Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แรงอาฆาต ยิ่งกว่าคุณไสยดำ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ตอนที่ 1

ไม่น่าเชื่อ! จุดธูปขอพรหรือคำสาปแช่งกันแน่ทำให้ชีวิตเปลี่ยน นึกถึงอดีตตัวเองขึ้นมา เมื่อนั้นประมาณปี 2554  ตอนนั้นอายุฉัน 25-26 ปี ไม่น่าเลย... ทำไมทำตัวไม่น่ารักหลายอย่าง  ปากจัด ชอบว่าอื่น ขี้โมโห อวดดี หยิ่ง  แถมจนอีกต่างหาก ทำงานอะไรก็เบื่อเซ็ง ท้อเรื่อยมาตกงานมาจนถึงวันนี้นับได้ 10กว่าปี แต่ที่แย่มากกว่านั้น ฉันคิดว่าตัวเองดีมาตลอดดีกว่าใครเลย สวย รวยเก่ง แต่ทำอะไรไม่สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน จ้องแต่จับผิดชีวิตคนอื่น

ก่อนหน้าที่ฉันจะแต่งงาน จำได้ลางๆว่านิสัยไม่ได้หนักมากถึงขั้นสาหัสขนาดนี้  พอหลังจากแต่งงานมีลูก นิสัยชั้นค่อยๆเปลี่ยนไป  เพราะใจรู้ดีตลอดเวลาว่าสามีกับครอบครัวของเขาดีกับเรามากๆ  ดีจนนิสัยของฉันเหิมเกริมหนักขึ้น ถึงขั้นทะเลาะกับน้องของสามี  ใช้คำสาปแช่ง ทำลายข้าวของ บางครั้งไม่พอใจก็จุดธูปขอให้ เกิดสิ่งไม่ดีกับคนอื่นสะสมความเกลียดถึงขั้นครั้งหนึ่งเคยเผาพริกเผาเกลือแช่ง ไม่สนใจแม้กระทั่งแม้ของสามีทั้งๆที่เขาดีแค่ไหน ร้ายกาจหนักถึงขั้นยกย่องภูมิใจว่าตัวเองเก่ง (เป็นหนักมาก)  เหมือนคนโดนของที่ไม่เห็นความผิดตัวเอง

ตอนสติฉันยังดีๆ มักพูดกับเพื่อนที่ชมสามีของฉันเสมอว่าไม่มีผู้ชายที่ไหนดีขนาดนี้แล้วประเสริฐสุดๆ ฉันกล่าวว่า "ฉันจะไม่มีวันทิ้งสามีคนนี้เด็ดขาด เพราะเขาเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ" สุดท้ายบททดสอบความรักของฉันก็ไม่ผ่าน ฉันระงับอารมณ์โทสะ ของตัวเองไม่ได้ ขาดสติ ลืมคำพูดตัวเอง และลืมฉุกคิดถึงเรื่องอนาคตครอบครัว  ฉันเดินออกจากงานเสริมสวย ที่แม่สามีอุตส่าห์ส่งเสียให้เรียนจนจบคอร์ส  เงินเกือบแสน  และร้านเสริมสวยที่เขาจะเปิดให้  เพื่อจะได้มีรายได้มีเงินเลี้ยงครอบครัวและลูก  เสียดาย

เหตุผลทั้งหมดของฉัน คือไม่ชอบน้องสาวของสามี ที่ไม่เห็นความสำคัญของฉัน สามีปกป้องน้องสาวมากกว่าฉัน และวันๆทำแต่งานหามรุ่งหามค่ำ ไม่สนใจว่าฉันจะเป็นยังไง   เขาสนใจคนอื่นมากกว่า  ทำก็ไม่เห็นรวยขึ้นมากกว่าเดิม จนฉันเบื่อ  (ฟังแล้วฉันเห็นแก่ตัวมากไปมั้ย ตัวเองไม่ทำมาหากินแล้วยังเรียกร้องอะไรมากมาย) ฉันตัดสินใจหนีความจริงที่ยอมรับไม่ได้ว่าฉันอิจฉาชีวิตคนอื่น อิจฉาครอบครัวที่รักกัน แต่ตัวฉันไม่มีใครรักฉัน (คิดได้ยังไง ใครจะไปรักปากร้ายใจมารขนาดนี้)... ฉันเริ่มอยากมี อยากเก่ง อยากเอาตัวรอด จึงเริ่มหาทางออกเที่ยวหาความสบายใจ โดยไม่สนใจสามีอีกเลย  ส่วนสามีฉันไม่รู้หรอกว่าเขาแคร์ฉันไหม ฉันเห็นว่าเขาไปเที่ยวกับเพื่อนสนุก  ต่างคนต่างเที่ยว จนมีมือที่สามเข้ามาฉันไม่รู้ว่าจริงหรือโกหก แต่ผู้หญิงที่เข้ามาหาสามีในตอนนั้นคือภรรยาคนปัจจุบันของเขา  ฉันร้ายมากขึ้นขั้นสามีไม่ง้อเลย ไม่คุยกับฉันอีกเลย จนถึงวันนี้ฉันยังโทรหาลูกอยู่ปกติ นานๆโทรไป ส่งของขวัญ และเงินตามโอกาส เพราะตอนนี้ฉันก็ยังสู้ชีวิตอยู่เหมือนเดิม  เพื่อ... ลูกคำเดียว

ฉันเข้าใจว่าวิบากกรรมหนักเป็นยังไง  ตอนสะสมความรู้ฝึกปฏิบัติธรรมะ  ฉันฝึกพัฒนาอาชีพ และสมองเพราะอยากจะมีชีวิตที่ก้าวหน้า ชีวิตค่อนข้างช้ายอมรับ หลังจากที่เลิกรากับสามีคนแรกก็เอามาแต่หนี้บัตรเครดิตที่ตัวฉันเองรูดซื้อของเวรกรรมฉันจริงๆ(เหมือนจะขำแต่ขำไม่ออก) 

จึงมาพบกับคนปัจจุบันที่เพื่อนแนะนำให้รู้จัก  เขารู้เรื่องของฉันดี และให้สติมาตลอดแนะนำให้ฉันโทรไปคุยเพื่อถามว่าเธอจะเลิกกับเราจริงมั้ย เทอคบคนใหม่จริงมั้ย? ด้วยความกังวลเรื่องลูก และสงสารลูกที่ตอนนั้นเขาอายุเพียง 3 ขวบ แต่ฉันก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลย ฉันเลยคิดเองเออเองว่าเลิก และตัดสินใจขอพึ่งพาคนใหม่
... เขาชวนฉันทำบุญ เข้าวัด สอนสวดมนต์อ่านหนังสือ และเป็นตัวอย่างของความขยัน สอนอาชีพใหม่คือ ดูดวง ฉันจำประสบการณ์ตั้งแต่เริ่มแรกได้ดีถึงเหตุการณ์หลอน ระทึกขวัญสั่นประสาท เกิดมาเพิ่งเคยเจอเมื่อ 7 ปีก่อนฉันเห็นอะไร กรรมและผี  เป็นยังไงติดตามการเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่... 

แสดงความคิดเห็น

>