Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำไมคนไทยยังมองผงชูรสเป็นตัวร้ายครับ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ภาพลักษณ์เป็นสารเคมีอันตราย ผู้ปกครองจะห้ามลูกหลานกินผงชูรส พ่อแม่จะวิตกกังวลไม่รู้ว่าอาหารที่ลูกกินจะมีผงชูรสหรือไม่ กลัวจะลิ้นชากลัวจะผมร่วงกลัวเป็นโรคโตกลัวไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่แน่ใจว่าในประเทศไทยใครโปรโมทให้ผงชูรสเป็นปิศาจร้าย ทั้งที่ผงชูรสก็คือเครื่องปรุงรสเพื่อใส่ในอาหาร ใส่ในอาหารเพื่อเป็นการขยายรสชาติให้มันออกมา อาหารที่เรากินในชีวิตประจำวันเขาก็ใส่ผงชูรสอยู่แล้ว ไม่มีที่ไหนไม่ใส่หรอก ผงชูรสทำมาจากมันสำปะหลังผ่านการผลิตทางวิทยาศาสตร์อาหาร มีมานานมากหลายสิบปีแล้ว ผู้มีความรู้หรืออาจารย์มหาวิทยาลัยประจำคณะวิทยาศาสตร์ก็ออกมายืนยันพูดหลายรอบว่าผงชูรสไม่อันตรายใดๆทั้งสิ้น มีความปลอดภัยสามารถบริโภคได้ตามปกติ และอาจจะมีคนส่วนน้อยที่แพ้แต่คนส่วนใหญ่ไม่แพ้ สามารถไปหาข้อมูลได้เลย ข่าวสารอะไรต่างๆเราควรที่จะอัพเดทให้ทันยุคทันสมัยครับ

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

CIVILWARRIOR 15 ก.ค. 65 เวลา 12:11 น. 1

คนไทยเมื่อก่อนไม่ใช่จะรู้เรื่องอะไรพวกนี้ สาสุขประกาศอะไรมาก็เชื่อกันหมด แล้วบอกต่อกันมาจนฝังรากลึกไปในความเชื่อแบบกลายๆแล้ว อย่างเรื่องน้ำมันหมู หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็คล้ายๆกัน แต่ปัจจุบันวิทยาศาสตร์โภชนาการมันก้าวหน้าขึ้นเยอะมาก งานวิจัยหลายพันชิ้นยืนยันแล้วว่าของพวกนี้ไม่ได้อันตรายมากขนาดนั้น แต่ก็นั่นแหละ ความเชื่อแบบผิดๆอะนะ ปัจจุบันผมว่ามีคนไทยไม่ถึง 20% ที่จะสนใจ และมีความรู้เรื่องสุขภาพ อาหารการกิน สามารถไตร่ตรองพิจารณาสิ่งเหล่านี้ได้ หมายความว่าอีก 80% ที่เหลือก็จะเชื่อเรื่องอะไรพวกนี้ต่อไปน่ะแหละ มันแก้ยาก คนไทยรู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องการตั้งคำถาม หาข้อพิสูจน์เพื่อหักล้างความเชื่อเฟคๆพวกนี้

0
Mmm 18 ก.ค. 65 เวลา 08:25 น. 3

ไม่ได้กลัวหรอกค่ะ แต่ร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารจีน ใส่เยอะจนเกินเบอร์ค่ะ ชนิดที่ว่ากินไปแล้วคอแห้ง ใจสั่น กินมาม่าหรือขนมปรุงรสเป็นซองยังไม่ขนาดนี้ คิดเอาละกันว่าใส่เยอะขนาดไหน …

