายไปหาหมอ
หลักๆก็ประมาณนี้แหละที่จำได้นอกนั้นจะจำได้เพียงลางๆคือเราไม่รู้ว่านี่เป็นสัมผัสที่หกรึเปล่าแต่เรราไม่เคยมองเห็นหรือเจอนะ เป็นเพียงเเค่ความรู้สึก
ไครที่เข้ามากระทู้เราก็ใช้วิจารจักรยานนิดนึงนะ ไครที่พอทราบหรือรู้ว่าหมายความว่ายังไงก็บอกเราได้นะ
3 ความคิดเห็น
สวัสดีค่ะ
การฝันเกี่ยวกับเซ้นต์หรือเปล่า
ก่อนอื่นนะคะ สำหรับตรงนี้... ไครที่เข้ามากระทู้เราก็ใช้วิจารจักรยานนิดนึงนะ ...
ประโยคนั้นไม่เข้าใจค่ะ คุณคงจะบอกว่า...ใช้วิจารณญาณในการอ่าน... แบบนั้นนะคะ
วิจารณญาณ...
[วิจาระนะยาน] น. ปัญญาที่สามารถรู้หรือให้เหตุผลที่ถูกต้องได้.
http://dictionary.sanook.com/search/dict-th-th-royal-institute/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93
ที่ต้องทำการทวนนี้สาเหตุเพราะเจ้าของเม้นต์เองก็เขียนผิดบ่อยๆค่ะ ติดเขียนอะไรๆผิดๆมามากมาย อยากที่จะพยายามเขียนให้ถูกต้องด้วยเช่นกัน...ยกมาดูด้วยกัน ร่วมเรียนรู้ให้ถูกต้องไปด้วยกันนะคะ
และคำว่า เซ้นต์...คุณคงหมายถึง...เซ้นส์...คือสัมผัสที่หกนะคะ
คนที่มีความฝันที่แม่นยำ คือฝันเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อน หรือที่เราเชื่อว่าความฝันเกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์จริง หรือเราฝันไปพบเจอสิ่งต่างๆ หรือสถานที่ต่างๆซึ่งอาจจะมีโอกาสได้ไปพบเจอสิ่งหรือสถานที่ในอนาคต แม้ว่าสิ่งนั้น หรือสถานที่นั้น จะอยู่ไกลสักเพียงไรก็ตามที...แบบนั้นนะคะ
เขาอาจจะมีเซ้นส์ หรือมีสัมผัสที่หกจริงหรือไม่นั้น เพียงสงสัยค่ะ...หรืออาจจะเป็นความเชื่อว่าแท้จริงนั้นอาจจะมีส่วนค่ะ
เรื่องของสัมผัสที่หก...ที่นี่(ตามลิ้งค์ค่ะ) เขียนไว้ดี อ่านสนุก คุณลองอ่านดูนะคะ (อ่านเล่นๆก็ได้ค่ะ)
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1697.0;wap2
โอเค...เข้าเรื่อง...เม้นต์ของคุณนะคะ ก่อนอื่น แลกเปลี่ยนนะคะ เมื่อครั้งที่เป็นเด็กๆ (เด็กๆจริงนะคะคืออาจจะเป็นช่วงที่อายุราว 4-5 ขวบคือเริ่มเท่านั้นจำความได้ชัดเจน)เจ้าของเม้นต์ชอบๆคิดเล่นๆเรื่องของฝันด้วยเช่นกันค่ะ คิดๆว่าเรื่องของฝันนี้แท้จริงเป็นอะไร และอาการซึ่งเป็นเหตุที่ฝันนั้นเพราะอะไร? สงสัย กังขา สับสัน กังวล เช่นกันค่ะ (ในวันนี้เข้าใจว่านั้นเป็นอาการของเด็กๆนะ)
แต่ทั้งหมดนั้นกลับกลายเป็นเรื่องสนุกที่จะคิดที่จะนำมาพิจารณาในเวลาต่อมา(คือเมื่อโตขึ้นนะคะ)
