Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Review!! เปิดบ้านมหิดลสายวิทย์สุขภาพ(2022)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

   Open House Mahidol University 2022 ให้อะไรกับผู้เข้าชมบ้าง???

       กระทู้นี้จะเล่าถึงการเดินทางตั้งแต่จังหวัดที่จขกท.อาศัย ณ ปัจจุบัน(นครศรีธรรมราช) ไป มหิดล(ศาลายา) และจะบอกเหตุผลว่าทำไมต้องไปอพฮ.มหิดล แล้วทำไมต้องเป็นสายวิทย์สุขภาพ และเกณฑ์การรับเข้าของสายวิทย์สุขภาพในมหิดลมีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ
       มหาวิทยาลัยมหิดลจัดเป็นมหาวิทยาลัยในฝันของเด็กมัธยมหลายๆคนที่ต้องการเข้าสถาบันที่มีชื่อเสียง คณะที่ตนต้องการและสาขาที่หลายๆคนใฝ่ฝัน  และเป็นโอกาสดีมากๆที่ทางมหาวิทยาลัยมหิดลได้ประกาศเปิดบ้าน หรือ Open House  MU  ในวันที่28-29 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เพื่อให้เด็กๆมัธยมได้เข้ามาชมบรรยากาศของคณะสาขาและมหาวิทยาลัยรวมถึงเป็นแนวทางในการค้นหาตัวเองเพื่อเป็นทางเลือกในการเข้าคณะนั้นๆโดยทางมหาวิทยาลัยหรือคณะสาขาที่ได้เข้าร่วมก็จะมีกิจกรรมสนุกๆให้เด็กๆได้ทำกัน

      การลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมงาน
        ทางมหาวทยาลัยเริ่มโพสต์ประกาศทางเพจFacebookเมื่อวันที่17 สิงหาคม   2022   และเริ่มประกาศวันลงทะเบียนวันที่1 กันยายน 2022 เพื่อให้ผู้ต้องการเข้าร่วมงานลงทะเบียนใช้บุ๊คกิ้งคณะและสาขาที่เปิดตั้งแต่วันลงทะเบียน  บางคณะอาจมีวันลงทะเบียนบุ๊คกิ้งหลังวันที่1กันยายน   และบางคณะสามารถWalk-In  ได้  ในการลงทะเบียนบุ๊คกิ้งคณะและสาขาจะมียอดจำนวณจำกัดเสมอเพระาฉะนั้นต้องรีบลงทะเบียนให้เร็วที่สุดนะคะ

      การเดินทาง
         เจ้าของกระทู้เริ่มออกเดินทางในวันที่26 เดือนตุลาคม   พ.ศ.2565  โดยการเดินทางในครั้งนี้เจ้าของกระทู้มีเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วย4คน(ไม่รวมจขกท.)ซึ่งมีเพื่อนร่วมห้อง2คนและน้องสาว1คนค่ะ   โดยการเดินทางครั้งนีแน่นนว่าไร้ซึ่งผู้ปกครองค่ะ เปิดประสบการณ์การเดินทางเองเลย   พาหนะที่จะพาเราไปมหดิลศาลายาของเด็กมัธยมงบน้อยคงไม่พ้นจากรถไฟแน่นอนค่ะ   รอบแรกคิดว่ารถไฟคงไม่ลำบากลำบนอะไรมากหรอกมั๊ง(หรอกมั้ง...)   แต่คุณพระเจ้าช่วยกล้วยทอด   เป็นการนั่งรถไฟที่แสนทรหดมากๆเลยค่ะ   ทั้งพ่อค้าแม่ขายที่ขึ้นมาขายของทุกๆสถานี   ต่อให้ค่ำๆขณะนอนหลับสบายก็จะมีเสียงเจี้ยวจ้าวตลอดเลยค่ะ   ซึ่งชั้นรถไฟที่นั้งก็คือชั้น2ค่ะแต่เป็นนั่งธรรมดานะคะไม่ใช่นัั่งนอนแบบปรับอากาศ   โอโห้   คุณคะ   ปวดหลังมากเพราะเก้าอี้จะเอนให้สุดแบบรถยนต์ก็ไม่ได้เพราะมีผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลังเราด้วย   การเข้าห้องน้ำก็ทรหดเหลือเกินค่ะ   จะเข้าห้องน้ำทีคือตู้2ธรรมดาน้ำมันไหลบ้างไม่ไหลบ้างก็ลุ้นเอา   แต่ก็เปิดประสบการณ์การนั่งรถไฟครั้งแรกดีค่ะ   เมื่อมาถึงสถานีศาลายาแล้วก็หาที่พักทันทีค่ะ   โดยที่พักที่จขกท.และเพื่อนไปพักก็จะมีอยู่2ที่ด้วยกันค่ะ   ที่แรกคือLife apartment ค่ะ  เราพักกัน1คืน   คืนนึง900บาทค่ะ(เนื่องจากมีเตียงเสริมเข้ามาด้วย)  อยากจะบอกว่าห้องพักสวยม๊ากกกกกกกกกกกกกก   และคุณป้าเข้าของและคุณลุงเจ้าของบริการดีมากๆเลยค่ะ

