Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Review!หนังสืออ่านนอกเวลาทั้งหมดในกรุสมบัติตั้งแต่ม.1ถึงม.5ของข้าพเจ้า

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
                  สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวDek-Dทุกคน กลับมาพบกับต่ายกันอีกแล้วนะคะ ปกติในวิชาภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ทุกคนจะต้องได้อ่านหนังสือนอกเวลากันอยู่แล้วใช่มั้ยคะ ต่ายก็เลยจะมารีวิวหนังสืออ่านนอกเวลาทั้งหมดของต่ายที่เคยใช้เรียนตั้งแต่ม.1-5เอาใจหนอนหนังสือทั้งหลายกัน หนังสือหลายๆเรื่องที่ต่ายนำมารีวิวให้ประโยชน์ตั้งหลายอย่างไม่ว่าจะวรรณกรรมภาษาอังกฤษที่ช่วยฝึกภาษาไปในตัวและนวนิยายภาษาไทยที่ให้ข้อคิดหลายๆอย่างที่นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยค่ะว่ามีเรื่องอะไรบ้าง


หนังสืออ่านนอกเวลาของต่ายมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เราจะเริ่มจากหนังสือนอกเวลาภาษาอังกฤษสำหรับคนที่อยากฝึกภาษากันก่อนค่ะ

Sherlock Holmes: The Blue Diamond
ผู้แต่ง: Sir Arthur Conan Doyle
สำนักพิมพ์Oxford 

            เริ่มกันก่อนที่วรรณกรรมสุดคลาสสิคอย่างเชอร์ล็อก โฮมส์ เนื้อหาในนี้เป็นเรื่องตอนเพชรสีน้ำเงินที่เป็นตอนที่โฮมส์กับหมอวัตสันต้องช่วยกันไขคดีเรื่องการโจรกรรมเพชรสีน้ำเงินของท่านเอิร์ลที่จู่ๆก็มียามคนนึงไปพบมันเข้าในท้องห่านทำให้โฮมส์ต้องสืบหาตัวคนร้ายที่ขโมยเพชรชิ้นนี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ไปขโมยมาได้อย่างไร เล่มนี้ต่ายใช้เรียนตอนอยู่ม.1 การใช้ภาษาเล่มนี้อยู่ในระดับStage1 เหมาะสำหรับคนที่พื้นฐานอังกฤษไม่ค่อยแน่น มีช่วงนึงที่เกรดวิชาอังกฤษของต่ายตกลงมามากต่ายเลยย้อนกลับมาอ่านหนังสือเล่มนี้ก็ช่วยปูพื้นฐานได้เยอะเหมือนกันเพราะเรื่องราวสนุก ไม่ยาวมาก แถมอ่านง่ายด้วยค่ะ

The Phantom of the Opera
ผู้แต่ง: Jennifer Bassett
สำนักพิมพ์Oxford

           มีใครเคยดูละครเวทีเรื่องนี้บ้าง ยกมือขึ้น วรรณกรรมเรื่องนี้ถือว่าคลาสสิคพอๆกับเรื่องเชอร์ล็อก โฮมส์เลยค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับปีศาจในโรงละครโอเปร่าที่ปารีส ถ้าใครเคยอ่านเรื่องนี้หรือเคยดูละครจะรู้สึกได้ว่าอีริคเป็นตัวร้ายที่น่าสงสารมากและโหยหาความรักความเมตตา...จากหญิงสาวที่ตัวเองรักคือคริสติน นักร้องโอเปร่าที่เป็นนางเอกในเรื่องนี้ ต่ายใช้เล่มนี้เรียนตอนม.2 ช่วงนั้นอ่านยังงงๆ ได้ย้อนกลับมาอ่านก็พอเข้าใจมากขึ้นหน่อย แถมยังมีคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศสอยู่หลายคำ อ่านเรื่องนี้ก็เหมือนได้อ่านทั้งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสไปพร้อมๆกัน(ส่วนตัวต่ายไม่เคยเรียนภาษาฝรั่งเศส ตอนนี้ต่ายเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ค่ะ)

