Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ประสบการณ์การสอบติดISEจุฬาเเบบทุลักทุเล

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขอแทนตัวเองว่าพี่ละกันนะถ้าคนอ่านเป็นเพื่อนหรือพี่ก็ขอโทษด้วยครับคือหลักๆแล้วอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้กับน้องๆที่อยากจะเรียนISEหรือที่รู้จักกันในนามวิศวะจุฬาอินเตอร์แต่ติดเรื่องค่าคอร์สของสถาบันกวดวิชาต่างๆแพงเหลือเกินและอยากอ่านเองนะครับ


ต้องขอบอกก่อนเลยว่าพี่เขียนกระทู้ไม่เป็นนะแต่อ่านกรทู้บ่อยมากไม่รู้ว่าจะช่วยให้พี่เขียนเข้าใจรึป่าวนะถ้ามีอะไรผิดก็ขอโทษด้วย


อยากจะพูดถึงพื้นฐานของพี่ก่อนเพราะบางคนอาจจะคิดว่าพี่ต้องเก่งอยู่แล้วแน่ๆเลยไรงี้


1.อยู่รรนึงในจังหวัดเชียงใหม่


2. เคยติด0ช่วงม.6


3. เป็นลูกครึ่ง


4. เคยได้เกรดภาษาอังกิด1.5


5. ต่อจากข้อเมื่อกี้เลยคือไม่เคยได้เกรด4อังกฤษหลักเลยตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมา


อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงจะเห็นแล้วนะครับว่าพี่แม่งloserชัดๆ555


ที่พี่บอกไปตอนเกริ่นว่าอยากแชร์ประสบการณ์ให้กับน้องๆที่อยากเรียนISEแต่ติดเรื่องค่าคอร์สคือพี่ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่เรียนเลยนะเดี๋ยวจะบอกในกระทู้อีกที


โอเคเรามาเริ่มกันเถอะพูดมาโครตยาวยังไม่ได้ไรจากพี่เลย5555


ตั้งแต่แรกเลยถ้าถามพี่คือพี่อยากเข้าวิศวะจุฬาภาคไทยมาโดยตลอดแต่ช่วงม.5พี่ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่อเมริกาและได้ไปเหมือนOpen Houseของคณะวิศวะของมหาลัยๆนึงแล้วพี่ก็มีความรู้สึกว่าทำไมมันน่าเรียนจังวะทั้งบรรยากาศทั้งอาจารย์แม่งเทพๆทั้งนั้นทางมหาลัยก็แนะนำให้สอบSATถ้าได้ตามเกณฑ์ที่มหาลัยก็จะได้ทุนเท่านี้ๆบลาๆๆๆๆ


พ่อมาดูค่าเทอมก็หงายเงิบไปเลยคืออยู่ที่ประมาณปีละล้าน6แล้วทุนที่ให้ต่อให้เด็กที่ได้SAT1500+++ก็จะได้อยู่ประมาณ3แสนซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย5555และพ่อแม่พี่ก็ฐานะปานกลางจะเอาเงินที่ไหนไปเรียน(จริงๆที่อเมริกาก็มีหลายมหาลัยที่ให้ทุนเต็มจำนวนแต่พี่เป็นคนที่ไม่เก่งมาก+พี่ไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำSATให้ได้คะแนนสูงๆได้ซึ่งสุดท้ายก็เป็นแบบนั้นจริงๆ


ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างน้า)


ตอนพี่กลับมาไทยเลยคิดว่าอยากเรียนมหาลัยดีๆด้านวิศวะที่ไทยแล้วค่อยชิงทุนหรือทำอะไรก็ได้เพื่อที่ป.โทพี่จะได้ไปเรียนที่ต่างประเทศ


อย่างน้อยค่าเทอมป.ตรีที่ไทยก็ถูกกว่าที่นู้น10กว่าเท่า


พี่เลยเริ่มเสริชเลยก็มีวิศวะจุฬาอินเตอร์นี่แหละที่ตอบโจทย์พี่ที่สุด


หลังจากนั้นก็ได้รู้ว่าต้องสอบอะไรบ้าง


อันนี้ก็มีในเว็บISEเลยน้องๆไปดูกันได้


คือการยื่นข้อสอบภาษาอังกฤษมันมีให้เลือกยื่นได้หลายตัวใช่มั้ย
พี่ก็เลือสอบCUTEPก่อนเลย