   วันที่2เราย้ายที่ค่ะเนื่องจากที่ที่2เราจองไว้ก่อนที่แรกค่ะ   เราเลยต้องย้ายไปที่พักที่จองไว้รอบแรกค่ะ Bundit  parlor   ค่ะตั้งอยู่ซอยตั้งสิน  ทุกคนคะที่พักแรกคือดีมากๆแลว้นะคะเพราะอยู่ใกล้ประตู4และของกิินเยอะม๊าก   แต่พอมาที่พักใหม่ซอยบ้านตั้งสินคือแบบ   โอ้โห้!!  ร้านอาหารเยอะมาก  เซเว่นคือเยอะมากจริงๆค่ะ55555 เราพักกันที่นี่2วัน2คืนค่ะ   เช  ็คเอาท์วันที่30ค่ะ   (เห็นที่พักแล้วคืออยากสอบติดที่นี่มากเป็นทุนเความตั้งใจที่มีอยู่)

       มหิดลศาลายาน่าสนใจแค่ไหน?
         มหิดลศาลายาคือน่าสนใจมากๆเลยค่ะตั้งแต่ก้าวเข้าไปในที่แห่งนั้น ฟีลเหมือนพจมานก้าวสู่บ้านทรายทองไม่มีผิด(เวอร์ไปมั้ย5555)  ตะลึงตาตะลึงใจกับพื้นที่กว้างขวางม๊ากกกกก   ตั้งแต่ทางเดินเข้ามาก็ประทับใจแล้วค่ะ5555   เมื่อก้าวสู้ตัวมอเราก็จะไปลงทะเบียนเพื่อรับgiveawayจากพี่ๆค่ะซึ่งวันแรกที่เราได้รับคือสเปรย์แอลกอฮอล์ค่ะ  หอมมั๊ก   แต่มาวันแรกก็เหงาแล้วค่ะเพระาเพื่อนๆและน้องไม่ได้ลงกิจกรรมของรามาฯเลย  เลยทำให้เราต้องเดินทัวร์มหาลัยเหงาๆคนเดียวแจ่มแมวไปเลยฮะ(อยากบอกว่าเขินมากเหมือนกันเพราะปกติเวลาไปไหนที่คนเยอะๆเราจะมีเพื่อนไปด้วยเสมอค่ะพอเดินคนเดียวก็แพนิกบ้างเป็นบางเวลาTT)เมื่อลงทะเบียนโชว์หน้าจอเหมือนไอดีของให้พี่ๆเค้าดูแล้วเราก็สามารถเข้าร่วมงานได้เลยค่ะ  และวันแรกที่เราได้ลงบุ๊คกิ้งไว้คือคณะแพทย์รามาค่ะ   อยากจะบอกว่าเหนื่อยม๊ากกก(ล้อเล่น) แต่แอบปวดขาหน่อยๆเหมือนกันนะคะ   เพราะเราลงทะเบรบที่ตึกอธิการแล้วต้องเดินไปคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี(สถานที่ตั้งคือโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดีนั่นเองค่ะ)   เมื่อมาถึงหน้าตึกโรงเรียนพยาบาลรามาฯแล้วเราก็ต่อแถวเข้าคิวเพื่อเข้าไปรับพาสต์ปอร์ตเล่มสีส้มโดยthemeของรามาฯปีนี้ก็คือแฮร์พ๊อเอ๊อะ  เอ๊ย!  