Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แชร์ประสบการณ์ยื่นโครงการโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายของมจธ(early admission)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะ เราตั้งกระทู้นี้เพื่อที่จะมาแชร์ประสบการณ์ค่ะ เพราะตอนที่เราหาข้อมูลเกี่ยวกับคนที่ยื่นโครงการนี้เพื่อจะเตรียมตัว เรารู้สึกว่าคนที่ยื่นโครงการนี้ตั้งกระทู้+รีวิวกันน้อยม๊าก(จริงๆก็พอมีค่ะแต่เรารู้สึกว่าก็ยังน้อยอยู่ดีTT) เราเลยตัดสินใจตั้งกระทู้นี้มาค่ะ  ปล.โครงการนี้มีแค่บางรรนะคะ

เริ่มแรกเลยคือถ้าคนที่สนใจโครงการนี้ ทางครูแนะแนวจะเป็นคนประชาสัมพันธ์เมื่อทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่าเปิดให้รับสมัครค่ะ โดยเหมือนว่าทางมหาวิทยาลัยจะประสานกับครูแนะแนวให้แจ้งนักเรียน ช่วงตุลา-พฤศจิของทุกปี จากนั้นถ้าสนใจอยากเข้าก็แค่ไปบอกครูแนะแนวค่ะ แล้วครูแนะแนวจะจัดให้มีการสัมภาษณ์คัดเลือกนักเรียนก่อน(การเตรียมตัวตรงนี้ก็เตรียมตัวเหมือนกับไปสัมที่มหาลัยเลยค่ะ เตรียมพอร์ท เตรียมสัมให้เรียบร้อย)  สามารถเลือกสาขาที่จะเข้าได้3อันดับนะคะแต่ต้องเป็นคณะวิศวะเท่านั้น และเมื่อคัดเลือกเสร็จเเล้วทางโรงเรียนจะออกจดหมายรับรองให้เราไปสมัครของมหาวิทยาลัยต่อค่ะ

ต่อจากนี้คือพาร์ทการสัมของมหาลัยค่ะ ก่อนไปสัมคือเราเตรียมตัวไปแบบตาแตกมาก อ่านนู้นอ่านนี้ทบทวนเรื่องprojectกับcodeต่างๆที่เคยเขียน ตอนนั้นยอมรับเลยค่ะว่าเราค่อนข้างคิดมาก+ระแวงมากๆจริงๆซึ่งเป็นผลเสียอย่างใหญ่หลวงเลยค่ะเพราะบางครั้งก็ท้อจากความคิดมากของตัวเองTT  แล้วเวลาก็เดินมาเรื่อยๆจนถึงวันสัมจริงค่ะ ตอนตื่นมาคืออมทุกข์มากเพราะว่าค่อนข้างเครียดและคิดมากแต่ก็สู้ขึ้นมาได้เพราะว่าคำพูดของพ่อแม่ที่บอกว่า  ทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว  (ตอนนั้นทำเราเกือบน้ำตาแตกเลยค่ะTT) จากนั้นเราก็เดินทางมาที่มจธค่ะ แล้วก็รอสัมที่ใต้ตึกวิศวะอาคาร4 ช่วงเวลาการรอคือมือไม้สั่นไปหมดตื่นเต้นมากๆ แล้วพอถึงเวลาพี่ๆก็จะพาเราขึ้นตึกไปรอข้างบนอีกทีเพื่อยืนยันตัวตนและเตรียมความพร้อมนิดหน่อยค่ะ

และนับจากนี้ก็ถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดแล้วค่ะ พี่ๆเขาจะพาเราไปห้องสัมภาษณ์ซึ่งในห้องมีกรรมการอยู่ประมาณ3-4คน ซึ่งก่อนเข้าไปเราก็ขออนุญาติเข้าห้อง จากนั้นเราก็สวัสดี แล้วก็แนะนำตัว(ทริคก็คืออย่าแนะนำแค่ชื่อ-สกุลหรืออายุ แต่ใส่เหตุผลที่อยากเข้าคณะหรือมหาลัยนั้นๆลงไปด้วยเพราะว่าคำถามแนะนำตัวกรรมการไม่ได้อยากรู้ชื่อเรา แต่อยากรู้จักตัวเราต่างหาก)