มาวันนี้เข้าใจความฝัน(ความเข้าใจนี้เป็นส่วนบุคคลค่ะ)...ที่บอกว่าเป็นส่วนบุคคลเพราะแท้จริงนั้น...อาการฝัน นั้นมาวันนี้ได้รู้ว่ายังไม่มีหลักฐานที่แท้จริงซึ่งลงเป็นมติว่าแท้จริงนั้นเป็นอะไรนั้นเอง แม้วันนี้นักวิจัยจะพยายามหาข้อมูลมากมาย หรือหามานานพอดูแล้ว...แต่แท้จริง...ยังไม่มีคำตอบว่าความฝันนั้นเกิดจากอะไรแน่นอน หรือเป็นเพราะอะไร
ความที่มีความสงสัย สับสน ก็ตามอ่านตามศึกษา...ในที่สุดก็ได้คำตอบให้กับตัวเองว่า...มันเป็นเพียงธรรมชาติ...ส่วนหนึ่ง...จากอาการทำงานของความเป็นสมอง...ทำให้เกิดเป็นภาพเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆ ซึ่งจิตใต้สำนึกของเราสามารถดำดิ่งลึกลงไป...เห็นเหตุการณ์ได้ ซึ่งเราเรียกว่าฝัน(ไปที่ไหนดีนะ...ในฝันนั้นเราจะให้ชื่อมันว่าที่ไหนดีนะ...ไม่รู้เช่นกันค่ะ555)
...บางครั้งในฝันนั้นสัมผัสได้ ตื่นขึ้นมายังรู้สึกได้ ได้ยินได้ (ตื่นมายังจำเสียงนั้นได้) ได้กลิ่นได้ (ตื่นขึ้นมากลิ่นนั้นยังคงติดจมูก) ทั้งหมดนี้สัมผัสได้แม้หลังจากตื่นขึ้นมาจากการหลับและฝันนั้น
หรือว่าเราจะเรียกว่าการทำงานของจิตสำนึก หรือจิตใต้สำนึก...ก็ได้นะคะ แต่ที่แปลกตรงที่ว่า...เมื่อหลับไปสติเรา(หลับ)ดับไปชั่วขณะแต่จิตใต้สำนึกกลับมีอาการรู้และมีปฎิกริยาเห็นรู้(อีกเหตุการณ์)ได้นั้นที่เกิดเป็นความฝัน เป็นอะไรที่แปลกมากนะ แต่ก็เชื่อและศรัทธาว่านั้นเป็นเพียงธรรมชาติค่ะ
ต่อจากข้างบนสุด...(คือเมื่อช่วงที่เป็นเด็กๆนะคะ เด็กๆที่ขี้สงสัย5555)สาเหตุที่สงสัย งง สับสน เกิดเป็นความทุกข์ และกังวลเมื่อตื่นขึ้นมา จนมุมเช่นกัน จึงสอนตัวเองให้คิดว่าแท้จริง...ความฝันเป็นเพียงปฎิกริยาที่เกิดขึ้นได้เป็นธรรมชาติเท่านั้นเอง...เมื่อคิดแบบนี้ก็ไม่ทุกข์ไม่กังวลอีกต่อไป แต่จะเป็นเพราะอะไรนั้นก็ไม่รู้ได้เช่นกันค่ะ
เมื่อไม่สับสน ไม่งง ไม่ทุกข์ทรมานที่จะรู้ถึงความหมายของความฝันอีกต่อไปค่ะ คิดได้แบบนี้ก็ไม่ฝันบ่อยๆด้วย นานๆครั้งแต่ทุกครั้งกลับชัดเจนมากขึ้นด้วย แปลกมากเลยนะ
เชื่อว่า ตรงที่ว่า...หลายๆคนเกิดความทุกข์ทรมาน กังวล สงสัย สับสน กับอาการฝันร้าย ว่านั้นเป็นอะไร (ซึ่งเจ้าของเม้นต์นี้เคยมีประสบการณ์ดังที่กล่าวไว้ข้างบนนั้น...ผ่านมาแล้ว...ไม่ทุกข์ หรือไม่กังวลกับมันอีกต่อไป)
เข้าใจว่าเป็นอาการ...ความเชื่อ...ในส่วนบุคคลเช่นกันค่ะ หากหลายๆคนเชื่อว่าดีก็จะรู้สึกดี หากหลายคนเชื่อว่าไม่ดีก็จะทุกข์ เกิดอาการกลัว หรือกังวล ทั้งหมดนี้เกิดเป็นความเชื่อส่วนบุคคลได้ในที่สุด
