เล่าประสบการณ์ ทำความรู้จักคณะจิตวิทยาจุฬา Psyche Chula Expo 2017

สวัสดีครับ เนื่องในวันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2560 ผู้เขียนได้ไปงาน Chula Expo มา ครบรอบ 100 ปี งานนี้มีสิ่งดีๆหลากอย่างมาก มีแอพด้วย สิ่งที่เป็น Highlight ส่วนหนึ่งก็คือ City ต่างๆที่ออกแบบมา ทำออกมาได้สุดยอดมาก วัฒนกรรม วัฒนธรรมแห่งอนาคตจริงๆ และอีกอย่างหนึ่งที่เป็น Highlight สำหรับนักเรียน นักศึกษาคือการเปิดบ้าน ทำความรู้จักคณะต่างๆของมหาวิทยาจุฬาลงกรณ์ ซึ่งในบทความนี้จะพูดถึง เล่าถึงประสบการณ์  คณะจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ เพื่อเล่าประสบการณ์ตัวเอง เล่าความรู้สึกความประทับใจ เขียนขอบคุณ และก็อยากเขียนไว้ให้คนที่สนใจ ที่ไม่มีโอกาสได้ไป ได้ทำความรู้จักคณะจิตวิทยาของมหาลัยจุฬาลงกรณ์มากขึ้น เพราะเป็นคณะที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

เพจหลักอย่างเป็นทางการ : Psyche Chula Expo 2017 และ รูปภาพ Psyche.cu’s photography 

คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดตั้งขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งคณะจิตวิทยา ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2539 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2539 นับเป็นคณะที่ 18 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นคณะจิตวิทยาแห่งแรกของประเทศไทย ปี 2559 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นคณะจิตวิทยา อันดับ 1 ของประเทศไทย จากการจัดอันดับของ QS World University Rankings by Subject 2016.

การศึกษาคณะจิตวิทยาได้เริ่มขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน หลักสูตรครุศาสตร์ ตั้งแต่ครั้งแรกเป็นแผนกครุศาสตร์ สังกัดคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 คณะครุศาสตร์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นคณะ การเรียนการสอนวิชาจิตวิทยาจึงอยู่ในความรับผิดชอบของคณะครุศาสตร์ เป็นต้นมา ในปี พ.ศ. 2505 เริ่มมีการเปิดสอนหลักสูตรปริญญาโท สาขาจิตวิทยาการศึกษาและแนะแนวขึ้น การเรียนการสอน และการวิจัยทางจิตวิทยาได้พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยมีขอบเขตกว้างขวางและลึกซึ้งมากขึ้น ในปี พ.ศ. 2506 จึงได้มีการจัดแผนกวิชาจิตวิทยาขึ้น เพื่อรับผิดชอบการสอนในสาขาวิชาจิตวิทยาแขนงต่าง ๆ สำหรับนิสิตปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก หลักสูตรปริญญาเอกสาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษาเปิดสอน ปีการศึกษา 2517 นับเป็นหลักสูตรปริญญาเอกหลักสูตรแรกที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย คณะจิตวิทยาได้จัดตั้งขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งคณะจิตวิทยา ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2539 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2539 นับเป็นคณะที่ 18 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดอยู่ในคณะกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยกำหนดให้วันที่ 7 กรกฎาคม 2539 เป็นวันสถาปนาคณะจิตวิทยา คณะจิตวิทยาตั้งอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้า MBK Center บริเวณเดียวกับคณะสหเวชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาและคณะพยาบาลศาสตร์ คณะจิตวิทยาเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีภาคไทยครั้งแรกในปีพ.ศ. 2545 โดยมีนิสิตรุ่นแรกทั้งสิ้น 25 คน นิสิตปัจจุบันในปีการศึกษา 2559 เป็นนิสิตรุ่นที่ 15 นอกจากนี้คณะจิตวิทยายังได้เปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีในหลักสูตรนานาชาติ (JIIP) โดยความร่วมมือระหว่างคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและ University of Queensland ประเทศออสเตรเลีย

แหล่งที่มา ข้อมูล : คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ก่อนอื่นเลย เมื่อมาที่ซุ้มคณะจิตวิทยาแล้ว ก็ลงทะเบียนออนไลน์แล้วรับสมุดสวยๆและ แผ่นพับที่เกี่ยวข้องกับซุ้มต่างๆ แล้วลงมือเล่นให้ครบทุกซุ้มก็จะได้ปรับตรา เมื่อสะสมครบสามารถนำไปแลกของรางวัลได้ คือ แฟ้ม แล้วก็พวงกุญแจ [ แผนที่ การเดินทาง ]

