Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิว ค่ายโครงการ IYF 2020

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

รีวิว ค่ายโครงการ IYF 2020

สวัสดีค่าาตามหัวข้อเรื่องเลยค่ะ เราอยากมาแชร์ประสบการณ์ที่ไปค่ายรับสิทธิ์เพื่อไปเป็นอาสาต่างประเทศของโครงการ IYF ค่ะ เราจ่ายไป 1,500 บาทรวมค่าเรียนภาษาตลอดชีวิตด้วยค่ะ แต่ว่าหลังจบค่ายเขาคืนเงินมาให้ 500 บาทเพราะเรื่องโควิดที่มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เลยต้องคืนเงินค่ะ สรุปจ่ายไป 1,000 บาทค่ะ ค่ายนี้เราไปหลังจากที่เกิดโควิด-19 ค่ะซึ่งทางค่ายจะแบ่งเป็นจำนวนรอบเพื่อจำกัดจำนวนคนในการเข้าร่วมค่ะ มีทั้งหมด 4 รอบค่ะโดยทางค่ายจะเข้าร่วมด้วยกัน 3 วัน 2 คืน ที่ IYF center รังสิต เล่าเลยดีกว่าค่ะ

คืนแรกของค่าย

วันแรกที่เราเดินเข้าไปยังตึก IYF พี่ๆที่นั่นออกมาต้อนรับกันอย่างเป็นมิตรมากค่ะ เราก็เดินไปตามจุดต่างๆตามที่พี่เขาบอก ซึ่งก่อนอื่นเราก้ต้องเข้าไปเช็คอินก่อนค่ะ พี่ก้จะพาไปที่ห้องพักของเราซึ่งตอนนั้นเราไปคนเดียวค่ะ ไม่มีเพื่อน และก็ไม่รู้จักใครสักคนเลยค่ะ พอเปิดประตูเข้าไปก้เจอเมทที่มาถึงก่อนหน้านี้แล้วทุกคน มีอยู่ 3 คนรวมเราก้เป็น 4 คนค่ะ เราโชคดีตรงที่ว่าได้ห้องที่มีห้องน้ำในตัวค่ะไม่ต้องไปใช้ห้องน้ำรวม ส่วนเมทที่อยู่ด้วยกันเหมือนว่าพี่เขาจะจับคนที่ต่างคนต่างมาคนเดียวเหมือนกันให้อยู่ด้วยกันและก็อายุเท่าๆกันค่ะหรือไล่ๆกันทำให้รู้สึกว่าเป็นกันเองและสนิทกับเพื่อนเร็วมากขึ้นค่ะ พอจัดของคุยกับเพื่อนไปสักพักก้ต้องเข้าห้องประชุมค่ะเพื่อทำกิจกรรม ice braeking คล้ายให้รู้จักกับพี่ๆคร่าวๆกันก่อนและทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ  พี่เขาก้จะให้ร้องเพลงบ้าง เต้นบ้างทำท่าตามที่บอก ซึ่งแต่ละท่ามันเป็นแบบคล้ายๆฝึกสมองมากกว่าอ่ะค่ะ เช่น boom snap clap ที่เป็นท่าฝึกสมองประสาทสัมผัส การรับรู้อะไรแบบนี้ค่ะ ก้ถือว่าสนุกดีค่ะ แต่เป็นแค่ช่วงสั้นๆหลังจากนั้นก้เข้าห้องประชุมใหญ่เพื่อเตรียมปฐมนิเทศและพิธีเปิด ก้จะมีการแสดงของนานาชาติอย่างการเต้น ก็ดูน่าสนใจดีค่ะ ต่อมาก้มีคนเกาหลีที่มาพูดบรรยายให้ฟังค่ะเหมือนจะเป็นกิจกรรม mind lecture ซึ่งโดยส่วนตัวเราเริ่มรู้สึกตะหงิดตรงที่ว่าการบรรยายเกี่ยวกับเรื่องจิตใจนั้นเขาจะเน้นพระเจ้า พระคัมภีร์ หรืออะไรที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์เหมือนกับว่าการที่มีค่ายอาสาต่างประเทศนี้มีที่มาจากการเชื่อในพระคัมภีร์ของพระเจ้า ซึ่งเราเองก้พอจะเข้าใจว่าการพูดถึงที่มาที่ไปของโครงการก็อาจเป็นเรื่องปกติ พอจบการบรรยายก้รับประทานอาหารกลางวันจากนั้นก็มาฟัง mind lecture ต่อ เขาก็จะวนกลับมาที่พระคัมภีร์เหมือนเดิม เล่าเรื่องราวของคนที่มีความทุกข์ ความบาป และพระเจ้าเป็นผู้ช่วยเหลือ ซึ่งสำหรับเรารู้สึกมันค่อนข้างน่าเบื่อมากๆ ไม่ใช่ว่าเราไม่เปิดใจนะ เราเปิดใจรับฟังและก็พอเข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร แต่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของความเชื่อมากเกินไปที่เราไม่ได้นับถือคริสต์มาตั้งแต่แรกแล้ว การที่เขาพยายามจะยัดเยียดแต่แบบนั้นรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นหัวใจหลักของการมาค่ายอาสาและไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวังเอาไว้ในการมาค่ายสักเท่าไหร่ แต่ว่าบนความน่าเบื่อของการฟังบรรยายเขาก็มักจะมีการแสดงของพี่ๆที่เคยไปอาสา ตปท มาก่อนและมาแสดงเต้นแต่ละชาติให้ดู ซึ่งเราเองและคนมาค่ายก้ได้แต่นั่งดูและฟังอยู่อย่างนั้นหลายชั่วโมงเลยทีเดียวค่ะ จนเวลาล่วงเลยมาประมาณ 3 ทุ่มหลังจากจบการบรรยาย mind lecture แล้วก้จะมี group meeting และ special meeting ซึ่งจะให้เราเลือก เราเลยเลือก special meeting พอตอนเข้ามีทติ้งซึ่งเป็นกิจกรรมสุดท้ายของงานพอเข้าไปแล้วก้เจอกับคนเกาหลีคนเดิมที่เป็นผู้บรรยาย แต่ในส่วนนี้จะต่างกับตอน mind lecture ตรงที่ว่าเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมฟังสามารถถามได้ ซึ่งคำถามส่วนใหญ่ที่ถามก้จะเกี่ยวกับพระเจ้า ศาสนาคริสต์ เขาก้เหมือนจะพูดวนเหมือนตอนบรรยายอยู่อย่างนั้น แต่จุดพีทตรงนี้อยู่ที่มีผู้เข้าร่วมที่เป็นคนอิสลามเขาก็พยายามจะถามและพูดเกี่ยวกับศาสนาตนเองและศาสนาคริสต์ซึ่งเป็นคำถามที่ยาวมากคล้ายจะเล่าเรื่องมากกว่า และคนเกาหลีก้เบรกว่าจะไม่พูดถึงเรื่องศาสนาแล้วดีกว่าจากนั้นก้เปลี่ยนเรื่องไป แต่สักพักเขาก็พูดวนกลับมาที่พระเจ้าเหมือนเดิม ซึ่งส่วนตัวเรารู้สึกว่าเรากำลังเข้าค่ายลัทธิมากกว่าที่จะมาค่ายอาสาเสียอีก เพราะเขาเหมือนพยายามจะให้เราเชื่อความคิดของพระเจ้า เชื่อในพระคัมภีร์อะไรแบบนั้นแต่ก็บอกว่าไม่เกี่ยวกับศาสนา ก็แอบสงสัยนิดนึงค่ะ

