แนะนำการสวดมนต์ที่ถูกต้องและคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องต่างๆเกี่ยวกับธรรมมะ
สวัสดีครับวันนี้ผมจะมามาชี้นำการสวดมนต์ที่ถูกต้องครับ ถึงแม้ว่าจะมีหลายกระทู้หลายคนที่เคยตั้งแล้วก็ตามครับ ขอเล่าประสบการณ์นิดนึงเพื่อไม่ให้เสียเวลาแบบผมและสวดได้ถูกต้องเลยนะครับ ผมเมื่อก่อนเป็นคนที่ไม่ชอบสวดมนต์ครับหรือสวดแบบลวกๆขอไปทีทั้งที่ๆการสวดมนต์คือการวางใจปล่อยวาง และยึดพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์เป็นหลัก เมื่อก่อนตอนแรกๆนั้นผมสวดมนต์เพราะถูกบังคับให้สวดหรือเพราะกลัวผีครับถามว่ามันช่วยได้ไหม? ก็ได้ระดับหนึ่งครับ แต่บางทีก็ยังเจอๆบ้างครับ เจอในที่นี่คือฝันร้ายนะครับ แล้วพอเข้าม.ต้นก็เริ่มหาวิธีสวดครับ แต่ตอนนั้นคือยังไม่ทราบว่าการสวดมนต์ที่ผิดนั้นไม่ได้ผลอะไรครับ จนม.3 จึงเริ่มจริงจังขึ้นมาครับจึงไปเจอเว็บต่างๆที่แปะไว้ข้างล่างนะครับ แต่คือถึงแม้พอรู้แล้วว่าการสวดมนต์นั้นไม่ใช่การขอหรืออธิษฐาน แต่ก็ยังสวดเพื่อขออยู่ดีครับเพื่อสนองตัณหาของตนเองครับ แต่ก็เริ่มรู้สึกได้ตอนที่ขอแล้วไม่ได้ครับ ถึงแม้รู้ว่ามันอยู่ที่ความพยายามของเราด้วยและบุญบารมีที่เราได้สร้างไว้ด้วยนะครับ ตอนนั้นถึงคิดได้ว่าการสวดมนต์นั้นไม่ใช่สวดเพื่อขอหรืออธิษฐานครับ การที่เราสวดเพื่ออธิษฐานมันจะมีกิเลสปนอยู่ครับ สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่บริสุทธิ์100% ซึ่งบารมีจึงน้อยลงกันไปตามครับ จำไว้ว่าการสวดมนต์คือ การที่เรารู้จักการปล่อยวาง,ทำจิตใจให้ว่าง และระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ครับ
1. ถามว่าผมเริ่มสวดมนต์ถูกมาบ้างแล้ว เคยเห็นอะไรไหม?
-ผมไม่เคยเห็นแบบตรงๆหรอกครับเพราะบารมีไม่มากพอขนาดนั้น แต่เคยเหมือนมีแสงสีฟ้าออกขาวๆและจากไปและบอกผมว่า "ขอบคุณ" และที่เคยเห็นและฝันคือฝันบอกเหตุครับ ทั้งที่เมื่อก่อนผมไม่เคยฝันแบบนี้เลยนะครับ แล้วส่วนมากมักจะตรงครับ(ในที่นี่จะมีความหมายต่างๆนานานะครับเมื่อฝันแล้วลองไปหาดูนะครับ)
2. จัดการอย่างไร เมื่อมีคำหยาบหรือสิ่งไม่ดีต่างๆนานาเข้ามาในหัว
-ผมพูดเลยว่าผมเป็นบ่อยมากครับ ทั้งคำพูดวาจาที่ไม่ดีและภาพสื่อไม่ดีต่างๆที่เคยเห็นเคยเจอลอยเข้ามาในหัวหมดเลยครับ ทั้งๆที่ไม่ได้นึกถึงมันเลย วิธีคือให้เราไม่ต้องสนใจครับให้สวดมนต์ของเราต่อครับแล้วระลึกถึงพระพุทธไว้เยอะๆ แล้วค่อยพูดในใจว่า ขออโหสิกรรมให้กับความคิดอกุศลกรรมบถด้วยเถิดครับ
3.สวดมนต์นานละแต่ไม่มีปาฎิหาริย์อะไรเกิดขึ้นเลย?
