ประสบการณ์การสอบติดISEจุฬาเเบบทุลักทุเล
ตั้งกระทู้ใหม่
ขอแทนตัวเองว่าพี่ละกันนะถ้าคนอ่านเป็นเพื่อนหรือพี่ก็ขอโทษด้วยครับคือหลักๆแล้วอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้กับน้องๆที่อยากจะเรียนISEหรือที่รู้จักกันในนามวิศวะจุฬาอินเตอร์แต่ติดเรื่องค่าคอร์สของสถาบันกวดวิชาต่างๆแพงเหลือเกินและอยากอ่านเองนะครับ
ต้องขอบอกก่อนเลยว่าพี่เขียนกระทู้ไม่เป็นนะแต่อ่านกรทู้บ่อยมากไม่รู้ว่าจะช่วยให้พี่เขียนเข้าใจรึป่าวนะถ้ามีอะไรผิดก็ขอโทษด้วย
อยากจะพูดถึงพื้นฐานของพี่ก่อนเพราะบางคนอาจจะคิดว่าพี่ต้องเก่งอยู่แล้วแน่ๆเลยไรงี้
1.อยู่รรนึงในจังหวัดเชียงใหม่
2. เคยติด0ช่วงม.6
3. เป็นลูกครึ่ง
4. เคยได้เกรดภาษาอังกิด1.5
5. ต่อจากข้อเมื่อกี้เลยคือไม่เคยได้เกรด4อังกฤษหลักเลยตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมา
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงจะเห็นแล้วนะครับว่าพี่แม่งloserชัดๆ555
ที่พี่บอกไปตอนเกริ่นว่าอยากแชร์ประสบการณ์ให้กับน้องๆที่อยากเรียนISEแต่ติดเรื่องค่าคอร์สคือพี่ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่เรียนเลยนะเดี๋ยวจะบอกในกระทู้อีกที
โอเคเรามาเริ่มกันเถอะพูดมาโครตยาวยังไม่ได้ไรจากพี่เลย5555
ตั้งแต่แรกเลยถ้าถามพี่คือพี่อยากเข้าวิศวะจุฬาภาคไทยมาโดยตลอดแต่ช่วงม.5พี่ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่อเมริกาและได้ไปเหมือนOpen Houseของคณะวิศวะของมหาลัยๆนึงแล้วพี่ก็มีความรู้สึกว่าทำไมมันน่าเรียนจังวะทั้งบรรยากาศทั้งอาจารย์แม่งเทพๆทั้งนั้นทางมหาลัยก็แนะนำให้สอบSATถ้าได้ตามเกณฑ์ที่มหาลัยก็จะได้ทุนเท่านี้ๆบลาๆๆๆๆ
พ่อมาดูค่าเทอมก็หงายเงิบไปเลยคืออยู่ที่ประมาณปีละล้าน6แล้วทุนที่ให้ต่อให้เด็กที่ได้SAT1500+++ก็จะได้อยู่ประมาณ3แสนซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย5555และพ่อแม่พี่ก็ฐานะปานกลางจะเอาเงินที่ไหนไปเรียน(จริงๆที่อเมริกาก็มีหลายมหาลัยที่ให้ทุนเต็มจำนวนแต่พี่เป็นคนที่ไม่เก่งมาก+พี่ไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำSATให้ได้คะแนนสูงๆได้ซึ่งสุดท้ายก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างน้า)
ตอนพี่กลับมาไทยเลยคิดว่าอยากเรียนมหาลัยดีๆด้านวิศวะที่ไทยแล้วค่อยชิงทุนหรือทำอะไรก็ได้เพื่อที่ป.โทพี่จะได้ไปเรียนที่ต่างประเทศ
อย่างน้อยค่าเทอมป.ตรีที่ไทยก็ถูกกว่าที่นู้น10กว่าเท่า
พี่เลยเริ่มเสริชเลยก็มีวิศวะจุฬาอินเตอร์นี่แหละที่ตอบโจทย์พี่ที่สุด
หลังจากนั้นก็ได้รู้ว่าต้องสอบอะไรบ้าง
อันนี้ก็มีในเว็บISEเลยน้องๆไปดูกันได้
คือการยื่นข้อสอบภาษาอังกฤษมันมีให้เลือกยื่นได้หลายตัวใช่มั้ย
ต้องขอบอกก่อนเลยว่าพี่เขียนกระทู้ไม่เป็นนะแต่อ่านกรทู้บ่อยมากไม่รู้ว่าจะช่วยให้พี่เขียนเข้าใจรึป่าวนะถ้ามีอะไรผิดก็ขอโทษด้วย
