Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิวชีวิต 1 เดือนกับการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น

ตั้งกระทู้ใหม่
        สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวชีวิต 1 เดือนกับการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นนะคะ ฝากตัวด้วยค่า!
        ตอนนี้เราอยู่ที่จังหวัดยามากุจิค่า เป็นจังหวัดทางใต้ของเกาะฮนชู ตอนเราเพิ่งมาถึงอากาศร้อนพอๆ กับที่ไทยเลยค่ะ แต่ตอนนี้เริ่มหนาวแล้ว
        วันแรกที่เรามาถึงยามากุจิ เซนเซย์(อาจารย์)เป็นคนมารับที่สนามบินค่ะ เพราะโครงการที่เราไปสอบมี 2 รอบ แต่เราดันรู้ข่าวทีหลังเลยทันสมัครแค่รอบสอง พอเราสอบผ่านทางโครงการเลยแจ้งว่าเราต้องอยู่หอเพราะโควตาโฮสแฟมิลี่เต็มแล้ว ตอนแรกที่รู้แอบเฟลนิดหน่อย แต่ตอนนี้ก็พอใจในปัจจุบันดีค่ะ5555555 เพราะเราอยู่หอก็จริง แต่ว่าในแต่ละเดือนก็จะได้ไปอยู่โฮมสเตย์ 2-3 วันค่ะ ซึ่งโฮสก็คือเพื่อนๆ ในโรงเรียนนั่นเอง 
        มาแนะนำโรงเรียนกันต่อเนอะ โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนทีมีนักเรียนหญิงมากกว่านักเรียนชาย มีเด็กประมาณสองร้อยกว่าคน เราเข้าไปเรียนปี 2 ตัวโรงเรียนอยู่บนภูเขาค่ะ แต่เป็นภูเขาที่ก็มีคนอาศัยเยอะอยู่ ลงไปหน่อยก็มีเซเว่นกับแมกซ์แวลู ที่โรงเรียนมีกฎห้ามใช้มือถือค่ะ ห้ามแบบวันงานอะไรก็ใช้ไม่ได้ ถ้าจะถ่ายรูปใช้ได้แค่กล้องอย่างเดียวเลย คนไม่มีกล้องอย่างเราก็ได้แต่หวีดร้องค่ะ ฮือ

รูปนี้ถ่ายจากข้างล่างค่ะ พอดีลงมาซื้อขนม โรงเรียนอยู่บนภูเขา


รางรถไฟในเมืองที่เราอยู่ค่ะ


ขนมซื้อจากเซเว่นกับแมกซ์แวลู อร่อยมาก อ้วนแน่ๆ ฮือ
วันแรก @หอ
        หอเราเป็นหอหญิงล้วน มี 4 ชั้น ชั้นแรกเป็นห้องกินข้าว พอขึ้นมาชั้นสองตรงกลางก็จะเป็นห้องอาบน้ำ ตอนแรกหวั่นใจมากค่ะว่าจะเป็นห้องอาบน้ำรวม โชคดีที่เป็นห้องแยกค่ะ555555 แต่ก็เป็นแค่ม่านอะเนอะ ไม่มีที่ล็อกใดๆ ทั้งนั้น... ข้างหน้าห้องน้ำจะมีบอร์ดเล็กๆ เป็นผังห้องน้ำให้เขียนชื่อไว้ค่ะว่าตอนนี้ใครอาบอยู่ห้องไหน นอกจากห้องอาบน้ำก็จะเป็นห้องพักแยกเป็นฝั่งซ้ายขวาไปค่ะ
        ชั้นสามเป็นชั้นที่เราพักอยู่ค่ะ ขึ้นมาจะเจอห้องน้ำ ฝั่งซ้ายเป็นห้องพัก ห้องเล็กมากค่ะ เป็นแบบมีประตูกั้นเป็นห้องๆ เฉยๆ เพดานโปร่งค่ะ ให้แชร์แอร์กัน ข้อเสียมากๆ คือไม่มีความเป็นส่วนตัวค่ะ ทำเสียงอะไรได้ยินกันหมด จะแกะถุงขนมจะเปิดตู้จะรูดซิบกระเป๋านี่ได้ยินกันหมด ฮือ ส่วนฝั่งขวาเป็นห้องอ่านหนังสือค่ะ ห้ามใช้เสียงเลย เป็นห้องที่ทุกคนจะมีโต๊ะมีโคมไฟเป็นของตัวเอง ใช้อ่านหนังสือทำการบ้านค่ะ โต๊ะแต่ละคนก็จัดต่างกันไป เพราะว่ามีพื้นที่เยอะพอควรเลยค่ะ บางโต๊ะนอกจากกองหนังสือก็มีโปสเตอร์ไอดอล ชั้นวางขนม ถังขยะ นาฬิกา บลาๆ เหมือนโต๊ะออฟฟิศเลยค่ะ
        ชั้นสี่ตรงกลางเป็นห้องซักผ้า ซ้ายขวาเป็นระเบียงออกไปเป็นดาดฟ้าค่า เป็นสถานที่ตากผ้านั่นเอง ตามที่บอกไปว่าเราทำอะไรนิดหน่อยคนอื่นก็ได้ยินเสียงแล้ว ระเบียงดาดฟ้าจึงเป็นสถานที่ที่เหล่าเด็กหอออกมาคุยโทรศัพท์หรือคอลไลน์กับคนที่บ้านนั่นเองค่ะ 