พี่รอให้มันมาจัดสอบที่เชียงใหม่


ซึ่งมันห่างออกไป2เดือนพี่เลยขอซีร็อกหนังสือCU-TEPของเพื่อนที่เป็นเล่มชมพูๆ2เล่มอะ


พี่ก็ทำไปเลยทุกชุดโดยไม่อ่านหลักแกรมม่าอะไรซักอย่างก่อนเลยคะแนนก็จะอยู่ประมาณ77-85เต็ม120นะ


ที่พี่ลงมือทำข้อสอบเก่าเลยเพราะพี่ไม่เคยมีความรู้สึกว่าอยากอ่านภาษาอังกฤษและขกอ่านด้วย


และอาจจะเป็นเพราะพี่พูดภาษาอังกฤษกับพ่อมาตั้งแต่เด็กๆเลยไม่รู้สึกว่าต้องพยายามอะไร(แต่เดี๋ยวจะรู้ว่าความคิดแบบนี้จะนำไปสู่อะไร5555)


พอไปสอบก็เกิดเหตุการณ์ที่ว่าลืมว่าพาร์ทReadingมี60ข้อดันทำไปแค่50ข้อ


อีก10ข้อก็ดิ่ง3


พอคะแนนออกมาก็แทบจะฟาดคอมเลย(ลลนะ555)พี่ได้79ซึ่งเกณฑ์ผ่านของคณะคือ80


พี่เลยบอกกับตัวเองว่างั้นทิ้งอังกฤษไว้ก่อนแล้วกันไปเตรียมตัวสอบพวกวิทย์กับคณิตก่อนดีกว่า


ซึ่งตอนนั้นบังเอิญไปอ่านกระทู้นึงและได้มีการมีการแนะนำเพจๆนึงพี่เลยเข้าไปถามว่าอยากสอบSATไรงี้


พี่เขาบอกกับผมว่าดีนะที่น้องทักมาวันนี้ถ้าน้องทักมาพรุ่งนี้ศูนย์สอบSATในไทยอาจจะเต็มได้


พี่ก็ทำตามพี่เขาก็สมัครๆไปจ่ายตังเรียบร้อย(รวม5วิชาเสียเกือบ6000บาทมั้งจำไม่ได้กระเป๋าตังแฟบเลยทีเดียว5555)


ช่วงนั้นก็เหลือ5-6เดือนก่อนจะสอบSATกับSAT Subject tests


พี่เลยกลับมาสนใจที่จะเตรียมพาร์ทภาษาอังกฤษอีกครั้งนึง


พี่ก็ทำเหมือนเดิมนั่นแหละไปซีร็อกนส.เล่มเดิมมาทำใหม่คะแนนก็ดีบ้างแย่บ้าง


แต่ตอนสอบรอบนี้พี่ลงCU-AATเพิ่มไปด้วยเผื่อคะแนนจะถึงจะได้ไม่ต้องยื่นSAT Mathตั้ง2ตัว


ตอนไปสอบรอบนี้ทุกอย่างดูราบรื่นดีไม่มีการลืมทำข้อใดๆ


พอคะแนนออกมาแทบฟาดเมาส์(เมื่อกี้ฟาดคอมไปแล้ว)พี่ได้79อีกแล้ว


พี่คิดในใจคือรอบนี้กูตั้งใจทำมากทำไมได้เท่ากับรอบแล้วที่ดิ่งไป10ข้อเลยวะ555


ส่วนCU-AATพี่ได้460ซึ่งขั้นต่ำของISEอยู่ที่480พี่ก็ไม่ได้อะไรมากเพราะอ่านไปนิดเดียว


มาถึงตอนนี้แล้วน้องยังไม่เห็นแววเลยใช่มั้ยว่าพี่จะสอบอะไรผ่านบ้าง5555


ช่วงนั้นก็เฟลไปพักใหญ่ๆเลยจากที่เราเหลืออีก5-6เดือนจะสอบSAT


ตอนนั้นพี่เหลือแค่1เดือนจะสอบSATธรรมดารอบOctoberและอีก3เดือนจะสอบSAT math lv.2 SAT Physics และ SAT Chemistry