อยากจะพูดถึงพื้นฐานของพี่ก่อนเพราะบางคนอาจจะคิดว่าพี่ต้องเก่งอยู่แล้วแน่ๆเลยไรงี้
1.อยู่รรนึงในจังหวัดเชียงใหม่
2. เคยติด0ช่วงม.6
3. เป็นลูกครึ่ง
4. เคยได้เกรดภาษาอังกิด1.5
5. ต่อจากข้อเมื่อกี้เลยคือไม่เคยได้เกรด4อังกฤษหลักเลยตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมา
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงจะเห็นแล้วนะครับว่าพี่แม่งloserชัดๆ555
ที่พี่บอกไปตอนเกริ่นว่าอยากแชร์ประสบการณ์ให้กับน้องๆที่อยากเรียนISEแต่ติดเรื่องค่าคอร์สคือพี่ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่เรียนเลยนะเดี๋ยวจะบอกในกระทู้อีกที
โอเคเรามาเริ่มกันเถอะพูดมาโครตยาวยังไม่ได้ไรจากพี่เลย5555
ตั้งแต่แรกเลยถ้าถามพี่คือพี่อยากเข้าวิศวะจุฬาภาคไทยมาโดยตลอดแต่ช่วงม.5พี่ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่อเมริกาและได้ไปเหมือนOpen Houseของคณะวิศวะของมหาลัยๆนึงแล้วพี่ก็มีความรู้สึกว่าทำไมมันน่าเรียนจังวะทั้งบรรยากาศทั้งอาจารย์แม่งเทพๆทั้งนั้นทางมหาลัยก็แนะนำให้สอบSATถ้าได้ตามเกณฑ์ที่มหาลัยก็จะได้ทุนเท่านี้ๆบลาๆๆๆๆ
พ่อมาดูค่าเทอมก็หงายเงิบไปเลยคืออยู่ที่ประมาณปีละล้าน6แล้วทุนที่ให้ต่อให้เด็กที่ได้SAT1500+++ก็จะได้อยู่ประมาณ3แสนซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย5555และพ่อแม่พี่ก็ฐานะปานกลางจะเอาเงินที่ไหนไปเรียน(จริงๆที่อเมริกาก็มีหลายมหาลัยที่ให้ทุนเต็มจำนวนแต่พี่เป็นคนที่ไม่เก่งมาก+พี่ไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำSATให้ได้คะแนนสูงๆได้ซึ่งสุดท้ายก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างน้า)
ตอนพี่กลับมาไทยเลยคิดว่าอยากเรียนมหาลัยดีๆด้านวิศวะที่ไทยแล้วค่อยชิงทุนหรือทำอะไรก็ได้เพื่อที่ป.โทพี่จะได้ไปเรียนที่ต่างประเทศ
อย่างน้อยค่าเทอมป.ตรีที่ไทยก็ถูกกว่าที่นู้น10กว่าเท่า
พี่เลยเริ่มเสริชเลยก็มีวิศวะจุฬาอินเตอร์นี่แหละที่ตอบโจทย์พี่ที่สุด
หลังจากนั้นก็ได้รู้ว่าต้องสอบอะไรบ้าง
อันนี้ก็มีในเว็บISEเลยน้องๆไปดูกันได้
คือการยื่นข้อสอบภาษาอังกฤษมันมีให้เลือกยื่นได้หลายตัวใช่มั้ย
พี่ก็เลือสอบCUTEPก่อนเลย
พี่รอให้มันมาจัดสอบที่เชียงใหม่
ซึ่งมันห่างออกไป2เดือนพี่เลยขอซีร็อกหนังสือCU-TEPของเพื่อนที่เป็นเล่มชมพูๆ2เล่มอะ
พี่ก็ทำไปเลยทุกชุดโดยไม่อ่านหลักแกรมม่าอะไรซักอย่างก่อนเลยคะแนนก็จะอยู่ประมาณ77-85เต็ม120นะ
ที่พี่ลงมือทำข้อสอบเก่าเลยเพราะพี่ไม่เคยมีความรู้สึกว่าอยากอ่านภาษาอังกฤษและขกอ่านด้วย
และอาจจะเป็นเพราะพี่พูดภาษาอังกฤษกับพ่อมาตั้งแต่เด็กๆเลยไม่รู้สึกว่าต้องพยายามอะไร(แต่เดี๋ยวจะรู้ว่าความคิดแบบนี้จะนำไปสู่อะไร5555)
