Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[REVIEW] cu-tep 16/2017

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่าาา เราตัดสินใจแล้วว่าจะโพสต์ในกระทู้ใหม่แทน (เค้าแนะนำมาว่าในคอมเม้นไม่ค่อยมีคนอ่านกัน)

นี่กระทู้อันแรก (ที่เขียนว่าจะรีวิวสองอย่าง แต่เขียนไปได้แค่ tu-get) > https://www.dek-d.com/board/view/3790863 

เพื่อไม่ให้เสียเวลามาก เรามาต่อกันที่ cu-tep เลยย


 
CU-TEP
ข้อสอบ cu-tep ก็จะเป็นข้อสอบวัดความรู้ความสามารถทางการใช้ภาษาอังกฤษเช่นเดียวกับ tu-get นะคะ (แต่คนละมหาวิทยาลัย) โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
- listening 30 ข้อ (30 นาที)
- reading 60 (70 นาที)
- writing 30 (30 นาที)
ข้อสอบจะแจกทีละพาร์ท และจะเก็บคืนเมื่อหมดเวลาของการทำข้อสอบส่วนนั้นๆ นะคะ รวมเวลาทั้งหมดที่ใช้ในการสอบก็ 3 ชั่วโมง (8.30-11.30 น.) โดยคะแนนทั้งหมดจะเต็ม 120 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน)
การลงทะเบียน : สามารถดูวันและเวลา (รวมถึงช่วงเวลาที่เปิดรับสมัคร) ในการสอบของแต่ละรอบได้ตามรูปที่แนบให้ข้างล่างเลยนะคะ
เราตัดสินใจลงรอบ 16/2017 เพราะว่ามันใกล้กับ tu-get รอบ 8/2017 ที่สุดแล้ว ความรู้จะได้ยังอยู่ในสมองอยู่บ้าง555555 + อยากสอบให้มันเสร็จๆไป สมัครแล้วก็ไปจ่ายเงินอีก (มีแต่เรื่องให้เสียเงิน) ค่าสอบ cu-tep ครั้งละ 900 นะคะ สามารถดูรายละเอียดได้ผ่าน website นี้เลยค่า http://register.atc.chula.ac.th/ChulaATC/index.php?mod=welcome&op=&lang=th
การเตรียมตัว : ถ้านอกจากการเรียนพิเศษแล้ว เวลาส่วนมากก่อนสอบ เราทำแบบฝึกหัดเล่มของ tu-get เล่มสีเหลืองนี่แหละค่ะ เพราะแนวข้อสอบจะคล้ายๆกัน + เราสอบในเวลาที่ไล่เลี่ยกันด้วย



พาร์ท listening : จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนย่อยๆ คือ
- short conversations (ข้อ 1-15 เรื่องละ 1 ข้อ)
- long conversations (ข้อ 16-24 เรื่องละ 3 ข้อ)
- monologues (ข้อ 25-30 เรื่องละ 3 ข้อ)

เราแนะนำหนังสือเล่มข้างล่างเลยค่า แต่จะเป็น listening เพียงแค่อย่างเดียว



แต่ถ้าไม่อยากซื้อแบบเจาะจงก็ใช้เล่มข้างล่างนี้ก็ได้นะคะ ครอบคลุมทุกพาร์ทที่ออกสอบ cu-tep



เราแนะนำว่าพาร์ท listening ต้องสะสมมาอยู่พอควร การฟังเพลงหรือดูหนังแบบ soundtrack ก็จะช่วยได้มากเลยนะคะ แต่บางทีเค้าก็ออกสำนวนที่เราไม่ได้ยินบ่อยนัก ก็ต้องอาศัยการอ่านหรือการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเหมือนกัน

เวลาทำข้อสอบให้จด KW หรือเขียนอะไรในกระดาษข้อสอบก็ได้เลยนะคะ เพราะในกระดาษข้อสอบจะมีให้แค่ตัวเลือก ส่วนบทสนทนาและคำถาม จะเป็นเสียงที่เปิดให้ฟัง และจะเปิดเพียงรอบเดียวเท่านั้น เราแนะนำว่าก่อนที่ทางศูนย์สอบจะเปิดเทปข้อนั้นๆ ให้เราอ่านตัวเลือกในแต่ละข้อก่อน แล้วขีดเส้นใต้ KW ไว้ เพราะว่าถ้าเรามาอ่านหลังจากคำถามพูดไปแล้วจะทำให้เราคิดไม่ทันค่ะ แต่ถ้าทำไม่ได้จริงๆอย่าไปกังวลกับมันและเริ่มทำข้อใหม่เลยค่ะ เพราะว่าถ้าเรากังวลกับมันจะทำให้เราลนลานในทุกๆข้อ + ทำเครื่องหมายไว้ในกระดาษคำถามก่อน ยังไม่ต้องรีบฝน พอทางศูนย์สอบเปิดเทปครบ 30 ข้อแล้ว เค้าจะเหลือเวลาให้เราสามารถฝนคำตอบลงกระดาษคำตอบได้ค่ะ

คำเตือน : เวลาฟังต้องตีความหมายของแต่ละคำดีๆ เพราะบางตัวเลือกเอาที่ออกเสียงเหมือน/คล้ายกันมาเป็นตัวหลอกนะคะ + สำนวน ถ้าไม่รู้ความหมายจริงๆ ให้ลองตีความหมายจากประโยครวมๆ และประโยคใกล้เคียงดูค่ะ

พาร์ท reading : เราจะขีดเส้นใต้ KW ของแต่ละคำถาม/คำตอบก่อน เมื่ออ่านคำถามครบจึงกลับไปอ่านตัวบทความ ซึ่งวิธีนี้ต้องทำเร็วมาก เพราะ cu-tep ให้เวลาในพาร์ทนี้แค่ 70 นาที (ข้อสอบ 60 ข้อ) แต่ถ้าไม่ขีดเส้นใต้ KW เราก็แนะนำให้อ่านคำถาม/คำตอบก่อนอยู่ดี เพราะเราจะได้รู้ว่าเวลาอ่านบทความ เราอ่านเพื่ออะไร คำถามเป็นแนวไหน ช่วงก่อนสอบเราอ่านเล่มสีเหลือง (tu-get) + ทำแบบฝึกหัดเล่มนี้ไปด้วย เพราะเค้าอธิบายเยอะดี มันช่วยทำให้เข้าใจในข้อผิดพลาดได้เร็วขึ้นค่ะ



พาร์ท writing : 30 ข้อ เป็น error identification ล้วนๆ เลย เราทำแบบฝึกหัดในเล่มสีเขียวสองเล่มนี้ค่ะ



ข้อสอบในเล่มนี้มีเยอะมาก ทำเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที เวลาทำไม่ใช่แค่ทำไปเรื่อยๆนะคะ ต้องดูด้วยว่าเราผิดเรื่องไหน แล้วไปหาข้อมูลมาอ่านเพิ่มเติม ทำความเข้าใจกับมัน ถ้าเราทำไปเรื่อยๆ เราก็จะผิดในเรื่องเดิมๆค่ะ + ดูวิดีโอ 4 อันนี้ > https://www.facebook.com/interpassinstitute/videos/1992988104265961/ เกี่ยวกับเนื้อหาที่เจอบ่อยในข้อสอบ error ค่ะ

นอกจาก 3 พาร์ทนี้ ก็ต้องท่องศัพท์ด้วย เพราะว่าเราเจอศัพท์ในทุกพาร์ทของข้อสอบอยู่แล้ว ตัวเราเองท่องจากหนังสือที่เรียนพิเศษ​ + https://www.facebook.com/pg/inttutor/photos/?tab=album&album_id=929978463766780 (เป็นศัพท์แบบ synonym นะคะ) + หนังสือเล่มนี้ (เป็นศัพท์แบบ synonym เหมือนกัน เราชอบวิธีนี้ มันทำให้จำได้เยอะดี)



เราเขียนคำศัพท์ใส่ flashcards แล้วหยิบมาท่องเวลาว่างค่ะ ด้านนึงจะเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ อีกด้านเขียนภาษาไทย พอรู้สึกว่าแม่นแล้วก็อ่านเฉพาะหน้าที่เป็นภาษาไทย แล้วพูดคำภาษาอังกฤษออกมาเอง ถ้าทำไม่ได้ก็ทวนซำ้ๆ การทบทวนจะทำให้จำได้ค่ะ เราแนะนำว่าให้จำ prefix/root/suffix ด้วยนะคะ เพราะมันมีประโยชน์ต่อการเดาศัพท์มาก