ซุ้มที่ 1 เปิดโลกความรู้ สู่จิตวิทยาจามจุรี

   ซุ้มนี้ก็จะเป็นเกี่ยวกับบอร์ดข้อมูล เอกของคณะจิตวิทยาว่ามีอะไรอย่างไรงบ้าง และก็ข้อมูลรูปแบบในการยื่นสอบเข้าคณะจิตวิทยา

โดยสัดส่วนคะแนนดังนี้

[ ทั้งหมดเป็นรูปแบบในปี พ.ศ.2559]

รูปแบบที่ 1 : GAT 30% PAT1  20% GPAX30%  ONET20%

รูปแบบที่ 2 :   GAT 20% PAT2  30% GPAX30%  ONET20%

รูปแบบที่ 3 :   GAT 50%  GPAX30%  ONET20%

สำหรับเอกของคณะจิตวิทยาของจุฬาก็จะแบ่งเป็นดังนี้

1. จิตวิทยาการปรึกษา (Counseling Psychology) : เกี่ยวข้องกับการให้คำปรึกษา การรับฟังและทำความเข้าใจผู้ที่ต้องการคำปรึกษาและช่วยให้พวกเขาสามารถคิด ไตร่ตรองแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง.
2. จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ (Industrial and Organizational Psychology) : เป็นศาสตร์ที่ศึกษาจิตวิทยา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรณ์ ในบริษัท การจัดการพัฒนาพนักงาน การแก้ไขปัญหารายบุคคล การสร้างแรงจูงใจในที่ทำงาน
3. จิตวิทยาสังคม (Social Psychology) : การศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ว่าผู้คนคิดอย่างไรเกี่ยวกับผู้อื่น ผู้คนมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างไร และผู้คนมีอิทธิพลต่อกันและกันอย่างไรบ้าง
4. จิตวิทยาพัฒนาการ (Developmental Psychology) : การใช้จิตวิทยา ทำการศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการของมนุษย์
5. จิตวิทยาประสาทวิทยา (Neuroscience Cognitive Psychology) : เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของสมองมนุษย์ , การทำงานของสื่อประสาท  เพื่อค้นหาคำตอบว่า ทำไมมนุษย์ ทำไมคนเราถึงมีความคิดหรือพฤติกรรมอย่างนั้น โดยเน้นไปที่การศึกษาการทำงานของสมอง  เป็นสาขาที่ต่างประเทศดังมากๆและในไทยตอนนี้ก็พึ่งได้รับทราบว่า มีแค่ของจุฬาเท่านั้นที่เปิดสอนเมื่อไม่นานมานี้ เป็นสาขาที่น่าสนใจสุดๆ

ส่วนตัวแล้วผู้เขียนชอบซุ้มนี้มาก เพราะยืนคุยฆ่าเวลาอยู่นานมากแล้วติดลมเพลินๆ เพราะพี่ๆที่ซุ้มนี้เค้าแนะนำดี พูดเก่ง แต่สิ่งสำคัญเลยที่เรามองแล้วชอบก็คือ Passion ของรุ่นพี่ในนี้เวลาเขาเล่าอะไร มันออกมาจากใจว่า เออเขารักในสิ่งที่เขาเรียนและสิ่งที่เขาทำ แล้วเขาก็แนะนำสิ่งดีที่สุดจริงๆ พวกรุ่นพี่ในซุ้มนี้เหมือน Open Book คือพวกพี่เขาพร้อมจะตอบคำถามทุกความสงสัยที่เรามี ถ้าเราสามารถถามคำถามได้ถูกและตรงประเด็น แต่อันนี้มุมมองผู้เขียนค่อนข้างเสียดายนิดนึงที่ไม่ได้มีเวลามามากกว่านี้ ความรู้เยอะมาก เป็นสิ่งหนึ่งที่ชอบมากๆ

ขอบคุณซุ้มนี้มากเป็นพิเศษ จากใจจริง ขอชื่นชมพี่ๆทุกคนในซุ้มนี้เลย ได้หลายสิ่งหลายอย่างจากซุ้มนี้มาก จะไม่มีวันลืมการสนทนา การสอบถามจากซุ้มนี้เลย ขอบคุณมากจริงๆครับ.