ต่อมาวันที่ 2 

วันนี้ค่อนข้างคล้ายกับวันแรกๆที่มีการแสดงเยอะมาก และการฟังบรรยาย mind lecture ซึ่งก้เป็นประเด็นเดิมที่เกี่ยวกับพระเจ้าอีกเช่นเคย เพราะเหมือนเขาบอกว่าจะให้ฟังแบบนี้วนไป 5 รอบได้ แต่ว่าวันที่ 2 นี้ไม่ได้น่าเบื่อมากเท่าวันแรกเพราะมีกิจกรรมที่เป็นของค่ายจริงๆก็คือการเข้าฐานเล่นเกมแต่ละฐานสนุกๆที่พบปะและพูดคุยกับเพื่อนมากขึ้น และก็เข้าบูธแต่ละประเทศที่พี่ๆที่เคยไปเป็นอาสาจะคอยให้คำแนะนำ ข้อมูลและบางบูธก็มีเกมประจำแต่ละชาติซึ่งทำให้รู้สึกว่าสัมผัสกับบรรยากาศการมาค่ายอาสามากขึ้น และก้มีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกอย่างคือ mind Academy  ที่เหมือนเป็นการเรียนเพื่อนำมาพัฒนาตนเองได้มีให้เราเลือกเข้าร่วมหลายอย่าง เช่น study academy, mind on aboard และ self management ซึ่งเราเลือกเข้า self management มันเกี่ยวกับการบริหารจัดการตนเองให้เป็นคนมีการจัดการที่ดีไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การวางแผน เรารู้สึกว่ามันค่อนข้างมีประโยชน์มากเลยนะ แต่ว่ากิจกรรมนี้ค่อนข้างสั้นไปหน่อย พอจบจากนี้ก็เข้าสู่ช่วงเดิมก็คือ mind lecture ฟังบรรยายเกี่ยวกับพระเจ้าสลับกับการดูการแสดง และก็มีบางช่วงที่เปิดวิดีโอการแสดงดนตรีจากต่างประเทศให้ดู อ้อ ลืมบอกว่าแต่ละครั้งที่นั่งฟังบรรยายนั้นเขาจะให้ใบงานมาเหมือนแบบฟังจับใจความและตอบคำถาามเกี่ยวกับพระคัมภีร์อีกเช่นเคย และหลังจบกิจกรรมก็จะมีการให้เข้า group meeting หรือ special meeting เหมือนเดิม แต่เรามาเลือกgroup meeting ซึ่งก้จะมีพี่ๆประจำกลุ่มกลุ่มละ 1 คนบางทีต่อน้อง 2-4 คนหรือพี่กะน้องค่ายคุยกันตัวต่อตัวเลย พี่เขาก้จะให้แชร์ว่าวันนี้ได้อะไรมาบ้าง ตอนแรกเราก็รู้สึกว่าเป็นกิจกรรมที่ดีนะเหมือนว่าได้ถอดบทเรียนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แต่ไปๆมาๆเขาเริ่มพูดถึงการฟังบรรยาย mind lecture และก็เข้าเรื่องของพระเจ้า การผิดบาป เพื่อนเราคนนึงก้เล่าว่ามีปัญหากับเพื่อนไม่มีคนคบ และเหมือนว่าพี่เขาจะพยายามยัดเยียดว่าจริงๆแล้วทุกคนมีบาป เป็นคนบาป มีความคิดที่ชั่วร้ายมาก ซึ่งเราฟังแล้วเรารู้สึกว่ามันทำให้เพื่อนไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมาเลยเหมือนกำลังขุดขุ้ยความทุกข์ ความบาปของตัวเองในอดีตขึ้นมาเพื่อยอมรับและเชื่อฟังตามพระคัมภีร์ ซึ่งเป็นช่วงที่เรารู้สึกอึดอัดและดิ่งมากที่เขาพยายามจะให้เราพูดถึงความผิด ความเลวร้ายจากความคิดของตัวเองวนไปอยู่อย่างนั้น พูดความเป็นความตาย เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องปกตินะแต่ก้ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ที่จะหยิบยกพูดมันขึ้นมา เราเป็นคนอ่อนไหวมากเลยรู้สึกว่ามันกระทบจิตใจเราพอสมควรและทำให้เรารู้สึกดิ่งและจมมากๆ ไม่โอเครสุดๆอ่ะ ซึ่งพอหลังจากนั้นก้มาคุยกับเพื่อนทุกคนก็บอกทำนองเดียวกันว่าเขาพยายามจะยัดเยียดความเชื่อให้เรามากเกินไป ซึ่งเรารู้สึกว่ามันค่อนข้างเริ่มจะไม่เกี่ยวกับค่ายนี้สักเท่าไหร่ รู้สึกว่าค่ายอาสาไปต่างประเทศมันแฝงเรื่องของศาสนาคริสต์อยู่ค่อนข้างเยอะมากเลยค่ะ และก็รู้สึกว่าอาสาเป็นเหมือนฉากบังหน้ามากกว่าที่จริงๆแล้วจุดประสงค์ของค่ายต้องการเผยแพร่ความเชื่ออะไรแบบนี้อ่ะค่ะ อันนี้ความเห็นส่วนตัวและเพื่อนค่ายหลายคนก็รู้สึกแบบนี้นะคะ