ไปสอบกันเถอะ : เราได้สอบที่ตึกคณะบัญชีนะคะ เดินทางไปสอบโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน ลงสถานีสามย่าน ทางออกเบอร์ 2 แล้วเดินในจามจุรีแสควร์ทะลุมาเลย ออกประตูที่มี KFC เดินข้ามฝั่งแล้วเดินตามทางไป คณะแรกด้านขวามือเลยค่ะ เราไปถึงประมาณเกือบๆ 8 โมง ก็ไปเช็คชื่อตัวเองเพื่อความชัวร์ที่ใต้ตึก เข้าห้องนำ้ให้เรียบร้อย เตรียมตัวเข้าห้องสอบ

ขึ้นห้องสอบได้เวลา 8.10 น. นะคะ สามารถนำเสื้อกันหนาวเข้าไปได้ แต่ต้องสวมเข้าไปเลย นอกจากบัตรประชาชนแล้ว ก็ไม่ต้องนำอะไรไปเลยนะคะ เพราะทางศูนย์สอบไม่ให้นำสิ่งของใดๆเข้าไปเลยค่า นาฬิกาก็ห้าม (มีบนผนังตัวนึง) ส่วนเครื่องเขียนทางศูนย์สอบมีให้อยู่แล้ว กรรมการคุมสอบจะให้ถุง zip-lock ไว้ใส่กระเป๋าสตางค์ใบเล็กเข้าไปได้ค่ะ แต่ของที่เหลือทั้งหมดต้องวางไว้หน้าห้องสอบเท่านั้นนะคะ

ระหว่างสอบก็จะมีเสียงตามสายคอยประกาศ หมดเวลาพาร์ทนี้แล้ว ให้เก็บข้อสอบ ให้แจกข้อสอบ เหลือเวลาอีก 10 นาที และระหว่างทำข้อสอบก็สามารถไปเข้าห้องนำ้ได้ แต่จะห้ามไปในเวลาดังนี้นะคะ
8.50 - 9.40 น.
10.40 - 11.10 น.
11.20 - 11.30 น.

สิ่งที่เราได้จากการทำข้อสอบ
1. listening พูดค่อนข้างเร็ว ต้อง take notes ให้ทันที่เค้าพูด
2. reading ครั้งที่เราไปสอบมี 6 เรื่อง
 - passage #1 : cloze test (15 ข้อ)
 - passage #2 : short passage (5 ข้อ)
 - passage #3-#6 : long passage (10 ข้อ)
3. error ของ cu-tep เราคุ้นเคยมากกว่าของ tu-get
4. เวลาทำข้อสอบ ห้ามสติหลุด เพราะเวลามีน้อย ถ้าสติหลุดจะพังหมดเลยค่ะ
5. สามารถขีดเขียนบนข้อสอบได้นะคะ


UPDATE : คะแนนออกแล้วนะคะ ได้คะแนนตามที่หวังไว้ และหวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจนะค้าา

ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ ถ้ามีอะไรก็สอบถามกันได้เลย

ปล. สู้สู้นะทุกคน :-)




 

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

หญิงห้าว 8 ก.ย. 60 เวลา 21:43 น. 1-1

ขออนุญาติตอบนะคะ มีทั้งยาวและสั้นค่าแต่ฟังได้รอบเดียว ถ้าช่วงนั้นไม่ใช่ช่วงก่อสร้างเสียงข้างนอกดัง ก็โชคดีไปค่า555555 เพราะนี้ไปตอนเขาก่อสร้างตึกฟังไม่รู้เรื่องเลย

0
0130xx 9 ก.ย. 60 เวลา 18:40 น. 1-2

ถ้าเป็น short conversation ก็จะมีประมาณ 2-4 ประโยคอะค่า ถาม 1 ข้อ

ถ้า long conversations ก็จะยาวกว่านั้นอีก แล้วก็เป็นคำถาม 3 ข้อ

ถ้าเป็น monologues ก็มีทั้งแบบยาวและสั้นอะค่า ถาม 3 ข้อ (เราว่ามันไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่ เพราะพูดคนเดียว เสียงก็จะ monotone นิดนึง)


ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืม take notes นะคะ เพราะว่าคำตอบที่ต้องการอาจอยู่ตั้งแต่ประโยคแรกที่ได้ยินเลย


เป็นกำลังใจให้ค่าา :-)

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น