-การสวดมนต์ไม่ใช่การสร้างปาฎิหาริย์ครับ การสวดมนต์คือการให้สติแก่ตนเองครับ ถามว่าถ้างั้น ปาฏิหาริย์มาได้อย่างไรหละ? มันเกิดจากการที่เรามีสติมากพอจนเกิดปัญญาครับแล้วปัญญาช่วยชี้นำทางครับ และบุญบารมีก็เกี่ยวข้องเช่นกันครับ ยิ่งเรามีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสมหวัง
เท่านั้นครับ
4.จะทำอย่างไรเมื่อเราขี้เกียจในการสวดมนต์หรือไม่มีเวลาในการสวด
-ผมเป็นบ่อยมากกกกครับ ซึ่งบางครั้งคือแบบกลับมาจากการเรียนมันเหรื่อยมันเพลีย ไม่อยากทำอะไรจริงๆครับ หรือว่าบางคนต้องทำงานถึงดึกๆเกือบเที่ยงคืนก็มีครับ สำหรับขี้เกียจสำหรับเราเราเตือนตนเองว่า เราต้องสวดนะเพื่อความสบายใจของเราและความสุขในวันข้างหน้าของเราและเพื่อให้เรามีสติมากขึ้น ส่วนคนไม่มีเวลาให้สมาทานศีล5 ตอนตื่นนอนหรือตอนจะนอนก็ได้ครับ ใช้เวลาไม่นานครับ เดี๋ยวแปะลิ้งค์ใว้ให้ครับ
5.ทำไมเราถึงสวดมนต์ตอนมีความสุขหละทำไมไม่สวดเฉพาะตอนที่ทุกข์ทั้งๆที่สวดมนต์คือการปล่อยวางและเตือนสติ
-ใช่ครับเมื่อคนเราทุกข์เราก็จะนึกถึงวัด,การสวดมนต์,การทำบุญเป็นอย่างแรกใช่ไหมครับ แต่เชื่อไหมครับว่าตอนเรามีความสุขน้อยคนที่จะนึกถึงวัด,การสวดมนต์หรือการบุญนะครับ ถามว่าทำไมเรายังต้องนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หละ? เพราะการที่เราทำสิ่งเหล่านี้เสมอต้นเสมอปลายจะเป็นสิริมงคลแก่ตนเองครับ ดังนั้นจึงควรทำครับ แล้วถามว่าไม่ทำได้ไหมครับ? อันนี้แล้วแต่คนจะคิดครับ
6.ถ้าเราเคยด่า,ว่า,ดูถูก สิ่งเหล่านี้ไว้มีทางแก้ไหมครับ?
- มีครับแปะลิ้งค์ไว้ให้ละครับ
7.เรื่องเพศสัมพันธ์หรือเรื่องที่เกี่ยวกับกามทำแล้วบาปไหม?
-ในทางพระพุทธศาสนาจริงๆบาปนะครับ ถ้าหากเราจะรักษาศีล7,10,225ข้ออ่ะครับ แต่ถ้าแค่ศีล5ก็ไม่บาปครับ
8.ควรงดเว้นเรื่องพวกนี้วันไหนบ้าง?
-วันพระ,วันเข้าพรรษา,ออกพรรษา,วันวิสาขบูชา,วันอาสาฬหบูชา มั้งหมดที่เกี่ยวกับพระครับ ถามว่า ถ้าทำในวันนั้นจะเป็ยอบ่างไรเหรอ? เค้าว่ากันว่าจะลดความศักดิสิทธิ์ครับ
9.พูดคำหยาบบาปไหม?
- จริงๆก็บาปนะครับ เพราะว่าอยู่ในหลักธรรมคือ ผรุสวาจา คือการพูดไม่ดี แต่สิ่งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกรณีที่ใช้ครับ ถ้าใช้กับเพื่อนหรือคนที่รับได้หรือเหมาะสมกับกาลเทศะ ก็ไม่ครับ
10.หากบนไว้แล้วไม่แก้จะถูกลงโทษกนักจริงไหม?
-อันนี้คิดว่าจริงครับ การที่เราทำสัญญาเราควรรักษาสัญญาที่ให้ไว้ครับ ยิ่งกับสิ่งศักด์สิทธิ์ด้วยครับ
11.การที่เราฆ่าตัวตายนิจะตกนรกเหรอ?
-ไม่เสมอไปครับ แต่ที่เราฆ่าตัวตายเพราะเรามีความทุกข์นิหน่า คนมีความสุขคงไม่มีใครอยากทำหรอกใช่ไหมครับ เมื่อมีความทุกข์เกิดขึ้นกับเราก็เกิดความไม่สบายใจอะไรต่างๆก็ติดลบหมดเลย แล้วจึงหมดกวังกับชีวิตเมื่อตายไปต่อให้ทำบุญมาแค่ไหนก่อนตายเค้าว่ากันว่าหากทุกข์ก็ไปนรกได้ มีพระท่านหนึ่งที่ฆ่าตัวตายแต่ไปนิพพานเพราะท่านไปด้วยความสุขครับ
12.เราสามารถหนีบาปกรรมของตนได้ไหม?
-เราขอตอบว่าไม่ได้ครับแต่เราสามารถสร้างความดีขึ้นมาเรื่อยๆได้ครับ ซึ่งความดีนั้นแหละครับเหมือนเกราะที่สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันเราจากสิ่งไม่ดีต่างๆ
13.เมื่อตายไปเราจะตกนรกหรือสวรรค์?
-นี่คือความเชื่อนะครับ มีคนบอกว่าก่อนตายให้เราทำใจให้สงบและว่างที่สุดเหมือนเราเตรียมใจไว้แล้วว่าชีวิตกนึ่งมีเกิดก็ต้องมีตาย ซึ่งเมื่อคิดแลได้แบบนั้นพร้อมกับบารมีที่เราสร้างไว้จะนำพาเราไปสวรรค์ครับ ส่วนก่อนตายหากเรายังทุกข์อาลัยอาวรณ์อาจจะตกนรกก็ได้ครับถึงแม้ว่าเราจะสร้างบุญมาเยอะขนาดไปนก็ตาม
14.เมื่อนั่งสมาธิแต่จิตคิดเรื่องอื่นมีความเชื่อว่าจะเกิดปัญหากับเรื่องนั้นจริงไหม?