พี่นึกยังไงไม่รู้เข้าไปเช็คในเว็บของSATแล้วดันไปเห็นว่าตัวเองลงสอบผิดวิชา


คือแทนที่พี่จะลงSATในรอบOctoberพี่ไปลงSAT Subject tests Math LV.1


พี่เลยนึกในใจว่าSheep hai leawเอาไงดี


สุดท้ายก็ต้องไปสอบที่กัมพูชาเพราะสนามสอบที่ไทยเต็มหมดแล้ว


การเตรียมตัวสอบSATของพี่คือพี่ไม่ได้อ่านพาร์ทอังกฤษเลยเพราะคิดว่าจะทุ่มให้กับพาร์ทคณิตอย่างเดียว


อีกอย่างISEใช้แค่พาร์ทคณิตพี่เลยสบายไป


สิ่งที่พี่ใช้เตรียมตัวก็คือเว็บkhan Academyเว็บนี้จะเป็นเว็บที่ใช้ติวSATโดยเฉพาะโดยข้อสอบจะใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากที่สุดโดย


อย่างนึงที่ดีมากๆเกี่ยวกับเว็บนี้คือเราสามารถบอกได้ว่าตอนนี้เราอยู่ในระดับไหน


มันจะมี5ระดับ(ถ้าผิดขออภัย)พี่ทำไปจนถึงระดับที่4แล้วหยุกเพราะขี้เกียจ55555


พอรู้สึกว่าทำแบบฝึกหัดมากพอแล้วพี่ก็ไปปริ้นข้อสอบจริงมา8ชุดที่ทางคนออกข้อสอบได้เผยแพร่มาทำเฉพาะพาร์ทคณิต


พี่ทำหมดทุกชุดๆละหลายๆรอบ


พี่ทำจนพี่ไม่มีข้อที่งงอีกเลยใน8ชุดนั้น(ไม่ใช่ว่าเรียนรู้เองนะก็มีถามเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่เก่งๆบ้าง)


ซึ่งการทำ8ชุดนี้+เรียนรู้ข้อผิดพลาดพี่ใช้เวลาแค่2อาทิตย์เพราะเวลาเหลือแค่นั้นจริงๆ


หลังจากนั้นพี่ก็บินไปสอบที่กัมพูชา


และแล้วเหตุการณ์ที่น้องๆพอจะเดาออกก็เกิดขึ้น


8ข้อสุดท้ายพี่ทำไม่ทันครับพี่เลยฝน0ทุกข้อไปเลย


พอออกมาจากห้องสอบหน้าพี่ก็ซีดนิดๆ


จะเห็นได้ว่าที่พี่เป็นแบบนี้เพราะพี่ไม่เคยฝึกจับเวลาอย่างจริงจัง


น้องบางคนอาจจะคิดว่าการจับเวลาตอนทำข้อสอบมันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ


ลองไม่จับเวลาแล้วไปสอบสนามไหนก็ได้ครับ GATPAT 9วิชา ยังไงก็ไม่ทันครับ


ตอนคะแนนออกพี่โครตลุ้นว่าพาร์ทคณิตจะเกิน700มั้ยเพราะถ้าเกิน700ก็จะมีสิทธิ์ติดสูง


พี่ได้SATรวม1110 Verbalได้410ซึ่งอันนี้พูดไรไม่ได้เพราะตอนทำข้อสอบพี่อ่านศัพท์มันไม่ออกเลย(อันนี้พูดจริงๆนะไม่ได้เว่อ)Mathได้700ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่โอเคแต่พี่ก็หวังไว้มากกว่านั้น


ตอนนั้นพี่เครียดมากเพราะคะแนนวิชาอังกฤษก็ยังไม่ผ่านเกณฑ์ก็เลยเปลี่ยนข้อสอบไปเลยจากCU-TEPพี่เปลี่ยนไปสอบIELTSเพราะพี่ถนัด SpeakingกับListeningมากกว่าแกรมม่า


พี่เลยคิดว่าจะมาอ่านเล่นๆเหมือนตอนสอบCU-TEPไม่ได้แล้ว


เลยแหกกฎที่ตัวเองตั้งไว้ว่าจะไม่เรียนพิเศษไปลงIELTSกับสถาบันที่ชื่อว่าINTERPASS


ช่วงที่เรียนก็เรียนไปงั้นๆเพราะอย่างที่บอกเป็นคนที่เรียนภาษาอังกฤษแล้วไม่เข้าหัว


การบ้านที่พี่เขาให้ก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง


พอไปสอบก็ดีหน่อยได้6.5เกินขั้นต่ำของISEคือ6


มาสรุปคะแนนที่พี่มีตอนนั้นดีกว่า


SAT Math 700


IELTS 6.5


ยังขาดอีกสามตัวคือ Math lv.2 physicsและchemistryพี่เลยไปร้านหนังสือในเชียงใหม่แล้วไปซื้อหนังสือมาอีก3เล่มคือ SAT subject tests ของ collegeboardทั้ง3วิชาเลย


