Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เรียนเชิญระบายปัญหาชีวิตได้ที่สถานี้ค่ะ! (จขกท เองก็ขอระบายเหมือนกัน)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ชื่อกระทู้น่ากลัวมะ 555+ ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ จขกท เองก็อยากมะระบาย+เล่าประสบการณ์ชีวิตตัวเองเหมือนกัน จะเล่าให้ละเอียดยิบชนิดที่ว่าถ้าคนรู้จักมาอ่านอาจจะรู้ว่าเป็นใครเลยก็ได้ 555

ตอนแรกยอมรับว่าคิดจะตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาด้วยแรงอารมณ์ล้วนๆ แต่พอถึงเวลาพิมพ์จริงๆ สติก็เริ่มมาแล้วค่ะ แต่เราก็ตัดสินใจแล้วว่าพิมพ์ไปเลยดีกว่า อย่างน้อยก็จะได้ระบาย จัดระเบียบความคิดให้ดี แล้วก็ทำความเข้าใจกับปัญหาทั้งหมดอีกครั้งด้วย

เริ่มจากสมัยเด็กๆ เลยเนอะ เราเป็นลูกคนโตค่ะ สมัยเด็กๆ ก็ไม่มีอะไรมาก ใช้ชีวิตตามปกติ พ่อแม่ไปทำงานทั้งคู่ โตมาเพราะยายเลี้ยง แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกขาดความอบอุ่นอะไรนะ เพราะพอพ่อแม่กลับบ้านมา ก็มาอยู่กับเราปกติ แถมพาเราไปเที่ยวทุกเสาร์อาทิตย์ด้วย ปัญหามีแค่ข้อเดียวคือทะเลาะกับพ่อค่อนข้างบ่อย เพราะเราชอบเถียงพ่อ แต่ก็แค่นั้นแหละ แล้วก็ไปโรงเรียนก็ไม่พูดกับเพื่อน ไม่พูดนะคะ ไม่ใช่ไม่ค่อยพูด คือไม่พูดเลยแม้แต่คำเดียว จนครูมาถามกับพ่อแม่ว่าเนี่ย เรามีปัญหาทางพัฒนาการหรือเปล่า (เอาจริงๆ เหตุผลข้อนั้นมีแค่อย่างเดียวคือเราอายที่จะพูดค่ะ อายทำไมไม่รู้เหมือนกัน)

เราเริ่มพูดตอนย้ายโรงเรียนตอน ป.4 ค่ะ ตอนนั้นพ่อกับแม่ก็เริ่มมีน้อง ตอนมีน้องแรกๆ ก็ปกตินะ มีปัญหาอิจฉาน้องบ้างนิดหน่อย 555+ แต่ปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่ตอน ป.5 คือน้องเค้าไม่พูดเลย ไม่พูดสักคำเดียว (คือไม่พูดจริงๆ นะ ไม่ใช่เพราะอายเหมือนเรา) พ่อแม่เลยสงสัยว่าน้องเป็นอะไร เลยพาไปหาหมอ ผลออกมาว่า น้องเป็นออทิสติกค่ะ

พ่อกับแม่เริ่มพาน้องไปฝึกตามสถาบันฝึกต่างๆ ที่ไหนดี ที่ไหนดัง ไปหมด รักษาทุกวิถีทาง ทั้งฝึกพัฒนาการ กินยา แม้กระทั่งเพิ่มออกซิเจนในสมอง หมดเงินไปหลักล้าน แล้วเราก็ได้ยินพ่อกับแม่คุยกัน ว่าเงินเก็บที่พวกท่านจะเก็บไว้ใช้ในตอนแก่ หมดบัญชี

ตอนนั้นเราก็เข้าใจสถานการณ์ดี เราก็เข้าใจว่าพ่อแม่เครียด แต่เราก็วัยรุ่นคนนึง ไม่สามารถรองรับอารมณ์ที่พวกท่านแสดงออกมาได้ทุกอย่าง แม่เริ่มบ่นแล้วว่า เนี่ยถ้าแม่ไม่มีลูกนะ ป่านนี้แม่คงสบายไปแล้ว ไม่ต้องมีภาระให้ต้องดูแล อันนี้ไม่เท่าไหร่ คุณพ่อท่านก็บ่น แต่บ่นด้วยคำที่แรงกว่านั้นมาก บางทีก็พูดใส่หน้าเราว่า ไอตัวสูบเงิน สูบเงิน_ูไปผัวะๆๆ เลยนะพวก_ึง ทำ_ูหมดตัวเลยเนี่ย หรือ บางที_ูคงได้เป็นอะนั้นอันนี้ไปแล้ว ถ้า_ึงไม่มาสูบเงิน_ูเนี่ย ประมาณนี้ (พิมพ์เองเจ็บเอง 555)

