REVIEW: สอบเข้า BJM TU วารสารอินเตอร์ ธรรมศาสตร์! ตั้งแต่การเตรียมตัวจนถึงสััมภาษณ์ปีล่าสุด
Review : BJM Writing Exam & Interview
BJM : Bachelor of Arts Program in Journalism (Mass Media Study)
#Dek60
สวัสดีค่ะ เราเป็น #dek60 คนนึง ที่สอบติด BJM ของปี 60 หรือ 2017 ค่ะ หลายๆคนคนยังสงสัยกันว่า BJM คืออะไร ถ้าอธิบายง่ายๆให้ทุกๆคน อ๋อออ ก็คือ คณะวารสารศาสตร์ และสื่อสารมวลชน ภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั่นเองค่ะ โดยคณะนี้จะเรียนที่ศูนย์รังสิต เนื่องจากมีประสบการณ์ในการสอบจึงอยากแบ่งปันแนวทางการสมัคร การรีวิวข้อสอบ ทั้งข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ (เท่าที่เราจำได้ ^^) ซึ่งสำหรับ #Dek61 อาจจะต้องเจออะไรที่หินกว่า เพราะปีนี้มีการเปลี่ยนระบบรับเข้าเรียนต่ออีกแล้ว
#BJM Requirement
ถ้าพูดถึงการเปิดรับสมัครของคณะแล้วนั้น จะเริ่มประกาศรับสมัครประมาณเดือน November - January ประกาศรับสมัครทางเว็บของ BJM เลยค่ะ (bjm.jc.tu.ac.th) ของปีเราเนี่ย ระบุวันที่สอบข้อเขียน คือ วันที่ 14 January 2017 สอบสัมภาษณ์ 3 March 2017 โดยต้องมี GPAX 5 เทอมไม่ต่ำกว่า 2.50
ผลการสอบภาษาอังกฤษยื่นเพื่อที่จะมีสิทธิ์สมัครสอบ เราใช้ TU-GET ค่ะ ทางระเบียบการการรับสมัคร กำหนดขั้นต่ำ ที่ 500 โดยผลสอบต้องไม่เกินจาก 2 ปีนับตั้งแต่วันสมัครสอบ นอกจาก TU-GET แล้ว ยังสามารถยื่นได้ทั้ง SAT, SAT (New Sat), IELTS, TOEFL ส่วนรายละเอียดสัดส่วนคะแนนสามารถดูจากระเบียบการได้เลยค่ะ ซึ่งปีนี้ก็จะถูกแบ่งเป็นรอบๆ และระเบียบการก็จะแตกต่างกันไป อันนี้เราขอแนะนำให้ดูใน reg.tu.ac.th หรือไว้ถ้าเราว่าง จะมาเล่าให้ฟังถึงระบบการรับเข้าของปี 61 ให้ฟังนะคะ
#การเตรียมตัวสอบ
การเตรียมตัวสอบอะไรสักอย่างเนี่ยก็จะต้องมีจุดสนใจ และตั้งเป้าหมายไว้แล้วเนอะ ว่าต้องการให้มันเป็นไปในทิศทางไหน ส่วนตัวเรา คือเรารู้มาตั้งแต่ ม.4 แล้วแหละว่านี่คือทางของเรา เพียงแต่ว่า เอ้ะ! มันใช่ไหมนะ พอดีกับที่ว่า ค่ายรังนก ครั้งที่ 8 หรือ JC NEST CAMP เปิดรับสมัครพอดิบพอดี เราเลยเขียนใบสมัครส่งไป และได้รับคัดเลือกให้เข้าค่าย ในค่ายก็จะมีเพื่อนๆ เยอะแยะ ทั้งอบอุ่นเป็นกันเอง มีรุ่นพี่คอยแนะนำ และที่สำคัญคือกิจกรรมที่เราได้ทำ มันนำเสนอสิ่งที่เราจะได้เรียนและปฏิบัติในมหาลัย ซึ่งสิ่งนี้แหละทำให้เรามั่นใจยิ่งขึ้นว่ามันใช่ตัวเรามากกกกด นอกจากนี้เรายังได้ใบ Certificate เพื่อเป็นการรับรองว่าเราได้ร่วมกิจกรรมด้วยนะคะ ^^ ใช้สำหรับใส่ไว้ในพอร์ทได้อีกด้วย
