อยากเข้าอักษรจุฬาฯ (เอกศิลปะการแสดง&เอกปรัชญา)

สวัสดีค่า พี่อยู่อักษร จุฬานะ ขอตอบเพราะไม่ค่อยเห็นคนเข้าเอกนี้ 5555555

1. อยากถามก่อนอ่ะค่ะว่าน้องอยู่สายอะไร มีภาษาที่สามมั้ยเอ่ย?

คือตอนพี่สอบเข้านะ มันต้องสอบ pat7+9สามัญไทย สังคม อังกฤษ อย่างละ 25% ส่วนปีน้องพี่ไม่แน่ใจว่าระบบจะเปลี่ยนมั้ย เอาเป็นว่าคอยตามข่าวเรื่อยๆแล้วกัน

แต่คิดว่าไทย อังกฤษ สังคม คงต้องสอบทุกปี งั้นขอพูดถึง 3 ตัวนี้ก่อน

ไทย - พี่ลงเรียนพิเศษอาจารย์ปิงค่ะ คิดว่าสอนดีพอควร และเนื้อหาก็ครบ แต่ถ้าอาจารย์ที่โรงเรียนสอนโอเคแล้วก็ไม่ต้องเรียนหรอก เพราะมันไม่จำเป็นเลยจริงๆ ข้อสอบไทย9สามัญจะเน้นการคิดวิเคราะห์ จับใจความจากเนื้อเรื่องค่อนข้างมาก คำแนะนำคือไปหาปริ้นข้อสอบปีก่อนๆตามเน็ตมาฝึกทำ (และหาเฉลยที่ไว้ใจได้ด้วยนะ เพราะส่วนใหญ่มันมั่ว) ถ้าเกิดว่ามันมีหนังสือรวมข้อสอบก็ซื้อมาฝึกทำก็ได้ (ตอนพี่ไม่มี ตอนนี้ไม่รู้มีมั้ย) ค่อยๆคิด ฝึกไปเรื่อยๆจะจับทางข้อสอบได้เองค่ะ ไม่จำเป็นต้องจำเนื้อหาที่เรียนมามากนัก เพราะมันแทบไม่ออก ใช้ทักษะล้วนๆ //ซึ่งพี่คิดว่าเด็กที่จะมาสายนี้ส่วนใหญ่ทักษะนี้ค่อนข้างดีนะ น่าจะฟันคะแนนง่ายสุด

สังคม - มันครอบจักรวาลอ่ะ........หนังสือกระทรวงมีเท่าไหร่มันก็ออกเท่านั้นแหละ หนังสือแนะนำ พี่แนะนำสรุป O-net สังคม ม.ปลาย ที่มันเป็นสี่สีทั้งเล่ม (จำคนเขียนไม่ได้ละ) เพราะเนื้อหาครอบคลุม หรือไม่ก็หนังสือ อ.ชัย เพราะทำสรุปออกมาได้อ่านรู้เรื่อง นอกจากนี้ตอนนั้นพี่ก็เรียน อ.ปิง หรือถ้าเอาแบบฮาร์ดคอร์จริงๆ น้องก็ไปอ่านทุกเล่มของกระทรวงให้ครบเถอะ คำแนะนำข้อเดียวคือจำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (แต่พอสอบติดแล้วก็เขวี้ยงหนังสือพวกนี้ทิ้งไปได้เลย เพราะมันไม่จำเป็นแล้ว เรียนมหาลัยก็ต้องรีเซ็ทใหม่ทั้งหมดอยู่ดี เพราะที่ผ่านมามันผิด)

อังกฤษ - พี่เรียนพิเศษเลยให้คำแนะนอะไรไม่ได้ ก็หาโจทย์มาทำเยอะๆแล้วกัน ระดับอิ้งนี่น้องวัดได้นะ มันจะมีพวกวัดระดับของ CEFR อยู่ โดยปกติเด็ก ม.ปลาย ก็จะอยู่ระดับ 3-4 กันนะ แต่ไม่ต้องกังวลกับมันมากหรอก เพราะเวลาเข้ามา คะแนนมันเฉลี่ยๆกันมาหลายวิชา บางคนอังกฤษดีเลิศ บางคนอังกฤษดิ่งลงเหวก็มี แล้วแต่ว่าเอาคะแนนอะไรดึง