ข้อดีคือมันจะใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากๆและมีกระดาษคำตอบให้ลองฝนดูด้วย


ก่อนหน้านี้พี่ได้อ่านหนังสือBarronsของทั้ง3วิชาจบหมดแล้ว


เหมือนเดิมก่อนสอบ2อาทิตย์พี่ก็เอาข้อสอบทุกฉบับที่ซื้อมาตอนนั้นมานั่งทำความเข้าใจใหม่หมด


ซึ่งตอนทำเสร็จพี่ลองมานับดูคือพี่ทำไป20กว่าฉบับๆละ(50-86)ข้อก็คูณกันเอาเองนะครับ5555


พอไปสอบก็รู้อย่างนึงเลยว่าหนังสือBarronsวิชาฟิสิกส์ไม่ตรงกับข้อสอบจริงมากๆ


คือไม่ตรงเลยอะในหนังสือจะให้คำนวณซะเป็นส่วนใหญ่แต่พอมาสอบจริงเกือบ70%เป็นคอนเซปเช่นถ้าเพิ่มความดันเป็น2เท่าปริมาตรจะเพิ่มหรือลดเท่าใดอะไรทำนองนี้ซึ่งตอนสอบผมก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง


พอคะแนนออกมาก็ค่อนข้างพอใจ


Physics 660


Chemistry 710


Math lv.2 680


ซึ่งคะแนนนี้บอกเลยว่าถ้าติดก็ติดคนท้ายๆหรือไม่ก็ตัวสำรอง


พี่ก็ไม่ได้หวังอะไรมากเพราะมีเวลาเตรียมตัวน้อย+รู้ตัวช้า


ตอนนั้นคิดว่าถ้าติดอะไรก็จะเอาเลย


มาถึงตอนนี้คะแนนพี่ก็ผ่านขั้นต่ำมาหมดพอที่จะยื่นได้แล้ว


ก็ยื่นไปในรอบที่2ช่วงเดือนม.ค.ปี61


ปรากฏว่าติดรอบสัมภาษณ์(จริงๆถ้าคนที่คะแนนผ่านหมดยังไงทางคณะก็จะเรียกสัมภาษณ์อยู่แล้วแต่จะติดมั้ยอีกเรื่องนึง)


ก่อนสัมภาษณ์พี่ก็ได้เตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่อาจารย์เขาจะถามเราไว้เยอะมาก


ซึ่งภาคที่พี่อยากเข้าคือNANO(ถ้าใครอยากให้พี่แชร์คำถามที่พี่โดนอาจารย์ถามก็ขอมาได้เดี๋ยวจะเขียนอีกกระทู้ให้)


พอสอบสัมภาษณ์เสร็จพี่ก็รู้สึกโล่งมากเพราะตอบได้ครบทุกอย่าง


ตอนนั้นคือมั่นใจว่าจะติดแน่ๆอย่างน้อยลำดับท้ายๆก็ยังดี


พอประกาศมาพี่ติดตัวสำรองลำดับที่8


ตอนนั้นคือคิดว่าตัวเองต้องไม่ได้แน่ๆเพราะจาก110คนที่ISEรับจะมีคนสละสิทธิ์8คนหรอ


ยิ่งเป็นคณะที่การแข่งขันสูงมากด้วย


สุดท้ายทางคณะก็ประกาศออกมาว่ามีที่ว่างเหลือ13ที่


พี่ดีใจมากกกกกแล้วก็ไปบอกพ่อ


พ่อก็ดีใจ555555


สุดท้ายนี้อยากบอกว่ามันไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จหรอกจะเห็นได้ว่ากว่าพี่จะติดก็น้ำตาแทบไหลเหมือนกันแล้วถ้าใครจะบอกว่าวิศวะจุฬาภาคอินเตอร์เข้าง่ายกว่าภาคไทยพี่อยากจะบอกว่าข้อสอบที่ต้องสอบอาจจะง่ายกว่าก็จริงแต่การที่จะสอบSATให้ได้สูงๆเป็นอะไรที่ต้องใช้ความพยายามสูงมาก


