Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เหนื่อยไหม กับการโดนมองว่าวิกลจริต,ขี้โกหก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ตอนเข้าม.1 ในห้องของเราไม่มีใครที่สนิทด้วยมาตั้งแต่ประถมเลย คนอื่นในห้องเขาก็มีเพื่อนตั้งแต่ประถมตามมาหมด เราพยายามปรับตัวเข้าหากับเพื่อนๆ จนผ่านมาประมาณ 2 สัปดาห์ ตอนนั้นในชั่วโมงแนะแนว อาจารย์เขาให้แลกเปลี่ยนสมุดของตัวเอง แล้วเขียนนิสัยของเจ้าของสมุดลงไป สมุดของเราส่วนใหญ่มีแต่คนเขียนว่า เงียบๆ เรียบร้อย แต่มีคนอยู่ 2-3คนเขียนด่ามาว่า ปัญญาอ่อน ติ๊งต๊อง โง่ เรารู้ว่าคนที่นั่งข้างหลังเขาเขียนมา เราแอบมองแล้วพวกเขาก็หัวเราะคิกคัก เราพยายามเมินไป คิดไว้ว่าเดี๊ยวก็ดีขึ้นเอง สักพักเราก็คบกับเพื่อนคนนึง สักพักก็เริ่มมีข่าวลือหนาหู ว่าเพื่อนคนนี้โกหก หลอกลวงชาวบ้าน เขาลือกันว่า เพื่อนคนนี้เคยบอกว่า ยายเขาอยู่ออสเตรีย แต่ตัวเองกลับแต่งตัวมอซอ ทำตัวยากจนเรียกร้องความสงสาร นามสกุลเพื่อนก็เป็นนามสกุลเดียวกันกับคนที่บริจาคที่ดินให้โรงเรียน แถมมีญาติอยู่โรงเรียนเดียวกันด้วย ไม่เห็นยากจนเหมือนกันเลย เเล้วเขาก็ลือว่าเราเป็นคนหลอกลวงชาวบ้านไปด้วย ทั้งที่เราไม่เคยพูดอะไรมากนอกจากแนะนำตัวกับคุยเรื่องงาน เพราะนอกจากเพื่อนเราก็ไม่มีใครคุยกับเราแล้วล่ะ -_- แล้วเราก็มีพ่อแม่เป็นอาจารย์อยู่ในโรงเรียนด้วย เลยถูกจับ(ผิด)ตาดูมากเป็นพิเศษ พอเข้าม.2 เพื่อนก็ใส่เสื้อผ้าแบบไม่รีดมา เราก็ถามว่าเตารีดที่บ้านเป็นอะไรมารึเปล่า เพื่อนก็บอกว่า น้ำเข้าไปในตัวเครื่อง เราก็เข้าใจนะ แล้วอาจารย์ก็เรียกไปถามถึงเสื้อผ้าของเพื่อน เราก็ตอบไปตามตรง อาจารย์ก็บอกว่ามีเตารีดของพ่อเราไม่ได้ใช้อยู่ในห้องอุตสาหกรรม (พ่อเราสอนอุตสาหกรรม) เราก็ไปเอามาให้เพื่อน เท่านั้นแหละ เพื่อนทั้งระดับออกอาการเหม็นขี้หน้าเพื่อนมาก หาว่าทำตัวเรียกร้องความสงสารจากอาจารย์ แล้วเราก็โดนหางเลขไปด้วย เราแอบเห็นว่าเพื่อนเขียนข้อความตัดพ้อในสมุด เพื่อนเขาทำตัวไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้มาตลอด แต่ถามอะไรไปเขาก็ไม่ยอมเล่าให้ฟังเลย หลังจากนั้นสักพักเหมือนเราจะเป็นฝ่ายโดนข่าวลือเองบ้างแล้ว จู่ๆก็มีข่าวลือว่าเราพูดคนเดียว วิกลจริต เป็นบ้า แล้วเอาไปบอกอาจารย์ในโรงเรียน เพื่อนก็ไม่ยอมให้เข้าทำงานกลุ่ม