Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ประสบการณ์เร้นลับ-ไสยศาสตร์

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ตอนที่2
มาต่อกันจากที่เราเล่าค้างไว้... ถึงจุดเริ่มต้นการเดินทาง ในเส้นทางของสิ่งเล้นลับ เหนือธรรมชาติ  ต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่เคยให้ความสำคัญ และไม่มีความรู้ประสบการณ์เรื่องนี้สักนิด สัมผัสพิเศษ เห็นผีก็ไม่มี  บุญยังไม่ค่อยทำเลยจะไปรู้เรื่องอะไร 




ตอนนั้นเราทำงานติดตามเป็นผู้ช่วยหมอดู คนนี้นี่แหล่ะไปนั่งฟัง และนั่งหลอนกับเขาไปด้วย ตอนนั้นเป็นคนกลัวผีมาก ฟังแรกๆก็เฉยๆ เอียงไปทางไม่ค่อยเชื่อ  แถมรั้นเขาอีกต่างหาก  สุดท้ายวันหนึ่งมาเจอคนดู เป็น 2สามี ภรรยา รู้จักหมอดูจากใครสักคนแนะนำมา และแล้วบททดสอบก็เข้ามาหาเราแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย  2สามีภรรยานี้เข้ามาหาเรา  ด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูเป็นวิตกกังวลเพราะมีคนเห็นและทักเขาทั้งสองว่าเวลาเขาขับรถขึ้นทางด่วนพนักงานเก็บเงินมักทำหน้าตกใจจนกระทั่งมีคนบอกว่าพาใครอัดขึ้นมาบนรถเป็นสิบคนเลยซึ่งตอนนั้นถของเขาขับหนักมากจริงๆ  




หมอดูก็ไม่ได้บอกว่าสาเหตุเพราะอะไรถึงได้มี สิ่งเร้นลับที่มองไม่เห็นติดตามเขาถึงขนาดนั้นเพราะว่าเขาไปทำอะไรมาอันนี้ก็ขอจุดๆๆ... ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าเราก็ไม่สามารถที่จะตอบได้ว่าเขาทำอาชีพอะไร ความประสงค์ของ 2 คนนี้มาเพื่อที่จะปรึกษาปัญหาในชีวิตและต้องการพิธีกรรมในการแก้ไข คล้ายๆเขาจะถูกคุณไสยเวทมนต์ จุดเริ่มต้นก็คือหมอดูได้ทำนายคนที่เป็นสามีว่าคุณมีเจ้ากรรมนายเวรติดตามทวงหนี้วิธีแก้ไขมีวิธีเดียวคือต้องบวชเป็นพระ  แล้วจะต้องบวชก่อนจะถึงวันเกิดซึ่งในเดือนนั้นเป็นเดือนเกิดของฝ่ายสามีใกล้จะถึงอีกไม่กี่วันข้างหน้า ไ่งั้นอาจมีเหตุที่เลวร้ายแก้ไขไม่ได้




ต่อมาฝ่ายสามีก็สะดุ้งตกใจเพราะคำทำนายของหมอดูไปตรงกับพระเกจิ 3 รูปที่เคยทายไว้ว่าให้บวชแต่เขาไม่ยอมบวชจนกระทั้งครั้งนี้เป็นคนที่ 4 เขาถึงตัดสินใจยอมบวชและหลังจากนั้นก็หาฤกษ์ยามจะเข้าพิธีอุปสมบท




เหมือนเรื่อวราวจะลงได้สวยนะฟังต่อ ในการหาฤกษ์ในแบบของศาสนาพราหมณ์ฤกษ์จะนับว่าสำคัญมาก  ซึ่งหมอดูได้แนะนำวันที่ทำพิธีพร้อมกับวันที่จะลาสิกขาเพื่อให้เป็นฤกษ์บวชที่ดีและฤกษ์สึกที่ดีต่อเจ้าของดวงชะตา ครั้งนั้นได้เลือกบวช ณ วัดชื่อดังในกรุงเทพฯ  ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะขอฤกษ์บวชในยามวัด บางวัดนี่ไม่ให้บวชเลยด้วยซ้ำ 




