*ศีล5 กับ สีลัพตปรามาส*
ตั้งกระทู้ใหม่
อย่ากลัวการภาวนาจะทำให้จิตใจที่เกี่ยวข้องกับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มันจะจืดชืด จืดจางหมดสนุกไป เมื่อจิตมันสงบขึ้น ฉลาดขึ้น มีสมาธิ ปัญญามากขึ้น ปล่อยวางมากขึ้น หลงน้อยลงในการบริโภคกามคุณ5 มันจะมีความสุขอย่างอื่นมาทดแทนกัน ความสงบ ความเย็น เบิกบานใจ แม้ยังตัด ละ เลิกกามคุณ5 เด็ดขาดไม่ได้ก็ตาม แต่มันไม่ผิดศีล5 โทษทุกข์มันก็เบา น้อยลงไปมาก
การรักษาศีล5โดยขาดการฝึกฝนสติภาวนาประกอบในการรักษาศีลนั้น ย่อมหลงและตกลงสู่การถือศีลที่ผิด เป็นกิเลสอย่างหนึ่งชื่อว่า "สีลัพตปรามาส" ถือศีลไปแล้วเกิดบาป จิตใจเศร้าหมอง สับสน สงสัย(เป็นกิเลสอีกตัวที่มาผสมโรง)เป็นทุกข์ใจ เพราะเป็นอกุศลธรรมที่เกิดจากความหลง
การถือศีลผิด มักเกิดร่วมกับ การเห็นผิดในความมีตัวมีตน เป็นตัวเป็นตนของกายและจิต เป็นกิเลสอีกตัวชื่อว่า "สักกายทิฏฐิ" ถือศีลแล้วสำคัญตัวตนผิด นำศีลมาเป็นเรา มาเป็นของเราเสียงั้น เกิดการยึดติดถือมั่นในศีล แบกศีล แบกไปอวด ไปแข่งกับคนอื่น บางคนจึงสำคัญตนว่าถือศีลได้จำนวนข้อมากกว่าคนนู้นคนนี้ เกิดหลง แบก ยึดติดในศีลของตน หลงในตนว่ามีศีลดีกว่า เหนือกว่าเขา
นี้คือการรักษาศีลที่ผิด ไม่ใช่ศีลแท้ ไม่ตรงตามความมุ่งหมายการรักษาศีลที่ถูกต้อง ศีลแท้ นั่นคือ ศีลเพื่อเป็นบาทฐานแก่สมาธิและปัญญาในอริยมรรคมีองค์8 ในการชำระล้างกิเลสตัณหาให้ทุเลาเบาบางลง แต่กลับกลายเอาศีลมาเป็นเครื่องมือของกิเลสตัณหาไปเสีย "สีลัพตปรามาส"ก็คือ ศีลปลอม
สำหรับคนที่ศีลบารมีอ่อนอยู่แล้ว ใจเขาก็ไม่เอาศีลตั้งแต่แรกเลย ไม่เข้าวัด ไม่มาหาพระ ไม่ฟังเทศน์ฟังธรรม ในใจลึกๆแล้วกลัวธรรมะ กลัวได้ยินคำว่าบาป นรก หรือไม่ก็ไม่เชื่อเลย บุญบาป นรกสวรรค์ กิเลสครอบงำใจมิดหมด100% แต่สำหรับคนดีหลายคนที่จะรักษาศีล ก็เกิดเป็นทุกข์ ทรมานใจ สับสน สงสัย เพราะถือศีลผิด จนหลายคนก็ยอมถอย ยอมทิ้งศีล พ่ายแพ้กิเลสในใจตนเองในที่สุด
ดังนี้ศีล5แค่รักษาเฉยๆโดยขาดการภาวนา มันก็ขาด ทะลุ ด่างพร้อยอยู่บ่อยๆ จนบางคนชินชา ศีลขาดประจำ ศีลไม่บริสุทธิ์เอาเสียเลย เพราะขาดสมาธิ ขาดปัญญาหนุน ศีลโดดๆมันก็พ่ายแพ้ร่ำไป นานไป ก็ทึกทักเอาตามแต่กิเลสครอบงำใจคนเรา ศีล5เป็นอุดมคติบ้าง รักษาจริงไม่ได้ รักษาแล้วทำงานไม่ได้บ้าง ไม่เหมาะกับการอยู่ในสังคมโลกปัจจุบัน ล้าสมัยบ้าง ทำนองนี้ นั่นล่ะพ่ายกิเลสหมดรูปแล้วคนเรา
แสดงความคิดเห็น