Love Story
ผู้แต่ง: Erich Segal
สำนักพิมพ์Oxford

               หนังสือนอกเวลาเล่มนี้ต่ายใช้เรียนตอนม.3 ตอนนั้นก็งงๆว่าทำไมครูถึงเลือกเรื่องนี้มาให้อ่าน มีงงๆอยู่บ้างว่าพระเอกนางเอกไปรักกันตอนไหน แต่พออ่านไปเรื่อยๆเริ่มฟินกับฉากพลอดรักของพระเอกนางเอกแต่เสียดายที่เรื่องนี้จบไม่สวย มีที่เขาทำเป็นหนังไว้เหมือนกัน แต่เสียดายที่ไม่ได้หาแผ่นมาดู ถ้าใครอยากอ่านเล่มนี้แนะนำให้ดูหนังควบคู่กันไปด้วย เพื่อนต่ายลองทำแล้วอ่านรู้เรื่องเข้าใจกับเนื้อหามากขึ้น(ใครมีหนังเรื่องนี้มาให้ดู แปะลิ้งค์วิดีโอทิ้งไว้ได้เลยค่ะ)
             หนังสืออ่านนอกเวลาภาษาอังกฤษของต่ายมีแค่ของม.ต้นเท่านั้นค่ะ ตอนขึ้นม.ปลายไม่มีที่ต้องอ่านแล้ว เดี๋ยวเราไปต่อกันที่หนังสือนอกเวลาภาษาไทยกันเลยค่ะ


มีทั้งหมดเท่าที่เห็นนี่แหละจ้า ถูกใจชาวหนอนหนังสือแน่นอน

ต้นส้มแสนรัก
ผู้แต่ง: โจเซ่ วาสคอนเซลอส 
สำนักพิมพ์ประพันธ์สาสน์

               วรรณกรรมเยาวชนแปลจากนักเขียนชาวบราซิลที่เคยดังมากอยู่ช่วงนึง เล่มนี้ต่ายได้เรียนตอนม.1 เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเซเซ่ เด็กชายวัยย่าง6ขวบที่ความคิดความอ่านฉลาดเกินวัยเด็กกับมิงกินโย ต้นส้มหลังบ้านของเขาที่เขารักเหมือนเพื่อน เซเซ่มองว่าโลกความจริงช่างโหดร้ายจึงเลือกที่จะฝังตัวเองอยู่กับโลกความฝัน สังเกตได้จากประโยคเด็ดที่อยู่ตรงปกหลัง

ประโยคด้านหลังนี้ ต่ายได้อ่านทีไรก็รู้สึกชอบและซึ้งอย่างบอกไม่ถูก แถมตอนจบของเรื่องนี้ก็ทำเอาต่ายน้ำตาคลอไปด้วยเหมือนกัน  แสดงให้เห็นถึงจินตนาการของเด็กที่เปี่ยมล้นและไม่มีที่สิ้นสุดแม้ว่าโลกความจริงจะโหดร้ายแค่ไหนก็ตาม

เพลงนก
ผู้แต่ง: งามพรรณ เวชชาชีวะ
ตีพิมพ์โดย แพรวสำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์

                  มาต่อกันกับหนังสือนอกเวลาเล่มนี้ที่ต่ายใช้เรียนตอนม.2 เรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตธรรมดาๆของป้อง เด็กกำพร้าคนหนึ่งที่ป้าขาว แม่ค้าขายพวงมาลัยชุบเลี้ยงเอาไว้ และยังมีเรื่องราวของตัวละครหลายตัวเช่นบุษบา นักร้องสาวชีวิตอาภัพ กับนรินทร์ นักศึกษาที่เข้ามาเรียนนิติศาสตร์ที่มหาฯลัยในกรุงเทพฯ มีการกล่าวถึงสภาพสังคมในปีพ.ศ.2528ซึ่งเป็นช่วงชีวิตในวัยเด็กของป้อง กับพ.ศ.2549ที่พูดชีวิตของภาสกรเมื่ออยู่กับพ่อเลี้ยง มีเรื่องดนตรีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาในเรื่องนี้ด้วยจ้า
 
โดยรวมแล้ว เรื่องนี้ต่ายว่าอ่านเพลินและสบายดี รู้สึกเหมือนได้ผ่อนคลายไปในตัว เห็นภาพการใช้ชีวิตของผู้คนในช่วงเวลานั้นด้วย

ฃวดฅนอยู่หนใด
ผู้แต่ง: ชัยกร หาญไฟฟ้า
สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์

                 เรื่องนี้ดูเหมือนจะธรรมดา แต่จริงๆแล้วต่ายว่าสนุกมาก ต่ายได้เรียนเรื่องนี้ตอนอยู่ม.3 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพยัญชนะไทยทั้งหมด44ตัวในดินแดนอักขราพิภพที่จู่ๆฃอฃวดกับฅอฅนก็หายตัวไป(เพราะถูกลืม ไม่มีใครนำไปใช้เป็นเวลานาน) ทำให้เพื่อนๆพยัญชนะในอักขราพิภพต้องออกตามหา เนื้อหาในเรื่องนี้บรรยายได้สนุกแถมยังมีความน่ารักซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่อง มีการบรรยายความเป็นมาและที่มาที่ไปของพยัญชนะไทย ราวกับว่าพยัญชนะทั้งหมดมีชีวิตจริงๆ


