Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

พร้อมจ่ายประกันรายได้ปลูกข้าว งวดแรก 24 พฤศจิกายน 2565 นี้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ภายหลังจากที่เฝ้ารอกันมานานสำหรับท่านที่เป็นเกษตรกรทุกภาคทุกจังหวัดของประเทศไทย หลังจากที่การประชุมคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ บอร์ด ธ.ก.ส. ที่มีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เป็นประธาน เห็นชอบดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว พร้อมมาตรการคู่ขนานตามนโยบายรัฐบาล เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก และยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างยั่งยืน ปีการผลิต 2565/2566 จำนวน 4 โครงการทั้งโครงการสนับสนุนค่าปัจจัยการผลิต ประกันรายได้ผู้ปลูกข้าวและมาตรการเสริม พร้อมวงเงินสินเชื่อ สำหรับชะลอการขายข้าวและเพิ่มมูลค่าผลผลิต ใช้วงเงินทั้งจากสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.และงบประมาณ รวมกันมากกว่า 81,000 ล้านบาทนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานพิธีกดปุ่มจ่ายเงินสนับสนุนปัจจัยการผลิตไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือไม่เกิน 20,000 บาท พร้อมกับจ่ายเงินส่วนต่างโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าวโดยจะโอนเข้าบัญชีเกษตรกรงวดแรกในวันที่ 24 พ.ย. 2565 นี้
ส่วนทางด้าน รมว.คลัง กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาข้าวในตลาดเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ระดับการจ่ายส่วนต่างราคาข้าว จึงไม่จำเป็น ต้องทบทวนกรอบวงเงินดำเนินโครงการ คาดว่าเฉพาะโครงการประกันรายได้ฯ จะใช้เงินไม่น้อยกว่า 39,000 ล้านบาท โดยไม่กระทบฐานะทางการคลัง ซึ่งนอกจากนี้บอร์ด ธ.ก.ส. ยังเห็นชอบโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงิน 25,000 ล้านบาท และยังช่วยค่าฝากข้าวตันละ 1,500 บาท กรณีเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางตนเอง และสินเชื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสถาบันเกษตรกร อัตราดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 10,000 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธ.ค.2566 คาดว่าจะมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 4.68 ล้านครัว
สำหรับอีกข้อที่ควรทราบคือ ทางด้านการกำหนดโอนเงินนั้นจะเริ่มตามภูมิภาคดังนี้
สำหรับ วันที่24-25 พฤศจิกายน 2564 เริ่มในทางจังหวัดทางภาคเหนือ
วันที่26-27 พฤศจิกายน 2564  เริ่มทยอยจ่ายในส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
วันที 28 พฤศจิกายน 2564  เริ่มทยอยจ่ายให้ครบทุกภาค คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้  ให้ครบต่อไป
ดังนั้นชาวเกษตรกรทุกท่านสามารถเช็คสิทธิของตัวท่านเองได้ที่
  1. เข้าไปที่เว็บไซต์ chongkho.inbaac.com 
  2. พร้อมกรอกเลขที่บัตรประชาชนจำนวน 13 หลัก
  3. โดยระบบจะแจ้งรายละเอียดของบัญชี จํานวนเงิน และโครงการของเงินช่วยเหลือที่ได้รับ
  4. ตรวจสอบสถานะบนแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile
  5. หลังจากตรวจสอบในเว็บไซต์ chongkho.inbaac.com เรียบร้อยแล้ว หากมีข้อมูลขึ้นว่าได้รับเงินโอน
  6. สามารเข้าไปตรวจสอบยอดเงินได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile จาก ธนาคากรเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ซึ่งดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวครอบคลุมกว่า 4.68 ล้านคน
  7. เช็กผลการโอนเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยหากเงินถูกโอนเข้าบัญชีแล้วสามารถรับทราบได้ทันที

สำหรับมาตรการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรปี 65
- โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 โดยสนับสนุนเงินให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2565/66 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน
 
- โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและภัยธรรมชาติ โดยประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ได้แก่

ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละ ไม่เกิน 25 ตัน
ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
มาตรการคู่ขนาน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างยั่งยืน โดยเปิดโอกาสให้เกษตรกรมีทางเลือกในการขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูงขึ้น ผ่านโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2565/66 เพื่อให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนระหว่างชะลอการขายข้าว โดยไม่ต้องเร่งขายข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากและราคาตกต่ำ วงเงินสินเชื่อรวม 25,590 ล้านบาท โดยไม่คิดดอกเบี้ยกับเกษตรกร นอกจากนี้จะช่วยเหลือค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางตนเอง

- โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2565/66 สำหรับสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชนที่ประกอบธุรกิจรวบรวมข้าวจากเกษตรกรสมาชิก เกษตรกรทั่วไป กำหนดวงเงินกู้สำหรับสหกรณ์การเกษตรแห่งละไม่เกิน 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรแห่งละ ไม่เกิน 20 ล้านบาท และวิสาหกิจชุมชนแห่งละไม่เกิน 5 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ซึ่งคิดจากสถาบันฯ เพียงร้อยละ 1 ต่อปี ระยะเวลาการจ่ายสินเชื่อ ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ธันวาคม 2566

แสดงความคิดเห็น

>