จนอาจารย์สงสัยว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า ก็เอาไปบอกพ่อกับแม่เรา พวกเพื่อนๆที่เชื่อก็ไปฟ้องพ่อเราว่าเราพูดคนเดียว เป็นบ้า พ่อแม่รู้อยู่แล้วว่าเราปกติ แต่พอเจออาจารย์เกือบทั้งโรงเรียนกับนักเรียนที่เป็นเพื่อนๆเราคะยั้นคะยอให้พาไปหาจิตแพทย์ ก็พยายามจะบังคับให้ไปอยู่บ้าง พอเราเล่าเรื่องให้ฟังก็สั่งให้เราเลิกคบกับเพื่อนคนนี้ ถ้าคบแล้วเป็นแบบนี้ก็มาอยู่คนเดียวดีกว่า เพื่อนก็บอกให้เราเลิกคบไปเลย ไม่งั้นข่าวลือจะบานปลาย เราเครียดมากนะ ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหน ก็เจอแต่คนบังคับให้เลิกคบ ก็คนมันรักเพื่อนจะให้เลิกง่ายๆได้ไง แต่สุดท้ายเราก็ถอยห่างออกมา เพราะทนคนรอบข้างบีบไม่ไหว พอถอยห่างออกมาแล้ว เรารู้สึกเหมือนโดดเดี่ยว ไม่มีใคร เพราะเอาเข้าจริงๆทุกคนก็มองว่าเป็นคนบ้า วิกลจริต ไม่น่าเข้าใกล้ไปหมดแล้ว เคยซื้อก๊วยเตี๊ยวแล้วโดนคนชนจนล้ม คนรอบข้างเขาหัวเราะใส่ อาทิตย์ต่อมา ก็มีคนผลักน้องให้มาชนเราจนสุกี้ที่น้องถือโดนหลังเราเต็มๆเลย จนเพื่อนที่คบกันตั้งแต่ประถม (แต่อยู่คนล่ะห้อง)รู้ข่าว เขารู้ว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกที่เจอถี่ขนาดนี้ ต้องมีคนแกล้งแน่ๆ เขาก็มาเป็นการ์ดให้ ช่วงนั้นใกล้วันวิสาขพอดี เพื่อนก็แนะนำให้ไปทำบุญไล่เฮีย 9 วัด เผื่อชีวิตจะเจอคนดีๆมากขึ้น หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว หมกในห้องสมุด เพราะไม่อยากได้ยินเสียงนินทา หาหนังสืออ่านมากขึ้น เริ่มเก็บตัว โลกส่วนตัวก็สูงมาก เหมือนใช้ชีวิตอยู่คนเดียวบนโลก เรายังคบกันอยู่แต่ก็ห่างกันมากขึ้น เป็นแบบนี้จนจบม.3 พอเริ่มเข้า ม.4 ก็อยู่โรงเรียนเดิม เพื่อนสนิทย้ายไปอยู่ห้องอื่นแล้ว แต่คนก็มองว่าเรายังวิกลจริตอยู่นะ ไม่มีใครมาคุยกับเราเป็นเดือนๆเลย วันหนึ่งเราดันไปแย่งที่นั่งประจำของเพื่อนที่เชื่อว่าเราวิกลจริต พอเรารู้เราก็ไปนั่งที่อื่น แต่เขาก็ชวนเรามานั่งด้วย เราก็นั่งกับเขา เขาก็มองเราแปลกๆ เราก็เมินๆไป แต่เราดันไปรู้ความลับของเพื่อนเข้าตั้งแต่วันแรก เราก็ถามไปโต้งๆ เพื่อนก็อึ้งตาแตกแล้วถามพลางๆว่าเรารุ้ได้ไง(ไม่บอกว่าเรื่องไร) เราก็บอกไปว่าเรา(ช่างเถอะ) หลังจากนั้นก็เป็นเพื่อนกันเฉยเลย เพื่อนบอกว่าที่มาคบกับเราเพราะอยากรู้ว่าเราจะเป็นตามที่เขาลือรึเปล่า