พอไปสอบก็เกิดเหตุการณ์ที่ว่าลืมว่าพาร์ทReadingมี60ข้อดันทำไปแค่50ข้อ
อีก10ข้อก็ดิ่ง3
พอคะแนนออกมาก็แทบจะฟาดคอมเลย(ลลนะ555)พี่ได้79ซึ่งเกณฑ์ผ่านของคณะคือ80
พี่เลยบอกกับตัวเองว่างั้นทิ้งอังกฤษไว้ก่อนแล้วกันไปเตรียมตัวสอบพวกวิทย์กับคณิตก่อนดีกว่า
ซึ่งตอนนั้นบังเอิญไปอ่านกระทู้นึงและได้มีการมีการแนะนำเพจๆนึงพี่เลยเข้าไปถามว่าอยากสอบSATไรงี้
พี่เขาบอกกับผมว่าดีนะที่น้องทักมาวันนี้ถ้าน้องทักมาพรุ่งนี้ศูนย์สอบSATในไทยอาจจะเต็มได้
พี่ก็ทำตามพี่เขาก็สมัครๆไปจ่ายตังเรียบร้อย(รวม5วิชาเสียเกือบ6000บาทมั้งจำไม่ได้กระเป๋าตังแฟบเลยทีเดียว5555)
ช่วงนั้นก็เหลือ5-6เดือนก่อนจะสอบSATกับSAT Subject tests
พี่เลยกลับมาสนใจที่จะเตรียมพาร์ทภาษาอังกฤษอีกครั้งนึง
พี่ก็ทำเหมือนเดิมนั่นแหละไปซีร็อกนส.เล่มเดิมมาทำใหม่คะแนนก็ดีบ้างแย่บ้าง
แต่ตอนสอบรอบนี้พี่ลงCU-AATเพิ่มไปด้วยเผื่อคะแนนจะถึงจะได้ไม่ต้องยื่นSAT Mathตั้ง2ตัว
ตอนไปสอบรอบนี้ทุกอย่างดูราบรื่นดีไม่มีการลืมทำข้อใดๆ
พอคะแนนออกมาแทบฟาดเมาส์(เมื่อกี้ฟาดคอมไปแล้ว)พี่ได้79อีกแล้ว
พี่คิดในใจคือรอบนี้กูตั้งใจทำมากทำไมได้เท่ากับรอบแล้วที่ดิ่งไป10ข้อเลยวะ555
ส่วนCU-AATพี่ได้460ซึ่งขั้นต่ำของISEอยู่ที่480พี่ก็ไม่ได้อะไรมากเพราะอ่านไปนิดเดียว
มาถึงตอนนี้แล้วน้องยังไม่เห็นแววเลยใช่มั้ยว่าพี่จะสอบอะไรผ่านบ้าง5555
ช่วงนั้นก็เฟลไปพักใหญ่ๆเลยจากที่เราเหลืออีก5-6เดือนจะสอบSAT
ตอนนั้นพี่เหลือแค่1เดือนจะสอบSATธรรมดารอบOctoberและอีก3เดือนจะสอบSAT math lv.2 SAT Physics และ SAT Chemistry
พี่นึกยังไงไม่รู้เข้าไปเช็คในเว็บของSATแล้วดันไปเห็นว่าตัวเองลงสอบผิดวิชา
คือแทนที่พี่จะลงSATในรอบOctoberพี่ไปลงSAT Subject tests Math LV.1
พี่เลยนึกในใจว่าSheep hai leawเอาไงดี
สุดท้ายก็ต้องไปสอบที่กัมพูชาเพราะสนามสอบที่ไทยเต็มหมดแล้ว
การเตรียมตัวสอบSATของพี่คือพี่ไม่ได้อ่านพาร์ทอังกฤษเลยเพราะคิดว่าจะทุ่มให้กับพาร์ทคณิตอย่างเดียว
อีกอย่างISEใช้แค่พาร์ทคณิตพี่เลยสบายไป
สิ่งที่พี่ใช้เตรียมตัวก็คือเว็บkhan Academyเว็บนี้จะเป็นเว็บที่ใช้ติวSATโดยเฉพาะโดยข้อสอบจะใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากที่สุดโดย
อย่างนึงที่ดีมากๆเกี่ยวกับเว็บนี้คือเราสามารถบอกได้ว่าตอนนี้เราอยู่ในระดับไหน
มันจะมี5ระดับ(ถ้าผิดขออภัย)พี่ทำไปจนถึงระดับที่4แล้วหยุกเพราะขี้เกียจ55555
พอรู้สึกว่าทำแบบฝึกหัดมากพอแล้วพี่ก็ไปปริ้นข้อสอบจริงมา8ชุดที่ทางคนออกข้อสอบได้เผยแพร่มาทำเฉพาะพาร์ทคณิต
พี่ทำหมดทุกชุดๆละหลายๆรอบ
พี่ทำจนพี่ไม่มีข้อที่งงอีกเลยใน8ชุดนั้น(ไม่ใช่ว่าเรียนรู้เองนะก็มีถามเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่เก่งๆบ้าง)
ซึ่งการทำ8ชุดนี้+เรียนรู้ข้อผิดพลาดพี่ใช้เวลาแค่2อาทิตย์เพราะเวลาเหลือแค่นั้นจริงๆ