พอ ม.5 เราก็เริ่มที่จะหาที่เรียนพิเศษตอนช่วงปิดเทอมระยะสั้น (เดือนตุลาคม) เราเลยเรียนที่ BJM Academy ที่เป็นสถาบันติวสอบเข้าคณะนี้โดยเฉพาะ และพี่ที่สอบเป็นพี่ที่จบจาก BJM เลย ซึ่งพี่เขาจะมีประสบการณ์จากการเรียนการสอนในคณะโดยตรง เราจึงรู้สึกสบายใจเลยล่ะ เราเรียนครั้งละ 3 ชั่วโมง ที่อัดแน่นเนื้อหา โดยพี่เขาจะมีการบ้านให้เรากลับไปศึกษาหาข้อมูล ฝึกเขียนทุกครั้ง เพื่อเป็นการทบทวน และดูพัฒนาการการเขียนของเราค่ะ สิ่งที่ประทับใจจากที่นี่ คือพี่เขาใส่ใจทุกรายละเอียด การใช้ศัพท์ การเลือกคำให้ถูกต้องเหมาะสม รวมถึงสอนตั้งแต่วิธีการเขียนที่ไม่ต้องท่องเป็น Pattern แบบหุ่นยนต์ การเขียนข่าวเบื้องต้น สิ่งที่นักวารสารควรจะมีในการเขียน เสพข่าว มีการฝึกเขียนจากโจทย์ของข้อสอบย้อนหลังค่ะ ประทับใจมากๆ > <
สิ่งที่เราเตรียมตัวนอกจากการเรียนพิเศษ คือการที่เราจะต้องติดตามข่าวสาร ให้ทันโลก และอัพเดทตลอดเวลาด้วยค่ะ โชคดีที่ตอนเราเรียนพิเศษ พี่เขาคอยให้เราเขียน Essay เกี่ยวกับข่าว เกี่ยวกับผลกระทบในด้านต่างๆ และคอยอัพเดทข่าวสารตลอดเวลาด้วย นอกจากจะได้งานเขียนส่งพี่เขาแล้ว ยังได้ประโยชน์แก่ตัวเองด้วยค่ะ เช่น Syria Civil War, การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
เราจะตั้งเป้ากับตัวเองไว้เลยว่าจะฝึกเขียน Essay ให้ได้กี่ชิ้นต่ออาทิตย์ แล้วก็ต้องแข่งกับตัวเองมากๆ ค่ะ ไหนจะสอบที่โรงเรียน ไหนจะต้องฝึกสกิลภาษาอังกฤษ แถมยังต้องคอยฟังข่าวสารบ้านเมืองอีกด้วย
*แต่สำหรับการสอบปีนี้ เราเห็นว่าทางคณะได้ระบุหัวข้อการสอบข้อเขียนมาเลยทั้ง 2 ข้อ เกี่ยวกับความรู้ทั่วไปด้านวารสารศาสตร์ และอีกข้อเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบัน เราเลยอยากแนะนำทริคให้ทุกคนคอยฟังข่าวและอัพเดทตลอดเวลา ไม่ว่าจะฟังวิทยุ 107.0 ช่วงที่เป็นข่าวก็ลองจับใจความดู หรือถ้าเป็นทริคที่ติวเตอร์ให้เราไว้ก็คือ ให้อ่านหรือฟังข่าวภาษาไทย แล้วลองเขียนขึ้นมาด้วยภาษาของตัวเอง พอศัพทย์คำไหนที่คิดไม่ออกก็ให้ไปดูใน นสพ. ภาษาอังกฤษ แล้วจดไว้ เราต้องบอกเลยว่า วิธีนี้ช่วยเราได้มากกกกกกก เพราะเราไม่ต้องมานั่งแปลศัพท์ทุกคำ แถมยังได้ภาษาสำนวนที่เป็นของตัวเองมากขึ้นด้วย
#BJM Writing Exam
-
ข้อสอบข้อเขียน มีทั้งหมด 2 ข้อนะคะ โดยทางมหาลัยจะให้กระดาษข้อสอบมา ข้อละ 1 คู่
