Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ด่วน! มีฟันคุดรีบผ่า! ก่อนมันเปลี่ยนทิศเป็นเคสยาก! (เคสจริงของเราเอง)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สาระสำคัญ (เผื่อรีบ สรุปให้สั้น ๆ มีภาพประกอบด้านล่าง)
: เรามีฟันคุดที่ทิ้งไว้นานถึง 8 ปี   (2558 - 2566) เป็นฟันคุดฝังในกระดูกกรามบนซ้ายในสุด (ไม่โผล่) ปรากฏฟันมันย้ายทิศขึ้นไปข้างบนลึกมาก ขนาดระดับศาสตราจารย์ของมหิดลยังบอกว่า "เป็นเคสยาก ยากที่สุด" ไม่มีที่ไหนข้างนอกรับผ่า ซึ่งก็จริงนะ ขนาด รพ. เอกชน แถวรามอินทรา (ขอไม่บอกชื่อ) ระดับอาจารย์ขอเลื่อนนัดเราไม่พอ แถมยังยกเลิกนัดเราโดยไม่บอกกล่าวสักคำเดียว (เดาว่าเขาคงไม่กล้าบอกว่ายาก ทำไม่ได้ ไม่อยากเสี่ยง)

วัตถุประสงค์หลัก
: เลยอยากรณรงค์ ให้เพื่อน ๆ ไม่ต้องกลัว ถ้าตรวจพบรีบผ่า ก่่อนจะเป็นเคสอันตรายแบบเรา เราเอาตัวเองไปขึ้นเขียงเป็นเคส Study มาให้ขนาดนี้ ยากที่สุดและยังรอดมาได้แบบสบายมาก ทุกคนก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
   
คำแนะนำ (สำหรับคนกลัวการผ่าฟันคุด)
:  ถ้ากลัว อยากได้หมอฝีมือดี ก็กำเงินมาผ่ากับอาจารย์หมอที่ตึกทันตกรรมมหิดลชั้น 3 นะ (หรือโทรสายตรงนัดผ่าฟันคุดที่เบอร์ 02-200-7772 ซึ่งส่วนมากเบอร์แผนกแจ้งเตือนนัดคือ 090-197-0086 เมมไว้ จะได้ไม่คิดว่าเป็นแสปม)
เราผ่ามาแล้ว 3 ซี่  มีทั้งที่ยากและยากที่สุดก็ผ่านมาได้เพราะมาผ่ากับอาจารย์หมอที่นี่ เราไม่ได้มาโฆษณา นี่จากประสบการณ์เราจริง ๆ
 
********

ทำไมเคสเราถึงอันตราย ?
: เพราะปล่อยทิ้งไว้นานจนมันขึ้นไปสูงมาก ซึ่งเป็นที่ที่มีเส้นประสาทเยอะมาก อีกทั้งยังใกล้โพรงไซนัส และหูชั้นใน ทำให้ผ่ายาก ถ้าติดเชื้อขึ้นมาก็โชคร้าย
 เป็นเคสที่ข้างนอกจะไม่มีทางรับเพราะเสี่ยงมาก ต้องใช้ชั่วโมงบินและฝีมือที่สูงจริง ๆ ซึ่งเราโชคดีที่เราได้ระดับศาสตราจารย์มาผ่าให้ ไม่ถึง 15 นาที แถมไม่เจ็บเลยไม่ว่าตอนผ่าตัดหรือหลังผ่ามาแล้ว (วันนี้เข้าวันที่ 2) ฉีดพิษสุนัขบ้ายังเจ็บกว่า (ทั้งที่ก่อนหน้านี้ 2 ซี่เจ็บมากและกลัวจนอกสั่น แต่ครั้งนี้หนังคนละม้วนเลย เหมือนฝันไป) ทำให้รู้เลยว่า ทำไมคนเราต้องตั้งใจเรียนและตั้งใจทำงาน ก็เพราะแบบนี้  เราจะได้มีฝีมือ ทำชิ้นงานออกมาได้ดีดี โดยเฉพาะคนเป็นหมอ ผ่าตัดแล้วคนไข้ไม่เจ็บเลย ฟื้นตัวก็ไว คนไข้ที่ไหนไม่ชอบบ้าง?
 