-เรื่องนี้เคยเห็นมีคนตั้งนานมาแล้วครับ ว่าเกิดจากการที่จิตเราคิดไปถามว่าจริงไหม? เราว่าน่าจะจริงนะครับเพราะเมื่อจิตใจเราคิดไปอย่างนั้นว่าสิ่งนี้มันจะต้องไปอย่างนี้นะ อย่างนั้นนะ อย่างนู้นนะก็เลยเหมือนคล้ายๆบังคับเปลี่ยน
15.แล้วทำอย่างไรหละไม่ให้จิตใจเราฟุ้งซ่านตอนนั่งสมาธิ
-เราเปิดวิดิโอนี้ฟังสมาธิครับ https://youtu.be/rPaOl_NA-NE โอกาสฟุ้งซ่านน้อยมากครับ ส่วนใครที่ไม่อยากเปิดฟังให้เราตั้งพุท-โธ หรือคไม่ต้องคิดอะไรครับเหมือนนั่งเฉยๆหลับตาสบายๆไม่เครียดและไม่กดลงที่ตา
16.การสวดอธิษฐานขอพรจะได้รับตามความปรารถนาไหม?
-เอ่อจะบอกว่าเรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับจิตใจแต่ละคนและความศรัทธาครับ เมื่อเราขออะไรตอนที่จิตใจเราบริสุทธิ์จะได้รับอานิสงค์กลับมามหาศาลครับเพราะความบริสุทธิ์นิสามารถชำระล้างทุกสิ่งได้ครับ ง่ายๆเลยครับเมื่อเราสงบและสว่างทุสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้ครับ เพราะวินาทีนั้นจิตใจเรานั้นถูกชำระล้างหมดแล้วครับ
17.เชื่อไหมครับว่าเรามีเทวดาประจำตัว
-หลายคนคงได้ยินมาว่า ทุกคนนั้นมีเทวดาประจำตัว ผมคิดว่ามีจริงๆครับ แต่แค่ไม่รู้ครับเพราะบารมีเรานั้นถึงไม่พอให้เห็นสิ่งศักดิ์ครับ ให้พยายามทำไปเรื่อยๆครับสักวันเมื่อเรามีบารมีสูงมากขึ้น เราอาจจะสื่อสารกับท่านก็ได้ครับ
18.พลังจิต กับ ธรรมะต่างกันไหม?
- ก็ไม่ถึงกับต่างครับ แต่ก็ไม่เหมือนกัน หลายคนอาจจะเชื่อว่าพลังจิตมีจริง แต่ในขณะที่หลายคนไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง ผมคิดว่าพลังจิตก็เหมือนกับการที่เราทำจิตใจที่โล่งแล้วและมีความเขื่อมั่นที่สูงส่งและส่งพลังออกไปแล้วร่างกายรู้สึกได้กับพลังนั้นครับ ในความคิดผมนั้นคิดว่าปฎิบัติธรรมะดีกว่าครับ เพราะว่าพลังจิตนั้นต่อให้เราส่งได้หรือทำได้ ตอนตายเราก็นำไปใช้ไม่ได้อยู่ดีครับ แต่ธรรมะนั้นสามารถใช้ได้ตลอดครับ เพราะความดีที่ทำมาใช้ได้ตั้งแต่ชาตินี้ ชาตที่แล้ว หรือชาติหน้าครับ
19.ในปัจจุบันคนนับถือศาสนาและเชื่อถือน้อยลงเพราะเหตุใด?
-เป็นหัวข้อที่เราคิดว่าน่าสนใจครับเคยไปอ่านมานานแล้วครับ ใจปัจจุบันนั้นเมื่อเทคโนโลยีสูงขึ้นและความไฮเท็คก็ยิ่งมากขึ้น สิ่งเก่าๆก็เริ่มหายไป เพราะธรรมมะเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามสูงครับ(ไม่ได้บอกว่าอย่างอื่นไม่ต้องพยายามนะครับ)และเห็นผลได้ช้าครับ และที่สำคัญที่สุดครับไม่มีตัวตนที่แน่ชัดและจับต้องไม่ได้ครับและในบางเรื่องบางราววิทยาศาตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ครับ เช่น เรื่องที่เราขนลุกพองตอนสวดมนต์ทั้งที่อยู่ในห้องที่ปกติ,รู้สึกร้อนขึ้นมาแบบเหมือนอยู่กลางแดดทั้งที่ๆอุณหภูมิปกติ เป็นต้น เรื่องพวกนี้บางคนที่ยังไม่เคยเจอหรือยังไม่ถูกพิสูจย์ที่ชัดเจน คนจึงไม่ได้สนใจครับ เพราะไม่มีหลักฐานไปมารับรองครับ ซึ่งบางคนมองว่าเราคิดไปเอง มโนไปเอง ทั้งที่ๆก็ไม่ใช่ครับ นี่แหละครับจึงเป็นเหตุผลใหญ่ที่คนเริ่มปฎิบัติน้อยลง
20.แต่มีบางเรื่องที่ธรรมะกับวิทยาศาสตร์เข้าตรงกันได้หนิ?