ภาพประกอบในเล่มนี้ก็น่ารักไปอีกนะคะ บางตอนก็ฮาแต่แอบแฝงข้อคิดเรื่องการใช้ภาษาไทยไว้ด้วยเหมือนกัน

สุภาพบุรุษสุดลำบากส์ส์ส์
ผู้แต่ง: ชมัยภร แสงกระจ่าง
สำนักพิมพ์คมบาง

                  ทุกคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องมี "ส์" แถมมาตั้ง3ตัว จริงๆแล้วเขาเติม "ส์" เพื่อให้รู้ว่าชีวิตตัวเอกลำบากสุดๆ เรื่องนี้บรรยายผ่านชีวิตประจำวันของ"แงซาย"พระเอกของเรื่อง(ชื่อเดียวกับตัวละครตัวนึงในเรื่องเพชรพระอุมาของพนมเทียน)ที่เป็นเด็กชายตัวเล็ก ร่างกายอ่อนแอและมักจะถูกพ่อจอมขี้เมาของตัวเองฟาดด้วยหางกระเบนบ่อยๆ เขาจึงพยายามต่อสู้ดิ้นรนและเรียนรู้การใช้ชีวิตของเขาให้สมกับที่เขาเกิดมาเป็นชาย ถ้าอ่านไปเรื่อยๆก็จะสังเกตเห็นว่าตัวเอกของเรามีพัฒนาการมากขึ้นและจะต้องเสียน้ำตาให้กับเบื้องหลังของแงซายและพ่อแน่นอน(ต่ายเรียนเรื่องนี้ตอนม.4ค่ะ)

ประโยคๆเด็ดของเรื่องนี้ถูกรวมไว้ที่ปกด้านหลังค่ะ เนื้อหาในเรื่องพอได้อ่านแล้วก็รู้สึกเหมือนว่ามันช่วยเสริมกำลังใจให้เราฮึดสู้เหมือนกัน ใครเหนื่อยใครท้อแท้กับชีวิตตัวเองแนะนำให้ลองซื้อมาอ่านค่ะ

บอกก่อนนะคะว่าเรื่องนี้ก็มีการพูดถึงนวนิยายเรื่องเพชรพระอุมาอยู่เหมือนกัน กลอนบทนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งจากเพชรพระอุมาตอนไพรมหากาฬ ถึงต่ายจะไม่ใช่ผู้ชายแต่ได้มาอ่านกลอนบทนี้ก็ทำให้รู้สึกฮึกเหิม สดชื่น มีกำลังใจมากขึ้นเหมือนกัน 

ประตูที่ปิดตาย
ผู้แต่ง: กฤษณา อโศกสิน
สำนักพิมพ์แสงดาว

                ปิดท้ายกันด้วยหนังสืออ่านนอกเวลาเล่มล่าสุดที่เนื้อหาออกแนวดาร์คนิดๆปนซาดิสม์หน่อยๆแต่เนื้อหาในเล่มไม่ได้ดำมืดอย่างที่คิด เป็นเรื่องเกี่ยวกับหนุ่มใหญ่วัย39ปีที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตา หน้าที่การงาน และยังได้แต่งงานกันกับผู้หญิงสวย แต่เจ้าตัวดันเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกัน โหยหาความรักจากชายด้วยกันเอง ฉากสยิวกิ้วก็มีบ้างในเล่มนี้แต่ก็ไม่ได้มากอะไร เยาวชนอย่างเราๆก็อ่านได้ คาดว่าสาววายน่าจะชอบ(?)

เนื้อหาในเรื่องนี้มีการพูดถึงสังคมในช่วงประมาณพ.ศ2516-2517ซึ่งยังไม่มีการยอมรับเพศที่สามมากนัก และเรื่องค่อนข้างจะตึงเครียดนิดนึงตรงที่ว่าพระเอกจะเลือกเดินทางไหน แล้วคุณล่ะ จะเลือกประตูบานไหนให้เป็นประตูที่ปิดตาย

สุดท้ายนี้ ใครมีหนังสืออ่านนอกเวลาที่น่าสนใจอีกก็เอามาแชร์ในกระทู้นี้กันได้นะคะ เผื่อว่าจะไปหาซื้อมาอ่านตอนไปงานหนังสือ เขียนกระทู้ผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ

katairabbit.rb@gmail.com

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

white rabbit 30 มี.ค. 60 เวลา 16:39 น. 4-1

นส.เค้าดีจริงๆค่ะ เรื่องนี้เคยทำต่ายเสียน้ำตามาแล้ว

0