จริงๆมีอีกหลายเรื่องที่พี่อยากพูดแต่แค่นี้กระทู้ก็ยาวมากแล้ว


ปล.อยากจะขอบคุณเพจ learning cafe ศูนย์รวมข้อมูลการสอบอินเตอร์ที่ช่วยพี่มาตั้งแต่การสมัครสอบSATถ้าไม่มีเพจนี้พี่คงไม่ได้สอบSATและมีที่เรียนดีๆแบบนี้


ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะมาเป็นรุ่นน้อง ISE จุฬากันเถอะ


 


 


 


 


 


 


 


 


 

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

iamacutiepie 13 เม.ย. 61 เวลา 00:38 น. 1

เห็นความพยายามของพี่มากเลยค่ะ ขอบคุณที่มาแบ่งปันประสบการณ์นะคะ เขียนละเอียดเข้าใจมากค่ะ

0
Pppp 13 เม.ย. 61 เวลา 13:05 น. 2

สุดยอดเลยค่ะ ขอชื่นชม เราเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันนะ แต่เราน่าจะไม่ติดด (จะเข้าคณะอื่น) น่าจะซิ่วค่ะ เห็นแบบนี้คือเธอโคดเป็น survivor อ่ะ555555

0
Bell 14 เม.ย. 61 เวลา 17:43 น. 3

ยินดีด้วยค่ะ พี่เคยสอบเมื่อสิบปีก่อน นาโนยังใหม่มากเปิดได้4ปี ตอนนั้นสอบ cutep. Cuaat sat วนๆไป 5555

ปล แต่สุดท้ายพี่สละสิทธิ์ค่ะ มาเรียนหมอแทน(ไม่รัคิดถุกคิดผิด)เสียดายตังกวดวิชาเบาๆ

ยังไงขอให้น้องโชคดีค่า

0
asdfgo33446 15 เม.ย. 61 เวลา 19:14 น. 4-1

เราว่ามันต่างกันอะเเบบISEเเต่ละรอบเเข่งกันไม่ถึง400คนเเต่ภาคไทยก็รู้ๆกันอยู่ว่าgatpatต้องเยอะจริงๆเเละเเข่งกันทั่วประเทศ

เเต่ยังไงพวกSATก็ง่ายกว่าgatpatมากๆ

0
imme 16 เม.ย. 61 เวลา 22:47 น. 4-2

ภาคธรรมดายากกว่ามากค่ะ ข้อสอบ SAT math, physics, chemistry ง่ายกว่าพวก PAT1 PAT2 PAT3 มากกกก แต่ถ้าภาษาอังกฤษ ส่วนตัวว่า CU-TEP ยากกว่า GAT นะคะ

ปล. ติดอินเตอร์ปีแรกเรียนไปได้ครึ่งเทอมซิ่วไปภาคธรรมดาค่ะ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

เจนี่ 18 เม.ย. 61 เวลา 01:18 น. 6


ถ้าเข้าที่นี่สู้ไปเข้า School of Engineering ในยูดังของต่างประเทศดีกว่า มีเพื่อนเคยได้ที่นี่แต่สุดท้ายเลือกไปเรียนปอตรี Engineering ที่ University of Bristol ในอังกฤษ อีกคนไปเรียนที่ Nanyang ใน Singapore ตอนนี้ไปต่อโทที่ MIT ในอเมริกาเรียบร้อยแล้ว 555

2
asdfgo33446 18 เม.ย. 61 เวลา 07:26 น. 6-2

ที่คุณพูดมันก็จริงครับยังไงUดังๆในต่างประเทศก็ดีกว่าอยู่เเล้วเเต่สำหรับผมที่ผมเลือกเข้าที่นี่เพราะผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการไปต่อป.โทUดังๆอย่างที่คุณบอกที่ISEมีอาจารย์เก่งๆเเละจบจากUดังๆมากมาย

ที่สามารถเขียนrecommendationให้เราได้(เเต่ผมคิดว่าอันนี้เป็นผลพลอยได้สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือการขนขวายหาความรู้ให้ได้มากที่สุด)



0