ฝากไว้เป็นอุธาหรณ์ อย่าชะล่าใจ ของเราทิ้งไว้ 8 ปี (จากง่ายกลายเป็นยากที่สุด)


ต่อไปจะเป็น Part  ของคนที่มีเวลาอ่าน 
:   ถ้าอยากรู้แบบละเอียดนะ เราจะเล่าให้ฟัง

ตอนนี้เราอายุ 29 ปี (ซึ่งก็ถือเป็นอายุที่แก่และไม่โอเคสำหรับการผ่าฟันคุด)
เราเป็นพวกฟุ้งซ่าน เรียนช่างมาก่อน ผ่านพวกเลื่อยวงเดือนมา เวลาได้ยินเสียงเครื่ิองมือทันตกรรมก็จะจินตนาการไปถึงระดับ Final Destination  ได้

ด้วยความเป็นคนดูหนังโหดมาเยอะ บวกกับประสบการณ์ที่อุดฟันแล้วเจ็บ ผ่าฟันคุดแล้วเจ็บ เลยทำให้เป็นคนที่กลัวมาก คำว่า "กลัวจนอกสั่นปากสั่น" เกิดกับเรามาแล้ว ใช้ได้จริง
กลัวถึงขั้นนอนไม่หลับ ความเครียดทำให้ปวดหลังร้าวมาถึงกรามล่างขึ้นไปกรามบน ลามมาขมับ และไปหลังหู ซึ่งพอไปนั่งสมาธิก็หายไปหมด พี่ชายที่เป็นหมอเลยบอกว่า เกิดจากความเครียดล้วน ๆ และรู้ยังว่าทำไมความเครียดถึงฆ่าคนได้ ? ก็เพราะมันทำให้ทุกอย่างรวนไปหมด

(เกล็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ : ที่ทำให้กลัวน้อยลง เพราะพี่ชายที่เป็นหมอบอกว่า   เอาพวกเลื่อยวงเดือนไปเปรียบเทียบกับเครื่องมือทันตกรรมเป็นอะไรที่สิ้นคิดมาก เพราะเครื่องมือพวกนี้ถึงขั้นคนเอาไปใช้เจียรเพชรมูลค่ามหาศาลได้ ก็คือมันมีความละเอียดอ่อนสูงและมีคุณภาพที่ดีมาก ยิ่งมหิดลเป็นมหาลัยที่คนนิยมไปเรียนหมอฟัน อุปกรณ์ย่อมครบครัน ทำให้เรารู้สึกใจชื้น เพราะเราเข้าใจได้ระหว่างความแตกต่างของความคมและแม่นยำระหว่างเครื่องเจียรฟันกับเครื่องตัดไม้ เพราะถ้าไม่แน่จริง เอามาทำฟันไม่ได้แน่ เพราะสำหรับหมอ ถึงจะแค่มิลเดียวก็สำคัญมาก)

เรามีฟันคุดด้วยกัน 3 ซี่ (เสียดาย หาฟิล์ม X-Ray ของปี 2558 ไม่เจอ)
เดี๋ยวจะอธิบายความยากง่ายไว้ด้านล่าง
 
ปี 2558 : ผ่าครั้งแรก  (กรามล่างขวา)
- ง่ายสุดเพราะพ้นเหงือกมาแล้วหน่อยนึง   ไปดูในบันทึกมา เห็นตัวเองเขียนว่าไม่เจ็บ คงเพราะหมอให้สเตียรอยด์ด้วย

ปี 2563 : ผ่าครั้งที่ 2 (กรามล่างซ้าย)
- ครั้งนี้ยาก เพราะฟันคุดสภาพเดียวกับล่างขวา แต่อยู่ในกระดูกกราม ก็คือต้องตัดกระดูกแล้วก็เอาเครื่องเจียรฟันให้คีบออกง่าย พอดีเราป่วยเป็นโรคทีแพ้สเตียรอยด์ทุกชนิด หมอจึงไม่ได้ให้ ทำให้หน้าปวม แผลระบมมาก จำได้ว่าระบมจนน้ำตาเล็ด มันร้าวระบบประสาท แต่ก็ทนมาได้ สักประมาณวันที่ 5-6 ก็ไม่เท่าไรแล้ว

ปี 2566 : ผ่าครั้งสุดท้าย (กรามบนซ้าย)
- เป็นเคสที่ยากมาก อาจารยที่เคยผ่าเรามา  2 ครั้งเลยบอกว่าจะส่งไปให้อาจารย์ของอาจารย์ผ่าให้ ก็คือระดับศาสตราจารย์ (ตอนแรกอาจารย์ก็บอกว่าเคสเราไม่ยาก แต่น่าจะเพราะเห็นเรากลัวจริง ๆ เลยไม่อยากให้เราแย่ไปกว่านี้) ด้วยความที่ภาพจำครั้งที่ 2 ฉีดยาชาก็เจ็บ ตอนผ่าก็เอาออกยาก ตอนคีบฟันออกก็เจ็บ แถมหลังผ่า ช่วงนั้นเรากินยาสเตียรอยด์ไม่ได้ก็เลยยิ่งหนัก
 
