ผู้สูงอายุก็สามารถเข้าศึกษาต่อได้ โดยโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งแรกที่สุพรรณบุรี

จากสถิติข้อมูลในปี 2019 จำนวนประชากรโลก 7,713 ล้านคน พบว่า ประชากรในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวนสูงถึง 1,016 ล้านคน ซึ่งคาดการณ์ว่าอีก 20 ปีข้างหน้า จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มสัดส่วนขึ้นถึง 1 ใน 5 ของประชากรโลก สำหรับประเทศไทยบ้านเราช่วงปี 2562 มีอัตราจำนวนเกิดลดต่ำลงเหลือเพียง 6.1 แสนคน ขณะที่จำนวนผู้สูงอายุวัยปลาย อายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 1.3 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราควรหันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มคนในวัยนี้ให้มากขึ้น ดังนั้นควรที่จะต้องเล็งเห็นความสำคัญ ในเรื่องนี้ให้มาก สำหรับการเปิดโรงเรียนให้ผู้สูงอายุนั้นก็เป็นความคิดที่ดีอย่างหนึ่งที่จะส่งเสริมและสนับสนุนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในประเทศไทยให้ได้ใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุขหรือสามารถพอจะมีความรู้ความสามารถในการทำงานต่อไป ทั้งนี้ก็มีหลายๆสถานที่ ที่รับผู้สูงอายุที่เข้าสู่วัยเกษียณ ได้มีโอกาสกลับเข้าสู่ชีวิตการทำงานอีกครั้ง เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้หลังเกษียณที่เพียงพอ และบรรเทาภาระงบประมาณภาครัฐด้านสวัสดิการชราภาพในระยะยาวและส่วนสถานประกอบการที่จ้างผู้สูงอายุ (ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป) สามารถใช้สิทธิในการหักรายจ่ายได้ถึง 2 เท่าของจำนวนที่ได้จ่ายในการจ้างผู้สูงอายุไปจริง แต่ไม่เกินจำนวน 15,000 บาท ดังนั้น สถานประกอบการมีสิทธิหักรายจ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้สูงสุดถึง 30,000 บาท ที่สำคัญยังเป็นการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในบางวิชาชีพอีกด้วย

สำหรับเรื่องการศึกษารวมถึง พรบ.การศึกษานั้นได้มีทาง ด้านนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคชาติไทยพัฒนาได้ออกเคลื่อนไหวและให้การสนับสนุนในเรื่องนี้มาโดยตลอด สำหรับจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ถือเป็นต้นแบบจังหวัดแรกๆ ที่เปิดโรงเรียนสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ สำหรับที่โรงเรียนผู้สูงอายุ ต.วัดดาว อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรีถือเป็นต้นแบบของโรงเรียนผู้สูงอายุในจังหวัดสุพรรณบุรีแห่งแรกๆเลยก็ว่าได้ ที่เห็นความสำคัญ และมุ่งหวังให้ผู้สูงอายุในยุคปัจจุบัน เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณค่า มีศักดิ์ศรี เป็นคนดีในสังคมและประเทศชาติในอนาคต พยายามผลักดันให้ทุกตำบล ทุกอำเภอ ของจังหวัด จัดตั้งโรงเรียนขึ้นเพื่อให้กลุ่มผู้สูงอายุได้มีโอกาสมาพบปะรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และจิตใจก่อให้เกิดชีวิตและสังคมเป็นสุข การร่วมกันจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุของ ต.วัดดาวแห่งนี้ ถือว่าเป็นต้นแบบและตัวอย่างให้ ตำบลอื่นๆได้นำไปพัฒนาดำเนินการต่อไป 

นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนผู้สูงอายุ ตำบลทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี อีกแห่งหนึ่งที่ได้รับการคัดเลือกจากกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้เป็น  โรงเรียนผู้สูงอายุต้นแบบประจำจังหวัดสุพรรณบุรี ปี2564 อีกด้วย โรงเรียนผู้สูงอายุ ตำบลทับตีเหล็ก จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2560 ในการจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุในพื้นที่ ภายใต้การสนับสนุนจากศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จ.ปทุมธานี เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้และเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ และยั่งยืนเพื่อสืบสานภูมิปัญญาให้คงคุณค่าคู่กับชุมชน เน้นการส่งเสริมสุขภาพและการให้ความสุข โดยจัดให้มีการเรียนการสอนในทุกวันพุธ ของสัปดาห์ ๆ ละ 1 วัน และในแต่ละสัปดาห์จะเชิญผู้มีความรู้และมีประสบการณ์มาให้ความรู้กับนักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นรูปแบบหนึ่งในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การจัดการศึกษา การพัฒนาทักษะเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และกิจกรรมของโรงเรียนผู้สูงอายุ จะเป็นเรื่องที่ผู้สูงอายุสนใจ และมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต ช่วยเพิ่มพูนความรู้ ทักษะชีวิตที่จำเป็น โดยวิทยากรจิตอาสา หรือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่ ที่ผู้สูงอายุจะได้แสดงศักยภาพ โดยการถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ ที่สั่งสมแก่บุคคลอื่น เพื่อสืบสานภูมิปัญญาให้คงคุณค่าคู่กับชุมชนโรงเรียนผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีศูนย์การเรียนรู้ผู้สูงอายุตำบลท่าระหัด  อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี อีกแห่ง เป็นศูนย์การเรียนรู้และเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้สูงอายุอีกด้วย