-ใช่ครับ มีบางเรื่องที่วิทยาศาสตร์มารองรับครับ ก็คือ อริยสัจ4 ครับ ซึ่งมันตรงทุกอย่างเลยครับ เมื่อเกิดความ "ทุกข์" แล้วก็ต้องหาสาเหตุที่ทำให้ทุกข์ "สมุทัย" และหาวิธีทีแก้ทุกข์ "นิโรธ" และก็แก้ปัญหาครับ "มรรค"
เว็บแนะนำการสวดมนต์ครับ
http://www.banloktip.com/webboard/index.php?topic=179.0
ครับแนะนำการสวดมนต์ครับคือสวดแค่วันแรกก็รู้สึกดีจริงๆครับสมามานศีล5ครับ แล้วก่อนแผ่เมตตาให้ตนเองแนะนำให้สวดบท
พาหุงมหากา
http://www.fungdham.com/pray/pray06.html
คาถาชินบัญชรไปด้วยนะครับ ( แนะนำสวดยิ่งเยอะยิ่งดีครับ ส่วนตัวหลังๆแค่จบเดียวครับ)
http://www.84000.org/pray/chinnabanchorn.shtml
อโหสิกรรมและขอขมาพร้อมด้วยอธิษฐานจิตของ หลวงพ่อโต พรหมสี http://tammaosod.blogspot.com/2014/12/blog-post.html
จากนั้นก็สวดต่อตามในเว็บแรกสุดเลยครับที่จริงในนั้นมีคำแนะนำเขียนไว้อยู่แล้วครับ จากนั้นก่อนนั่งสมาธิก็ฝากบุญบารมีไว้ที่พระแม่ธรณีครับ แล้วก็นั่งสมาธิ และกรวดน้ำแบบไม่ใช้น้ำจริงครับ
ป.ล.1 สำหรับเราที่คิดว่าโอเครสุดแล้วครับ เมื่อก่อนเรานั้นสวดหลายบทปนกันหมดเลยครับ แต่ตอนนี้แค่นี้ก็พอใจละครับ เมื่อก่อนเราสวดบทอิติปิโส108,บทอธิษฐานปรับภพภูมิ,บทธัมมจักปัวัตนสูตร(แบบเต็ม),บทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก,บทปกป้อง8ทิศ นี่คือทั้งหมดที่เราเคยสวดครับแต่รู้สึกว่าไม่ค่อยโอเครครับเลยเปลี่ยนแบบเก่าดีกว่าครับ
ป.ล.2 คำถามถามได้นะครับถ้าตอบได้บางอย่างไปอ่านมาละมารวบรวมให้ครับ ซึ่งอาจจะผ่านตาหลายคนครับ
ป.ล.3บอกเราเพิ่มเติมได้นะครับ
ป.ล.4เดี๋ยวคิดออกจะมาเพิ่มเติมนะครับ
5 ความคิดเห็น
ถูกลบไปละ55ใครมาโฆษณาอะไรอ่ะ
แนะนำการสวดมนต์ที่ถูกต้องและคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องต่างๆเกี่ยวกับธรรมมะ
สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้
ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆนี้มาลงให้อ่านค่ะ
อ่านแล้วเป็นสุขและเห็นด้วย...ในวิธีของคุณค่ะ
ขออนุโมทนาด้วยกับการแนะนำสาระหรือวิธีปฎิบัตที่ดีๆนี้เข้ามาเพื่อเป็นวิทยาทาน...ของคุณค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งพร้อมน้อมกล่าวคำว่า...สาธุ..ค่ะ
ชอบอ่านค่ะ รอๆกระทู้ซึ่งเป็นสาระดีๆเกี่ยวกับความรู้ในเรื่องของปฎิบัติต่างๆในกระทู้ต่อๆไปด้วยค่ะ หากคุณจะศรัทธา...ที่จะนำมาลงเพื่อการเรียนรู้ในบอร์ดแห่งนี้ค่ะ ^__^
ได้ครับ เดี๋ยวถ้ามีเรื่องการแนะนำหรือเกี่ยวกับการปฎิบัติต่างๆจะมาลงให้อีกครับ ตอนนี้ยังนึกไม่ออกทีครับ ว่าจะลงอะไรดีครับ:)
ชอบอ่านค่ะ
จะรอคอยต่อไปค่ะ ^____^
แต่ตอนนี้เดี๋ยวเพิ่มคำถาม ถาม-ตอบก่อนนะครับ
เพิ่มคำถาม-ตอบ เกี่ยวกับอะไร? หรือที่ไหน?คะ
คุณกล่าวถึงในกระทู้นี้หรือเปล่าเอ่ย หากใช่ก็ลงๆมาเลยนะคะ รอๆอ่านอยู่กันค่ะ ^___^
ใช่ครับหมายถึงกระทู้นี้ครับ ขอโทษที่ไม่ชัดเจนครับ เดี๋ยวจะมาลงเรื่อยๆครับ
โหยสายบุญด้วยเหรอครับเนี่ย ผมก็ชอบนะ บางข้ออาจเห็นไม่ตรงกัน แต่คนเราเห็นต่างได้แต่ไม่แตกแยกครับ
