Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยู่ม.5 แล้วแต่ยังไม่รู้ตัวเองเลยค่ะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ตอนนี้ก็ม. 5 จะม.6 แล้ว แต่ยังไม่ค้นพบตัวเองเลยค่ะ
เราไม่รู้จะเรียนคณะไหน อยากเป็นอะไร และชอบอะไร
เราไม่มีอะไรที่ตายตัวเลยค่ะ
คณะที่อยากเรียนก็เปลี่ยนไปเรื่อยตามใจชอบ
อาชีพที่อยากเป็นก็เปลี่ยนไปเรื่อยตามคณะด้วย
ส่วนสิ่งที่ชอบ ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษเลยค่ะ ชอบแบบเท่าเทียมหมด ไม่มีวิชาไหนที่ไม่ชอบด้วยค่ะ เราเป็นพวกชอบท้าทาย เลยชอบทุกอย่างที่เข้าหาเราเลย อย่างการเรียนนี้ก็ด้วย ก็เลยไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษเลยค่ะ
มันรู้สึกเอื่อย ๆ ไม่มีอะไรที่เป็นตัวเองเลยค่ะ แบบ เหมือนเราไม่รู้จักตัวเองเลย

ทำยังไงดีที่ทำให้เรารู้ว่า สิ่งนี้แหละที่ใช่เรา สิ่งนี้แหละที่เราชอบจริงๆ เริ่มต้นยังไงดีคะ

#แท็กหมวดผิดขออภัยด้วยค่ะ

แสดงความคิดเห็น

3 ความคิดเห็น

สุกิต 20 ม.ค. 60 เวลา 09:38 น. 1

น้าไม่รู้แนะนำไงนะ แต่เคสหนู มันไม่มีปัญหามากหรอก

เพราะจากที่ฟัง ถ้าจะเอาสักเรื่อง คงทำได้อยู่


น้าเล่าของน้าให้หนูฟังแล้วกัน

ตอนเรียน น้าก็เป็นพวกเหมาเรียน คือพยายาม

เรียนทุกวิชา แต่ไม่เด่นสักวิชาเหมือนกัน

แต่วิชาที่แย่ ๆ เลย คือพละ กับ ศิลปะ


น้าก็เลยเลือกเรียนตาม พี่ ๆ ไปเรียน

พาณิชย์ บัญชี เพราะพี่ ๆ เค้าเรียนอย่างนี้

(สมัยก่อนเงินน้อย เลยเลือกเรียนที่จบเร็ว

และคิดว่าหางานง่าย)


น้าเรียนบัญชี ตอนแรกก็เบื่อ เพราะเคยคิด

เหมือนกัน ว่าถ้าจะเจอตัวเลขทั้งวัน เอกสารเยอะแยะ

(ตอนเรียนก็เยอะแล้ว พวกแบบฟอร์มใบสำคัญต่าง ๆ)

แล้วจะทนไหวไหม


แต่ก็คิดถึง เงิน รายได้ คิดถึงแม่ ก็เอาต้องทน

ตอนไปทำงานจริง ๆ หลังจบปวส.

ก็ตามคาด เจอตัวเลขทั้งวัน เอกสารกองเท่าภูเขา

ก็เบื่อ จากที่เคยคิดว่า จะเรียนต่อ ปริญญาตรี

หลังจากทำงานไปสักพัก ความคิดเลยหยุดเลย

เพราะเบื่อ แล้วก็ ปัญหาเรื่องบัญชี ที่ต้องทำงาน

กับสรรพากร (ไม่พูดเยอะนะ น้าไม่อยากให้ที่ทำงานเดือดร้อน)