ซุ้มที่ 2 Barnum Effect

สำหรับซุ้มนี้ก็จะเป็นซุ้มดูดวง เสี่ยงเซียมซี่ ดูดวงราศี กรุ๊ปเลือดอะไรต่างๆ ว่าเฮ้ยทำไมทำนายตรงจัง หลังจากนั้นก็จะเป็นการเฉลยว่าเพราะอะไร คำทำนายเหล่านี้อ่ะมันถึงตรง ถึงแม่น มันคือปรากฏการณ์ Barnum Effect เป็นซุ้มที่ได้รับความสนใจค่อนข้างสูงจากคนอื่นที่ได้ยินมา เพราะแต่ล่ะคนค่อนข้างคาดหวังว่าจะได้ดูดวงฟรีกันจริงๆ แต่ซุ้มนี้เป็นการให้ความรู้และเปิดโปง ทริคต้มตุ๋นของอาชญกรเหล่านี้ได้ดีและมีประโยชน์มากๆ เรื่องนี้เป็นจิตวิทยาล้วนๆเลย. ก็รู้สึกว่าซุ้มนี้โอเคดี ความรู้มีประโยชน์.

ขอบคุณพวกพี่ๆที่ตั้งใจ เนรมิตทำซุ้มนี้ครับ ทำออกาได้ดี น่าสนใจมากๆ

ซุ้มที่ 3 นิทรรศการมายา

ในซุ้มนี้ก็จะเป็นเกี่ยวกับ เรื่อง การหลอกตา การหลอกสมอง เป็นซุ้มที่สนุกและน่าสนใจาก ไ่ม่ว่าจะเป็นการหลอกสมอง ภาพลวงตา คนที่ตัวใหญ่ – ตัวเล็ก สลับกัน , การจำลองสมองให้เห็นภาพต่างๆ หรือการมองจุดภาพลวงตา เป็นซุ้มที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสมองและเรื่องเล่านี้ได้ดี.

ขอบคุณในการสร้างฉาก พวกพี่ทำดีมาก แล้วก็ขอบคุณที่จัดซุ้มสุดมหัศจรรย์นี้ครับ

ซุ้มที่ 4 Time Perspective

ซุ้มนี้เราจะทำแบบทดสอบ มุมมองในเรื่องเกี่ยวกับเวลา ว่าเราเป็นคนมีมุมมองในการใช้เวลาแบบไหน เป็นคนใช้เวลาประเภทไหนตามแนวคิดหลัก Zimbardo (1999) เป็นคนที่ยึดติดกับอดีต , อยู่กับปัจจุบัน หรือชอบวางแผนเกี่ยวกับอนาคต แบบทดสอบดีและทำให้รู้จักคุณค่าของการใช้เวลามากขึ้นอันนี้  เป็นสิ่งที่ช่วยให้พัฒนาตนเองและเป็นสิ่งสำคัญมาก ซุ้มนี้ก็เน้นที่เรื่องคุณค่า และมุมมองเกี่ยวกับเวลา.

ขอบคุณที่ทำให้รู้จักคุณค่า ทำให้รู้จักมุมมองเกี่ยวกับเวลาของตัวเองครับ ขอบคุณครับ

ซุ้มที่ 5 เผยคุณค่าด้วยความขอบคุณ

เป็นอีกหนึ่งซุ้มที่ชอบมาก เพราะเรื่องคุณค่าการขอบคุณ เป็นสิ่งที่งดงามมากๆ การเห็นคุณค่าในทุกๆสิ่ง การเขียนขอบคุณโลก ขอบคุณผู้อื่น ขอบคุณตัวเอง การให้ความรู้ในเรื่องด้านนี้จะช่วยให้มีความสุขมากขึ้น การขอบคุณเป็นสิ่งเล็กๆที่ใครๆก็สามามรถทำได้ แต่ การขอบคุณนั้นมมีคุณค่ามหาศาลมากมายเลย ซุ้นนี้จะทำให้เราได้รู้จักคุณค่าของการขอบคุณ ชอบนะ เพราะคนไทยไม่ค่อยมีใครเห็นคุณค่าตรงนี้มากกันซักเท่าไร ดีใจที่ซุ้มจิตวิทยานำเสนอเรื่องนี้

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณจากใจจริงครับซุ้มนี้ ทำดีมาก

