ภาษิตสอนหญิงพระนิพนธ์ในร.6 พี่ว่า...ผู้หญิงทุกคนต้องอ่าน!
ตั้งกระทู้ใหม่
และสิ่งหนึ่งที่แสดงความเป็นไทยนั่นคือกริยามารยาทที่สมกับเป็นกุลสตรีในสมัยนั้นของ "แม่ประยงค์" ทำให้พี่แอนเจนึกถึง "สุภาษิตสอนหญิง" ที่เคยได้อ่าน (แบบเลือนลางมาก) พระนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 วันนี้เลยเอาบทพระนิพนธ์นั้นมาให้ดูและขอถอดความให้เข้าใจง่ายค่ะ ^^
(vajiravudh.ac.th)
ขอประพันธ์จรรยาสุภาษิต ไว้เตือนจิตหญิงไทยในสยาม
ทั้งเริ่มรุ่นลักขณาสง่างาม อยู่ในความดำริควรติตรอง
เป็นสตรีนี้ไซร็มิใช่ง่าย สงวนกายเราไว้อย่าให้หมอง
จะยากจนค่นไร้วิสัยทอง ย่อมจะต้องมีค่าราคาแพง
ขอประพันธ์สุภาษิตไว้เพื่อเตือนใจหญิงไทยทุกคน เกิดเป็นผู้หญิงอย่าคิดว่าง่าย ต้องรักนวลสงวนตัวไว้ แม้จะเกิดมายากจนหรือแม้ไม่มีทางเลือกแค่ไหน ร่างกายเราจะต้องมีค่าที่สุด มากกว่าเงินทองใดๆ (เพราะฉะนั้นจะให้กันง่ายๆ ไม่ได้นะคะ)ทั้งเริ่มรุ่นลักขณาสง่างาม อยู่ในความดำริควรติตรอง
เป็นสตรีนี้ไซร็มิใช่ง่าย สงวนกายเราไว้อย่าให้หมอง
เหมือนพิกุลดีจริงไม่ทิ้งกลิ่น ถึงตกดินจมทรายไม่หน่ายแหนง
ยังหอมหวานชวนชื่นระรื่นแรง ไม่เหี่ยวแห้งไม่ทรามความนิยม
แต่หอมกลิ่นมาลาที่ว่าหอม ชั่วถนอมเชยชิดสนิทสนม
เฉพาะเมื่อจับต้องประคองชม เวลาดมชั่วครั้งไม่ยั่งยืน
ให้เหมือนดอกพิกุลที่กลิ่นหอมอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางกองดิน กองทราย หรือแม้แต่เหี่ยวแห้งก็ยังมีกลิ่นหอมหวนจนคนหลงไหล ต่างจากดอกไม้ทั่วไปที่หอมเพียงชั่วครั้งชั่วคราว หยิบขึ้นมาดมไม่นาน กลิ่นหอมนั้นก็จางไป ยังหอมหวานชวนชื่นระรื่นแรง ไม่เหี่ยวแห้งไม่ทรามความนิยม
แต่หอมกลิ่นมาลาที่ว่าหอม ชั่วถนอมเชยชิดสนิทสนม
เฉพาะเมื่อจับต้องประคองชม เวลาดมชั่วครั้งไม่ยั่งยืน
(TodayHealth.org)
อันหอมนามความดีสตรีนั้น ไม่มีวันทรามเชยระเหยหืน
ถึงมาตรแม้นตัวตายไม่คลายคืน ยังหอมชื่นชูนามเพราะความดี
เป็นผู้หญิงตำราที่ว่าสวย ต้องกอปรด้วยเบญจลักษณ์เป็นศักดิ์ศรี
ถึงไม่ครบทั้งห้าตามมาลี สมัยนี้สำคัญด้วยจรรยา
ถึงมาตรแม้นตัวตายไม่คลายคืน ยังหอมชื่นชูนามเพราะความดี
เป็นผู้หญิงตำราที่ว่าสวย ต้องกอปรด้วยเบญจลักษณ์เป็นศักดิ์ศรี
ถึงไม่ครบทั้งห้าตามมาลี สมัยนี้สำคัญด้วยจรรยา
เปรียบเทียบความหอมของดอกไม้เหมือนความดีของผู้หญิงเรา ว่าให้เป็นเหมือนดอกพิกุลที่ไม่มีวันหยุดหอม ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะอยู่ที่ไหน ก็ยังมีความดีที่ได้ทำไว้ ให้พูดถึง ถ้าพูดถึงผู้หญิงที่ทุกคนเห็นตรงกันว่าสวยนั้นจะต้องมี 5 องค์ประกอบรวมอยู่ด้วยกัน แต่ถึงจะไม่ครบ 5 องค์ประกอบตามที่กล่าวมาก็ไม่เป็นไร เพราะแค่มี “จริยธรรม” ก็ถือว่าดีแล้ว
