Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เรียนภาษาจีนด้วยตัวเอง เพื่อไปทำงาน ควรเรียนถึงระดับไหน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เรียนภาษาจีนด้วยตัวเอง เพื่อไปทำงาน ควรเรียนถึงระดับไหน

สวัสดีครับ วันนี้เราก็จะมาเม้ามอยเรื่องบลาๆๆ ตามหัวเรื่องเลยครับ ว่าถ้าเราจะเรียนภาษาจีนไปเพื่อทำงานเนี่ย เราต้องเรียนยังไงและต้องเรียนถึงระดับไหน?
ก่อนอื่นเลยเราขอออกตัวก่อนนะครับว่า เราไม่ได้เรียนจบเอกภาษาจีนมา แล้วก็ไม่ได้เรียนภาษาจีนที่สถาบันไหนมาเลย แต่เราเรียนภาษาจีนด้วยตัวเองจนสามารถสอบHSK5ผ่าน และมีประสบการณ์ในการทำงานที่บริษัทจีนมาครับ เลยอยากเอามาทำเป็นเความรู้เพื่อชี้แนะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆครับ และขอแปะไว้อีกครับว่า..เนื้อหาในบล็อกนี้ เป็นการอ้างอิงจากประสบการณ์และการเรียนรู้โดยวิธีการส่วนตัวของเรานะครับ อาจจะไม่ตรงกับจริตหรือความต้องการของใครๆหลายๆคน ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการซึมซับเนื้อหานะครับ ขอบคุณครับ

เอาล่ะครับ ก่อนอื่นเราอยากให้ทุกคนดูรูปภาพการแบ่งระดับภาษาด้านล่างนี้ครับ

โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นภาษาไหนก็จะถูกแบ่งระดับการเรียนรู้ออกไปในทำนองนี้ครับ
และการเรียนภาษาจีนเพื่อไปทำงาน เราควรจะเรียนให้ถึงระดับไหนล่ะ?
คำตอบของผมคือ เราควรเรียนให้ถึง “ระดับกลาง” ครับ และด้านล่างเป็นหนังสือที่ผมขอเอามาแนะนำพร้อมกับเทียบระดับไว้ให้ดูครับ ซึ่งจริงๆแล้วยังมีซีรี่ย์หนังสือดีๆซีรี่ย์อื่นอยู่อีกครับ
...???
แต่ เพราะ อะไรต้องเรียนแค่ถึงระดับกลาง? และควรสอบให้ได้HSK ระดับไหน? เดี๋ยวผมจะขอแนะนำดังต่อไปนี้ครับ...
เพราะอะไร? นั่นก็เป็นเพราะว่าความรู้ในระดับกลางก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เราสามารถสื่อสารทั่วไปในชีวิตประจำวันได้ครับ และสามารถนำไปต่อยอดได้แล้ว ซึ่งหากยังไม่เห็นภาพ ผมขอเอาซีรี่ของหนังสือดังต่อไปนี้มาให้ดูนะครับ
....?
ด้านบนเป็นหนังสือโป๋หย่าภาษาจีนที่มีการจัดทำไว้สำหรับผู้เรียนตั้งแต่ระดับต้นจนถึงระดับสูงครับ
หากเราเรียนไล่ระดับไปเรื่อยๆจนจบระดับกลางแล้วต่อระดับสูงตามหนังสืออีก ผมจะขอเรียกการเรียนแบบนี้ว่าการเรียนตามระบบแบบทางตรงครับ ซึ่ง หากจบระดับกลางแล้ว ต่อระดับสูงต่อไปตามหนังสือ เราก็จะเจอเนื้อหาที่เน้นไปในทางเชิงวรรณกรรมและเชิงวิชาการครับ เป็นเรื่องราวการบอกเล่าหรือบทความในเนื้อหาต่างๆที่กว้างมากขึ้นจากระดับกลาง ซึ่งก็จะมีความซับซ้อนและยากมากขึ้นครับ อันนี้เหมาะสำหรับคนที่เรียนไปเพื่อทำงานเป็นครูสอนภาษามากกว่า
ส่วนอีกการเรียนรูปแบบหนึ่งที่ผมผ่านมาด้วยตัวเองเลยก็คือการเรียนแบบทางอ้อมครับ นั่นคือ..เมื่อเราเรียนจนถึงระดับกลางแล้ว เราก็ไปทำงานเลย อันนี้ก็จะลมพัดตึ้งมากกก... ๕๕๕ จริงๆการใช้ภาษาจีนในการทำงานมันก็คือการเรียนในระดับสูงครับ เพียงแต่มันเป็นภาษาจีนระดับสูงแบบเฉพาะทางครับ ซึ่งจะเป็นการเรียนรู้ภาษาจีนในอุตสาหกรรมนั้นๆจริงๆ จะไม่ได้เน้นไปในเชิงวรรณกรรมหรือภาษาเขียนแบบทางตรง
เช่น หากคุณได้งานเป็นเจ้าหน้าที่ล่ามประจำแผนกเมนเทนแน้น (Maintenance) ที่โรงงาน คุณก็ต้องไปเรียนศัพท์จำพวกระบบเครื่องจักรบลาๆๆ ระบบหม้อน้ำ วงจรไฟฟ้า นู่น นี่ นั่น เพิ่มเติมอีกในที่ทำงานครับครับ ขึ้นอยู่กับว่าโรงงานของคุณผลิตอะไร และถ้าต่างอุตสาหกรรม ก็จะต้องเรียนรู้ศัพท์ที่แตกต่างกันไปอีกครับ เช่น ล่ามโรงพยาบาล พนักงานโรงแรม ไกด์ อื่นๆซึ่งก็มีศัพท์เฉพาะเป็นของตัวเองครับ
ดังนั้น หากคุณเรียนเพื่อไปใช้งาน(ในการทำงานบริษัท ไม่ใช่งานสอน) การที่เรียนระดับสูงแบบทางตรงต่ออาจจะทำให้เสียเวลา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์นะครับ จริงๆมีประโยชน์มาก วงเล็บหากเราไม่รีบใช่นะครับ ๕๕๕
ประโยชน์อย่างแรกคือ คุณจะสามารถเข้าใจระดับความซับซ้อนของภาษาได้มากขึ้นครับ จึงสามารถเข้าใจเนื้อหาต่างๆในที่ทำงานได้มากขึ้น และคุ้นเคยกับตัวภาษามากขึ้นครับ เพราะชั่วโมงบินเยอะ ข้อนี้ผมจะขอยกตัวอย่างกับตัวภาษาไทยเองนะครับ มีใครเคยสอบตกภาษาไทยหรือไม่ค่อยเข้าใจข้อสอบภาษาไทยไหมครับ ทั้งที่เราเป็นคนไทย? นั่นแหละครับ คือความซับซ้อนทางภาษา ซึ่งหากเราเข้าใจความซับซ้อนของภาษานั้นมากขึ้นเราก็จะสื่อสารได้คล่องขึ้นครับ
ประโยชน์อย่างที่สองคือ หากเราเรียนไปถึงระดับสูงและมีความรู้มากพอที่จะสอบHSKระดับ6 ผ่าน เราก็จะได้รับการพิจารณาจากบริษัทต่างๆมากขึ้นครับ และถ้าอย่างบางบริษัทเขาให้ค่าภาษาตามระดับHSKที่คุณสอบได้ แน่นอนว่า ระดับ6 คือระดับสูงสุด ดังนั้นคุณก็จะได้ค่าภาษาในระดับสูงสุดนั่นเองครับ