ต่อมาหลังจากชายผู้เป็นสามีได้สึกออกมาจากวัดได้เข้ามาปรึกษาหมอดูต่ออีกว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจในขณะที่เค้าบวชเป็นพระในวัดเขาได้พบกับพระธุดงค์รูปหนึ่งที่มาจากภาคอีสาน ซึ่งพระรูปนี้เก่งเรื่องคาถาอาคมและมีตะบะแก่กล้าได้บอกเขาว่า เขามีจิตวิญญาณ 2 คนแม่ลูกคอยเดินติดตามอยู่ตลอดเวลาท่านเห็น ที่เขาได้ติดตามเรามานั้นก็ตั้งแต่อดีตชาติได้สัญญากันไว้จนพบมาพบกันในคราบผ้าเหลืองที่วัดแห่งนี้จนกระทั่งว่าเขาได้ทราบข่าวว่าลูกค้าดูดวงนี้ สึกมาแล้วจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่ตามวันเวลาที่ได้จากหมอดู แต่พระธุดงค์รูปนี้แนะนำว่าควรเอาฤกษ์สะดวกเพราะท่านอยากจะมาร่วมพิธีสวดเจริญพุทธมนต์ให้กับเจ้าของบ้านด้วยเนื่องจากถูกคุยถูกคอถูกใจ ถ้าทำบุญในวันที่หมอเลือกไว้ให้  ท่านติดกิจนิมนต์มาไม่ได้ 




สุดท้ายเจ้าของบ้านตัดสินใจเอาวันที่กำหนดไว้ตอนแรกไม่เปลี่ยนหลังจากนั้นมา พระธุดงค์จึงได้ติดตามคนดูผู้เป็นสามีมาจำวัดที่บ้าน หลายคนอาจรู้ข้อมูลหรือไม่เคยรู้ในเรื่องของพระธุดงค์ว่าพระธุดงค์ห้ามจำวัดในบ้านญาติโยมเด็ดขาดนั้นคือกฏของพระธุดงค์ซึ่งข้อเท็จจริงเราเองก็ไม่ทราบแน่ชัดแต่ขณะนั้นเราก็เพิ่งจะมีประสบการณ์  ไม่เข้าใจเท่าไหร่หรอก เราได้พบกับพระรุปนี้ในวันทำบุญ ท่านก็ได้ทักทายหมอดูสามีเราว่า เป็นหมอดูหรอ  เคยดูดวงตัวเองบ้างมั้ย แล้วท่านก้อไม่ได้คุยเรื่องอื่นต่อ สามีเราก้อตอบแบบติดตลกไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น




หลังจากนั้นทำบุญบ้านคนดู 2 สามีภรรยาเสร็จ มีเหตุการณ์ประหลาดๆ เกิดขึ้นบ่อยกับคนในบ้านทั้ง 2 สามีภรรยามีอาการลักษณะคล้ายคน ถูก คุณไสยมีอาการหลอนพูดไม่ค่อยสบตาเหม่อลอย และดูท่าทางแปลกไป  สาเหตุที่ดูแปลกตรงที่ว่าเวลาเขามาที่หิ้งพระของหมอดูเขามีอาการหลอนเห็นภาพพระบ้าง  เห็นจิตวิญญาณบ้าง เห็นผู้ชายหน้าแปลกยืนมองบ้าง




จนเกิดอาการกลัว จิตวิตกไป พอเจอหิ้งพระทีไรเขาก็ทรุดตัวลงกับพื้นลักษณะเหมือนคนไม่มีแรง ใส่พระคล้องคอแล้วรู้สึกร้อนหนักคอ จนต้องถอดออกจากคอ หมอดูจึงสงสัยว่าสาเหตุอะไรทั้งสองคนถึงกับมีอาการเช่นนี้หลังจากบวชแล้วทำบุญขึ้นบ้านใหม่แล้วชีวิตน่าจะ ดีขึ้นแล้วยังติดขัดเรื่องใดจึงไปดูที่บ้านในบริเวณหิ้งพระที่พระธุดงค์รูปนั้นได้เคยนอน และ2 สามีภรรยาสารภาพว่าได้เดินทางไปนอนที่วัดตามพระธุดงก์รูปนั้นไปทำบุญทอดกฐินสร้างศาลา ไปถวายหลอดไฟ ซึ่งหมอดูก็ทบทวนเหตุการณ์ดูแล้วน่าจะดีขึ้นได้สักที  แต่เขาสองคนกลับยิ่งหลอน กลัวหนักกว่าเดิม และสัมผัสของหมอดูพร้อมกับลุงหมอวันนั้นไปด้วยรู้สึกเหมือนถูกเดรัจฉานวิชาครอบงำ เราเองตอนนั้นก็มึนๆงงๆเพราะสัมผัสไม่ได้ไม่เห็นรูปไม่เห็นร่องรอยอะไรที่ใครจะทำอะไรแปลกๆเอาไว้  แต่ที่แน่ๆ เราเสียงหมาหอนในขณะที่หมอกำลังสวดมนต์และทำพิธีเพื่อล้างสิ่งอัปมงคลในบ้าน ขณะนั่งปรึกษาหารือกัน