มองจากดาดฟ้าตอนกลางวัน


ตอนกลางคืนค่ะ
 
        ชีวิตในหอเริ่มจากตื่นตอนเจ็ดโมงค่ะ ลงไปล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำแล้วก็กินมื้อเช้า จากนั้นก็มีเช็คชื่อตอนเจ็ดโมงครึ่ง หลังจากนั้นก็มีเวลาว่างจนถึงแปดโมงยี่สิบถึงค่อยไปโรงเรียน เพราะเดินแค่สองสามนาทีก็ถึงแล้วค่ะ พอเลิกเรียนก็กลับหอค่ะ อาบน้ำ กินข้าวตอนหกโมง เช็คชื่อรอบเย็นตอนทุ่มครึ่งแล้วก็ทำความสะอาดหอ ซึ่งจะแบ่งกลุ่มกันทำไป อาทิตย์แรกกลุ่มเราได้ทำความสะอาดห้องอาบน้ำค่ะ แต่อาทิตย์ที่สองได้ทำความสะอาดห้องน้ำค่ะ แจ็กพ็อตมากๆ คือเราได้หน้าที่ขัดส้วม /ปาดน้ำตา คือมันต่างจากการทำความสะอาดห้องน้ำที่บ้านจริงๆ ค่ะ เพราะนี่คือห้องน้ำรวมที่ไม่ได้มีแค่ส้วมส้วมเดียว... แต่อาทิตย์ต่อๆ มาก็ได้ทำหน้าที่อื่นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่ะ ตอนนี้ก็ชินแล้ว(หรอ) โดยประมาณก็จะเสร็จไม่เกินสองทุ่มค่ะ หลังจากนั้นก็เป็นเวลาอิสระแล้ว ที่นี่บางคนก็จับกลุ่มคุยกัน แต่ส่วนมากจะไปนั่งอ่านหนังสือทำการบ้านที่ห้องอ่านหนังสือค่ะ ปกติเราอ่านถึงห้าทุ่มเที่ยงคืนก็ไปนอนแล้ว แต่บางวันมีตื่นมาตีสามตีสี่มาเข้าห้องน้ำก็เห็นในห้องอ่านหนังสือยังมีไฟเปิดอยู่ค่ะ มารู้ทีหลังว่าเป็นเด็กปีสามที่ต้องอ่านหนังสือเตรียมเข้ามหาลัยกัน ที่นี่เค้าจริงจังกันมากๆ เลยค่ะ บางทีตอนตื่นมาก็เจอปีสามบางคนออกมาจากห้องอ่านหนังสือ คาดว่าไม่อ่านกันจนโต้รุ่งก็คงนอนในนั้นกันเลยล่ะค่ะ 
        มาต่อเรื่องอาหาร เรื่องกินเรื่องใหญ่ค่ะ5555555 มื้อเช้าจะเป็นซีเรียลกับนมค่ะ มีนมกาแฟกล่องด้วย ซึ่งอันนี้เราเลือกได้ค่ะว่าจะเอาเป็นนมกาแฟหรือน้ำผลไม้ แล้วก็มีโยเกิร์ตถ้วยเล็กๆ กับอาหารพวกโปรตีนซึ่งก็จะเปลี่ยนไปในแต่ละวันค่ะ บางวันเป็นไข่ม้วนบ้าง เบค่อนบ้าง แฮมบ้าง ของชุบแป้งทอดบ้าง เปาะเปี๊ยะ ขนมจีบก็มีค่า นอกจากนั้นก็มีขนมปังก็แยม เนย ชีส ซุปผง ข้าวหุงสุก อันนี้ให้เลือกกินตามใจชอบเลย จะกินหรือไม่กินก็ได้ ซึ่งเราก็เลือกกินค่ะ5555 บางวันก็จะมีขนมห่อมาให้เลือกด้วยค่ะ มีทั้งเมล่อนปัง ชูโรส แซนวิช โดนัท ฯลฯ มื้อกลางวันเป็นเบนโตะค่ะ หลากหลายมาก กล่องดูเหมือนเล็กแต่อิ่มมมม บางวันก็ไม่มีเบนโตะแต่จะเป็นพวกแซนวิชหรือขนมปังสอดไส้ค่ะ ซึ่งก็อิ่มเหมือนกัน ในส่วนของมื้อเย็นจะเป็นโปรตีนหนึ่ง สลัดหนึ่ง ผลไม้หรือขนมหวาน(สลับกันไปหรือบางวันก็มีทั้งสองอย่างเลย) อิ่มอร่อยทุกมื้อจริงๆ ค่ะ ประทับใจมาก
 