แต่ผมสวดเพราะจะแก้กรรมส่วนนึง อาจจะเหนไม่เหมือนกันนะ แต่ตอนเราสวดมนจิตเราจะเปนกุศล แล้วตั้งจิตกุศลนั้นให้แด่เจ้ากรรมนายเวรคับ
อีกอย่างคือสวดมนช่วยทำให้เข้าสมาธิง่ายขึ้น มีสมาธิแล้วมันก้มีประโยชกะเราหลายอย่าง
เราก้ชอบฟังธรรมะจนเข้าใจโลก/คน จนเราแทบไม่ค่อยทุกข์ใจ ไม่ค่อยมีไรในหัวแล้ว ตอนนี้เราก็กะลังฝึกทำสมาธิแบบระลึกถึงบุญที่ทำมา เพื่อเอาไปใช้เวลาเรากำลังจะตายครับ เรียกฝึกมรณานุสติก้ได้ แต่จริงๆก้คือแค่ฝึกจิตให้เปนกุศลจากความดีที่เราเคยทำมาน่ะแหละ ง่ายๆ เปนการทำสมาธิอย่างนึง เพราะผมไม่รุ้จะตายเมื่อไหร่ แต่เดาว่าอายุผมไม่ยืนนะ ผมรุ้สึก เลยมาททางนี้ แต่ก้อธิษฐานเอาไว้นะว่าเกิดเป็นคนอีกทีจะมาทำต่อของเดิม
สุดท้ายก้อยากนิพพานแหละคับ 555
สวัสดีค่ะ คหที่.4
เพียงอ่านที่คุณเล่าก็พลอยสงบ และรู้สึกเป็นสุขไปด้วยเลยค่ะ
ขอบคุณที่แบ่งปัน...วิธีของคุณ และขออนุโมทนา สาธุด้วย ค่ะ
ดีใจจังคับ ปรกติมีแต่คนมาโกดผมที่ผมเหนทางธรรมไม่ตรงกะเค้า ไม่ค่อยเจอคนยินดีกะผม ผมก็ยินดีมากและดีใจมากเหมือนกันคับ^^
สวัสดีค่ะ
" ปรกติมีแต่คนมาโกดผมที่ผมเหนทางธรรมไม่ตรงกะเค้า"...ที่เขาโกรธเพราะเขาไม่มีธรรมะ หรือไม่รู้จักธรรมะนั้นเอง เข้าใจแบบนั้นค่ะ
เพราะหากเขารู้นะคะ เขาจะไม่โกรธคุณได้เลยค่ะ เพราะในความเป็นจริง...ความหมายของธรรมะ...หรือ คือการที่เราต้องเคารพได้ถึงความแตกต่างซึ่งมีอยู่จริง...ให้ได้นั้นเองค่ะ
ความแตกต่างเป็นแก่นสารที่แท้จริงบนโลกนี้...หรือ คือ ธรรมะ(ธรรมะคือกฎแห่งธรรมชาติ)
ธรรมะ คือปรัชญา...คือ การบอกเล่า...ชี้แนะ(ซึ่งถูกค้นพบโดยศาสดา...)เพื่อให้เห็นได้ถึงความแตกต่างที่มีอยู่จริง...
...ธรรมะ คือ สัจธรรม(สัจธรรม คือมีอยู่จริง) นั้นเองค่ะ
เมื่อเขาไม่รู้เขาก็เกิดอาการโกรธเป็นธรรมดาของผู้ที่ไม่รู้สิคะ คุณเป็นผู้ที่รู้ก็ต้องให้อภัย และปรานีช่วยชี้แนะให้เขาด้วยก็น่าจะดีค่ะ
"ไม่ค่อยเจอคนยินดีกะผม^^"....จริงแล้วมีอยู่เยอะเช่นกันค่ะ คุณลองสังเกตุและต้องให้เวลากับเขาทั้งหลายหน่อยนะคะ
"ผมก็ยินดีมากและดีใจมากเหมือนกันคับ"...ขอให้คุณเป็นสุขในทุกๆวันค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ
ขอบคุณคับบบ ผมไม่ค่อยเจอจริงๆนะเพื่อนที่สนใจเรื่องพวกนี้แค่พูดก็ส่ายหน้าแล้ว ^^
ตามมาด้วยเหรอครับ55 แต่จริงครับบางเรื่องที่เราเขียนไปบางอันเป็นความคิดเห็นส่วนตัว แต่ส่วนมากที่เขียนเป็นสิ่งที่เราอ่านมาหรือเคยเจอมาครับ แต่จะบอกว่าเรื่องที่บอกว่าไม่ค่อยมีคนเห็นด้วยหรือใส่ใจพวกเค้าอาจจะคิดว่า เป็นสิ่งที่มีแต่คนแก่ๆทำกันมั้งครับ แล้วก็สุดท้ายนี้ อายุเราต่างกันมากครับ55 แต่ก็คงเป็นเพื่อนกันได้
ไม่มากเท่าไหร่น้า ผมมหาลัยเอง
ผมก็ว่าจะตามมาหลอกหลอนเล็กๆอะครับ 555
เราเพิ่งม.4อ่ะ 55 ห่าง3-4คิดว่า
นั่นแหละนิดเดียวเอง 555
5555 อ่าเคร
สวัสดีค่ะ
"เป็นสิ่งที่มีแต่คนแก่ๆทำกันมั้งครับ แล้วก็สุดท้ายนี้ อายุเราต่างกันมากครับ55 แต่ก็คงเป็นเพื่อนกันได้"...