ส่วนเวลาอ่านหนังสือเหรอ........เท่าที่จำได้ พี่มีเวลาเตรียมตัวแค่ตั้งแต่ปิดเทอมขึ้น ม.6 แต่ด้วยปัญหาหลายๆอย่างทำให้ไม่ค่อยเตรียมตัวมีประสิทธิภาพอะไรนักค่ะ หลักๆก็ไปเรียนพิเศษ ทำการบ้านให้ครบให้หมด วิชาเรียนตอนม.6 ส่วนใหญ่พี่โดดเพราะมันเป็นสายวิทย์ แล้วเอาเวลามานั่งทำข้อสอบ อ่านหนังสือ วันๆนึงก็จดตารางไว้ว่าวันนี้จะทำข้อสอบวิชาอะไร กี่ชุด นอนห้าทุ่ม แล้วก็ตื่นตี3-4มาอ่านหนังสือทุกวัน ยกเว้นเสาร์อาทิตย์ไว้พักผ่อน (แต่ก็ฟุบหลับบ่อยนะ 55555) //แต่คือตอนนั้นพี่ไม่ได้อ่านหนังสือสอบเข้าแค่อักษร แต่มีปัญหาคณะอื่นๆติดพันมาด้วย ตารางเลยดูหนัก ถ้าอักษรอย่างเดียวก็ไม่น่าหนักมาก หรือถ้าหนักขนาดนี้นี่คะแนนพุ่งแน่นอน 55555. ส่วนภาษาที่สามไม่ขอพูดถึงละกัน เวลาเตรียมตัวน้อยเลยเละตุ้มเปะมากๆ

คำแนะนำในการอ่านหนังสือคือจัดตารางให้ดี ไม่หนักไม่เบาเกินไป และทำตามตารางให้ได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะ สู้ๆ มาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน

2.พี่ไม่ได้จบเตรียมค่ะ แต่อย่างที่บอก คณะนี้เด็กเตรียมเยอะ เพื่อนเตรียมพี่เลยเยอะ ขอเคลมอีกคนว่าทุกคนเก่งมากๆๆๆ แต่เหนือความเก่ง สิ่งที่พวกเขามีคือความขยันค่ะ ขยันทำงาน อ่านหนังสือ ตั้งใจเรียนจนยอมใจจริงๆ

3.พี่ไม่ได้อยู่ 2 เอกนี้อ่ะ แต่วิชาพื้นฐานมันมีของ 2 เอกนี้ พี่จะรีวิวคร่าวๆละกัน

ปริทัศน์ศิลปการละคร - เป็นวิชาที่พี่ชอบมากกกกก เพราะอาจารย์อินดี้ และพี่ชอบเนื้อหาการเรียน ชอบพวกบทละครทั้งหลาย และวรรณกรรมระดับโลกทั้งหลาย หลายๆเรื่องเคยอ่านมาแล้ว พออาจารย์พูดถึงเลยยิ่งฟินมากๆ 55555 แรกๆก็จะเรียนเกี่ยวกับพวกองค์ประกอบ เทคนิคการแสดงละคร กว่าจะเป็นละครได้ต้องผ่านอะไรบ้างๆ บลาๆๆ แล้วก็ประวัติการละคร บทละครดังๆต่างๆ ที่บังคับอ่านเลยคือ Macbeth ของ Shakespeare ฉบับภาษาไทย (ซึ่งเป็นเล่มโปรดพี่เลย อ่านเป็นสิบรอบได้แล้ว เลยยิ่งกรี๊ด) ไปลองหามาอ่านก่อนได้เลยนะ 555555 ข้อสอบวิชานี้ก็ไม่ยากค่ะ เรียนอะไรออกตามนั้นเลย เป็นวิชาฟันเอเทอมแรกเลยล่ะ ส่วนงานก็จะมีให้ไปดูละครฟรี 2 เรื่อง แล้วทำเขียนวิจารณ์ส่ง 2 ฉบับ บางทีก็มีนิทรรศการละครงี้ให้เลือกดูเรื่องไหนก็ได้ด้วย (แต่ปีพี่งดไป) แต่ละครอักษรมันจะไม่ใช่ละครตามตลาดนะ......เรียกว่าละครอินดี้ก็ไม่ผิด เป็นละครแบบที่เข้าไปดูแล้วคง "เอ๊อะ อะไรเนี่ย?" แต่ถ้าดูพร้อมคิดตามทุกๆรายละเอียดของเรื่องแล้วรับรองเด็ดแน่ (ซึ่งน้องน่าจะชอบ) เอาเป็นว่าเรียนเถอะ มันดีมาก เปิดโลกที่น้องไม่รู้ และได้เข้าใจอะไรหลายๆอย่างในชีวิตขึ้นเยอะ