หลังจากนั้นพี่ก็บินไปสอบที่กัมพูชา
และแล้วเหตุการณ์ที่น้องๆพอจะเดาออกก็เกิดขึ้น
8ข้อสุดท้ายพี่ทำไม่ทันครับพี่เลยฝน0ทุกข้อไปเลย
พอออกมาจากห้องสอบหน้าพี่ก็ซีดนิดๆ
จะเห็นได้ว่าที่พี่เป็นแบบนี้เพราะพี่ไม่เคยฝึกจับเวลาอย่างจริงจัง
น้องบางคนอาจจะคิดว่าการจับเวลาตอนทำข้อสอบมันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ
ลองไม่จับเวลาแล้วไปสอบสนามไหนก็ได้ครับ GATPAT 9วิชา ยังไงก็ไม่ทันครับ
ตอนคะแนนออกพี่โครตลุ้นว่าพาร์ทคณิตจะเกิน700มั้ยเพราะถ้าเกิน700ก็จะมีสิทธิ์ติดสูง
พี่ได้SATรวม1110 Verbalได้410ซึ่งอันนี้พูดไรไม่ได้เพราะตอนทำข้อสอบพี่อ่านศัพท์มันไม่ออกเลย(อันนี้พูดจริงๆนะไม่ได้เว่อ)Mathได้700ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่โอเคแต่พี่ก็หวังไว้มากกว่านั้น
ตอนนั้นพี่เครียดมากเพราะคะแนนวิชาอังกฤษก็ยังไม่ผ่านเกณฑ์ก็เลยเปลี่ยนข้อสอบไปเลยจากCU-TEPพี่เปลี่ยนไปสอบIELTSเพราะพี่ถนัด SpeakingกับListeningมากกว่าแกรมม่า
พี่เลยคิดว่าจะมาอ่านเล่นๆเหมือนตอนสอบCU-TEPไม่ได้แล้ว
เลยแหกกฎที่ตัวเองตั้งไว้ว่าจะไม่เรียนพิเศษไปลงIELTSกับสถาบันที่ชื่อว่าINTERPASS
ช่วงที่เรียนก็เรียนไปงั้นๆเพราะอย่างที่บอกเป็นคนที่เรียนภาษาอังกฤษแล้วไม่เข้าหัว
การบ้านที่พี่เขาให้ก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง
พอไปสอบก็ดีหน่อยได้6.5เกินขั้นต่ำของISEคือ6
มาสรุปคะแนนที่พี่มีตอนนั้นดีกว่า
SAT Math 700
IELTS 6.5
ยังขาดอีกสามตัวคือ Math lv.2 physicsและchemistryพี่เลยไปร้านหนังสือในเชียงใหม่แล้วไปซื้อหนังสือมาอีก3เล่มคือ SAT subject tests ของ collegeboardทั้ง3วิชาเลย
ข้อดีคือมันจะใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากๆและมีกระดาษคำตอบให้ลองฝนดูด้วย
ก่อนหน้านี้พี่ได้อ่านหนังสือBarronsของทั้ง3วิชาจบหมดแล้ว
เหมือนเดิมก่อนสอบ2อาทิตย์พี่ก็เอาข้อสอบทุกฉบับที่ซื้อมาตอนนั้นมานั่งทำความเข้าใจใหม่หมด
ซึ่งตอนทำเสร็จพี่ลองมานับดูคือพี่ทำไป20กว่าฉบับๆละ(50-86)ข้อก็คูณกันเอาเองนะครับ5555
พอไปสอบก็รู้อย่างนึงเลยว่าหนังสือBarronsวิชาฟิสิกส์ไม่ตรงกับข้อสอบจริงมากๆ
คือไม่ตรงเลยอะในหนังสือจะให้คำนวณซะเป็นส่วนใหญ่แต่พอมาสอบจริงเกือบ70%เป็นคอนเซปเช่นถ้าเพิ่มความดันเป็น2เท่าปริมาตรจะเพิ่มหรือลดเท่าใดอะไรทำนองนี้ซึ่งตอนสอบผมก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
พอคะแนนออกมาก็ค่อนข้างพอใจ
Physics 660
Chemistry 710
Math lv.2 680
ซึ่งคะแนนนี้บอกเลยว่าถ้าติดก็ติดคนท้ายๆหรือไม่ก็ตัวสำรอง
พี่ก็ไม่ได้หวังอะไรมากเพราะมีเวลาเตรียมตัวน้อย+รู้ตัวช้า
ตอนนั้นคิดว่าถ้าติดอะไรก็จะเอาเลย
มาถึงตอนนี้คะแนนพี่ก็ผ่านขั้นต่ำมาหมดพอที่จะยื่นได้แล้ว