แล้วดิฉันซึ่งมีอายุหลายพันปี สมาชิกคนหนึ่งในกระทู้นี้นะคะ เราจะเป็นเพื่อนกันได้หรือเปล่าเอ่ย55555 (ล้อเล่นนะค๊าาาา)
ความเป็นเพื่อนเป็นมิตรนั้นไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นได้หรอกนะคะเจ้าของกระทู้ หากคุณมีความศรัทธาที่จะเป็นมิตรต่อกันค่ะ
คหที่4-5 ค่ะ
แต่จะบอกว่าเรื่องที่บอกว่าไม่ค่อยมีคนเห็นด้วยหรือใส่ใจพวกเค้าอาจจะคิดว่า เป็นสิ่งที่มีแต่คนแก่ๆทำกันมั้งครับ
ขออนุญาตแลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งเป็นเหตุที่บังเกิดขึ้นได้นอกเหนือจากที่คุณพบเจอมานะคะ
ตรงที่ว่าคนแก่เท่านั้นที่จะสามารถปฎบัติ หรือรู้จักธรรมะ หรือเข้าใจในธรรมะได้นั้น เขาทั้งหลายซึ่งคิดแบบนั้นเพราะเขาอาจจะคิดไปเองละมังคะ
มีเด็กๆมากมายที่มีใจรัก ฝักใฝ่ ที่จะศึกษาธรรมะค่ะ
ยกตัวอย่างเจ้าของเม้นต์นี้เมื่อรู้ความ เข้าใจในคำซึ่งมีความหมายต่างๆจากการบอกเล่าอธิบายของทุกคนในบ้านได้ ก็รู้สึกรักและหลงใหลในปรัชญา...ดังกล่าวนี้แล้วค่ะ
และเมื่ออายุ4-5ขวบก็ติดสวดมนต์ทำสมาธิแล้ว(ติดจริงนะคะ ไม่ทำรู้สึกแปลกๆและเวิ้งว้างต้องทำเพื่อเติมเต็มความรู้สึกนั้นแปลกมากเลย อาจจะเพราะว่าทำแล้วรู้สึกสงบ เป็นสุข จิตสำนึกนั้นชอบความสุขเป็นธรรมชาตินะ จิตจึงอยากที่จะตักตวงคงเป็นเพราะแบบนั้นนะ5555)
เมื่ออายุ 12 13 14 15 ปี อ่านออก เขียนได้ ก็รู้สึกว่าเข้าใจในคำสั่งสอนได้แบบเต็มอิ่มแล้ว...รู้สึกราวกับว่าเพียงศรัทธา เพียงเชื่อ และปฎิบัติตามก็เป็นสุขได้แล้วค่ะ
ความรู้สึกที่ว่าสุขซึ่งเกิดขึ้นได้...ในที่นี้คือความรู้สึกว่างเปล่า เบาสบายในความรู้สึกของตนและไม่มีเหตุใดๆรอบกายที่จะสามารถเป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์ทรมานได้อีกต่อไป...แม้ว่าเราจะตกอยู่ในเหตุการณ์ที่เลวร้ายเพียงใดก็ตามค่ะ
(ในหนึ่งเหตุการณ์ ซึ่งจำได้เพื่อนๆผู้ชายวัยรุ่นเลือดร้อนเมาแล้วนะทะเลาะกันตีหัวกันเลือดกระจาย เลือดนะกระเด็นไปราดหน้าหนังสือที่อ่านอยู่ในมือนะคะแดงฉาน ก็เพียงเช็ดๆและอ่านต่อได้เลยด้วย555 ทั้งที่ก่อนที่เขาจะฟาดหัวกันด้วยขวดเบียร์นั้นนะคะเขาทะเลาะกันดังๆมากๆนานพอสมควรเลยด้วยเรานะที่นั่งอยู่ใกล้ๆมากๆ แต่ความวุ่นวายนั้นไม่สามารถทำลายสมาธิเราลงได้เลย...สมาธิวิเศษมากๆ555 แต่ในที่สุดนำเพื่อนส่งโรงพยาบาลเย็บหัวทั้งหมดนี้นะคะ สติที่มีสมาธิเป็นตัวบงการจริงด้วยสิ คือไม่ว่าจะตกอยู่ในเหตุการ์เช่นไรสติที่มีสมาธินั้นจะสามารถนำพาความสงบมาสู่เราได้จริงด้วยมหัศจรรย์แท้)
ข้างบนนั้นเหตุเกิดเมื่อโตพอสมควรแล้วนะคะ
กลับมาเล่าต่อ...เมื่อ อายุ13 14 15 16 ขึ้นไปก็บังเกิดจิตที่มีความประสงค์ที่จะใฝ่ธรรมแบบเต็มตัว(เต็มตัว...ในที่นี้คือทั้งจิตใจนั้นรักศรัทธาที่จะศึกษา ใฝ่ธรรมะและมันก็เกิดขึ้นหรือเป็นของมันเอง คือจิตใจนั้นเกิดเป็นพลังที่จะศึกษาค้นคว้า...คำสั่งสอน...เพื่อเข้าใจให้ได้ในอีกระดับหนึ่ง...