วันสุดท้าย

วันนี้เป็นวันสุดท้ายก็จริงแต่ก้กิจกรรมก็ปาไปยันห้าโมงเลยค่ะ และก็คงมีการฟังบรรยาย mind lecture ที่เกี่ยวกับเรื่องราวของพระเจ้าอีกเช่นเคยค่ะ และหลังจบการบรรยายก็เข้า Group meeting คุยกับกลุ่มเดิม ซึ่งพี่เขาก็จะพูดเรื่องเดิมๆ แบบว่าพูดถึงเรื่องว่าเรามีบาปมั้ย เราเป็นคนบาป ที่วนกลับมาเรื่องพระเจ้าและก็รู้สึกว่าพี่เขาก็จะยกความผิดบาปของแต่ละคนมาพูดอีก เหมือนการพูดเรื่องอะไรแต่แง่ลบอ่ะค่ะ แต่ก็นั่งฟังไปงั้นๆเพราะขี้เกียจจะพูดแล้วก็เออ ออไปกับพี่เขา หลังจากนั้นก็จะเป็นกิจกรรม Mindset academy ซึ่งอันนี้รู้สึกว่ามีสาระสุดของค่าย มันเหมือนเป็นการเข้าฐานการเรียนรุ้ต่าง ๆ ให้เลือก เช่น Acadamy ความสัมพันธ์, ซึมเศร้า, leadership และก็มีการจัด academy อีกช่วงนึงคล้ายๆเกี่ยวกับการเสริมทักษะของเราอ่ะค่ะ เช่น การสอนทำบัวลอย ทำสบู่ การวาดการ์ตูน DIY accessories ให้เราเลือกเข้า 2 อย่างก็ถือว่าโอเครอยู่ค่ะ หลังจากจบกิจกรรมสุดท้ายก็ยังหนีไม่พ้นการนั่งฟังบรรยาย mind lecture จากคนเกาหลีแต่มีล่ามแปลอยู่ ก็เกี่ยวกับเรื่องของพระเจ้าอีกเช่นเคยค่ะ ซึ่งรวมๆแล้วฟังด้วยกัน 6 ครั้งและแต่ละครั้งก็จะมีใบงานให้ทำ แต่เรากับเพื่อนบางคนไม่ได้ทำใบงานนั้นค่ะ ทำไปแค่อันเดียวก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วกับการที่ทนนั่งฟังหลายชั่วโมงอยู่อย่างนั้นค่ะ พบบรรยายเสร็จพี่เขาก็ทิ้งท้ายถามเกี่ยวกับเรื่องอาสาไปต่างประเทศค่ะว่าใครจะสมัครเตรียมตัวเก็บตัวต่อไปเลยรึเปล่า ก็ประมาณนี้แหละค่ะค่าย 3 วัน 2 คืน

ขอสรุปจากความรู้สึกตัวเองนะคะ 

ถ้าถามว่าค่ายดีมั้ย ก็โอเครยุค่ะแต่ถ้าจะมาอีกมั้ยหรือจะเตรียมตัวไปเป็นอาสาสมัครจริงๆที่ต่างประเทศอีกรึเปล่า ส่วนตัวก็คงไม่แล้วล่ะค่ะเพราะรู้สึกว่าค่ายนี้มันเหมือนจะพูดสวยหรูไปหมดซะทุกอย่าง มันดูเฟคอ่ะค่ะ และก็รู้สึกว่าเราขออยู่เป็นอาสาช่วยคนไทยในประเทศดีกว่าค่ะ แต่ตอนแรกที่อยากไปตปท ก็คือยากไปหาประสบการณ์และก็อยากได้ภาษาด้วย แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนใจค่ะเพราะรู้สึกว่าค่ายนี้มันตะหงิดใจมากและมันทำให้เรารู้สึกอึดอัดและดิ่งมากพอสมควรค่ะที่เขาเอาแต่พูดถึงเรื่องความเชื่ออยู่แบบนั้น แต่ว่าก็ไม่ได้แย่ไปเสียหมดนนะคะ เพราะกิจกรรมการเข้าฐานก็ทำให้เราได้ฝึกทักษะเล็กๆน้อยๆ อีกอย่างค่ายนี้ทำให้รู้เราได้รู้เพื่อนมากขึ้นค่ะและก็รู้สึกว่าเพื่อนที่ค่ายค่อนข้างโอเครเลยค่ะ สำหรับคนที่อยากลองมาแต่ไม่มีเพื่อก็ไม่ต้องกลัวเลยค่ะ ได้เพื่อนแน่นอนค่ะ เราก็ขอรีวิว และแชร์ค่ายนี้เพียงเท่านี้นะคะ บางคนอาจจะรู้สึกแตกต่างจากเรา แต่สำหรับเราก็ประมาณนี้นะคะพยายามพูดให้เป็นกลางที่สุดค่ะ 55555 ถ้าอ่านมาถึงตอนนี้ก็ขอบคุณนะคะ และเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่กำลังจะไปค่ายนี้ในครั้งต่อไปค่ะ อาจไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้บ้าง แต่อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้และประสบการณ์ค่ะ ขอบคุณค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>