  เจ้าของบ้าน 2 สามีภรรยาจึงหยิบรูปถ่ายพระธุดงก์ขณะนั่งคุยกับญาติโยมตอนไปที่วัดที่อีสานมาให้ดู  ภาพชัดมากว่าพระในรูปลักษณะไม่เหมือนกับ รูปที่มานอนที่บ้านของ 2 คนสามีภรรยานี้เลย  วันก่อนเข้ามารูปสวย ผิวพรรณขาวผ่องมีราศี เป็นพระหนุ่มๆ ในรูปเป็นพระมีอายุผิวสองสี ผิวพรรณดูคล้ายพระมีอายุ ร่างก็สูงผอม ไม่ชะอ้อนชะแอ้นเหมือนรูปก่อนเลย




 หลังจะดูรูป ได้ยินเสียงมีคนมาเคาะประตูกระจกหน้าบ้านของคนดูถึง 3 ครั้ง ทุกคนที่นั่งอยู่ในบ้านตาประมาณ 10 คู่ 5 คนนั่งสะดุ้งขนหัวลุกไปตามๆกันออกไปดูไม่พบใครยืนอยู่หน้าบ้านสักคนเดียว  เหตุการณ์ในบ้านหลังนี้ 2 สามีภรรยานี้ ใช้เวลา 1 ปีเต็มในการช่วยเหลือ (เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไงพอได้สติเพิ่งคิดออก)  แก้ไขแต่กลับมีเหตุการณ์ยิ่งแปลกมากไปกว่านั้นเหมือนกับว่า หมอดูกับเราเองถูกเล่นงานเอาซะเองคล้ายๆ ว่าของเค้าจะกลับมาหาเราเพราะเริ่มมีอาการแปลกๆภาพหลอนเกิดขึ้น กับหมอดูและตัวเราเองซึ่งเหลือเชื่อว่าเราเองบอกตั้งแต่ครั้งแรกเลยเราไม่เคยเจอผีมาก่อนสักครั้งเดียว




หลังจากช่วย 2 สามีภรรยานั้นแล้วเรากลับมาที่ห้องพัก กลับมาทะเลาะกับสามีที่เป็นหมอดูคืนนั้นเลยและรุ่งเช้าเราเลยหนีกลับบ้านเหตุการณ์แปลกมากตรงที่ว่าเรานั่งรถตู้ซึ่งเป็นรถประจำทางขับกลับจังหวัดชัยนาทเป็นประจำ แต่วันนั้นบังเอิญไหมที่รถตู้วิ่งเลยเส้นทางแทนที่จะไปชัยนาท-นครสวรรค์เขากลับวิ่งตรงไปทางสระบุรี คนขับตกใจจอดรถและถอยหลังรถกลับจนคนในรถตกอกตกใจ รถคันหลังก็บีบแตรไล่เสียงดังระงม  พอไปถึงคืนนั้นเองประมาณตี 4 ๆ เห็นจะได้ เราครึ่งหลับครึ่งตื่นรู้สึกตัวขณะนั้นกำลังพลิกตัวไปด้านขวา แว๊บบ..... ขึ้นมาเห็นภาพพระสงฆ์นั่ง สมาธิ แล้วก็แว๊บบบ... หายไปในชั่วพริบตา( เล่าแล้วยังขนลุกได้อีก) 