และเมื่อเกิดเป็นความเชื่อของคนหลายๆคน...หลายๆคนนำมาบอกเล่ากล่าวขาน เกิดการพูด หรือเป็นคำพูดที่มีความหมายต่างๆมากมาย หรือที่เราเรียกว่า...คำทำนายฝันต่างๆนานา...นั้นเอง แต่กระนั้นทุกอย่างทุกคำพูด ทุกคำทำนายก็เกิดจากความคิด มุมมองที่มีต่อความฝันที่แตกต่างกันไปนั้นเอง
เพราะฉนั้นความฝันที่แท้จริง...การที่เราๆฝันไปนั้นแท้จริง คือธรรมชาติการทำงานของสมอง เป็นกลไกธรรมชาติของจิตสำนึกหรือของจิตใต้สำนึก (ซึ่งนักวิจัยผู้เก่งกาจในหลายๆเรื่องก็ยังไม่สามารถค้นพบ หรือช่วยให้คำตอบเราได้ในวันนี้)
อยากจะแนะนำเจ้าของกระทู้ว่า...ขอให้คุณคิดเพียงเหตุที่ดีๆ เรื่องที่ดีๆ ระลึกถึงความหวังที่ดีๆ อย่าคิดมากไปค่ะ
หากเราหวังที่ดีๆ คิดที่ดีๆ เราจะมีพลังดีๆที่เกิดขึ้นที่จิตใจ ที่จิตใต้สำนึก นั้นก็เกิดขึ้นได้เป็นธรรมชาติในทุกวันนะคะ (เป็นเรื่องจริง เป็นความจริงที่เกิดขึ้นได้จริงนะคะ) ไม่ว่าเราจะตื่นหรือหลับพลังที่ดีนี้ก็จะยังคงอยู่ค่ะ
แม้เราจะหลับไปสติหลับไหลไป แม้จิตสำนึก หรือจิตใต้สำนึกที่มันจะเดินทางสู่...เหตุการณ์ที่เราเรียกว่า...ฝันดี...หรือฝันร้าย...ก็ไม่มีความหมายค่ะ...เพราะนั้นเป็นเพียงความฝัน หากตื่นมาเราจะมีพลังดีๆที่จะมีความรู้สึกเชื่อว่าเรารู้สึกดีจากพลังดีๆที่เราได้สะสมเมื่อเราตื่นมีสติ...แบบนี้แน่นอนกว่านะคะ
อาการ...ฝัน...ไม่มีใครควบคุมได้ว่าเราจะสามารถฝันร้ายหรือฝันดี...นั้นเป็นเหตุสุดวิสัยนะ แต่กำลังใจที่ดีๆ พลังจิตใต้สำนึก หรือจิตสำนึกที่ที่ดีๆนั้นจะไม่มีอะไรที่จะทำให้เราหวาดหวั่นได้ในทุกขณะจิตที่เราตื่นและมีชีวิตอยู่ค่ะ
ความฝันนั้น...เป็นเพียงธรรมชาติที่เราไม่สามารถควบคุมได้...แต่การเชื่อว่าอาการฝันไปต่างๆนานาราวจะบอกอะไรนั้น...เป็นความเชื่อค่ะ...ความเชื่อในที่นี้...คือความศรัทธาส่วนบุคคล(คุณเข้าใจความหมายของคำว่าความเชื่อความศรัทธานะคะ)
แต่...การที่จะเชื่ออะไรๆนั้น เจ้าของเม้นต์นี้ศรัทธาที่จะพิสูจน์ด้วยตนเองในทุกเรื่องค่ะ แม้ว่าบางเรื่องจะไม่มีคำตอบซึ่งจับต้องได้ หรือบางเรื่องอาจจะเป็นอะไรที่เราไม่มีคำตอบเลยก็ได้ แต่ก่อนที่จะเชื่อนั้นต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองจึงจะเกิดเป็นความศรัทธา...เพราะฉนั้นเจ้าของกระทู้อ่านๆ เม้นต์นี้ด้วยการใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ เพราะทั้งหมดนี้แท้จริงเป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ
เจ้าของเม้นนนี้เชื่อทั้งหมดตามนี้...เกี่ยวกับความฝันค่ะ...
http://www.voathai.com/a/a-47-2009-06-06-voa1-90653159/923157.html
และนี้...
