Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ของมันต้องเรียนเพราะภาษาจีนจำเป็นมากขึ้นทุกวัน

ตั้งกระทู้ใหม่
พี่วินนี่มีเรื่องมาบอกเล่ากันอีกแล้วค่ะ เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งไปเยี่ยมญาติที่เมืองซัวเถา ประเทศจีน มาค่ะ  บอกเลยว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่การไปเที่ยวต่างประเทศแล้วพี่วินนี่รู้สึกถึงคำว่า "เป็นใบ้" ค่ะ  เพราะมีเชื้อสายจีนอยู่ 25 % ก็จริง แต่พูดจีนไม่ได้เลย...โอ๊ย!!!! เพิ่งรู้ซึ้งถึงคำว่า ภาษาอังกฤษ ไม่ช่วยอะไร



เพราะซัวเถาเป็นเมืองที่คนพูดภาษาอังกฤษยังมีน้อยมาก แม้แต่ในโรงแรมในระดับ 5 ดาวก็มีแต่คนทำงานส่วนรีเซฟชั่นที่พูดภาษาอังกฤษได้ แผนกอื่น ๆ พูดกันไมไ่ด้เลย พี่วินนี่มีชีวิตรอดได้เพราะญาติตัวเองพูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ ไม่งั้นคงจะน้ำลายบูดกลับไทย แต่เวลาไปไหนมาไหน แอบลำบากนิดหน่อย เรียกว่าพูดจนเมี่อยมือ จบทริปนี้เลยบอกกับน้องสาวว่า ที่เธอเคยคิดจะเรียนภาษาจีน เธอควรจะเรียนได้แล้วนะ แต่ไม่ใช่เอาไว้ไปเที่ยวจีนนะคะ  เอาไว้ทำงาน ทำมาหากินนี่แหละค่ะ เพราะน้องสาวพี่วินนี่อยากเป็นแอร์




ภาษาจีนมันจะสำคัญอะไรขนาดนั้น?  เชื่อว่าหลาย ๆ คนเริ่มตั้งคำถามกันแล้ว


คนจีนเดินทางมาไทยเยอะมากในแต่ละปี ทั้งเดินทางมาท่องเที่ยวและทำธุรกิจในประเทศไทย 


ทุก ๆ วันจะมีไฟลท์บินทั้งจากดอนเมือง สุวรรณภูมิ และสนามบินอื่น ๆ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย จากไทยไปที่จีนและจากจีนมาไทย มากกว่า 10 สายการบิน ดังนั้นในหนึ่งวันน่าจะมีมากกว่า  50 ไฟลท์ ในหนึ่งเที่ยวบินมีผู้โดยสารบนเครื่องมากกว่า 95% ของผู้โดยสายทั้งหมดเป็นคนจีน  วันที่พี่วินนี่บินกลับมาจากจีน เมื่อมาถึงดอนเมือง ตกใจมากค่ะ คิดว่าตัวเองยังอยู่ที่ประเทศจีน เพราะกลับมาถึงช่วงเย็นที่ในชั่วโมงนั้นน่าจะมีไฟลท์ที่ลงในเวลาใกล้เคียงกันที่เป็นไฟลท์จากจีน ไม่ต่ำกว่า 10 ไฟลท์ เพราะทุกอาณาพื้นที่ของสนามบินคือคนจีน 



ที่สำคัญนะ พนักงานบริการบนเครื่องบินที่เป็นคนไทย พูดจีนได้กันทุกคนเลยค่ะ  เพราะมันจำเป็นมาก แม้จะเป็นไฟลท์จากไทย แต่มีคนจีนมากกว่าและเขาพูดภาษาอังกฤษกันแทบไม่ได้ ส่วนคนไทยก็น่าจะไม่เกิน 20 คน นี่แหละเลยอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าภาษาอังกฤษไม่ช่วยอะไร



ส่วนในประเทศเราเอง พี่วินนี่เคยไปซื้อของเกี่ยวกับอุปกรณ์โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ เชื่อไหมคะว่าตึกทั้งตึกเต็มไปด้วยคนจีน แต่เขาไมไ่ด้มาซื้อของนะคะ เขามาลงทุนทำธุรกิจในบ้านเราค่ะ จากที่คนไทยเราเคยบินไปจีน ไปเอาของในประเทศเขามาขาย แต่ตอนนี้เขาเข้ามาลงทุนเปิดร้านเองที่บ้านเราเลย 