แต่เรามีเวลาทำใจแค่ 2 วัน  (พอดีมีคนยกเลิกนัดท่าน เราก็เลยได้แทรกคิว ไม่งั้นต้องรอไปยัน มี.ค. 66) บวกกับถ้าไม่ผ่าตอนนี้แล้วมันขึ้นไปสูงกว่านี้ต้องแย่กว่านี้แน่ (เพราะตอนนี้ก็แน่แล้ว)  เลยต้องใจดีสู้เสือ ภาวนาพุทโธเข้าไว้ให้ไม่ฟุ้งซ่าน ใช้เวลาช่วงนั้นไปไหว้พระขอพร บนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะอย่างที่บอก เรากลัวเจ็บ  + จินตนาการล้ำเลิศมาก ดังนั้นจะพึ่งแต่กำลังใจตัวเห็นจะไม่ไหว บวกกับถ้าเราผ่านมาได้ ทุกคนก็ต้องผ่านได้ ส่วนหนึ่งก็อยากมาถ่ายทอดเรื่องราวให้คนหายกลัวด้วย
 

พอถึงวันนัดผ่า คุณหมอทราบว่าเราแพ้สเตียรอยด์ทุกชนิด ก็เลยชี้แจงว่า ครั้งนี้ต้องทั้งฉีดและให้กินสเตียรอยด์นะ เพราะแผลมันลึกและยากมาก ไม่งั้นจะบวมและระบมซึ่งจะรวดร้าวมาก เราเข้าใจดีเลยเพราะซาบซึ้งมากถึงเคสที่ไม่ใช้สเตียรอยด์  แถมเรามีพี่เป็นหมอ  เราเข้าใจดี ถ้าไม่จำเป็นหมอจะไม่พูดให้คนไข้เสี่ยง ซึ่งศาสตราจารย์ท่านนี้เป็นคนที่มีคุณธรรมมาก เป็นที่รักของคนไข้และลูกศิษย์ มีงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อวงการหลายตัว  และได้รับรางวัลมากมาย (รู้สึกตัวเองโชคดีที่อาจารย์ส่งตัวไปให้ผ่ากับท่าน ขอบพระคุณมาก ๆ นะคะ)

ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่อัศจรรย์มาก อย่างที่เราเขียนบอกไปตอนแรก ฉีดวัคซีนโควิคหรือบาดทะยักยังเจ็บกว่า เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านถึงได้รับการยกย่องจากคณะทันตกรรมมหิดลมาก ๆ ตอนฉีดยาชาเราไม่รู้สึกอะไรเลย ท่านเปิดเหงือกและกระดูกเราแปปเดียวเท่านั้น ส่วนเสียงเครื่องเจียรฟันก็ไม่ถึง 1 นาที ทุกอย่าง Perfect มาก ทั้งหมดตั้งแต่ต้นยันจบและเดินออกมา ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที ทำให้เราเชื่อที่อาจารย์เคยให้สัมภาษณ์ลงบทความไว้ประมาณว่า ท่านตั้งใจศึกษาและฝึกฝนอย่างเต็มที่เพื่อจะได้มาช่วยดูแลคนไข้ได้ให้ดีที่สุด

เสียอย่างเดียวคือคุณผู้ช่วยให้ผ้าก็อตมากัดน้อยจนน่าตกใจ (แต่ตอนนั้นเราอ้าปากพูดไม่ได้ เรามีประสบการณ์ผ่ามา 2 รอบ เลยรู้ว่าต้องขอเพิ่มจากเคาท์เตอร์ จนมาถึงบ้านเลือดไม่หยุดไหลจริง ก็เลยยัดเข้าไปแล้วกัดให้แน่น เหมือนสมัยตอนผ่าซี่ที่ 2 ซึ่งเลือดหยุดไหลเร็วมากเป็นที่น่าพอใจ)

หลังจากผ่า (เสร็จ 1 ทุ่ม) เราแทบไม่มีอาการอักเสบอะไรเลย ไม่เจ็บด้วย ไม่ปวด ไม่ระบม หลังจากครบกำหนดห้ามเลือดและเช็คจนแน่ใจ เราก็กินยา-กินข้าวได้เลย (เราอาศัยวิธีประคบเย็นทั้งคืนเพราะนอนไม่หลับพอดี ไปหลับอีก 6 โมงเช้าของอีกวัน) แต่กินยาอะไรตรงเวลา (เรื่องนี้ห้ามพลาด โดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อ)