เพื่อเข้าใจในอีกระดับหนึ่ง...นั้นคือในระดับที่ต้องการที่จะรู้สึกให้ได้ว่า...จะไม่ติด จะไม่หลง...อีกต่อไป
คือรู้สึกราวกับว่าอาการติดหรือหลงใหลนั้นแท้จริงคือความตัน ตื้น คับ แคบ ทำให้รู้สึกเกิดเป็นความอึดอัด และทรมานอย่างแท้จริง คือความรู้สึกทุกข์นั้นเองค่ะ
ในที่สุด...จิตมันก็ต้องการอิสระจากความทุกข์ทรมานนั้น ซึ่งเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของจิตที่บริสุทธิ์(เข้าใจแบบนั้นด้วยค่ะ) จิตที่บริสุทธิ์มันต้องการความดี ความสุข ความสงบ ความเข้าใจ รู้แจ้ง (เข้าใจแบบนั้นด้วยค่ะ)
ในที่สุด...ทั้งหมดนี้ก็บังเกิดเป็นความเชื่อ ความศรัทธาขึ้นมา...ที่เป็นแบบนั้นเพราะจิตมันรู้ได้ว่า...เมื่อเชื่อและศรัทธาในสัจธรรมคำสั่งสอนแล้ว...จะทำให้เห็น รู้ เข้าใจ ในกฎซึ่งเป็นธรรมชาติบนโลกนี้ในภพนี้ได้...ตราบใดที่เรามีชีวิตอยู่
และนั้นเราจะเรียกว่า...ความสุข...หรือวิธีการเสพสุขที่เราพึงจะทำได้กับครั้งหนึ่งในชีวิตก็น่าจะได้นะคะ เข้าใจแบบนั้นค่ะ
เจ้าของเม้นต์นี้...รักที่จะเชื่อ ศรัทธา ปฎิบัติธรรมตั้งแต่เข้าใจได้ถึงคำบอกเล่า...ของบุพการีค่ะ เพราะฉนั้นเหตุที่ว่าหลายๆคนรู้สึกว่า...ต้องเป็นคนแก่ จึงจะ...ต้องการที่จะเรียนรู้หรือศึกษาธรรมะนั้นเป็นอะไรที่บอกได้ราวกับว่า...หลายๆคนน่าจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการเกิดขึ้นได้...ของผู้ที่มีศรัทธาในศาสนาพุทธแต่ประการใดนั้นเองค่ะ
อยากจะบอกคุณว่าแท้จริงเด็กๆ หรือวัยรุ่นหลายๆคนเขาทั้งหลายสนใจศึกษาใฝ่ธรรมะนั้นก็มีอยู่ค่ะ เพียงแต่ว่าเขาเหล่านี้อาจจะมีอยู่เป็นส่วนน้อยหากจะคำนวนจากเปรอเซ็นต์ของประชากรของโลกในวันนี้...เป็นเหตุให้เราไม่เห็นได้ชัดเจน
สาเหตุที่เป็นแบบนั้นมาจากตรงที่ว่า...มาวันนี้เขาส่วนใหญ่หลงใหลและติดที่จะใช้เวลา ใช้ชีวิต...อยู่กับระบบดิจิตอล...คือ หน้าจอโทรศัพท์ของเขาทั้งหลายนั้นเองค่ะ
ซึ่งขณะนี้สิ่งเหล่านี้ได้เกิดเป็นวัฒนธรรม ซึ่งหลายๆคนติดวัฒนธรรม ดังกล่าวนี้ นั้นเอง หลายคนจึงเข้าใจหรือมีมุมมองที่ว่าต้องเป็นคนแก่ที่จะสามารถใฝ่ธรรมะ เพราะเขามองจากมุมมองของคนส่วนใหญ่ หรือจากอาการของเขาทั้งหลายนั้นเองค่ะ
แต่...ในความจริง...คนแก่ผู้ซึ่งอ่อนแอ...มากมายในวันนี้...ก็มีส่วนเป็นจำนวณเป็นเปรอร์เซ็นต์มากมายที่ติดจอโทรศัพท์และติดสิ่งที่ล่อลวงจากในโทรศัพท์ของเขานั้นก็มีอยู่มากมายด้วยเช่นกันนะคะ ทั้งนี้ก็เป็นความจริงด้วยค่ะ
เจ้าของเม้นต์นี้เข้าใจว่า...ความรู้สึกที่ว่า...เขาทั้งหลายรักที่จะใฝ่ความรู้สึก...เช่นใด...ในโลกนี้ในวันนี้นะคะคงขึ้นอยู่ที่กรรมเวรมากกว่า...เพราะมาวันนี้หลายๆคนตกอยู่ในความทุกข์ทรมานจากหลายๆด้าน...ทั้งผู้ที่ค้นคว้าเพื่อผลิตสิ่งที่จะมาเป็นสื่อ...เพื่อนำความทุกข์ทรมานมาสู่ชีวิตในรูปแบบต่างๆนั้นก็มีอยู่มากมาย
และหลายคนก็หลงเชื่อว่านั้นคือความสุข...และเขาทั้งหลายก็ไหลตามและหลงเสพเข้าไป...เหตุการณ์ดังกล่าวนี้มาวันนี้เกิดเป็นวัฒนธรรมไปเสียแล้ว
หรือผู้ที่ใฝ่ความสงบที่แท้จริงคือการที่จะยึดมั่นที่จะเชื่อหรือศรัทธา...