(เหมือนกระดาษสมุดฉีกหน้ากลาง) ที่สำคัญก็คือ กระดาษแต่ละคู่ที่ว่า มีสีไม่เหมือนกัน! ดังนั้นต้องอ่านคำชี้แจงในโจทย์แต่ละข้อดีดีค่ะ หากเขียนผิดสีก็อาจจะแย่ได้เลย เพราะแค่ความรอบคอบในการอ่านโจทย์ยังไม่มีเลยย ดังนั้น อ่านให้ดีๆ ก่อนนะคะ! -
ข้อสอบ ตั้งแต่โจทย์ และเรียงความที่เราต้องเขียน จะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดค่ะ
(โดยที่เรามารีวิว เราแปลคร่าวๆเป็นไทยให้บ้างแล้วนะคะ เพราะเราจำทั้งประโยคแบบเป๊ะๆ ไม่ได้จริงๆ ^^)
ข้อแรก: เกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ (คนจน VS คนรวย)
ข้อแรกย่อย: คิดเห็นอย่างไรกับโจทย์
- Media ควรจะ cover to better address ในเรื่องไหนบ้าง
- Media ควรรายงานข่าวประเภทไหน (kind) ให้สามารถเข้าใจได้อย่างลึ้กซึ้งกับเรื่องนี้ (deeply in this issue)
ข้อที่สอง: Social Media ที่ผู้คนใช้ในการแชร์ หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึกต่างๆ (Sharing feeling) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมนุษย์ยังไง แล้วถ้าเป็นเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร
*เราคิดว่าความคิดของแต่ละคนไม่มีถูกไม่มีผิดนะคะ เพียงแต่ว่าเราควรจะเขียนสื่อความหมายให้กรรมการเข้าใจได้ พร้อมยกตัวอย่างสิ่งที่เราเขียนไป ออกมาให้เห็นภาพ รวมไปถึงเรื่อง Grammar ง่ายๆ ที่ไม่ควรจะผิดซ้ำๆ เช่น การเติม s,es หรือเรื่อง Capital letter
#Interview
- การสอบสัมภาษณ์ จะแบ่งออกเป็น 2 รอบ และเป็นออกเป็นกรุ๊ป และลำดับที่ในกรุ๊ปของเรานะคะ เรียงตามชื่อภาษาอังกฤษค่ะ เช่น SIRAPATSORN Group 7 No. 7 12.30 (ประมาณนี้ค่ะ)
- เผื่อเวลาไปรายงานตัวหน่อยนะคะ โดยจะมีรุ่นพี่ช่วยพาเราเข้าไปนั่ง รวมทั้งให้ใบเช็คเอกสาร ซึ่งเราสามารถเช็คเองได้เลยค่ะ หลังจากนั้นก็รออาจารย์เรียกไปเช็คเอกสารอีกที และนั่งรอเรียกชื่อเพื่อพาไปห้องสัมภาษณ์ค่ะ
- ใน 1 ห้องสัมภาษณ์ จะมีโต๊ะประมาณ 4-5 โต๊ะค่ะ (ถ้าจำไม่ผิด ไม่กล้ามองเยอะ ตื่นเต้นค่ะ 5555) โดยแต่ละโต๊ะจะมีอาจารย์ 2 คน อาจจะเป็นอาจารย์ต่างชาติทั้งคู่ หรือคละกับอาจารย์ไทย หรืออาจารย์ไทยทั้งคู่
- ตั้งใจฟัง และตอบคำถาม อย่าว่อกแว่กนะคะ ในเมื่อมีหลายโต๊ะเท่ากับว่าเราสอบไปพร้อมกับคนอื่นๆ เสียงจะปนกันค่ะ
- หากมีอะไรน่าสนใจ ผลงาน หรือที่เกี่ยวกับคณะ แนะนำให้นำไปเสนอเลยนะคะ และถ้าหากเรามี PORTFOLIO ก็อย่าลืมนำไปโชว์ด้วยล่ะ!!
