รีวิว Kimi no Nawa กับการดูหนังที่ญี่ปุ่นครั้งแรก
ตั้งกระทู้ใหม่
โรงหนังที่ญี่ปุ่น
โรงหนังที่ไปดูชื่อว่า T-Joy ลักษณะภายในโรงก็จะเหมือนลิโด้ที่สยามเลย แต่มันไม่ได้ดูเก่าอะไรนะ ภายนอกก็เหมือน Major เหมือน SF ทั่วๆ ไปเลยอะ แค่ที่นั่ง จอ อะไรข้างในโรงเป็นแบบลิโด้ ราคาตั๋วแบบทั่วๆ ไปที่ไม่ใช่ราคานักเรียน ราคาคนสูงวัยอะไรพวกนี้ จะอยู่ที่ 1,800 เยน เป็นเงินไทยก็ประมาณ 600 บาท (แพงกว่า 4DX อีก 555)
Kimi no Nawa
เอาละทีนี้ก็มาถึงตัวหนังจริงๆ กันซักที ที่ตัดสินใจไปดูก็เพราะว่าเพื่อนคนญี่ปุ่นเขาจะไปดูกัน พอเล่าให้เพื่อนคนไทยฟังเพื่อนก็ยุให้ตามไปดูด้วย แต่ไอเราน่ะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกกลัวไปดูไม่รู้เรื่องแต่เพื่อนคนไทยนี่ก็ยุจัง เพื่อนบอกดูเนื้อเรื่องเดี๋ยวก็รู้เรื่องเอง เอาล่ะ...ในที่สุดก็ตัดสินใจ "ดูก็ดูวะ" วุ้นแปลภาษาก็ไม่มี 555
การเปิดเรื่องก็เปิดแบบอนิเมะญี่ปุ่นทั่วๆ ไปน่ะแหละ โยนประเด็นลงมาตัดฉากสลับ ชับ! ชับ! แล้วก็...เพลงมา! พอเพลงจบก็เริ่มดำเนินเรื่อง
เรื่องย่อคิดว่าก็คงจะพอรู้กันบ้างแหละ ส่วนตัวตอนแรกไม่รู้เรื่องย่ออะไรเลย แต่คุ้นๆ เหมือนมันจะแนวๆ คน 2 คน มีการสลับร่างกัน มีเหตุให้ต้องมาเจอกัน ตามหากันบลาๆๆ มั้ง ซึ่งพอไปดูแล้วมันไม่ใช่แค่นั้น มันเป็นการสลับร่างคนละช่วงเวลา คือฝ่ายหญิงสลับมาอยู่ในร่างฝ่ายชายซึ่งใช้ชีวิตในช่วงหลังเกิด "เหตุการณ์" บางอย่าง แต่ฝ่ายชายสลับมาอยู่ในร่างฝ่ายหญิงซึ่งใช้ชีวิตในช่วงก่อนเกิด "เหตุการณ์" บางอย่าง แล้วก็สลับไปสลับมาแบบวันเว้นวัน (มั้ง)
และด้วย "เหตุการณ์" นั้นที่ทำให้ฝ่ายชายเริ่มออกตามหาฝ่ายหญิง สุดท้ายเเล้วคนสองคนที่คนต่างเวลา ต่างสถานที่ก็ได้มาพบกัน ณ จุดจุดหนึ่งเหมือนจุดเชื่อมแห่งห้วงเวลา
แต่โชคชะตาก็เล่นตลกด้วยการให้ทั้งสองโดนแยกจากกันและต่างก็จำชื่อกันไม่ได้ !
ความทรงจำอันมีค่าคือชื่อของอีกฝ่ายค่อยๆ เลือนไปจากความทรงจำของอีกคนแม้ว่าจะพยายามไขว่คว้าความทรงจำนั้น แม้จะพยายามจำเท่าไรก็ไม่เป็นผล สิ่งที่เหลืออยู่ในใจของทั้งสองคือความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังตามหาอะไรบางอย่าง หรือบางสถานที่ แต่หาไม่เจอ
แต่โชคชะตาก็เล่นตลกด้วยการให้ทั้งสองโดนแยกจากกันและต่างก็จำชื่อกันไม่ได้ !