http://health.kapook.com/view68452.html
และก็เชื่อตามนี้ด้วยเช่นกัน...ในขณะเดียวกันค่ะ
http://www.palungjit.org/smati/k40/nimit.htm
ความฝันเป็นอะไรที่เราทุกคนมีได้เป็นธรรมชาติในรูปแบบที่แตกต่างกันไป เราไม่สามารถควบคุมความฝันได้ด้วยเป็นธรรมดา เพราะฉนั้นจะฝันดีหรือร้ายนั้นคงไม่สำคัญค่ะ (คิดแบบนี้ได้สบายใจดีกว่าเนอะ)
ที่เม้นต์มายาวๆข้างบนนั้น...เป็นการแลกเปลี่ยน แบ่งปันเช่นกันนะคะ และที่แนะนำมาทั้งหมดนั้น...ขอให้คุณใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ
สรุปสุดท้าย(หลังจากอธิบายวกวนยาวๆๆยํ้าๆ)...อยากแนะนำคุณว่า...เกี่ยวกับเรื่องฝันนะคะหากคุณทำได้...พยายามอย่านำมาเป็นเหตุที่รบกวนจิตใจคุณเมื่อยามตื่นเป็นดีที่สุดค่ะ พยายามทำทุกๆวันให้ดีที่สุด คิดดี ทำดี ฝึกการทำสมาธิเพื่อสติที่ดีๆ
เมื่อเราเชื่อในความดีและมีสติที่ดี คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว แม้จะหลับหรือฝันร้ายเราได้ไม่ทุกข์กังวลยามเราตื่น
หรือหากฝันดี ฝันหวาน(แต่การฝันดีก็เป็นพลังที่ดีได้ยามตื่นนั้นก็เป็นธรรมชาตินะ เป็นธรรมชาติที่ดีๆ) หรือแม้จะฝันดีหากเรามีสติก็จะมีขอบเขตเพียงความรู้สึกที่ดีๆ เราได้ไม่หลงเพ้อไป เลื่อนลอยไปกับมันค่ะ (การหลงไปก็ไม่ดีเนอะ)
เม้นต์นี้ยาวๆๆๆๆๆๆ (ชอบพิมพ์ค่ะ) หากคุณอ่านไม่ไหวข้ามไปนะคะ
ความฝันร้ายๆของคุณนั้นคงไม่มีอะไรน่ากังวลค่ะ คุณอย่าคิดมากไปเลยนะ ขอให้คุณฝันดีๆในทุกๆคืนค่ะ ^__^
ขอบคุนงับ แต่ตอนนี้ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้เหมือนกันว่าข้อที่4 ที่เรากล่าวไปมันคืออะไรแต่ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยมากคือแบบมันจะมีอะไรไม่รู้ว่าดลใจเราเเละมักจะเป็นแบบนั้นเสมอเลย ขอบคุณสำหรับเรื่องที่เเชร์น้าเราเป็นคนชอบอ่านอยู่เเล้ว555
ตอนเด็กๆเราเคยฝันเกี่ยวกับป่าอ่ะค่ะ เเต่เราจำฝันนั้นไม่ค่อยได้เเล้ว จำได้เเต่ว่าภาพข้างหน้าเราอยู่บนภูเขาเเล้วมีป่าอยู่ข้างหน้า เเล้วเดือนที่ผ่านมาเราไปเข้าค่ายค่ะ เเล้วตอนจะกลับบ้านเราไปเข้าห้องน้ำกับเพื่อน เเล้วตอนเรารอเพื่อนเข้าห้องนำ้ เราก็เดินไปเดินมาเเถวๆห้องนำ้ค่ะ จากนั้นอยู่ดีๆเราก็มองไปข้างหน้า เเล้วเราก็เห็นป่าอ่ะค่ะ เเล้วภาพในฝันตอนเด็กๆก็ปรากฎขึ้นมาในหัวเราค่ะ ตอนนั้นตกใจเลยค่ะ เพราะมันเหมือนกับภาพข้างหน้าเรามาก...
ใช่ๆ โมเม้นต์เดียวกับปลาบ้านอาเราเลย
รู้สึกเหมือนฝันร้ายจะกลายเป็นดี
อย่างน้อยก็ทำให้เราเป็นห่วงเป็นใยคุณแม่มากขึ้น
ขอบคุนงับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?