มันน่าเบื่อกว่างานประจำอีก เพราะต้องหาเอกสาร

มากกว่าปกติ ถึงสามเท่า


แต่ถึงกระนั้นนะ น้าก็ภูมิใจในงานที่ทำนะ

อย่างน้อย น้าก็ไม่ได้รังเกียจตัวเลข หรือเอกสาร

มันทำให้เวลาน้าต้องไป จัดการด้านเอกสาร

กับหน่วยงานราชการ น้าก็ทำเองได้

ไม่ต้องคอยยัดเงิน คือเราจะรู้ว่าต้องใช้อะไร

และก็รู้จักการรอคอย เพราะงานของเราก็ต้องรอ

เอกสารมาครบ ก็เลยเคยชิน


มันมีทั้งด้านดี ด้านเสีย ไม่มีงานอะไร

ที่จะมีแต่ด้านดีหรอก เราแค่ต้องเรียนรู้มันเท่านั้น


แต่ว่าไม่ใช่ว่าน้าไม่มีงานที่อยากทำหรอกนะ

น้าอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ นี่งานในฝันน้า

แต่น้าไม่ได้เรียนที่โรงเรียนหรอก เพราะค่าเทอม

ครอบครัวน้าสู้ไม่ไหว เงินเดือนน้าเข้าขั้นน้อย

แค่พอประทังชีวิต


แต่น้าก็เรียนเองทางอินเทอร์เน็ตนะ น้าเรียน

ตั้งแต่ สิงหาคม 2555 แล้ว เรียนนานแล้วล่ะ

แต่แน่นอนว่าเรียนเอง มันช้านะ เพราะเรา

ไม่มีคนคอยแนะว่าต้องเริ่มตรงไหนก่อน


ตอนแรก น้าเรียนจาก tutorial ของ java

น้าเรียน น้าอ่าน code จนคิดว่าเขียนได้ละ

น้าลองเขียนด้วย เขียนไปหลายโปรแกรมเลย

ถามตัวเองน้าพอใจ แต่พอไปให้คนอื่นใช้

เค้าเมินเลย เพราะมันใช้ยาก คือต้องรู้

หลักการทำงานของ code พอตัวเลย

คนไม่ได้เรียนเลยไม่ get ไง ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า