เพราะเราดังมาก ขนาดมีข่าวที่เราชอบเด็ดใบไม้มาฉีกเล่นด้วย (มันเพลินดีนี่) แล้วก็ข่าวลือสารพัดที่เราไม่รู้เลย มีรุปที่เรานั่งกับพื้นตรงทางเดิน รูปที่เดินคนเดียว เยอะไปหมดเลย แล้วเพื่อนคนนี้นี่แหละที่โมโหจัดเรื่องนี้เพราะเขารู้แล้วว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น ก็พูดโพล่งกลางที่สาธารณะ ว่าเราเป็นคนดีนะ เราไม่ได้เป็นแบบที่พวกแกคิด พูดโพล่งใส่คนที่กำลังนินทาเราน่ะแหละ แล้วสัปดาห์ต่อมา เพื่อนคนนี้ก็มีคนมาด่าว่ามันคบกับเรา มันต้องเป็นบ้าเหมือนกันแน่ๆ แล้วก็ลือไปทั้งระดับเลย เพื่อนเครียดมาก โวยวายกับเราใหญ่ เรามารู้ทีหลังว่าเพื่อนเป็นโรคซึมเศร้า เพื่อนบอกว่ามันคงเป็นกรรมตามสนองที่หลงเชื่อข่าวผิดๆ เพราะมันก็เป็นคนปล่อยข่าวเราผิดๆเหมือนกัน พอมันมาเจอแบบเดียวกับเราเป๊ะในเวลาสั้นๆ มันทั้งเข้าใจเราและทรมานกับสิ่งที่ตัวเองได้รับ เราเห็นแล้วว่ากรรมแค่รอเวลาและโอกาสที่เหมาะสมที่จะให้การกระทำของตัวเองเล่นงานตัวเองอย่างสาสมและทรมานที่สุดเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถึงเวลาของคนที่เป็นต้นตอนั้นสักที หลังจากนั้นการกลั่นแกล้งก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง เวลาเราเดินคนเดียวก็จะมีผู้ชายนับสิบคนตามโห่ (เพราะตอนเราเดินกับเพื่อนมันมาแกล้งแล้วโดนเพื่อนสวนใส่ มันเป็นเทวันโด้) เวลาไปซื้อไอติมคนเดียวครั้งนึง ก็จะโดนเพื่อนที่กินไอติมเป็นกลุ่มๆอยู่ข้างร้านเดินมาตะโกนด่าหาว่าเราแซงคิวมัน เรารอมันด่าจบ แล้วพูดเรียบๆว่างั้นพวกเธอก็ไปซื้อสิ (มันจงใจด่าให้เราเถียง มันจะได้ด่าประจานต่อ เราจะดูร้าย) มันก็ทำหน้าอึ้งๆเหมือนรู้ว่าเราตามเกมทัน พอถึงคิวเราแล้วมีคนมาต่อ มันก็จะพูดว่าแก~~~ อย่าไปแซงคิวมันนะ มันมาก่อน มีคราวนึงเดินไปหาของ ก็มีคนเรียกเรา เราก็เมินไปค่ะเพราะคนแปลกหน้าที่รุ้จักชื่อเรา ไม่หวังดีแน่นอน มันก็กระชากแขนเราเลย แล้วบอกว่าเห็นรุ่นพี่คนนั้นไหม เขาแอบชอบแกนะ แกเดินไปหาสิ แล้วถามเขาว่าพี่แอบชอบหนูเหรอ แล้วเขาจะบอกแกเอง เราก็ยิ้มส่งค่ะ เดี๊ยวมันเอาไปฟ้องพ่อ แต่ในใจนี่แบบ อี*** มุงคิดว่าตรูง่าวเหรอ แล้วเราก็ทำเป็นเดินหาของต่อ มันกะเพื่อนหัวเราะลั่นเลย ปวดตับจริงๆที่มีคนรอบข้างแบบนี้ ไม่รู้จะทำยังไงดีจริงๆ TT

แสดงความคิดเห็น