การใช้เหตุผล - วิชาพื้นของปรัชญา ต่างกันไปตามเซค เซคพี่ก็จะเรียนการอ้างเหตุผลในรูปแบบต่างๆ เขียนเวนน์ออยเลอร์ อ้างประพจน์ fallacy การเขียนบทความอ้างเหตุผล การแปลงภาษาธรรมดาเป็นภาษาเหตุผลงี้ พี่รู้สึกว่ามันเป็นวิชาที่คนทั้งประเทศควรเรียน เพราะนอกจากจะฝึกให้มีเหตุผล ยังฝึกกระบวนการคิดทำให้จัดเรียบเรียงความคิดง่ายขึ้นด้วย

//ขอเม้าท์หน่อย 55555 มีครั้งนึงพี่ไปปรึกษาอาจารย์เรื่องบทความอ้างเหตุผล ถามว่าถ้าเกิดเหตุผลที่เราโต้แย้งด้วยมันเป็น fallacy จะทำยังไง อาจารย์ก็ตอบมาว่า "ก็ไม่ทำอะไร ไปหาเหตุผลอื่นมาโต้แทน เพราะ fallacy มันไม่ใช่การอ้างเหตุผล โต้เถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องไปโต้เถียงกับมัน"

คือพี่สตั๊นมาก 5555555 จากนั้นก็มาเริ่มคิด เออ ก็จริงเนอะ แล้วเลยเอาใช้ในชีวิตประจำวัน คือเวลาโต้เถียงกับคน ถ้าเขาแถสีข้างถลอก หรือพูดอะไรที่มัน fallacy ฟังไม่ขึ้น พี่ก็จะนิ่งๆเฉยๆไป เพราะรู้ว่าเถียงไปไม่มีประโยชน์........ เรียกได้ว่าวิชานี้สอนแนวการใช้ชีวิตไปด้วยในตัวแฮะ

ปรัชญาทั่วไป - อันนี้ก็พื้นฐานปรัชญาอีกตัว จะมีให้เลือกเรียนระหว่างศาสนากับปรัชญา (จริงๆพี่อยากเรียนศาสนา แต่ชวดไป....แต่ไม่เป็นไร ปรัชญาก็สนุกดี) แนวการเรียนก็แล้วแต่เซคเหมือนกัน อย่างเซคพี่ก็จะมีหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนึงให้อ่าน จากนั้นก็มานั่งคุยกันเกี่ยวกับหนังสือนั้น ไล่ตาม Timeline เรื่อยๆ ตั้งแต่ยุค Stoic จนถึง Nietszche เป็นวิชาที่จดน้อย (บางทีจดไปก็ไม่รู้เรื่อง) แต่คิดมากกกกกกกกกกก บางทีก็ควรพกยาแก้ปวดไป เพราะหลังเรียนเสร็จทีไรเหมือนโลกหมุนทุกที มันเหมือนกับเราต้องทำความเข้าใจความคิดของคนที่.....จะว่าไงดีล่ะ ไม่เหมือนคนทั่วไปอ่ะ และหลายคนมากๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากมากเลยนะ บางทีเราก็ตีความออกมาไม่เหมือนคนอื่น เรียกได้ว่าต้องมีการพูดคุยถกเถียงกันประจำ แม้กับตัวอาจารย์เองก็ยังชอบถาม "คุณคิดว่าไง?" และเป็นคำถามที่ปลายเปิดมากๆ อาจารย์จะไม่บอกว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่ให้ไตร่ตรองตามมุมมองนักปรัชญาแต่ละคนเอง ........เป็นวิชาที่เดาทางไม่ถูก และยากมากๆเลยแหละ แต่คนที่ชอบก็ชอบเลยแหละ