พอเราแนะนำตัวเสร็จกรรมการก็ทักว่าเราเขียนโค๊ดโชว์ที่ปกเลยหรอ เราก็ยิ้มๆขำๆ  (พอดีเราตกแต่งปกด้วยการเขียนโค๊ดถ้าใครอยากได้ตัวอย่างทักมาได้นะคะ)
ต่อมาอ.ก็เริ่มถามเลยว่า  (ปล.ตอนเราสัมเราไม่ได้พูดรูปประโยคแบบนี้นะคะอันนี้เราแค่ย่อๆ)
-ไม่เอาหมอแล้วแน่ใช่มั้ย
เราก็ตอบไปอย่างไม่คิดเลยว่า ไม่ค่ะ   (เราแนะนำตัวไปว่าเคยอยากเป็นแต่ว่าตอนนี้ไม่แล้ว)
-รู้มั้ยว่ามีวิศวะสายอื่นที่ช่วยหมอได้นะ
เราก็ตอบไปว่า รู้ค่ะว่ามีพวกbiomedอะไรพวกนี้  (เราลงวิศวะคอม)
-ทำไมต้องเป็นที่มจธ
เราตอบว่า นั้นก็เพราะเหตุผล3ข้อด้วยกันก็คือ 1. มีชื่อเสียงวิศวะอับดับ1ของไทย  2. เด่นเรื่องงานวิจัยเลยมีโปรเจคเยอะและเราชอบทำโปรเจคเพราะได้ความรู้+ความสนุก+ได้ทักษะต่างๆ 3. เป็น1ใน9มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติแลยมั่นใจเรื่องประสิทธิภาพในการสนับสนุนนักศึกษาในการทำโปรเจคได้แน่นอน
-ถามว่าทำไมถึงเลือกอันดับ2/3เป็นวิศวะสิ่งแวดล้อมกับวิศวะเคมี 
เราตอบไปแนวๆว่าถ้าไม่ได้ช่วยผู้อื่นจากการเป็นโปรแกรมเมอร์เราก็อยากช่วยคนจากการดูแลสิ่งแวดล้อม
-อยากเป็นโปรแกรมเมอร์สายไหน
เราตอบว่า game developer กับ application developer
-โปรเจคเกมช่วยคนได้ยังไง
เราตอบจากการยกตัวอย่างโปรเจคเกมส์ที่เราเคยทำ ให้ความรู้/รักษาสิ่งแวดล้อม (โปรเจคที่เราทำเป็นเกมส์รักษาสิ่งแวดล้อมค่ะ)
-ทำหน้าที่อะไรในโปรเจคนี้(โปรเจคหลักที่เราเอาขึ้นหน้าแรก)
เราตอบว่า coding/programing โดยการใช้unity
-codeอะไร
เราตอบว่า code fpp controller  ทำuiหน้าเมนู โดยใช้unity
-ที่รรเกรดสวยกันทุกคนเลยหรือเปล่า
เราตอบอันดับในแผนการเรียนไป
-ใช้อะไรนอกจากUnityเป็นมั้ย ใช้RealEngineเป็นรึเปล่า
เราตอบไปตามตรงเลยว่าไม่
-ถ้าไม่เป็นคิดว่าจะสามารถใช้ได้มั้ยในอนาคต
เราบอกได้ค่ะถ้ามีคนสอน
เสริม : รู้สึกตรงนี้อาจารย์ถามต่อว่าแล้วถ้าไม่มีทำยังไง เราเลยตอบว่าก็จะหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตค่ะ แต่อาจารย์บอกว่าข้อมูลในอินเตอร์เน็ตบางอย่างก็ไม่กลั่นกรองนะ แล้วก็บอกว่าถ้าได้เข้ามาแล้วให้มาหาอ.ให้อ.สอน (พอได้ยินประโยคนี้เรายิ้มแก้มจะฉีกถึงใบหูเลยค่ะโล่งใจขึ้นเยอะมาก)
-มีคำถามอะไรอีกมั้ย ตอนที่เราสัมรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ตอนที่อาจารย์ถามคำถามนี้เราเลยค่อนข้างตกใจ ทีนี้เหมือนอาจารย์เขาจะดูออกเลยบอกว่า เสร็จแล้วครับ อะไรประมานนี้ เราเลยถามว่า มีโปรเจคอะไรที่สนใจอีกมั้ยคะ เพราะตอนนั้นเรารู้สึกว่าเรายังไม่ค่อยได้พรีเซ็นต์ตัวเองสักเท่าไหร่ อาจารย์เลยบอกว่า แค่นี้ก็พอแล้วลูก เราเลยยิ้มๆ สวัสดีอาจารย์แล้วก็ขอบคุณอาจารย์สำหรับประสบการณ์ดีๆแล้วก็เดินออกจากห้องมา