มันไม่ intuitive


น้าถึงกลับต้องไปเริ่มเรียนใหม่ ตั้งแต่ชั้นประถม

เลย มันไม่ได้ไง ไปคิดเอาเองว่า เขียนได้ทำงานได้

แต่คนอื่นใช้งานไม่ได้ ก็ไม่ต่างจากงานขยะ


ถึงเวลานี้ น้าเลยต้องอ่านหาความรู้ให้มากที่สุด

ใจเย็น ๆ ไม่รีบร้อน เพราะถ้ายิ่งร้อนใจ ยิ่งงานเสีย


ที่น้ากล่าวมาทั้งหมดนี่ จะบอกว่า

ถ้าอยากเรียนอะไร แล้วไม่แน่ใจว่าชอบอันไหน

ก็เรียนสักอย่างไปก่อน ค่อยหาความถนัด

ส่วนความฝัน คนเรามีได้ แต่กว่าจะถึงฝัน

มันไม่ง่าย เหมือนอย่างน้า คิดว่าเรียน

code แล้ว แค่เขียนได้ ตัวเองใช้ได้พอ

จริง ๆ ไม่พอ มันต้องใช้ความพยายามเยอะ

แล้วยิ่งเรียน เรายิ่งมองภาพที่ผ่านมาว่า

เรายังเป็นแค่เด็กประถม จะยืดอกว่าตัวเก่ง

มันเร็วไป ถ้าจะให้ได้ตามฝันจริง ต้องขยัน

ทุ่มเท "แบบต่อเนื่อง" ด้วยนะ ห้ามทิ้งเลย


เอาเป็นว่า หนูยังเด็ก ก็ไม่ต้องรีบหรอก

น้าจะ 43 แล้ว ยังไม่รู้สึกว่าช้าไปเลย

น้าคิดว่า น้ามีเวลาจนกว่า จะใช้มือพิมพ์

ด้วยคีย์บอร์ด แล้วใช้สมองคิดหาวิธีเขียน code

ไม่ได้น่ะหละ น้าถึงจะคิดวางมือ ก็คิดว่า

ถ้าไหว 90 น้ายังจะพยายามต่อไปเลย

0
me.dasie 20 ม.ค. 60 เวลา 19:04 น. 2

ลองเอาหลายๆอย่างในชีวิตประจำวันมาประมวลดูนะคะ
อย่างแรกมีงานอดิเรกคืออะไร  สมมติว่าชอบดูข่าวการเมือง
นักการเมืองคนไหนรู้จักหมด ประเด็นไหนถามมาตอบได้
แล้วมันก็ต่อยอดเป็นว่า เป็นนักข่าวสายการเมืองก็ได้
ฝึกเขียนนิดหน่อยก็ทำงานวงการนี้ได้ อย่างนี้เรียนวารสารศาสตร์ไปค่ะ
หรือชอบอ่านการ์ตูน แล้วก็สนใจภาษาญี่ปุ่น แบบนี้เข้าข่ายนักแปลการ์ตูนได้

แต่นอกจากความชอบแล้ว  ก็สามารถดูความถนัดดูบ้างค่ะ
ถนัดวิชาคณิต กับภาษาอังกฤษ  แบบนี้เรียนสายบริหารธุรกิจก็ได้
ถนัดภาษาไทย ชอบพูดชอบสอน  ก็ไปเป็นอาจารย์ภาษาไทยได้
ถนัดวิทย์  เรียนอะไรก็ได้หมด  อันนี้ก็ดูคะแนนสอบแล้วเลือกคณะเอา

หรือจะลองทำแบบสอบถาม เพื่อให้ระบบตอบให้ว่านิสัยแบบเราควรเรียนอะไรก็ได้
http://ez.eduzones.com/test/

ความจริงคือควรทำใจให้สบาย  แล้วก็ขอให้รู้ว่า ถ้าเฉยๆไปกับทุกคณะ
เรียนอะไรก็ได้  ไม่ได้เกลียด ไม่ได้ชอบ  อันนี้รับรองเลยว่า
ทั้งชีวิตจะไม่รู้สึกฝืนว่าจะทำอะไร  แต่ถ้าเราคิดว่าจะต้องมีอันที่ใช่กว่านี้
แล้วเราไปตั้งความฝันว่าสักวันจะเจอ ไม่ปักใจกับอาชีพไหนเลย
แบบนี้จะทรมาณมาก เพราะมันจะคิดไว้ก่อนว่าที่เราเลือกไม่ใช่
ทั้งที่แต่ละงานมันมีความสนุกของมันเอง  เพียงเราไม่อยากยอมรับมัน
เช่น ครูก็สนุกกับการเห็นศิษย์เข้าใจที่ตัวเองสอน
นักบัญชีก็สนุกกับตัวเลขที่มันเป็นระเบียบเรียบร้อย
ตำรวจก็สนุกกับการสืบหาความจริงจากหลักฐาน
พยาบาลก็สนุกกับการอยากเห็นเพื่อนมนุษย์ปลอดภัย-ดีขึ้น ฯลฯ
ไม่ว่าเราจะเลือกอะไร  ก็ขอให้มองหาความสนุกจากมันให้เจอ
แล้วรับรองว่าจะรู้สึกใช่กับสิ่งที่ตัวเองเลือกค่ะ

0
a-chieve 15 ก.พ. 60 เวลา 02:46 น. 3

หากน้องสนใจมาลอง Workshop และ ประสบการณ์ทำงานจริง
ที่จะช่วยสร้าง "วิธีคิด" ในการค้นหาตัวเองและเลือกสิ่งที่ใช่ให้เจอ
ลองสมัครเข้าโครงการนี้ดูนะครับ

โตแล้วไปไหน? ครั้งที่ 12

โอกาสที่เด็กม.1-6 จะได้มาค้นหาตัวเองผ่านโลกการทำงานกับอาชีพที่สนใจในสถานที่ทำงานจริงๆ!
เพื่อช่วยให้น้องมัธยมหรือลูกหลานของท่านชัดเจนกับอนาคตของตนเองมากขึ้นว่า "โตขึ้นจะอยากจะเป็นอะไรและอยากที่จะเรียนอะไร"

ดูรายละเอียดกิจกรรมและสมัครเข้าร่วมทาง https://goo.gl/6Dmhff


0