ก็ยื่นไปในรอบที่2ช่วงเดือนม.ค.ปี61
ปรากฏว่าติดรอบสัมภาษณ์(จริงๆถ้าคนที่คะแนนผ่านหมดยังไงทางคณะก็จะเรียกสัมภาษณ์อยู่แล้วแต่จะติดมั้ยอีกเรื่องนึง)
ก่อนสัมภาษณ์พี่ก็ได้เตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่อาจารย์เขาจะถามเราไว้เยอะมาก
ซึ่งภาคที่พี่อยากเข้าคือNANO(ถ้าใครอยากให้พี่แชร์คำถามที่พี่โดนอาจารย์ถามก็ขอมาได้เดี๋ยวจะเขียนอีกกระทู้ให้)
พอสอบสัมภาษณ์เสร็จพี่ก็รู้สึกโล่งมากเพราะตอบได้ครบทุกอย่าง
ตอนนั้นคือมั่นใจว่าจะติดแน่ๆอย่างน้อยลำดับท้ายๆก็ยังดี
พอประกาศมาพี่ติดตัวสำรองลำดับที่8
ตอนนั้นคือคิดว่าตัวเองต้องไม่ได้แน่ๆเพราะจาก110คนที่ISEรับจะมีคนสละสิทธิ์8คนหรอ
ยิ่งเป็นคณะที่การแข่งขันสูงมากด้วย
สุดท้ายทางคณะก็ประกาศออกมาว่ามีที่ว่างเหลือ13ที่
พี่ดีใจมากกกกกแล้วก็ไปบอกพ่อ
พ่อก็ดีใจ555555
สุดท้ายนี้อยากบอกว่ามันไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จหรอกจะเห็นได้ว่ากว่าพี่จะติดก็น้ำตาแทบไหลเหมือนกันแล้วถ้าใครจะบอกว่าวิศวะจุฬาภาคอินเตอร์เข้าง่ายกว่าภาคไทยพี่อยากจะบอกว่าข้อสอบที่ต้องสอบอาจจะง่ายกว่าก็จริงแต่การที่จะสอบSATให้ได้สูงๆเป็นอะไรที่ต้องใช้ความพยายามสูงมาก
จริงๆมีอีกหลายเรื่องที่พี่อยากพูดแต่แค่นี้กระทู้ก็ยาวมากแล้ว
ปล.อยากจะขอบคุณเพจ learning cafe ศูนย์รวมข้อมูลการสอบอินเตอร์ที่ช่วยพี่มาตั้งแต่การสมัครสอบSATถ้าไม่มีเพจนี้พี่คงไม่ได้สอบSATและมีที่เรียนดีๆแบบนี้
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะมาเป็นรุ่นน้อง ISE จุฬากันเถอะ
พี่รอให้มันมาจัดสอบที่เชียงใหม่
ซึ่งมันห่างออกไป2เดือนพี่เลยขอซีร็อกหนังสือCU-TEPของเพื่อนที่เป็นเล่มชมพูๆ2เล่มอะ
พี่ก็ทำไปเลยทุกชุดโดยไม่อ่านหลักแกรมม่าอะไรซักอย่างก่อนเลยคะแนนก็จะอยู่ประมาณ77-85เต็ม120นะ
ที่พี่ลงมือทำข้อสอบเก่าเลยเพราะพี่ไม่เคยมีความรู้สึกว่าอยากอ่านภาษาอังกฤษและขกอ่านด้วย
และอาจจะเป็นเพราะพี่พูดภาษาอังกฤษกับพ่อมาตั้งแต่เด็กๆเลยไม่รู้สึกว่าต้องพยายามอะไร(แต่เดี๋ยวจะรู้ว่าความคิดแบบนี้จะนำไปสู่อะไร5555)
พอไปสอบก็เกิดเหตุการณ์ที่ว่าลืมว่าพาร์ทReadingมี60ข้อดันทำไปแค่50ข้อ
อีก10ข้อก็ดิ่ง3
พอคะแนนออกมาก็แทบจะฟาดคอมเลย(ลลนะ555)พี่ได้79ซึ่งเกณฑ์ผ่านของคณะคือ80
พี่เลยบอกกับตัวเองว่างั้นทิ้งอังกฤษไว้ก่อนแล้วกันไปเตรียมตัวสอบพวกวิทย์กับคณิตก่อนดีกว่า
ซึ่งตอนนั้นบังเอิญไปอ่านกระทู้นึงและได้มีการมีการแนะนำเพจๆนึงพี่เลยเข้าไปถามว่าอยากสอบSATไรงี้
พี่เขาบอกกับผมว่าดีนะที่น้องทักมาวันนี้ถ้าน้องทักมาพรุ่งนี้ศูนย์สอบSATในไทยอาจจะเต็มได้
พี่ก็ทำตามพี่เขาก็สมัครๆไปจ่ายตังเรียบร้อย(รวม5วิชาเสียเกือบ6000บาทมั้งจำไม่ได้กระเป๋าตังแฟบเลยทีเดียว5555)
ช่วงนั้นก็เหลือ5-6เดือนก่อนจะสอบSATกับSAT Subject tests