- เก็บเกี่ยวข่าวที่น่าสนใจ และเป็นประเด็นต่างๆ ไปให้พร้อม เพราะอาจารย์บางท่านอาจจะถามเราได้ พร้อมทั้งวิเคราะห์ข่าวไปให้ดีๆ เพราะบางท่านจะถามความคิดเห็นเรา และวิธีการแก้ปัญหา เชื่อมโยงจากข่าวอีกด้วย
------ ประสบการณ์การสัมภาษณ์ของเรา :
เราได้เป็นอาจารย์คนไทยทั้ง 2 ท่านค่ะ แต่ยังคงสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษนะคะ (ไม่ต้องเกร็งค่ะอาจารย์ใจดีมากกกก) เรานำเรื่องสั้นที่เราเคยแต่งที่ร.ร. และได้ A ไปค่ะ Portfolio เราทำไป 2 ภาษาค่ะ ทั้งไทย และอังกฤษ
- เข้าไปยื่นพอร์ต และยื่นเรื่องสั้น
- Introduce yourself
- ถามว่านอกจาก BJM สนใจเข้า JC ไหม (JC คือภาคไทยนะคะ)
- ชมว่าเรื่องสั้นที่เรายื่นให้ในตอนแรก เขียนภาษาดี เขียนดีมาก เริ่มต้นได้ดีค่ะ
(สุดท้ายท่านขอเรื่องสั้นเราไปทั้งเล่มเลยค่ะ)
- ถามว่าอยากเป็นอะไร ?
- จุดแข็ง กับจุดอ่อนของเรา คิดว่ามีอะไรบ้าง ?
- อาจารย์ท่านสะดุดกับเกียรติบัตรค่ายรังนกของเราค่ะ (JC NEST CAMP) เป็นค่ายของคณะค่ะ
- ได้อะไรจากค่ายบ้าง รู้อะไรเกี่ยวกับ BJM บ้าง ?
- เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับ BJM มาบ้างไหม รุ่นพี่บอกอะไรมาบ้าง ?
- คิดยังไงกับการ LIVE ฆ่าตัวตายในโซเซียล ดีไหม ? สมควรไหม ?
- มีอะไรจะถามไหม ?
------ ประสบการณ์การสัมภาษณ์ของเพื่อนๆ :
- อยากเป็นอะไร ? (จะถามเกี่ยวกับอาชีพ และความสนใจในสิ่งที่เราอยากเป็นนะคะ)
- BJM ปีแรกเรียนเกี่ยวกับอะไร ตัววิชามีอะไรบ้าง ?
- ม.44 คืออะไร ? ข่าวอื่นๆ
#Finally BJM 12
ตอนนี้เป็นนักศึกษาของคณะนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ ^^ หากใครมีความฝัน หรือความสนใจที่อยากจะเข้าคณะนี้เหมือนกัน หรือคณะอื่นๆ อย่าลืมติดตามระเบียบการการเปิดรับสมัคร และการสอบนะคะ ไม่มีสิ่งไหนยากไปกว่าความสามารถ และความตั้งใจของเราค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ สู้ๆ ค่ะ แล้วมาเป็นลูกแม่โดม และ BJMer ด้วยกันนะค้าาา
10 ความคิดเห็น
พี่ได้SATเท่าไหร่หรอคะ
ยื่น Tu Get ค่ะ
ได้มาเท่าไหร่คะ หนูได้แค่ 530. จะมีสิทธิ์ไหม
พี่คะ ขอไลน์หรือเบอร์โทรได้มั้ยคะ TT
0909890655 ka
มันจะมีคะแนนของพาร์ทwriting ออกมาก่อนแล้วคนที่ติดได้เท่าไรกันคะ? #Dek61
https://www.dek-d.com/board/view/3848592/
ยื่นielts อย่างเดียวได้มั้ยค่ะ?
พี่ค้าขอไลน์ติดต่อหน่อยได้ไหมคะ
ข้อเขียนให้เวลาเท่าไรหรอคะ
รบกวนถามครับ รุ่นพี่BJM12 จบไปทำงานที่ไหนกันบ้างครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?