ความทรงจำอันมีค่าคือชื่อของอีกฝ่ายค่อยๆ เลือนไปจากความทรงจำของอีกคนแม้ว่าจะพยายามไขว่คว้าความทรงจำนั้น แม้จะพยายามจำเท่าไรก็ไม่เป็นผล สิ่งที่เหลืออยู่ในใจของทั้งสองคือความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังตามหาอะไรบางอย่าง หรือบางสถานที่ แต่หาไม่เจอ
ทว่าในที่สุดทั้งสองต่างก็รู้ว่าจริงๆ แล้วตนเองรอคอยที่จะได้พบใครสักคนอยู่ตลอดเวลา
และด้วยความพยายามต่างๆ ท้ายที่สุดทั้งสองก็ได้มาพบกันจริงๆ ในช่วงเวลาเดียวกันซะที
แค่พล้อตเรื่องก็น่าติดตามแล้วใช่มั้ยล่ะ บอกเลยว่ามันไม่ใช่แนวๆ พระเอกวิ่งตามนางเอกแบบหนังอินเดีย หรือพระเอกพร่ำเพ้อถึงนางเอกแบบปานจะขาดใจในละครไทยหลังข่าวภาคค่ำ การวางโครงเรื่องในการตามหากันของ "ทากิ" กับ "มิตสึฮะ" ทำออกมาได้เป็นธรรมชาติ ชวนลุ้น นุ่มนวล และประทับใจมากๆ
แค่พล้อตเรื่องก็น่าติดตามแล้วใช่มั้ยล่ะ บอกเลยว่ามันไม่ใช่แนวๆ พระเอกวิ่งตามนางเอกแบบหนังอินเดีย หรือพระเอกพร่ำเพ้อถึงนางเอกแบบปานจะขาดใจในละครไทยหลังข่าวภาคค่ำ การวางโครงเรื่องในการตามหากันของ "ทากิ" กับ "มิตสึฮะ" ทำออกมาได้เป็นธรรมชาติ ชวนลุ้น นุ่มนวล และประทับใจมากๆ
สิ่งที่ชอบในเรื่องคือการทำให้เห็นความพยายามที่จะมาพบกันของทั้งสองคน การแฝงความหมายของการพบกัน การตามหากัน แฝง detail วัฒนธรรมญี่ปุ่นโดยเฉพาะวิถีชนบท ความเรียบง่าย ที่ทำให้ตัวเรื่องมันดูุนุ่มนวล อบอุ่น ดูแล้วสบายจิต จังหวะบิ้วอารมณ์คนดูคือความดีงามของเรื่องที่ชวนลุ้นดีว่าจะสัมผัสถึงกันได้มั้ย จะเห็นกันมั้ย จะเจอกันมั้ย จะจำกันได้มั้ย และจะลงเอยยังไง
อนจบของเรื่องอาจจะดูตัดๆ ไปนิดนึง ยังไม่ฟินเท่าไร แต่ ณ จุดที่ตัดจบอารมณ์มันพีคไปแล้ว (อารมณ์คาอยู่ยอดพีคยังไม่ทันจะลงมาหนังตัดจบอะ คิดดู แต่ให้ผลกับอารมณ์คนดูมาก)
อนจบของเรื่องอาจจะดูตัดๆ ไปนิดนึง ยังไม่ฟินเท่าไร แต่ ณ จุดที่ตัดจบอารมณ์มันพีคไปแล้ว (อารมณ์คาอยู่ยอดพีคยังไม่ทันจะลงมาหนังตัดจบอะ คิดดู แต่ให้ผลกับอารมณ์คนดูมาก)
สรุปความดีงามจากเรื่องอย่างเดียว ไม่นับบทสนทนาเพราะฟังไม่ออก ก็ให้ 8/10 ละ
เพลงดี ประกอบฉากแล้วให้ผลกับความรู้สึกระหว่างดูมาก เพลงทำให้อินได้มาก ดูหนังจบมาเกือบ 2 เดือนแล้วยังอิน ยังติดใจเพลงอยู่เลย ฟังทีไรนึกถึงแต่ละฉากพีคๆ แล้วมันรู้สึกดี
เนื้อเรื่องดี ความซึ้งของเรื่องนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาแบบยัดเยียด ไม่ได้พยายามทำให้ดู "กินใจ" หรือ "ประทับใจ" แต่เขาให้คนดูตัดสินเอง จากการที่ตลอดเรื่องราวให้ detail มาหลายๆ อย่างแล้ว และสรุปเป็นความซึ้ง ความประทับใจในฉากที่จำเพาะ ที่ผมคิดว่าคนดูตัดสินได้เองจริงๆ ว่าจะซึ้งหรือไม่ (คน sensitive มีน้ำตาคลอกันแน่นอนกับบางฉาก)
เพลงดี ประกอบฉากแล้วให้ผลกับความรู้สึกระหว่างดูมาก เพลงทำให้อินได้มาก ดูหนังจบมาเกือบ 2 เดือนแล้วยังอิน ยังติดใจเพลงอยู่เลย ฟังทีไรนึกถึงแต่ละฉากพีคๆ แล้วมันรู้สึกดี
เนื้อเรื่องดี ความซึ้งของเรื่องนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาแบบยัดเยียด ไม่ได้พยายามทำให้ดู "กินใจ" หรือ "ประทับใจ" แต่เขาให้คนดูตัดสินเอง จากการที่ตลอดเรื่องราวให้ detail มาหลายๆ อย่างแล้ว และสรุปเป็นความซึ้ง ความประทับใจในฉากที่จำเพาะ ที่ผมคิดว่าคนดูตัดสินได้เองจริงๆ ว่าจะซึ้งหรือไม่ (คน sensitive มีน้ำตาคลอกันแน่นอนกับบางฉาก)
เห็นในไทยโปรโมทกันว่าเป็น "หนังของคนเหงา" บอกเลยว่าไม่ใช่ !!!
นี่มันหนังของคนที่รู้จักความรักและเลือกที่จะรอคอย ตามหาสิ่งที่ใจตัวเองเรียกร้องต่างหาก
ไปลองดูกันนะครับ ดูคนเดียวก็ได้ ดูกับใครบางคนก็ดี
ปล. ตอนดูที่โน่นนึกว่าจะมีแต่วัยรุ่นมาดู คนวัยทำงาน วัยเอ๊าะ วัยกลางคน วัยใกล้เกษียณก็มีมาดูเยอะแยะ บางคนมาแบบพากันมาดูทั้งครอบครัว
ปล.2 ช่วงโฆษณาตัวอย่างหนังนี่เห็นเลยว่าหนังญี่ปุ่นสร้างแนวดราม่า แนวชีวิต แนวซึ้งกินใจ จับใจ แนวฟีลกู้ดก็เยอะเหมือนกัน เยอะมาก
Zane Ter
10 พ.ย. 59 เวลา 10:47 น.
1,388
views
แสดงความคิดเห็น