พี่เลยกลับมาสนใจที่จะเตรียมพาร์ทภาษาอังกฤษอีกครั้งนึง
พี่ก็ทำเหมือนเดิมนั่นแหละไปซีร็อกนส.เล่มเดิมมาทำใหม่คะแนนก็ดีบ้างแย่บ้าง
แต่ตอนสอบรอบนี้พี่ลงCU-AATเพิ่มไปด้วยเผื่อคะแนนจะถึงจะได้ไม่ต้องยื่นSAT Mathตั้ง2ตัว
ตอนไปสอบรอบนี้ทุกอย่างดูราบรื่นดีไม่มีการลืมทำข้อใดๆ
พอคะแนนออกมาแทบฟาดเมาส์(เมื่อกี้ฟาดคอมไปแล้ว)พี่ได้79อีกแล้ว
พี่คิดในใจคือรอบนี้กูตั้งใจทำมากทำไมได้เท่ากับรอบแล้วที่ดิ่งไป10ข้อเลยวะ555
ส่วนCU-AATพี่ได้460ซึ่งขั้นต่ำของISEอยู่ที่480พี่ก็ไม่ได้อะไรมากเพราะอ่านไปนิดเดียว
มาถึงตอนนี้แล้วน้องยังไม่เห็นแววเลยใช่มั้ยว่าพี่จะสอบอะไรผ่านบ้าง5555
ช่วงนั้นก็เฟลไปพักใหญ่ๆเลยจากที่เราเหลืออีก5-6เดือนจะสอบSAT
ตอนนั้นพี่เหลือแค่1เดือนจะสอบSATธรรมดารอบOctoberและอีก3เดือนจะสอบSAT math lv.2 SAT Physics และ SAT Chemistry
พี่นึกยังไงไม่รู้เข้าไปเช็คในเว็บของSATแล้วดันไปเห็นว่าตัวเองลงสอบผิดวิชา
คือแทนที่พี่จะลงSATในรอบOctoberพี่ไปลงSAT Subject tests Math LV.1
พี่เลยนึกในใจว่าSheep hai leawเอาไงดี
สุดท้ายก็ต้องไปสอบที่กัมพูชาเพราะสนามสอบที่ไทยเต็มหมดแล้ว
การเตรียมตัวสอบSATของพี่คือพี่ไม่ได้อ่านพาร์ทอังกฤษเลยเพราะคิดว่าจะทุ่มให้กับพาร์ทคณิตอย่างเดียว
อีกอย่างISEใช้แค่พาร์ทคณิตพี่เลยสบายไป
สิ่งที่พี่ใช้เตรียมตัวก็คือเว็บkhan Academyเว็บนี้จะเป็นเว็บที่ใช้ติวSATโดยเฉพาะโดยข้อสอบจะใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากที่สุดโดย
อย่างนึงที่ดีมากๆเกี่ยวกับเว็บนี้คือเราสามารถบอกได้ว่าตอนนี้เราอยู่ในระดับไหน
มันจะมี5ระดับ(ถ้าผิดขออภัย)พี่ทำไปจนถึงระดับที่4แล้วหยุกเพราะขี้เกียจ55555
พอรู้สึกว่าทำแบบฝึกหัดมากพอแล้วพี่ก็ไปปริ้นข้อสอบจริงมา8ชุดที่ทางคนออกข้อสอบได้เผยแพร่มาทำเฉพาะพาร์ทคณิต
พี่ทำหมดทุกชุดๆละหลายๆรอบ
พี่ทำจนพี่ไม่มีข้อที่งงอีกเลยใน8ชุดนั้น(ไม่ใช่ว่าเรียนรู้เองนะก็มีถามเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่เก่งๆบ้าง)
ซึ่งการทำ8ชุดนี้+เรียนรู้ข้อผิดพลาดพี่ใช้เวลาแค่2อาทิตย์เพราะเวลาเหลือแค่นั้นจริงๆ
หลังจากนั้นพี่ก็บินไปสอบที่กัมพูชา
และแล้วเหตุการณ์ที่น้องๆพอจะเดาออกก็เกิดขึ้น
8ข้อสุดท้ายพี่ทำไม่ทันครับพี่เลยฝน0ทุกข้อไปเลย
พอออกมาจากห้องสอบหน้าพี่ก็ซีดนิดๆ
จะเห็นได้ว่าที่พี่เป็นแบบนี้เพราะพี่ไม่เคยฝึกจับเวลาอย่างจริงจัง
น้องบางคนอาจจะคิดว่าการจับเวลาตอนทำข้อสอบมันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ
ลองไม่จับเวลาแล้วไปสอบสนามไหนก็ได้ครับ GATPAT 9วิชา ยังไงก็ไม่ทันครับ
ตอนคะแนนออกพี่โครตลุ้นว่าพาร์ทคณิตจะเกิน700มั้ยเพราะถ้าเกิน700ก็จะมีสิทธิ์ติดสูง