 
ฝากไว้เป็นอุธาหรณ์ อย่าชะล่าใจ
ของเราทิ้งไว้ 8 ปี (จากง่ายกลายเป็นยากที่สุด)



ใบแนะนำกลังจากผ่าฟันคุด ลงไว้ให้ เผื่อเป็นประโยชน์นะ

สำหรับเรา หลังผ่าฟันคุดเราก็ทำตามที่คุณหมอและตามใบแนะนำแจ้งไว้อย่างรอบคอบ จะมีที่เราทำมากกว่าคือจำนวนชั่วโมงที่ประคบเย็น รวมไปถึงประคบหน้าผากและส่วนต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ไข้ขึ้น เราล้างมือทุกครั้งที่จะสัมผัสอะไรที่ต้องเข้าปาก หรือแม้แต่แปรงสีฟัน เราลวกของทุกชิ้นที่จะเอาเข้าปาก เช่น จาน ช้อนส้อม แก้ว เพราะไม่อยากเสี่ยงติดเชื้อที่ทำให้มีปัญหาตามมาอีกเยอะแยะ แล้วเราก็พยายามดูอาการตัวเองตลอด ที่สำคัญคือเราไม่ซ่า เรากินอาหารอ่อนประเภทใช้หลอดดูด พวก นม หรือข้าวต้มซองผสมน้ำเยอะ ๆ เวลาดูดก็เบา ๆ และพยายามเลี่ยงบริเวณแผลให้มาก ๆ พยายามไม่่ให้โดนน้ำหรืออาหาร เพราะแค่น้ำลายเราเองก็มีเชื้อโรคและแบคทีเรียเยอะแล้ว เราเคยเตือนคนที่รู้จักซึ่งเขาไม่ฟัง ผ่าฟันคุดเสร็จแล้วขับรถไปกินเหล้า ต่อมาเลือดไหลไม่หยุด ทั้งเสี่ยงแถมยังเสียเวลา จำไว้เลย  คำแนะนำของหมอเขามีเหตุผลรองรับไว้แล้วทุกอย่าง ถ้าสงสัยให้ถาม แต่ไม่ใช่คิดเองเออเองว่าไม่เป็นไร
 
 

แปรง 2 อันนี้เราซื้อที่มหิดล อันแดงนี่ดีมาก นุ่มที่สุด นุ่มแบบละลาย สำหรับแปรงฟันหลังผ่าตัด ราคาน่าจะประมาณ 114 บาท ส่วนอันเขียว ราคาประมาณ 100 บาท นี่เราเอาไว้แปรงฟันกราม แต่มันแข็งกว่ายี่ห้อของ Sunstar (ญี่ปุ่น) ถ้าจะซื้อก็แนะนำ Sunstar ดีกว่า ราคาประมาณ 90 บาท ถูกกว่าและนุ่มกว่าหน่อย เราซื้อมาเพราะมีประสบการณ์แล้ว เราจะแปรงฟันกรามเก็บรายละเอียดก่อน เพราะถ้ามีเศษอาหารตกค้างก็มีสิทธิ์ที่แผลจะอักเสบได้ แล้วค่อยใช้แปรงนุ่มเก็บรายละเอียดอีกทีเบา ๆ แต่ปกติถ้าไม่ผ่า เราก็ใช้แบบด้ามเขียวแปรงฟันกรามบ่อยนะ เพราะอยากรักษาฟันให้ดีที่สุด ไม่อยากไปอุดแล้วมันทรมาน ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา (ถ้าไม่นับฟันคุด) เราแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากขูดหินปูนตามเวลาเท่านั้น
 
********

ประสบการณ์เราก็ประมาณนี้ ที่เล่ายาว เพราะบางคนขี้กังวล อยากรู้ดีเทลเยอะ ๆ เราก็เลยจัดให้ จริง ๆ เราตั้งใจไว้ก่อนผ่าตัด ว่าเราจะเอาตัวเองเป็น Case Study มาแชร์บนโลกอินเตอร์เน็ต เพราะไม่อยากให้คนอื่นต้องมานั่งทรมานแบบเรา ถ้าตรวจพบก็รีบไปผ่าออกนะ เชื่อเรา ดีกว่าปล่อยให้มันเติบโตไปยังจุดที่อันตรายมาก ๆ แบบเรานะ ไม่คุ้มกันหรอก แล้วก็ถ้าใครยังไม่เคย X-Ray เลยก็ลองดูหน่อย เพราะถ้าปล่อยไว้ ให้มาผ่าแบบพ่อเราตอน 40 บอกเลยว่าทรมานกว่าตอน 25-30 เยอะนะ เห็นแต่ละเคสพออายุ 40 แล้วไม่ค่อยโอเคเท่าไร แต่ผ่าออกดีที่สุด เพราะถ้ามันผุข้างใน ไม่รักษา เป็นหนอง นั่นนู่นนี่ แล้วจะบอกว่า รู้งี้กุผ่าแต่แรกดีกว่า ปล่อยทิ้งไว้ทรมานกว่าเยอะนะ เชื่อเรา เราเป็นกำลังใจให้ ถ้าเราผ่านมาได้ ทุกคนต้องผ่านได้แน่นอน : )

