ไม่รู้ว่าควรเรียนต่อคณะไหนดี ช่วยด้วยค่ะ
ตอนนี้เรากำลังจะขึ้น ม.6 แล้ว ตั้งแต่เด็กๆอาชีพที่เราอยากเป็นคือข้าราชการครู เราสอนคน อธิบายคนให้เข้าใจได้ดี เราเลยอยากเรียนครุศาสตร์ จุฬาฯ แต่เราได้สัมผัสการทำงานของคุณครู ระบบมันห่วยมากจนเราไม่อยากเรียนครูแล้ว พอขึ้น ม.ปลาย เราเบนเข็มมาอยากเรียนรัฐศาสตร์ ซึ่งเป้าหมายเราก็คือรัฐศาสตร์ การระหว่างประเทศ มธ. เรามีผลงานที่พอมีโอกาสยื่นในรอบportfolioติดได้ แต่ปัญหาคือเราไม่เก่งภาษาอังกฤษขนาดนั้น เรากลัวไปเรียนแล้วเราจะเรียนหนัก จนเครียดมาก เราไม่อยากเครียดมาก เพราะในการเรียนมหาลัยของเราต้องทำงานหาเงินด้วย เรากลัวเรียนไม่ไหว ดังนั้น เราคิดว่าเปลี่ยนไปเรียนเอกการเมืองการปกครองก็น่าจะได้ แต่ปัญหาคือเราก็ไม่ได้อินการเมือง ไม่อยากทำงานเป็นนักการเมือง แต่เราชอบที่รัฐศาสตร์สอนให้เรามีการคิดวิเคราะห์เป็นจุดแข็ง ตอนนี้เราก็เลยลังเลว่าจะเอายังไงดี ถ้าจะเรียนรัฐศาสตร์ต่อไปก็ไม่รู้จบมาจะทำอะไร หรือเราจะเรียนครุศาสตร์ จบมาอย่างน้อยๆก็มีใบประกอบวิชาชีพครูกันไว้ ถ้าไปทำอะไรไม่รอดก็มาสอบครู แต่ถ้าจะเรียนครุศาสตร์ ในใจเราอยากเรียนจุฬาฯ แต่จุฬาฯไม่มีให้ยื่นรอบพอร์ต เราก็ต้องมาอ่านหนังสือปวดหัวกับระบบ ผลงานที่เราตรากตรำทำมาก็สูญเปล่าไปหมดเลย
1 ความคิดเห็น
สรุปอ่ะตอนเนี้ยยังอยากเป็นครู ยังชอบสอน ชอบอยู่กับเด็ก และ ยังอยากสอนหนังสืออยู่มั้ยอ่ะ ถ้าไม่ ก็อย่าเลือก อย่าเลือกเรียนครูด้วยความคิดว่า ถ้าทำอะไรไม่รอดก็มาสอบครู สงสารเด็ก เด็กๆคงไม่อยากได้ครูทำอะไรไม่รอดป่ะ ถ้าทำอะไรไม่รอดแล้วมาสอนคนอื่นแล้วเด็กที่เรียนกับครูที่คิดแบบนี้จะรอดป่ะ เด็กทุกคนอยากได้ครูเก่ง ครูดีที่ตั้งใจและพยายามซัพพอร์ตอนาคตของเค้าแหละเนอะ เพราะงั้นถ้าไม่ได้อยากเป็นแล้วก็อย่าเลย อีกอย่างระบบมันทำให้หมดไฟได้ง่ายด้วย เป็นอาชีพที่ต้องเติมไฟบ่อย ๆ ดังนั้นถ้าไม่ใด้ชอบอะไรขนาดนั้น ไฟมันจะมอดง่าย แล้วก็จะกลายเป็นครูเช้าก็ชามเย็นก็ชามไปเรื่อยๆ วนกลับมาที่สงสารเด็กอีกแหละ
ต่อมารัฐศาสตร์ระหว่างประเทศกับการเมือง ไม่ค่อยทราบเรื่องแนวทางการทำงานอะไรเท่าไหร่หรอกนะคะ แต่ตัวคุณเองก็คงเตรียมตัวกับสายนี้มาประมาณนึงแล้ว ใจตอนนี้คงอยากไประหว่างประเทศมากกว่าอยู่แล้วหรือเปล่า ในเมื่ออยากเรียนก็เรียนสิคะ มีผลงานพอยื่นรอบพอร์ตก็แปลว่าตัวคุณเองเตรียมตัว และมีฝีมือประมาณนึงอยู่แล้วป่ะ ดังนั้นแปลว่าที่คุณบอกว่าไม่เก่งอังกฤษขนาดนั้น เราว่ามันก็คงไม่ง่อยขนาดสื่อสารไม่ได้เลย หรือฝึกไม่ได้เลยมั้งคะ คุณก็แค่เอาตัวเองไปเทียบคนอื่น จนเสียความมั่นใจ แล้วก็มานั่งดูถูกตัวเองเท่านั้นเองแหละ ถ้าชอบจริงกลัวทำไมกับเรื่องภาษาไม่แข็งแรง มันฝึกได้ เชื่อสิ คุณน่ะไม่ได้เป็นคนเดียวที่คิดแบบนี้หรอกค่ะ คนอื่นที่จะสอบเข้ามาต่างก็ต้องคิดทั้งนั้นแหละว่าเดี๋ยวเข้ามาชั้นต้องเจอคนเก่งภาษากว่า ในเมื่อเรายังไม่ได้เข้าไปเจอเลยรู้ได้ยังไงว่าจะไม่ไหวล่ะ รู้ได้ยังไงว่าทุกคนในคณะจะเก่งกว่าเรากันหมดล่ะ ยังไม่ได้เจอพวกเขาเลยนี่ สรุปแล้วเป็นเราที่คิดไปเองนะจริงมั้ย ส่วนเรื่องการเมืองการปกครองเราคิดว่าคงไม่ต้องพูดอะไรละเนอะ ในเมื่อคุณบอกเองแล้วว่าคุณไม่ได้อินการเมือง และคุณเตรียมตัวกับระหว่างประเทศขนาดมีผลงานยื่นรอบพอร์ตไปแล้ว
สุดท้าย การหางาน มันเป็นเรื่องของอนาคตเนอะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าในวันข้างหน้าเราจะไปทำอะไร เราอาจจะจบรัฐศาสตร์มาเปิดร้านเบเกอรี่ของตัวเองก็ได้ เป้าหมายเราเปลี่ยนได้ตลอดเวลาแหละที่เราเลือกตอนนี้อ่ะมันก็แค่พยายามหาแนวทางที่มันจะเอื้อหรือใช้ประโยชน์กับงานในอนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้นให้มากที่สุดเท่านั้น มันไม่ได้หมายความว่าจบมาแล้วเราต้องทำงานในสายงานนั้น ๆ อย่างเดียวสักหน่อย
หวังว่าจะอ่านจบ และหวังว่ามันจะช่วยทำให้คุณเห็นหนทางของตัวเองชัดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย ฟังเสียงหัวใจและมั่นใจในศักยภาพของตัวเองค่ะ
ขอบคุณมากๆนะคะ รู้สึกมีแรงฮึดพร้อมสู้กับการระหว่างประเทศขึ้นเยอะเลย ขอบคุณมากๆจิงๆค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?