Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Technology AR

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ทำความรู้จักกับ AR และการนำไปใช้ในโลกธุรกิจ

Augmented Reality (AR)

Augmented Reality หรือ AR คือการรวมวัตถุเสมือนเข้ากับสภาพแวดล้อมจริงที่อยู่รอบตัวเรา โดยวัตถุเสมือนนี้อาจเป็นได้ทั้งภาพ วิดีโอ หรือเสียงที่ประมวลผลมาจากคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ เช่น มือถือ หรือแท็บเล็ท เทคโนโลยี AR จึงไม่ใช่การสร้างสิ่งแวดล้อมขึ้นมาใหม่ แต่เป็นการพยายามสอดแทรกเทคโนโลยีเข้าไปในสภาพแวดล้อมจริง

ยกตัวอย่างเช่น แอพพลิเคชั่นเกม Pokemon Go ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 เป็นเกมที่ให้ผู้เล่นทั่วโลกได้ตามหาและจับโปเกม่อนในระแวกใกล้เคียง เพียงผู้เล่นเปิดใช้งานกล้องมือถือหรือแท็บเล็ทแล้วสแกนตามจุดต่างๆในแผนที่ที่ระบุตำแหน่งของโปเกม่อน และเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมนี้ค่ายซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ได้เปิดตัวเกมส์คล้าย Pokemon Go ชื่อ “Minecraft Earth” นับว่าเป็นอีกก้าวของการนำเทคโนโลยี AR มาใช้ในสนับสนุนเกมโด่งดังที่เรารู้จักอย่าง Minecraft ให้เป็นเกมที่สามารถพกพาไปเล่นได้ทุกที่

 

นอกจากนี้ AR ยังถูกนำมาใช้ในโซเชียลมีเดียแอปพลิเคชั่นอย่าง Instagram, Facebook และ Snapchat โดยการสร้างฟีเจอร์ต่างๆให้ผู้ใช้งานได้ทดลองตกแต่งใบหน้า เพิ่มมงกุฎ เปลี่ยนสีลิปสติก หรือแม้กระทั่งแต่งหน้าเป็นเพศตรงข้าม สิ่งเหล่านี้นับได้ว่าเป็น AR ในชีวิตประจำวันที่เรารู้จักและคุ้นชิน

 

ในแง่ของธุรกิจ AR ก็มีบทบาทสำคัญเช่นเดียวกัน ธุรกิจขนาดใหญ่หลายเจ้าใช้ AR ในการช่วยเสริมประสบการณ์ให้กับลูกค้าในร้านค้าปลีกแบบ Brick and Mortar, ใช้เป็นช่องทางในการทำโฆษณารูปแบบใหม่ รวมถึงช่วยในอุตสาหกรรมการผลิตและซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ

 

สำหรับธุรกิจเสื้อผ้าที่มีหน้าร้านอย่าง Topshop และ Uniqlo ได้ใช้ AR เป็นส่วนช่วยในการสร้างเสริมประสบการณ์ในการช้อปปิ้ง โดยการสร้างห้องลองเสื้อผ้าเสมือนเพื่อเอาใจขาช้อปทั้งหลายที่ใช้เวลานานหลายชั่วโมงในการเลือกซื้อเสื้อผ้า ผู้ใช้งานสามารถลองเสื้อผ้าเสมือนที่สร้างขึ้นโดย AR เปลี่ยนสไตล์ เปลี่ยนสี หรือไซส์ นอกจากธุรกิจเสื้อผ้าแล้ว บริษัทเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ระดับโลกอย่าง IKEA ยังได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น “IKEA Place” พร้อมสโลแกน “Try before you buy.” ให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ซึ่งแอปพลิเคชั่นดังกล่าวได้รวบรวมสินค้ากว่า 2,000 รายการเพื่อให้ผู้ใช้งานได้ลองวัดขนาดและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในบ้านก่อนเลือกซื้อจริง ทั้งนี้เพื่อลดความผิดพลาดในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ กล่าวได้ว่า IKEA สามารถใช้ AR เป็นสื่อกลางช่วยให้แบรนด์เข้าถึงและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมโฆษณาได้หันมาสนใจทางเลือกใหม่ในการโฆษณาโดยใช้เทคโนโลยี AR มากขึ้น ครีเอทีฟในปัจจุบันต่างเสาะหาลูกเล่นใหม่ๆในการใช้ AR เพื่อสื่อสารข้อมูลไปยังผู้บริโภคโดยเน้นการสร้างจุดใจและเพิ่มการมีส่วนร่วม ตัวอย่างเช่น Burger King ประเทศบราซิลได้ทำดิจิทัลแคมเปญ “Burn That Ad.” เชิญชวนให้ผู้บริโภคใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายไปที่ Print ad ที่ติดอยู่ทั่วเมืองแล้ว “เผามันซะ” และหลังจาก AR ได้ทำหน้าที่เผาป้ายโฆษณาแล้วในจอโทรศัพท์มือถือจะแสดงข้อความให้ไปรับ Whopper ฟรีที่สาขาของ Burger King

นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกียวข้องกับการใช้งานเครื่องจักรกลหรือชิ้นส่วนต่างๆที่ยากต่อการอธิบายและต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สามารถใช้ AR ประกอบในการฝึกอบกรมพนักงาน เพราะ AR ทำให้เรามองเห็นชิ้นส่วนเหล่านี้ในรูปแบบสามมิติ สามารถย่อ หรือ ขยายรายละเอียดต่างๆได้ ทำให้ลดความเสี่ยงต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้งานและอุปกรณ์เหล่านี้

สุดท้ายนี้ AR จึงไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับเราอีกต่อไป แต่หากกำลังจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้งานมากขึ้นในธุรกิจต่างๆ ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านี้และการนำมาใช้จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้ชีวิตในโลกอนาคต

แสดงความคิดเห็น

>