 ด้วยความกลัวรุ่งเช้าจึงรีบโทรไปเล่าให้สามีฟังเขาจึงรีบตามมาที่บ้าน และในคืนนั้นเอง ช่วงประมาณตีสองกว่า เราตื่นขึ้นมาเพื่อจะลุกเข้าห้องน้ำแล้วรู้สึกหน้ามืดหูอื้อเห็นดาวระยิบระยับขณะนั้นเห็นเป็นภาพขณะลืมตาในความมืด ชัดเจนภาพคล้ายชัตเตอร์ประมาณ  5-6 ภาพ ติดๆกัน เห็นเป็นภาพคนใส่ชุด นักรบโบราณ ขี่ม้าขาวและถือดาบ โพกผ้าปิดตา สลับกับภาพลักษณะเป็นผีมัมมี่ แต่ไม่เห็นรูปร่างหน้าตาชัดเจน ลักษณะจะเป็นเหมือนซากศพอะไรประมาณนั้นแต่ไม่ค่อยแน่ใจ  




ความรู้สึกคล้ายเป็นพระ ในตอนนั้นเราไม่คิดว่าเป็นอะไรนอกจากเราคิดว่าเป็นเพราะเราชอบ search เข้าไปอ่านเรื่องของขุนช้างขุนแผนหรือเปล่าเราก็เลยเจอภาพหลอนสุดท้ายเรื่องนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ เพราะเราไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมของเขาซึ่งเป็นกรรมหนักมาก เราตัดสินใจ หาวิธีเอาชนะ กรรมนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเราเป็นหมอดู เราจะสามารถเป็นหมอดูที่แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้หรือไม่  เวลานั้นเราได้รับคำชี้นำจากลุงหมอกับพระอาจารย์ซึ่งเป็นพระธุดงค์สายกรรมฐานอยู่ทางอีสานด้วยเหมือนกันท่านแนะนำว่า "โยม โยมทั้งสองคนกำลังจะเล่นกับไฟนะ ทางนั้นเขาไม่ยอมนะอย่าไปยุ่งกับ2 คนนั้นอีก"  คำว่ากำลังจะเล่นกับไฟเราคิดขึ้นมาทันทีหรือว่า สองคนสามีภรรยานี้เขาจะเล่นวิชาไสยศาสตร์มนต์ดำกันเองหรือเปล่าแล้วให้เราไปแก้ให้เพราะช่วงหลังเราตีความหมายอย่างนี้ว่าเค้าเริ่มเข้ามาลองของ  เข้ามาเอาคาถาเข้ามาดูหนังสือตำราเวทมนต์  แต่เขาไม่พูดเรื่องขอความช่วยเหลือแต่พอลับหลังเขากลับไปพูดให้ร้ายกับเราว่าเค้าชนะหมอดูซึ่งเรายอม... เด็ดขาดเลย วิธีที่เรายอมคือเราฉุกคิดคำว่า "ธรรมะย่อมชนะอธรรม" เราสองคนจึงวิ่งไปหาของที่เป็นเครื่องรางเป็นพระศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่จะเข้าไปหาสองสามีภรรยานี้แล้ว บอกว่า กรรมของเขาได้จบสิ้นแล้วไม่มีการจองเวร  พร้อมกล่าวคำชื่นชมในความเก่งกล้าสามารของเขาเต็มที่เลย อวยพร ให้ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองและเราได้ยื่นพระเครื่องรางคุ้มครองเป็นพระปางสะดุ้งมารให้กับฝ่ายสามี ส่วนฝ่ายภรรยาเรายื่นพระแม่อุมาเทวีพร้อมดอกกุหลาบสีแดงให้แล้วก็อวยพรขอให้พระคุ้มครองทั้งสองหลังจากนั้นเราจึงออกมาจาก 2 สามีภรรยานี้แล้วก็ไม่กลับเข้าไปยุ่งอีกเลย  เรื่องก็สงบไป  จนกระทั่งปีต่อมา มารู้จักร่างทรงหนุ่มคนหนึ่งที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน นับว่าเป็นคนที่เก่งและทำนายได้แม่นยำมาก ดูดวงให้ทางโทรศัพท์แต่ถ่ายเหมือนตาเห็น จะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามตอนที่ 3 ครั้งหน้าสวัสดีค่ะ... 
ขออภัยมือใหม่ไม่มีรูปให้ดูประกอบ ผิดพลาดประการได้แนะนำติชมได้ เป็นเรื่องเล่าประสบการณ์จากครูทั้งหลายทั้งครูผีแลพครูคน ขอให้ใช้วิจารณญานในการอ่านนะเจ้าคะ 

แสดงความคิดเห็น

>