โยเกิร์ตรสพีชชช


เบนโตะค่ะ


มื้อเย็นค่ะ วันนี้ไม่มีสลัดให้เพราะมีผักรวมในเมนูโปรตีนแล้ว
ชีวิตในโรงเรียน
        ตอนไปวันแรกเรายังไม่ได้ยูนิฟอร์มค่ะ ต้องใส่ชุดนักเรียนไทยไปก่อน ซึ่งก็จะตกเป็นเป้าสายตามากๆ ตอนแรกก็แนะนำตัวในห้องค่ะ หลังจากนั้นก็ไปแนะนำตัวที่หอประชุม ทีนี้พอแนะนำตัวเสร็จก็จะเริ่มมีคนเข้ามาทักกันแล้วค่ะ 
        ส่วนเรื่องการเรียนก็เรียนตามคนญี่ปุ่นเลยค่ะ นอกจากวิชาภาษาอังกฤษก็ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ เพราะหนังสือมีแต่คันจิ/ร้องไห้ ในส่วนของวิชาพละ เทอมนี้เราเรียนโทบิบาโกะค่ะ เป็นแท่นที่วางต่อๆ กันแล้วให้กระโดดข้าม บางคนก็กระโดดข้ามได้แปดชั้น กระโดดเหมือนบินเลยค่ะ ทุกคนตัวปลิวมาก ตัดภาพกลับมาที่นี่ สามชั้น(ต่ำสุด)ก็ยังไม่ผ่านค่ะ/ยิ้มอ่อน 
        เรื่องเพื่อนทุกคนก็น่ารักใจดีมาก แต่เพราะเรายังคุยไม่ค่อยรู้เรื่องจนถึงตอนนี้ก็เลยยังไม่ได้คุยเยอะมาก แค่คุยเรื่องในแต่ละวันประมาณว่าง่วงจัง วันนี้ร้อนเนอะ คาบต่อไปมีสอบเหรอ สู้ๆ นะ วันนี้เบนโตะเธอมีอะไรบ้าง ประมาณนี้ จริงๆ เพื่อนๆ น่ารักมากค่ะ(มีขนมมาแจกทุกวันเลย) แต่ก็นะ บางทีก็เหมือนมีกำแพงกั้นอยู่ แต่เอาจริงๆ เราว่ากำแพงนั้นหลักๆ มาจากเรื่องภาษานั่นแหละค่ะ เรายังสื่อสารกันให้อีกฝ่ายเข้าใจแจ่มแจ้งไม่ได้ ทีนี้จะพูดอะไรเลยต้องระวังคำพูดให้มากหน่อย ต้องคิดให้มากหน่อยว่าถ้าพูดอย่างนี้ไปอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง เค้าจะเข้าใจที่เราจะสื่อมั้ย แต่บางคนเจอตัวจริงก็ไม่ได้คุยกันเลย คุยในไลน์อย่างเดียว บางคนก็ชอบทักมาในสตอรี่ไอจี แต่เจอกันที่โรงเรียนก็ไม่ได้ทักก็มีค่ะ งง อีกเรื่องเลยที่เรารู้สึกว่าเป็นกำแพงคือการที่เค้าทำดีกับเราตลอดเวลาค่ะ คือการที่เค้าทำดีกับเรามันก็ดีแหละค่ะ5555555 แต่เรารู้สึกว่ามันเป็นการกันให้เราเป็นคนนอกตลอดเวลา แบบเพื่อนกันก็มีหยอกมีเล่นมีแกล้งกันบ้าง ยิ่งเราคนไทยด้วยอะเนอะ กับเพื่อนคนไทยนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย555555 แต่คนญี่ปุ่นนี่กับเราเค้าจะพูดดีด้วยตลอดเวลา แล้วก็เหมือนอยู่ในโหมดจริงจังตลอดเวลา เพราะเหมือนเค้าจัดให้เราอยู่ในฐานะแขก เป็นคนที่มาอยู่ประเทศเค้าชั่วคราวเค้าเลยต้องทรีทเราดีๆ นั่นเองค่ะ  อย่างเช่นเมื่ออาทิตย์ก่อนที่หอเค้าติดกล้องวงจรปิด เรากลับบ้านพร้อมเพื่อน เค้าก็ชี้ให้เราดูแล้วก็คุยกัน เราก็แบบเออดีจังเนอะ เค้าก็บอก ช่าย หลังจากนี้ก็ทำเรื่องไม่ดีไม่ได้แล้วเนอะ เราก็แซ็วขำๆ อ้าว แล้วปกติเธอทำเรื่องไม่ดีหรอ เค้านี่ปฏิเสธจริงจังมาก แบบไม่นะ ไม่ใช่ๆ ไม่ได้ทำนะ เราแบบ จ้า อยากจะบอกว่าพูดเล่นแต่ตอนนั้นนึกคำไม่ออก โอยแซ็วจ้า ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้น โอยเอ็นดู แต่เอาจริงๆ ตอนนี้เพื่อนๆ ก็เริ่มผ่อนคลายเวลาอยู่กับเรามากขึ้นแล้ว แต่มันก็ยังมีกำแพงอยู่บ้าง ก็ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้เราจะสนิทกันได้มากขึ้นเน้อ/พนมมือ 
 