คือคุณพ่อท่านเป็นคนพูดตรงมาก แรงมาก เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วก็ค่อนข้างจะหยาบคาย เวลาพูดกับแม่ก็ปกตินะ แต่พอเป็นเราขึ้น_ึง_ูทุกที แม้ว่าท่านจะไม่ได้โมโหไรก็เถอะ...ไม่เป็นไร ชินแล้ว 555 แล้วเวลาด่าเนี่ย ก็จะด่าแรง แล้วก็สารพัดคำด่ามาก เช่น ก็เป็นคนสัน_านเ_ี้ย อย่างนี้ไงถึง...บลาๆ เราเองก็นิ่งๆ นะ (ข้างนอกอะนิ่ง แต่น้ำตาตกในเป็นแล้วเป็นลิตรๆ อะฮือ) แต่พอท่านเห็นว่าเรานิ่ง ไม่หือไม่อือ ท่านก็จะหาว่าเรามึน แล้วก็บอกว่า เวลาด่าอะไร_ี่นี่ก็ดีแต่ทำมึน หรือบางทีก็ด่าแรงกว่าเดิมอีก

พอเราพูดกับท่านตรงๆ ว่าเออ ไม่โอเคนะ คำด่าของท่านมันแรงไป พ่อก็จะตอบกลับมาว่า สมัยเด็กๆ_ูโดนหนักกว่า_ึงอีก _ูต้องไปขายพวงมาลัยตั้งแต่เจ็ดขวบ จะเรียนก็ต้องส่งเสียตัวเองเรียน ไม่ได้นอนสบายเอาเงินพ่อแม่เหมือน_ึงหรอก ได้เงินไปโรงเรียนวันละสิบบาท บลาๆๆๆ แล้วพอโตมาก็ต้องทำงาน ได้หยุดแค่วันเดียว แถมบางวันก็กลับบ้านมาสี่ทุ่มห้าทุ่ม บลาๆๆๆๆ เรานี่แบบ...โอเคค่ะพ่อ ลำบากก็ลำบากเนอะ หนูอดทนอีกหน่อยก็ด้ายยย (น้ำตาไหลพราก)

ยัง ยังไม่จบค่ะ นอกจากที่บ้านแล้ว เรายังมีปัญหาในการเข้ากับเพื่อนที่โรงเรียน เพิ่งเริ่มมีกลุ่มเพื่อนจริงจังตอน ป.6 (ส่วนก่อนหน้านั้น...เพื่อนสนิทแปลว่าอะไรอะ ไม่รู้จัก) แถมพอขึ้นมา ม.1 ก็โดนเพื่อนบอยคอตทั้งห้อง แว่วได้ยินมาว่าพวกเขาบอกว่าเราเป็นคนเสแสร้ง แล้วก็บุคลิกแปลกๆ พูดจาแปลกๆ มีเพื่อนสนิทอยู่คนนึง แต่ก็เกิดดราม่าเกี่ยวกับเพื่อนสนิทคนนั้นเยอะ ข้ามไปดีกว่า 555

ขึ้นมา ม.ปลาย ลดเหลือจากทั้งห้องเป็นครึ่งห้อง (ดีขึ้นหน่อยนึง) ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงเกลียดเรา...ไม่รู้ 555 พอเพื่อนเราไปถามให้ โดนกลุ่มนั้นพูดกับเพื่อนเรามาว่า 'ถ้าเพื่อนเราเลิกคบกับเรา ชีวิตของเพื่อนเราจะดีขึ้นมาก' ตอนนั้นเราแบบ...หา!? ขนาดนั้นเลย? แล้วก็มีปัญหานิดหน่อย เพราะกลุ่มนั้นเหมือนจะหาเรื่องเรา แต่เราก็โต้กลับไปไม่ได้ เพราะเขาจะไม่เอ่ยชื่อถึงตรงๆ แต่เหมือนรู้กันวงในซะมากกว่าว่าพูดถึงใคร เราก็พยายามไม่ตอบโต้นะ แต่บางทีมันก็...ฮึ่ย! ตอนนี้ชีวิต ม.ปลาย ถึอว่าครึ่งดีครึ่งแย่ค่ะ แอบน้อยใจเหมือนกันที่ไม่ค่อยมีความทรงจำดีๆ สมัย ม.ปลายเหมือนคนอื่นเขาเท่าไหร่