พี่ได้SATรวม1110 Verbalได้410ซึ่งอันนี้พูดไรไม่ได้เพราะตอนทำข้อสอบพี่อ่านศัพท์มันไม่ออกเลย(อันนี้พูดจริงๆนะไม่ได้เว่อ)Mathได้700ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่โอเคแต่พี่ก็หวังไว้มากกว่านั้น
ตอนนั้นพี่เครียดมากเพราะคะแนนวิชาอังกฤษก็ยังไม่ผ่านเกณฑ์ก็เลยเปลี่ยนข้อสอบไปเลยจากCU-TEPพี่เปลี่ยนไปสอบIELTSเพราะพี่ถนัด SpeakingกับListeningมากกว่าแกรมม่า
พี่เลยคิดว่าจะมาอ่านเล่นๆเหมือนตอนสอบCU-TEPไม่ได้แล้ว
เลยแหกกฎที่ตัวเองตั้งไว้ว่าจะไม่เรียนพิเศษไปลงIELTSกับสถาบันที่ชื่อว่าINTERPASS
ช่วงที่เรียนก็เรียนไปงั้นๆเพราะอย่างที่บอกเป็นคนที่เรียนภาษาอังกฤษแล้วไม่เข้าหัว
การบ้านที่พี่เขาให้ก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง
พอไปสอบก็ดีหน่อยได้6.5เกินขั้นต่ำของISEคือ6
มาสรุปคะแนนที่พี่มีตอนนั้นดีกว่า
SAT Math 700
IELTS 6.5
ยังขาดอีกสามตัวคือ Math lv.2 physicsและchemistryพี่เลยไปร้านหนังสือในเชียงใหม่แล้วไปซื้อหนังสือมาอีก3เล่มคือ SAT subject tests ของ collegeboardทั้ง3วิชาเลย
ข้อดีคือมันจะใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากๆและมีกระดาษคำตอบให้ลองฝนดูด้วย
ก่อนหน้านี้พี่ได้อ่านหนังสือBarronsของทั้ง3วิชาจบหมดแล้ว
เหมือนเดิมก่อนสอบ2อาทิตย์พี่ก็เอาข้อสอบทุกฉบับที่ซื้อมาตอนนั้นมานั่งทำความเข้าใจใหม่หมด
ซึ่งตอนทำเสร็จพี่ลองมานับดูคือพี่ทำไป20กว่าฉบับๆละ(50-86)ข้อก็คูณกันเอาเองนะครับ5555
พอไปสอบก็รู้อย่างนึงเลยว่าหนังสือBarronsวิชาฟิสิกส์ไม่ตรงกับข้อสอบจริงมากๆ
คือไม่ตรงเลยอะในหนังสือจะให้คำนวณซะเป็นส่วนใหญ่แต่พอมาสอบจริงเกือบ70%เป็นคอนเซปเช่นถ้าเพิ่มความดันเป็น2เท่าปริมาตรจะเพิ่มหรือลดเท่าใดอะไรทำนองนี้ซึ่งตอนสอบผมก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
พอคะแนนออกมาก็ค่อนข้างพอใจ
Physics 660
Chemistry 710
Math lv.2 680
ซึ่งคะแนนนี้บอกเลยว่าถ้าติดก็ติดคนท้ายๆหรือไม่ก็ตัวสำรอง
พี่ก็ไม่ได้หวังอะไรมากเพราะมีเวลาเตรียมตัวน้อย+รู้ตัวช้า
ตอนนั้นคิดว่าถ้าติดอะไรก็จะเอาเลย
มาถึงตอนนี้คะแนนพี่ก็ผ่านขั้นต่ำมาหมดพอที่จะยื่นได้แล้ว
ก็ยื่นไปในรอบที่2ช่วงเดือนม.ค.ปี61
ปรากฏว่าติดรอบสัมภาษณ์(จริงๆถ้าคนที่คะแนนผ่านหมดยังไงทางคณะก็จะเรียกสัมภาษณ์อยู่แล้วแต่จะติดมั้ยอีกเรื่องนึง)
ก่อนสัมภาษณ์พี่ก็ได้เตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่อาจารย์เขาจะถามเราไว้เยอะมาก
ซึ่งภาคที่พี่อยากเข้าคือNANO(ถ้าใครอยากให้พี่แชร์คำถามที่พี่โดนอาจารย์ถามก็ขอมาได้เดี๋ยวจะเขียนอีกกระทู้ให้)
พอสอบสัมภาษณ์เสร็จพี่ก็รู้สึกโล่งมากเพราะตอบได้ครบทุกอย่าง
ตอนนั้นคือมั่นใจว่าจะติดแน่ๆอย่างน้อยลำดับท้ายๆก็ยังดี
พอประกาศมาพี่ติดตัวสำรองลำดับที่8
ตอนนั้นคือคิดว่าตัวเองต้องไม่ได้แน่ๆเพราะจาก110คนที่ISEรับจะมีคนสละสิทธิ์8คนหรอ