0
mynameismeemie 18 ก.ค. 65 เวลา 23:23 น. 4

มันไม่ดีเพราะคนขายมักจะ 'ใส่มากเกินไป' อยู่เสมอค่ะ จริงเลยที่ผงชูรสไม่ใช่ตัวอันตรายหรือสารพิษ ก็เป็นแค่เครื่องปรุงชนิดหนึ่งเหมือนน้ำปลา เกลือ แต่ น้ำปลา เกลือ ถ้าใส่เยอะๆๆครึ่งทัพพีต่อจาน กินไปก็อันตรายแน่นอนใช่ไหมล่ะคะ? แต่ที่น้ำปลาหรือเกลือไม่ดูเป็นตัวร้าย ก็เพราะไม่มีใครใส่เยอะขนาดนั้นไง ถ้าทำรสชาติแย่แน่นอน ใส่แค่1ช้อนก็เค็มจนจะเททิ้งแล้ว กินครึ่งจานก็บอกเพื่อนแล้วว่าวันนี้ไม่กินของเค็มอีกละนะกลัวเกลือเกิน แต่กลับกันผงชูรสยิ่งใส่เยอะเท่าไหร่ยิ่งอร่อย(ตามความเชื่อแม่ค้า) เค้าใส่เยอะ เราก็กินมันจนหมดไม่ได้ตระหนักอะไร บางร้านนี่กินทีคอแห้งปากแห้ง แสดงว่าเยอะจริง คิดดูถ้าเป็นเกลือต้องใส่เยอะขนาดไหนถึงจะกินแล้วคอแห้ง

แล้วทั่วไปมันอยู่ในหลายอย่างมากอยู่แล้ว พวกน้ำซุป น้ำจิ้ม ก็เลยกลายเป็นว่า ยิ่งไปกินอาหารจากร้านที่ใส่ผงชูรสเยอะๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการกินอาหารที่ใส่เกลือใส่น้ำปลามากๆพูนช้อนหลายช้อนเลย ไม่นับเรื่องเค็ม มันก็ดูจะเสียสุขภาพ มีผลระยะยาวกับร่างกายแน่ๆ อาหารจากร้านที่ใส่ผงชูรสก็เลยยังเป็นอะไรที่ควรจะเลี่ยงๆไว้อยู่ดี โดยเฉพาะพวกร้านที่รู้ว่าใส่พูนๆ

แต่แน่นอน ถ้าทำกินเองไม่ควรต้องกลัวเลย อยากใส่ก็ใส่เถอะให้อาหารอร่อย ถ้าไม่ได้ใส่มากเกินก็กินได้เรื่อยๆ

0
rosereds 19 ก.ค. 65 เวลา 01:40 น. 5

อยากกินก็กินไปครับ มันไม่ได้อันตรายขนาดเห็นผลเร็วจริง แต่อย่าทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่ามันไม่มีอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น หากกินเยอะ ๆ บ่อย ๆ กินต่อเนื่องมันมีผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวทำให้มีความเสี่ยงเป็นเบาหวาน ความดัน หลอดเลือดตีบ ไตมีปัญหา ไปดูช่อง Doctor Top ก็ได้ ท่านก็เป็นคุณหมอที่ศึกษาโภชนาการสมัยใหม่ แล้วก็ไม่ใช่แค่ผงชูรสแต่มีอาหารหลายอย่างที่นาน ๆ ครั้งกินได้แต่ถ้ากินบ่อย ๆ ไม่ดีทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคในอนาคต มันอาจไม่ส่งผลตอนนี้แต่จะส่งผลตอนที่คุณมีอายุแล้ว ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็อย่างน้ำตาล กินได้แต่กินเยอะ ๆ ไม่ดี อย่างข่าวไม่กี่วันก่อนมีผู้หญิงท่านหนึ่งกินแต่น้ำหวานเป็นอัมพาตครึ่งซีกตั้งแต่อายุยังไม่ 30 เพราะน้ำตาลในเลือดสูง คอเรสตอรอลสูง ความดันโลหิตก็สูงขึ้น หาข่าวได้ครับพิมพ์ว่าไม่ดื่มน้ำเปล่า 8 ปีก็เจอข่าวละ