ส่วนที่ว่าเราต้องสอบ หรือมีความรู้ให้ได้ถึงHSKระดับไหนนั้น... ?
โดยส่วนตัวผม.. เอาตามประสบการณ์ตรงของผมนะครับ จริงๆความรู้ในระดับ HSK4 ก็พอทำงานได้แล้วครับ แค่ต้องมาเรียนศัพท์เฉพาะทางเพิ่ม และที่สำคัญต้องฝึกฝนเรื่องการฟังและการพูดให้เยอะขึ้นครับ ส่วนระดับ5 นั้น ผมมองว่าเนื้อหามันกว้างไปครับ และหากได้ความรู้ระดับ5แล้ว ก็ต้องมาฝึกเรื่องการพูดและการฟังเพิ่มอีกครับ เพราะสปีดในการพูดของคนจีนจริงๆนั้น ค่อนข้างเร็วกว่าเสียงที่เราสอบในระดับ5พอสมควร อีกทั้งยังต้องมาลุ้นอีกว่าเราจะได้เจอคนจีนที่พูดจีนสำเนียงไหนอีก ๕๕๕ ปวดหัวไปอีกครับ
แต่ผมขอแนะนำโดยสรุปนะครับว่า เรียนและสอบให้ได้อย่างน้อย HSK5 ครับ เพราะเป็นระดับกลางตอนปลายแล้ว และเป็นระดับที่บริษัททั่วไปรับพิจารณาสมัครงานแล้วครับ แต่ก็มีบางบริษัทที่เริ่มรับพิจารณาที่ HSK4 ดังนั้นหากใครที่มี อยู่ก็ลองหาทำงานเอาประสบการณ์ไปก่อนก็ได้ครับ สำหรับผมในระดับนี้สามารถทำงานในโรงแรมได้แล้วครับ หรือเป็นเจ้าหน้าที่แอดมินได้ คอยตอบคอยอ่านอีเมลได้แล้ว แต่เรื่องการพูดและการฟังก็เหมือนที่กล่าวไปข้างต้นครับ ต้องฝึกให้มากๆ แต่หลังจากทำงานไปเรื่อยๆก็จะมีความคุ้นเคยขึ้นมาเองครับ เพราะตอนที่ผมทำโรงแรมก็ใช้ความรู้ระดับนี้ครับ
 

แสดงความคิดเห็น

>