ตอนนี้เรากำลังเผชิญกับปัญหาที่เด็ก ม.6 ทุกคนต้องเจอค่ะ แฮ่ เราเป็น #Dek61 ที่ต้องเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ยอมรับว่าค่อนข้างกดดัน ด้วยคณะเป้าหมายของเรามันสอบเข้ายาก แถมเรายังเป็นลูกคนโตที่มีน้องเป็นออทิสติก (แบกรับความหวังเหมือนเป็นลูกคนเดียว แต่ต้องทำตัวให้เหมือนมีน้องสิบคน >> นี่คือประโยคที่เราบ่นกับเพื่อนบ่อยมาก) การเลือกคณะสอบเข้าของเราก็ไม่ได้เลือกจากความชอบของเราแค่อย่างเดียว แต่เราเลือกคณะที่จะทำให้เราสามารถรับช่วงเลี้ยงน้องต่อจากพ่อแม่เราได้ด้วย ความฝันที่ว่าอยากทำงานที่ได้เที่ยวรอบโลกก็ต้องถูกพับเก็บไป เพราะอะไรๆ มันไม่ได้สวยงามขนาดนั้น

พ่อกับแม่ท่านบอกว่าท่านไม่ได้หวัง ไม่ได้กดดันอะไรเราค่ะ แต่พอเวลาที่เราไปแข่งขันอะไรแล้วไม่ได้รางวัลกลับมา เราก็สังเกตเห็นท่าทางผิดหวังของท่านอยู่นะ...ก็นี่แหละค่ะ สัจธรรม มันไม่น่าเป็นไปได้หรอกเนอะ ที่พ่อแม่จะไม่หวังอะไรในตัวลูกเลย อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะหวังว่าลูกจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีท่านบ้างล่ะ

เรื่องเรียนพิเศษ อันนี้ก็เป็นปัญหาที่ทำให้เราทะเลาะกับทางบ้านเหมือนกันค่ะ ตอนแรกเราบอกจะไม่ลง ท่านบอกให้ลง พอเราจะลง ท่านก็บ่นว่าเราเอาเงินพวกท่านลงไปเยอะมาก เราก็อ้าว! ตกลงจะให้ลงหรือไม่ให้? แล้วก็มีอยู่ครั้งนึงเคยบอกท่านว่าเราจะลองเก็บเงินมาออกเองดู ท่านพ่อบอกไม่ต้องสะเ_ร่อเก็บ แต่พอเราขอเงินท่านเอาไปเรียน ท่านก็ด่าเรา_ูบเงินอีกละ (บางทีวัยรุ่นก็ไม่เข้าใจผู้ใหญ่เหมือนกันเนอะ 555)

ตอนนี้มหากาพย์ปัญหาชีวิตของเราก็จบแล้ว มันก็อาจจะเป็นปัญหาเล็กๆ สำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับเรา มันถือเป็นปัญหาที่ทั้งใหญ่ทั้งเรื้อรังมากเลยนะคะ แต่ตอนนี้ยอมรับว่าโล่งจริงๆ ค่ะ ที่ได้ระบายทุกอย่างออกไปในครั้งเดียว ยังไงก็ขอบคุณที่อุตส่าห์มีบอร์ดปัญหาวัยรุ่นเกิดขึ้นมานะคะ มันดีมากจริงๆ 555 ต่อไปนี้ก็จะพยายามกับชีวิตต่อไปค่ะ ยังไงมันก็ไม่มีชีวิตของใครที่จะโรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่แล้วเนอะ