เอาตามความเห็นพี่ น้องดูจะเอนเอียงไปทางละครมากกว่า แต่ก็ไม่แน่ ต้องลองมาเรียนดู ปี1เขาจะให้เรียนพื้นฐานทุกสาขาเพื่อให้เรารู้ว่าเหมาะกับสายไหน เพราะงั้นมาเรียนก็จะคิดได้เอง (แต่บอกไว้ก่อนว่าเอกละครเหนื่อยมาก งานหนักมาก ซ้อม เขียนบท ช่วยงานแสดง บลาๆๆ คือเค้าทำละครกันจริงๆอ่ะ พี่ๆเอกละครแต่ละคนนี่บางคนแทบจะสิงคณะละ ได้นอนกันบ้างมั้ยก็ไม่รู้ โทรมสุดๆ ส่วนเอกปรัชญา ภาระทางสมองน้องจะเยอะ เพราะคิดเยอะ 5555555 ส่วนใหญ่พี่ๆเอกปรัชญามักจะเป็นประเภทที่พูดอะไรแล้วทำให้คนสตั๊น และเอากลับไปขบคิดอ่ะ พี่โคตรนับถือ 2 เอกนี้เลย ยอมแล้ววว)

ส่วนงานนี่.....คำถามยอดฮิตเลย 55555 สายงานกว้างมากค่ะ ทำอะไรก็ได้ที่ใช้ทักษะส่วนบุคคล จะทำละคร วงการบันเทิง งานบริษัท เลขา อาจารย์ นักการทูต ไปเปิดธุรกิจส่วนตัว ยันไปเป็นแอร์โฮสเตส คือมันกว้างจริงๆ ตอบไม่ถูกเหมือนกัน (ซึ่งเป็นงี้ทุกเอก แต่เอกละครคงจะชัดกว่าหน่อยตรงที่มันมีสายงานด้านละครล่ะมั้ง)

พล่ามมายาวมาก แต่ไม่รู้จะตอบคำถามน้องได้มั้ยนะ แหะๆ

มีอะไรเพิ่มเติมก็สอบถามพี่ได้นะคะ ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ ไลน์ victorikas

คห. 1 เป็นสาวอักษรมาตอบเองเลย ผมอ่านที่ คห.1 เขียนแล้วปลื้มมากๆ ชอบมากๆ 555+ ใช่เลยวิชาการให้เหตุผลพื้นฐานอ่ะ มันควรเป็นวิชาที่ทุกคนในสังคมควรจะได้เรียนนะ

ในฐานะพี่เรียนวรรณคดีอังกฤษมานะ แล้วกำลังมีแพลนว่าจะเรียนต่อ ป.โท อักษร ฬ อ่านะหรือไม่แน่บางทีพี่อาจจะไปเรียนปรัชญาที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส แต่ตอนนี้กำลังเก็บตังกับประสบการณ์อยู่ และก็กำลังหาอ่านปรัชญาเอาเองไปเรื่อยๆ ขอให้ความเห็นในส่วนของวิชาปรัชญานะ....

สามารถอ่านได้ในกระทู้นี้นะครับ:

https://www.dek-d.com/board/view/3739554/