ต่อจากนี้เป็นnoteกับtrickนะคะ
**เราต้องมั่นใจและพูดจาฉะฉานเข้าไว้ค่ะ**
ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะว่าเราได้ยินรุ่นพี่พูดตอนรอสัมว่า ไม่ต้องต้องกลัวหรอกว่าเราไม่เก่งหรือว่าผลงานเราด้อยกว่าคนอื่น เพราะอาจารย์เเค่อยากได้คนที่คุยรู้เรื่อง ตั้งใจ และมุ่งมั่นในการศึกษาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเพื่อนๆหรือน้องๆอย่าพึ่งกังวลใจหรือท้อนะคะ อันที่จริงตอนที่เราได้รู้ชื่อสถาบันของคนที่ไปสัมตอนนั้นขอสารภาพเลยค่ะว่ากลัวมากเพราะแต่ละคนเทพๆกันทั้งนั้นเลย แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราคงกลับไปบอกตัวเองว่าอย่าไปกังวลเลย แค่มั่นใจในตัวเองและทำให้ดีที่สุดก็พอ
*เอาผลงานที่ภูมิใจและโดดเด่นมาไว้หน้าสุด*
ผลงานหน้าแรกคือสิ่งที่อ.จะโฟกัสมากที่สุดค่ะ เพราะฉะนั้น พยายามเลือกผลงานที่คิดว่าทำให้เราโดดเด่น  ถ้ามีหลายผลงานก็เอาอันที่คิดว่าคนอื่นไม่น่ามีกันแล้วมันยิ่งใหญ่ที่สุด เน้นว่าเอาให้ โดดเด่น ค่ะ
*พยายามตอบเกี่ยวกับการนำความรู้ไปช่วยเหลือผู้อื่นกับคนในสังคม*
ตรงนี้เป็นแนวทางเฉยๆค่ะ เพราะว่าสำหรับเราแล้วเรามองว่าการนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาไปสร้างประโยชน์แก่ผู้อื่นเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เราเลยคิดว่าการตอบแบบนี้เป็นแนวทางที่ดีค่ะ(แล้วแต่จะพิจารณาเลยนะคะ)
*แนะนำว่าช่วงรอสัม ฟังพี่เขาพูดด้วย*
ขอบอกเลยค่ะว่าความรู้+ทริคเน้นๆ  อีกอย่างเป็นการรวบรวมสติได้ดีมาก
*อาจารย์ใจดีแบบดีเยี่ยม ดีเลิศ ประเสริฐศรีถึงแม้จะยังไม่ได้เรียนกับอาจารย์แต่รักอาจารย์มากๆ*
เพราะฉะนั้นอย่าเครียดและjust be yourselfค่ะ
**ถึงแม้ว่าจะบอกว่าอย่ากังวลอย่าเครียดแต่ห้ามประมาทเด็ดขาด**
อย่างน้อยอยากให้เตรียมตัวและคิดถึงคำถามที่กรรมการน่าจะถามคะ ex ทำไมถึงอยากเรียนที่นี่,เรียนวิศวะคอมแล้วรู้อะไรเกี่ยวกับคอมบ้าง,สำหรับเราแล้ววิศวะคอมคืออะไร,จบแล้วทำไรได้บ้าง,ได้อะไรจากเกียรติบัตร/การเรียนอันนี้ etc. เพราะฉะนั้นห้ามประมาทแต่ก็อย่าวิตกกังวลเกินไปค่ะ เพราะว่าการวิตกกังวลอาจส่งผลกับperformanceของเราได้ ดังนั้นเราเดินสายกลางดีกว่าค่ะ

ปล.คำถามบางคำถามอาจจะไม่เป๊ะหรือมีตกหล่นบ้าง(รวมถึงคำตอบด้วย)  ต้องขออภัยด้วยค่ะ
ขอบคุณที่อ่านกันมาถึงตรงนี้นะคะ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับใครสักคน ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติมก็ถามได้เลยนะคะ เราจะคอยตอบค่ะ!

เราเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่กำลังจะสอบเข้าไม่ว่าจะในรอบไหนก็ตามนะคะ เราเข้าใจความรู้สึกดีเลยค่ะว่ามันเครียดมากแค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามอยากให้ทุกคนอย่าลืมดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของทุกคนกันด้วยนะคะ เราเชื่อว่าเธอต้องทำได้ค่ะ  สู้ๆนะคะ

 

แสดงความคิดเห็น

>