ยิ่งเป็นคณะที่การแข่งขันสูงมากด้วย
สุดท้ายทางคณะก็ประกาศออกมาว่ามีที่ว่างเหลือ13ที่
พี่ดีใจมากกกกกแล้วก็ไปบอกพ่อ
พ่อก็ดีใจ555555
สุดท้ายนี้อยากบอกว่ามันไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จหรอกจะเห็นได้ว่ากว่าพี่จะติดก็น้ำตาแทบไหลเหมือนกันแล้วถ้าใครจะบอกว่าวิศวะจุฬาภาคอินเตอร์เข้าง่ายกว่าภาคไทยพี่อยากจะบอกว่าข้อสอบที่ต้องสอบอาจจะง่ายกว่าก็จริงแต่การที่จะสอบSATให้ได้สูงๆเป็นอะไรที่ต้องใช้ความพยายามสูงมาก
จริงๆมีอีกหลายเรื่องที่พี่อยากพูดแต่แค่นี้กระทู้ก็ยาวมากแล้ว
ปล.อยากจะขอบคุณเพจ learning cafe ศูนย์รวมข้อมูลการสอบอินเตอร์ที่ช่วยพี่มาตั้งแต่การสมัครสอบSATถ้าไม่มีเพจนี้พี่คงไม่ได้สอบSATและมีที่เรียนดีๆแบบนี้
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะมาเป็นรุ่นน้อง ISE จุฬากันเถอะ
6 ความคิดเห็น
เห็นความพยายามของพี่มากเลยค่ะ ขอบคุณที่มาแบ่งปันประสบการณ์นะคะ เขียนละเอียดเข้าใจมากค่ะ
สุดยอดเลยค่ะ ขอชื่นชม เราเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันนะ แต่เราน่าจะไม่ติดด (จะเข้าคณะอื่น) น่าจะซิ่วค่ะ เห็นแบบนี้คือเธอโคดเป็น survivor อ่ะ555555
ยินดีด้วยค่ะ พี่เคยสอบเมื่อสิบปีก่อน นาโนยังใหม่มากเปิดได้4ปี ตอนนั้นสอบ cutep. Cuaat sat วนๆไป 5555
ปล แต่สุดท้ายพี่สละสิทธิ์ค่ะ มาเรียนหมอแทน(ไม่รัคิดถุกคิดผิด)เสียดายตังกวดวิชาเบาๆ
ยังไงขอให้น้องโชคดีค่า
ISE กับ ธรรมดา เเบบไหนเข้ายากกว่า?
เราว่ามันต่างกันอะเเบบISEเเต่ละรอบเเข่งกันไม่ถึง400คนเเต่ภาคไทยก็รู้ๆกันอยู่ว่าgatpatต้องเยอะจริงๆเเละเเข่งกันทั่วประเทศ
เเต่ยังไงพวกSATก็ง่ายกว่าgatpatมากๆ
ภาคธรรมดายากกว่ามากค่ะ ข้อสอบ SAT math, physics, chemistry ง่ายกว่าพวก PAT1 PAT2 PAT3 มากกกก แต่ถ้าภาษาอังกฤษ ส่วนตัวว่า CU-TEP ยากกว่า GAT นะคะ
ปล. ติดอินเตอร์ปีแรกเรียนไปได้ครึ่งเทอมซิ่วไปภาคธรรมดาค่ะ
ถ้าเข้าที่นี่สู้ไปเข้า School of Engineering ในยูดังของต่างประเทศดีกว่า มีเพื่อนเคยได้ที่นี่แต่สุดท้ายเลือกไปเรียนปอตรี Engineering ที่ University of Bristol ในอังกฤษ อีกคนไปเรียนที่ Nanyang ใน Singapore ตอนนี้ไปต่อโทที่ MIT ในอเมริกาเรียบร้อยแล้ว 555
เงินไง เงินนน
ที่คุณพูดมันก็จริงครับยังไงUดังๆในต่างประเทศก็ดีกว่าอยู่เเล้วเเต่สำหรับผมที่ผมเลือกเข้าที่นี่เพราะผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการไปต่อป.โทUดังๆอย่างที่คุณบอกที่ISEมีอาจารย์เก่งๆเเละจบจากUดังๆมากมาย
ที่สามารถเขียนrecommendationให้เราได้(เเต่ผมคิดว่าอันนี้เป็นผลพลอยได้สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือการขนขวายหาความรู้ให้ได้มากที่สุด)
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?