หรือแม้แต่บริษัทชั้นนำในจีนที่มีสาขาในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกก็มาเปิดสำนักงานในไทยกันมากขึ้นด้วยค่ะ เช่น บริษัทที่เกี่ยวอุปกรณ์สายเคเบิ้ล เครื่องจักรอุตสาหกรรม แม้ว่าในออฟฟิศในไทยคุณอาจจะใช้ภาษาไทยและอังกฤษสื่อสารได้ แต่ถ้าคุณพูดจีนได้ โอกาสที่จะรุ่งเรื่องก้าวหน้าก็จะมากขึ้นค่ะ



และจากประสบการณ์ที่น้องสาวพี่วินนี่ไปสอบเป็นแอร์สายการบินต่าง ๆ ก็พบว่าช่วงนี้ สายการบินที่มีไฟลท์บินไปจีนก็เปิดรับแอร์โฮสเตสกันมากขึ้นค่ะ ส่วนสายการบินสัญชาติจีนก็เปิดตัวสายการบินแบบไฮโซ ที่ชื่อ  Hainan เพื่อแข่งขันในธุรกิจการบิน




วันก่อนพี่วินนี่เพิ่งคุยกับน้องคนนึงที่เพิ่งกลับมาจากออสเตรเลียและไปสมัครงานที่ภูเก็ต น้องบอกว่า เสียดายมากเลย เคยเรียนภาษาจีนตั้งแต่เด็ก ๆ ก็ลืมหมดเลย ตอนนี้ไปสมัครงานที่ไหน นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว เขาก็อยากได้คนที่พูดภาษาจีนด้วย ถ้าได้ทั้งอังกฤษและจีน จะหางานง่ายมากเลย



อีกเรื่องคือ  หลาย ๆ คนมักจะมีคำถามว่า แล้วคนที่เขาพูดภาษาอังกฤษอยู่แล้ว นอกจากภาษาอังกฤษเขาเรียนภาษาอะไรกัน บางคนก็คิดถึงขั้นว่า เขาสบายจังไม่ต้องเรียนภาษาอื่นนอกจากภาษาของตัวเอง



รู้ไหมว่า ภาษาจีนนี่แหละคือ อีกภาษานึงที่เขาเรียนกัน 


อย่างพี่วินนี่อยู่ที่ออสเตรเลีย ก็จะได้ยินเด็กออสเตรเลียหลายๆ คนพูดภาษาจีนกัน และเลือกเรียนภาษาจีนเป็นภาษาที่ 2 ที่โรงเรียน 



ตัวพี่วินนี่เองถ้าไม่ติดว่าภาระงานเยอะอยู่แล้ว ก็คงจะไปเรียนภาษาจีนบ้างเหมือนกันค่ะ
แต่ถึงแม้ตัวเองจะยังไปเรียนไม่ได้ แต่พี่วินนี่ก็มีข่าวดีๆ บอกน้อง ๆ ที่อยากจะเรียนภาษาจีนค่ะ



ข่าวดีที่พี่วินนี้จะบอกก็คือ เพิ่งรู้มาค่ะว่า มหาวิทยาลัยในประเทศจีน เขามีทุนการศึกษาให้เยอะมากเลยค่ะ สำหรับใครที่สนใจจะไปเรียนภาษาที่ประเทศจีน และมีให้เลือกหลายเมืองเลย มีทั้งทุนที่ได้ 100 % กับทุนส่วนลด20 -50 %  คือ ปีนึงค่าเรียนภาษาบวกค่าที่พักอยู่ที่ 5-6 หมื่น จนถึงแสน ใครที่ได้ทุนแบบ 100 %  ก็จะเหลือแค่ค่าสมัครและยื่นขอทุนแค่ไม่กี่หมื่นก็ได้เรียนแล้วค่ะ



 ซึ่งที่พี่วินนี่รู้มา ไม่ได้มีแต่ทุนเรียนภาษาจีนนะคะ ยังมีทุนเรียนปริญญาตรี โท เอก ด้วยนะ 



จริง ๆ แล้วโอกาสในการไปเรียนต่อต่างประเทศมันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว ถ้าเราคอยติตดามข้อมูลข่าวสาร 


ถ้าพี่วินนี่รู้เรื่องงราวอะไรดี ๆ ก็จะเอามาแบ่งปันกันเรื่อย ๆ นะคะ

แสดงความคิดเห็น

>