ยูนิฟอร์มค่ะ ไม่ได้ถ่ายไว้เลยวาดเอา5555 เริ่มหนาวแล้วเลยใส่เป็นเสื้อแขนยาวกัน




ตอนไปทัศนศึกษาที่โตเกียวค่ะ มีไปวัดอาซากุสะกับโตเกียวดิสนีย์ซี


อันนี้มื้อเย็นตอนไปอยู่โฮมสเตย์ค่ะ แซลม่อนชิ้นหนาวางเรียงกันประหนึ่งมากินบุฟเฟต์แซลม่อน อร่อยมากๆ ค่ะ!
       
        ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ จริงๆ มีเรื่องให้เล่าอีกเยอะมากเลย แต่กลัวจะยาวเกินไป55555555 กระทู้แรกผิดพลาดอะไรก็ขอโทษด้วยน้า ถ้ามีอะไรอยากให้เล่าเพิ่มก็บอกมาได้เลยค่ะ หรือถ้ามีคำถามอะไรก็ถามมาได้นะคะ!

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น

kwprdqz♡ 1 ต.ค. 60 เวลา 23:10 น. 1

โอ๊ย.. มาอ่านตอน5ทุ่ม555555555555555555555 ชอบมากเลยค่ะ บรรยากาศดีมากๆ อาหารที่นั่นน่ากินและการจัดดีจังเลยค่ะ อยากไปบ้างจัมมมมมมม ;_______;

1
itisveryhottoday 2 ต.ค. 60 เวลา 06:18 น. 1-1

ดีใจที่ชอบค่า555555555 อาหารอร่อยมากจริงๆ ฮือออ

ลองหาที่สอบดูนะคะ สู้ๆ ><

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น