ซุ้มที่ 6 การจัดการปัญหาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า

เป็นซุ้มที่จัดเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าที่ละเอียด และสามารถเข้าใจได้ง่าย เพราะโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่ใกล้ตัวากกว่าที่เราคิดไว้มาก ซุ้มนี้ทำให้สามารถเข้าใจโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นและแถมยังมีการเขียนให้กำลังใจคนที่กำลังท้อหรือคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วย

ขอ Tied-in บทความ : โรคซึมเศร้า คืออะไร l What is major depressive disorder

ขอบคุณที่ทำซุ้มเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าและตั้งใจอธิบายให้เห็นภาพและเข้าใจเกี่ยวกับโรคซึมเศร้ามากขึ้นครับ

ซุ้มที่ 7  ความรักและการดำเนินความสัมพันธ์

อันนี้หารูปภาพที่ตรงๆไม่เจอเท่าไร ซุ้มนี้คร่าวๆก็เป็นแบบทดสอบ ว่าเราเนี่ยเป็นคนมีความรักประเภทไหน เป็นประเภทรักแบบเสียสละ รักแบบิตรภาพ หรืออื่นๆ อันนี้แบบสอบถามมันมีหลายข้อมาก ตาลายหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นการทำความรู้จักความรักของตนเองได้ดี

ขอบคุณสำหรับ การนั่งตรวจแบบสอบถามหลายหลากข้อ และทำซุ้มนี้ครับ ขอบคุณจริงๆครับ

ซุ้มที่ 8 จามจุรีสีเลือด

เป็นซุ้มดีที่ไม่ควรพลาดมาก สำหรับซุ้มนี้ พวกเราจะได้เราบทบาทเป็นคณะลูกขุนที่ต้องตัดสินว่า ใครคือผู้ร้ายตัวจริงที่ได้ฆาตกรรม นางสาว B โดยมีผู้ต้องสงสัย 3 คนพร้อมกับข้อมูลบางส่วน ซุ้มนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Halo Effect ก็คือปรากฏการณ์ที่ คนในสังคมส่วนใหญ่มักจะตัดสินคนด้วยหน้าตา อย่างเช่นเห็นคนหน้าตาดีก็มักจะตีความไปว่าเป็นคนดี หรือเห็นคนที่หน้าตาอาจจะไม่ดีมากเท่าไรก็จะคิดว่าเป็นคนไม่ดี ความรู้เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สังคมควรให้ความสำคัญมากๆเลย คือการอย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่ที่มาของเรื่องนี้ส่วนใหญ่ก็มีส่วนมาจากสื่อด้วยส่วนหนึ่ง เพราะตั้งแต่เด็กๆพวกเราดูละคร ดูหนัง ดูการ์ตูน เราก็มักจะเห็นคนหน้าตาดีรับบทเป็นคนดี เป็นนางเอก เป็นพระเอกอยู่เสมอๆ ซุ้มนี้ดีมากไม่ควรพลาดเลย ความรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ Halo Effect นี้ชอบมาก.

 ขอบคุณที่ทำซุ้มเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ พวกพี่ๆตั้งใจอธิบายดีมากๆ ขอบคุณครับที่สร้างซุ้มดีๆอย่างนี้ออกมา

   การเปิดบ้าน เปิดประสบการณ์ที่งาน Chula Expo2017 ของคณะจิตวิทยาสำหรับผู้เขียนถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีและสร้างแรงบันดาลใจเป็นอย่างมากครับ ทุกๆช่วงเวลาเก็บเกี่ยวความรู้สิ่งดีๆมาได้เยอะมากๆ รุ่นพี่ทุกๆคนตั้งใจทำซุ้ม ตั้งใจทำกันดีมาก พูดดีมีน้ำใจ และที่สำคัญพวกพี่มี Passion เยอะมากในสิ่งที่ทำ ขอบคุณมากครับ  สำหรับใครที่มีโอกาสได้ไปมาแล้วแชร์ประสบการณ์กันได้นะ

//อันนี้รวมของที่ได้รับแจกฟรี แฟ้ม สมุด เข็มกลัด และแผ่นพับ แล้วก็ของที่ซื้อจากงาน ชอบกระเป๋าทำสวยมาก แล้วก็โชคดีได้เข็มกลัดมาด้วยเป็นคนที่ 100 พอดี
แหล่งที่มา https://allofimpulsion.wordpress.com/2017/03/18/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9/