0
JackRaGun 14 เม.ย. 67 เวลา 15:56 น. 7

มันเป็นความเชื่อฝังหัวในสมัยก่อนครับ ขนาดบุคลากรทางการแพทย์ที่อายุมาก ๆ หน่อย หรือไม่ได้อัพเดตความรู้ หรือออกจากวงการไปแล้ว ก็ยังมีเชื่อแนวนี้อยู่ครับ ยิ่งสมัยก่อนสื่อที่กระจายข่าวไม่ได้เยอะแบบตอนนี้ ได้ยินกันแบบปากต่อปาก ได้ยินมาก็ตรวจสอบความรู้ไม่ได้ ไม่มีอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างที่นึกออก เช่น

1. ผงชูรส (ตามที่ว่ามา)

2. กินไก่แล้วหน้าอกใหญ่ หรือกินไก่แล้วจะเป็นเกาส์ >> เรื่องนมใหญ่เพราะฮอร์โมน ไทยมีกฎหมายบังคับห้ามใช้สารนี้ตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้ว (จำไม่ได้ว่า 2540 หรือ 2539) หรือเรื่องเกาส์ อันนี้อาจารย์ด้านเกาส์หลายท่านยืนยันตรงกัน ว่าไม่เกี่ยว

3. ไม่ใส่กางเกงในแล้วเป็นไส้เลื่อน >> อันนี้ไม่เกี่ยว ไส้เลื่อนมันเกี่ยวแค่ช่องตรงเชิงกราน คนจะเป็นก็เป็น คนไม่เป็นก็ไม่เป็น ไม่งั้นคนยุคสมัยก่อนที่ไม่มีกางเกงใน คงไส้เลื่อนกันทั้งโลก

4. เด็กทารกแรกเกิดกินกล้วยบด หรืออาหารอ่อน ๆ ได้ >> อันนี้ก็ทำทารกตายมานักต่อนักแล้ว แต่พอตายก็บอกกันว่าทารกอ่อนแอเองบ้าง ผีสิงห์บ้าง บาปกรรมแต่ชาติก่อนบ้าง พอรอดมาได้ก็บอก นี่ไง!! กินแล้วไม่เห็นตาย ก็โตมาได้ปกติ เรื่องนี้ในปัจจุบันตามต่างจังหวัดก็เจอเยอะมาก ๆ (ในเมืองหลวงก็เจอ แต่น้อยหน่อย)

5. ยืนหน้าเตาไมโครเวฟแล้วเป็นมะเร็ง >> อันนี้ถ้าหน้าปัดไมโครเวฟไม่แตกหรือเสื่อมสภาพ ก็ไม่ทำให้เกิดอันตรายใด ๆ หรือถ้าโดนจริง ๆ ก่อนจะเป็นมะเร็งคงผิวไหม้ก่อน

6. ผู้ชายไม่ควรช่วยตัวเอง ทำเยอะแล้วจะเป็นมะเร็ง >> อันนี้ไม่ได้เจอบ่อย แต่เคยเจอคนบอก จริง ๆ แล้วมันตรงข้ามเลย ผู้ชายถ้าไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ควรช่วยตัวเองบ้าง การช่วยตัวเองช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย (แต่ถ้ามากเกินไปอาจจะมีอาการติดมือได้)

7. โดนงูกัดแล้วให้รีบทำขันชะเนาะ >> ขนาดในหนังสือแบบเรียนลูกเสือยังเขียนเลย (ไม่รู้ว่าปัจจุบันยังมีไหมนะ) ซึ่งจริง ๆ การแพทย์ปัจจุบันยืนยันแล้วว่า การทำส่งผลเสียมากกว่าไม่ทำ

สุดท้าย มนุษย์เรา ถ้าเชื่ออะไรไปแล้ว ต่อให้มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าผิดอยู่ตรงหน้า หลายคนก็ยังเชื่อต่อไปครับ ยิ่งอายุเยอะยิ่งเปลี่ยนยาก ทำอะไรไม่ได้ครับนอกจากทำใจ 555+

0