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

เราเองงงง 1 มี.ค. 66 เวลา 08:48 น. 1

เราผ่านมาแล้ววววว เกือบเหมือนกันเด๊ะ ฟันเราก็ดูดันขึ้นไป แต่ของเราดันไปฐานหลัง จนติดโพรงประสาทและไซนัสเหมือนกัน ของเราผ่าที่ทันตะ จุฬา เป็น รร ทันตแพทย์เหมือนกัน ของเราผ่ากับนิสิตหมอที่เรียนเฉพาะทาง แบบที่มีอาจารย์-ืนคุม ของเราก็ยาก เพราะคนผ่าเรียกหมออาตารย์มารีเช็กหลายรอบ และหมออาจารย์ยืนคุมเลย เราผ่านตอนยังเรียนอยู่ (ซี่ที่ดันโพรงสองซี่ และซี่ปกติอีกสองซี่) ผ่าสองครัั้ง ตอนถอนฟันคุดสองครั้ง คือเรามีฟันคุดสี่ซี แต่ตอนถอนฟันคุดเรามาทำตอนทำงานหบายปรแล้ว ที่ปล่อยไว้ไม่ถอน เพราะ ตอนผ่าสองครั้ง ทำเราระบมมากกกกกกกกกก คือตอนผ่าไม่มีปัญหา แค่เมื่อยปาก แต่ผ่าเสร็จแล้วอาการแรงมากกกกกกก ปวดแบบไข้กินตลอด แถมยังต้องระวังเรื่องแผล เราขี้เกียจมาก เรื่องดูแลแผล รำคาญ เบื่อรอ สองผ่ารอหลายเดือน เลยพอแล้ว หมอไม่ได้บอกว่าอึกสองฟันมีปัญหาติดโพรง เราก็คิดเองว่าไม่มีปัญหา เลยรอมาห้าหกปี ฟันลามผุ มารู้ทีหลังว่า เพราะฟันคุดที่ปล่อยไว้มันเบี้ยว ลึก และแปรงทำความสะอาดยาก เราแปรงฟันไม่สะอาด มันเลยผุยันฟันข้างๆ นี่ขนาดมันคุดแล้วโผล่ขึ้นมาไม่ได้เต็มฟันนะ ถ้าดูจากฟิล์มคือฟันดูเตี้ยมาก(ฟันที่โผล่) แถมล้มขวางใต้เหงือกอีกนะ ยังบังอาจเกเรแกล้งฟันเพื่อนข้างอีก สรุปวิ่งกลับไปหาหมอที่ทันตะใหม่ เพราะต้องรักษารากฟันที่ถูกกระทบไปตอนไหนไม่รู้จนเหงือกอักเสบ (ฟันภายนอกไม่เป็นอะไร) แต่เหงือกอักเสบภายใน หมอเลยจัดการเอาซี่คุดไปด้วย มันทำฟันอื่นผุไปด้วยเพราะมันเกเร(ทำให้ทำความสะอาดยาก) เอาฟัรคุดออก เราหน้าตอบลงเลย 55555555


แต่ไม่ดีจริงๆ การมีปัญหาฟัน 


ที่เราเหงือกอักเสบ คืออักเสบเป็นแบบถุงน้ำเลย ร่างกายพยายามรักษาตัวเอง แต่ถุงน้ำเหงือกอักเสบมันใหญ่มากจนแตก แล้วกนองทะลัก แบบที่เราไม่รู้ตัว เพราะที่อักเสบคือรากปลายสุด อย่างลึก แล้วอาการมันไม่ออก เพราะถุงน้ำใต้เงหือกมันอุ้มหนองไว้ (ให้นึกว่าทีลูกโป่งเล็กๆ อยู่ในเหงือกตรงรากปลายสุดของเหงือก) ลูกโป่งอยู่ข้างใต้เลย ไม่ออกมานอกเหงือก แต่ลูกโป่งแต่ หนองกับเลือดเลยทะลักออกจากเหงือกมากกก กรี๊ดดดดด


มีปัญหาฟันใดๆ ให้สังเกตและรีบไปรักษาเลยนะคะ อย่าปล่อยไว้นาน

0