หรือเคารพยึดมั่นในความสุขที่แท้จริงที่พึงจะหาได้...นั้นก็มีอยู่ เพียงแต่อาจจะน้อยลงทุกๆทีเท่านั้นเองค่ะ
และก็เชื่อว่า...อาการที่ว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ ศรัทธาหรือไม่ศรัทธานี้...นะคะสามารถเกิดขึ้นได้ในคนทุกวัยซึ่งแตกต่างกันไปด้วยค่ะ
และโดยส่วนตัวนะคะ...ก็เคยสงสัยเช่นกันค่ะว่า...ความที่คนเรานะใช้ชีวิต...ในรูปแบบต่างๆในวัยที่แตกต่างกัน...เพื่อที่จะนำพาให้ตัวตนของเขาเองเกิดเป็นวาระ...ของการดำรงไปในรูปแบบต่างๆในหนึ่งชีวิตบนโลกนี้...มีแบ็คกราวน์มาจากอะไร???กันแน่นะ
มาวันนี้เข้าใจได้แล้วค่ะ...เข้าใจว่า...ที่ทุกๆคนมีวาระที่แตกต่างกันไปนั้น...สาเหตุเพราะมีกรรม..เป็นตัวบงการ...ตามที่มีไว้ในคำสั่งสอน...ของพุทธ นั้นเองค่ะ (เป็นความเข้าใจหรือเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ)
ทั้งหมดนี้...เป็นมุมมองที่มีต่อการเกิดขึ้นและเป็นไปกับการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนี้ หรือวันนี้บนโลกนี้ค่ะ(หรือน่าจะเป็นแบบนี้...ในทุกยุคทุกสมัยตราบที่มีคนค่ะ คนคือผู้มีกรรมเป็นแดนเกิดซึ่งแตกต่างกันไปด้วย)
อาจจะเป็นมุมมองที่แตกต่าง...แลกเปลี่ยนกันนะคะเจ้าของกระทู้ (แลกเปลี่ยนยาวๆเลยด้วยค่ะ)
"แต่จริงครับบางเรื่องที่เราเขียนไปบางอันเป็นความคิดเห็นส่วนตัว แต่ส่วนมากที่เขียนเป็นสิ่งที่เราอ่านมาหรือเคยเจอมาครับ"....5555 แม้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว...ก็สามารถเห็นเป็นธรรมได้หากความคิดนั้นอยู่บนพื้นฐานของธรรมะค่ะ
และในความเป็นจริง...การสืบสานธรรม หรือธรรมะต่อๆกันมาจากรุ่นต่อรุ่นนั้นเกิดขึ้นได้จากการบอกเล่า แนะนำ อบรม ชี้แนะ ด้วยความเชื่อ ความศรัทธา...จาก หรือของผู้ที่มีอยู่ หรือผู้ที่เห็น รู้ ประสบหรือพบเจอมาด้วยตัวของเขาเอง...
เช่นความจริงที่มีอยู่ว่า...พระศาสดา...คือพระพุทธเจ้า ท่านก็พบเจอด้วยตัวของท่านเอง ดังมีคำที่จารึกไว้ว่า...ท่านตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ไงคะ คือความจริง
หากจะไม่มีการสานต่อ...ของผู้ที่มีอยู่...ทุกอย่าง อย่าว่าแต่ธรรมะเลย ทุกอย่างก็จะจบลง หรือดับไป...เป็นธรรมชาติอีกด้วยค่ะ
เพราะฉนั้นหากคุณมีธรรมะอยู่ก็นำมาลง...ให้เห็นเป็นธรรม หรือธรรมะในบอร์ด...ธรรมะและศาสนานี้นะคะ เด็กๆได้มีโอกาสเห็น และเขาทั้งหลายได้อ่าน ได้เรียนรู้ ได้ผ่านตา...ในสิ่งที่เป็นธรรม หรือธรรมะต่อๆไปด้วยค่ะ
เจ้าของเม้นต์นี้ก็ยังรออ่าน...อยู่ด้วยเช่นกันค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ
ยาวมากครับ:) มีเหตุมีผลมาก และก็จริงทุกอย่างที่คุณพูดมานะครับ
สวัสดีค่ะเจ้าของกระทู้
ขอบคุณค่ะ
และ ก็ยาวๆจริงๆด้วยเนาะ555
รอคอย...ที่คุณจะนำมาลงให้อ่านต่อด้วยนะคะ
กระทู้ตั้งไว้สักพักแล้วว แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกเลยว่าลงอะไรดี ขอเป็นคำพูดต่างๆเพื่อสร้างกำลังใจลงด้วยนะครับจากที่เรารู้มา
ป.ล.กลับมาอ่านกระทู้ไม่นึกว่าตนเองสามารถเขียนได้ขนาดนี้
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?