Harry potterนั่นเองค่าาา   เมื่อลงทะเบียนเพื่อเข้าไปรับฟังวิทยาธารกับพี่ๆและอาจารย์แพทย์ที่มาให้ความรู้ในลานอาคารเสร็จแล้วก็จะมีพี่ๆพาขึ้นไปชั้นบนค่ะเพื่อรับฟังข้อมูลของแต่ลคณะและเกณฑ์การรับของแต่ล่ะสาขาด้วยค่ะ  ซึ่งของรามาธิบดีในปีนี้ก็จะมี4สาขาที่ว่าคือ  1.MD(แพทยศาสตร์)  2.NR(พยาบาลศาสตร์)  3.ER(ปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์)  4.CD(ความผิดปกติของการสื่อความหมาย)  เมื่อจบการบรรยายของ4สาขาเรียบร้อยแล้ว  เด็กๆสามารถไปถ่ายรูปกับพี่ๆนางแบบนายแบบที่สวมยูนิฟอร์มในแต่ละชั้นปีได้ค่ะ(สามารถนำรูปที่เราไปถ่ายกับพี่ๆเค้าไปใส่พอร์ตได้ด้วยนะคะ)   และพี่ๆสาร์ฟจะพาเด็กๆไปด้านล่างเพื่อทำกิจกรรมในแต่ละซุ้มของแต่ละสาขาค่ะ   มีกิจกรรมให้เวิร์คช็อปมากมายเลยค่สาขาถ่ายรูปและนำไปใส่พอร์ตได้อีกด้วย(แต่เสียดายจขกท.ต้องรีบกลับเพื่อย้ายไปที่พักใหม่ค่ะ)
วันที่2ของอพฮ.มหิดล  วันที่29  วันสุดท้ายแล้วค่ะ   วันนี้เด็กๆและจำนวณประชากรเยอะผิดหูผิดตาแต่ก็เอะใจขึ้นมาได้ว่า  อ๋อ...วันนี้วันเสาร์   เป็นวันหยุดประชากรที่เข้าร่วมงานจเยอะะก็ไม่แปลกเลยค่ะ  แถมวันนี้เรามีเพื่อนเที่ยวในมอด้วยแล้วนะคะ  เย้...แต่สุดท้ายก็ต้องแยกกันค่ะเพราะบุ๊คกิ้งที่เราลงไปมัน...มันไม่มีอะไรให้ดูหรือเก็บใส่พอร์ตได้เลยค่ะ   เลยต้องแยกกับเพื่อนคนนั้น  จนเราต้องกลับมาลงเอยที่รามาค่ะแต่รอบนี้รามาสามารถwalk-inได้นะคะ(คือวันแรกมันก็walk-inได้แล้วแหละค่ะ  แฮะ)แต่ทุกคนรู้มั้ยคะ  แถวคือยาวเป็นหางว่าวเลย5555555  เด็กๆเยอะมากจริงๆค่ะเลยทำให้เราต้องเดินไปคณะและสาขาอื่นก่อน   เราไปเดินทัวร์ของเภสัชคนก็เยอะค่ะ   ได้ยินคำแซวขอพี่ๆว่าน้องๆมาใหม่ปีหน้านะคะจะได้ทำกิจกรรมได้เพราะเด็กเยอะมากจริงๆแต่ถ้าใครรอไหวก็สู้ไปด้วยกันนะคะ(น่ารักดีค่ะ5555)   และสุดท้ายก็ไปคณะวิทย์กันค่าาาา   ได้ไปเยี่ยมชมอาจารย์ใหญ่(แต่เราไม่ได้ไปนะคะเพื่อนๆและน้องของเราไปชมกันมาค่ะ)ถือว่าเป็นประวบการณ์ความรู้ที่น่าสนใจมากๆเลยค่ะ   เสียดายมากจริงๆที่วันสุดท้ายเวลาเดินไปเร็วมากๆเรายังไม่ได้เดินทัวร์ให้ครบของสายวิทย์สุขภาพเลยค่ะ   แต่ๆเรามีเกณฑ์การรับเข้าของปี66ของสายวิทย์สุขภาพมาฝากด้วยค่ะ

   อยากดูเกณฑ์การรับเข้าสายวิทย์สุขภาพปี66   <<จิ้มๆ
เนื่องจากพื้นที่ในการบอกรายละเอียดสมัครและรับไม่เพียงพอของกระทู้นี้เราเลยทำแยกออกมานะคะheart

แสดงความคิดเห็น