อันงามรูปงามทรัพย์บังคับยาก มีน้อยมากก็ตามชาติวาสนา
ถึงร่างกายบุญกรรมก็ทำมา มิใช่ว่าสรรสร้างได้ดังใจ
คงแต่เพียงที่สามให้งามจิต งามจริตกิริยาอัชฌาสัย
งามวาจาไพเราะเสนาะใน ดำรงค์ไว้ให้งามสามประการ
ถึงร่างกายบุญกรรมก็ทำมา มิใช่ว่าสรรสร้างได้ดังใจ
คงแต่เพียงที่สามให้งามจิต งามจริตกิริยาอัชฌาสัย
งามวาจาไพเราะเสนาะใน ดำรงค์ไว้ให้งามสามประการ
หนึ่งรูปร่างหน้าตา สองฐานะนั้นเป็นสิ่งที่จำกัด หรือกำหนดได้ยาก รวยมากรวบน้อยตามฐานะทางครอบครัว และวาสนาของแต่ละคน รูปร่างหน้าตา ก็แล้วแต่กรรมเก่าที่ทำไว้ ไม่ใช่ว่าจะกำหนดได้ ดั่งใจ (แต่สมัยนี้ศัลยกรรมก็อาจจะช่วยได้มากกว่าบุญกรรม ><) ก็เหลือแค่สามจิตใจ สี่กิริยาสง่างาม ห้าพูดจาอ่อนหวานน่าฟัง
แม้สตรีมีงามเพียงสามสิ่ง นับว่าหญิงน่ารักสมัครสมาน
ถึงรูปทรัพย์คับแค้นแสนกันดาร ต้องประมาณว่างามตามตำรา
อีกนัยหนึ่งเครื่องประดับสำหรับนาฎ ศิลปศาสตร์เป็นของจะต้องหา
งามอะไรก็ไม่เยี่ยมเทียมวิชา อาจจะพาให้กายสบายเบา
อันสตรีที่งามด้วยความรู้ เป็นที่ชูโฉมเชิดเลิศเฉลา
แต่อย่าเพียรเรียนเล่นพอเป็นเรา ต้องเรียนเอารู้ดีจึงมีคุณ
ถึงรูปทรัพย์คับแค้นแสนกันดาร ต้องประมาณว่างามตามตำรา
อีกนัยหนึ่งเครื่องประดับสำหรับนาฎ ศิลปศาสตร์เป็นของจะต้องหา
งามอะไรก็ไม่เยี่ยมเทียมวิชา อาจจะพาให้กายสบายเบา
อันสตรีที่งามด้วยความรู้ เป็นที่ชูโฉมเชิดเลิศเฉลา
แต่อย่าเพียรเรียนเล่นพอเป็นเรา ต้องเรียนเอารู้ดีจึงมีคุณ
ผู้หญิงสวยงามและมีคุณค่า ขอให้ยึดมั่นไว้สามข้อหลังก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่น่ารัก น่าคบหาด้วยแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ถือว่าเป็นเครื่องประดับของผู้หญิงเรา คือความรู้ที่เราจะต้องศึกษาเพิ่มเติมอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่เล่นๆ ขำๆ เป็นผู้หญิงที่มีวิชาความรู้ยิ่งจะทำให้เราสามารถประกอบอาชีพ และสร้างฐานะและทำให้ตัวเอง สะดวกสบายขึ้นได้
สุภาษิตส่วนหนึ่งจาก clongklon.com/2012/12/6.html
สรุปจากพระนิพนธ์ด้านบนนะคะ ตามตำราบอกว่าผู้หญิงจะสวยต้องมีองค์ประกอบ 5 อย่าง 1. หน้าตาสะอาดสะอ้าน สะสวย 2. ฐานะดี 3. จิตใจดี คิดดี 4. ทำดี 5. พูดดี แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ท่านทรงเห็นว่า ข้อ 1 และข้อ 2 เป็นสิ่งที่บังคับกันยาก เราเลือกเกิดไม่ได้ ดังนั้นผู้หญิงที่ดี ควร มีอย่างน้อย 3 องค์ประกอบนี้ 1. คิดดี 2. ทำดี 3. พูดดี
และยิ่งไปกว่านั้น หากมีวิชาความรู้ สามารถประกอบอาชีพได้ก็จะช่วยให้ชีวิตเจริญก้าวหน้าขึ้นได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น