ก็ฝากถึงทุกๆ คนนะคะ คนเราทุกคนต่างก็มีปัญหาเป็นของตัวเอง เยอะบ้างน้อยบ้างสลับ สดับกันไป ถ้าถึงเวลาที่อยากจะร้องไห้คร่ำครวญออกมาจริงๆ ก็คร่ำครวญไปเถอะค่ะ ร้องไห้ให้เต็มที่ แต่ต้องสัญญากับตัวเองนะคะ ว่าวันพรุ่งนี้เราจะลุกขึ้นมาสู้ต่อไป (เราก็กำลังใช้วิธีนี้อยู่ ก็กะว่าจะให้การโพสต์มหากาพย์นี้เป็นการคร่ำครวญครั้งสุดท้าย แล้วต่อไปเราจะพยายามอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยอย่างเต็มที่ จะไม่ต้องมานั่งซึมอยู่อย่างนี้อีก)

จบแล้วจริงๆ ค่ะ เอาล่ะค่ะ ถึงตาของคุณบ้างแล้ว มีอะไรสามารถมาระบายที่นี่ได้เลยนะคะ เราจะแนะนำคุณเท่าที่จะทำได้ ขอให้ทุกคนสู้ๆ กับชีวิตของตัวเองนะคะ

ปล. มันมีทั้งปัญหาที่ รร. แล้วก็ที่บ้านเลยอะ จขกท เลือกที่บ้านแล้วกันนะคะ

#เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด

แสดงความคิดเห็น

2 ความคิดเห็น

hatakekanaka 25 เม.ย. 60 เวลา 00:18 น. 1

สู้ๆนะคะพี่ หนูอ่านกระทู้พี่แล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก เพราะขนาดพี่ที่เจอปัญหาขนาดนี้พี่ยังไม่ยอมแพ้เลย หนูก็จะไม่ยอมแพ้เหมือนกันค่ะ สู้ต่อไปนะคะ ถ้าสักวันพี่ประสบความสำเร็จพี่จะรู้สึกภูมิใจมากพ่อแม่พี่ก็เช่นกันท่านก็จะภูมิใจในตัวพี่แล้วมองพี่ในแง่ที่ดีขึ้น อ่านกระทู้พี่แล้วหนูอยากเก่งให้ได้แบบพี่นะที่ทนกับปัญหาต่างๆมาได้โดยไม่หวั่นแบบนี้ หนูนับถือพี่จริงๆเลย

ยังไงก็สู้ต่อไปให้ถึงที่สุดเลยนะคะ


Fb:Aon Sureerat

2
จขกท 25 เม.ย. 60 เวลา 00:29 น. 1-1

แน่นอนค่ะ พี่เป็นกำลังใจให้หนูนะคะ เราต้องฝ่าฟันปัญหาทุกอย่างไปด้วยกันค่ะ ^ ^

0
โดวายสุดยอด 17 พ.ค. 60 เวลา 20:48 น. 2

....พี่สุดยอดมากค่ะ รร.เก่าหนูก็โดนแอนตี้เหมือนกัน แต่เราพอจะเดาได้ว่าใครเป็นคนเริ่ม คือมีแต่คนรังเกียจเรา อะไร๊ ก็แค่ไม่พูดเองนะ หน้านิ่งนิดๆหน่อยๆก็เอาไปล้อแล้ว พอขึ้นม. 1 มีปัญหานิดหน่อย ( ย้ายรร.ใหม่) น่าจะพอมีคนแอนตี้อยู่แหละ เกรดตกฮวบตอนเทอม1 ส่วนเทอม 2 ปรับตัวขึ้นจนครูชม ตอนนี้อยู่ม.2 ค่ะ ดีงาม เราเป็นคนผิวขาว หน้าตาพอใช้ ไม่ขี้เหร่ ไม่อ้วน เลยไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ ตอนนี้เริ่มมีเพื่อนแล้วค่ะ ชีวิตเริ่มดีขึ้น 55 ยิ้มบ่อยขึ้น แต่หน้านิ่ง+ไม่ค่อยพูดเหมือนเดิม ส่วนมากสนิทกับพวกผช.มากกว่า (ผญ.ห้องเรามันก็-+ติ่ง มีคนเป็นสายอนิเมะ แต่คนนึงในกลุ่มนั้นไม่ค่อยชอบเราเท่าไหร่เราเลยไม่เข้าไปยุ่ง อีกกลุ่มนึงก็แบบคนดีเกิน ไม่มีอะไรเข้าพวกกับเราได้เลย คือเราพูดตรง มีอารมณ์ขันกับคนที่สนิทๆหน่อยจะรู้ค่ะ ว่าเรารั่วมาก คำหยาบมาเต็ม 55 )


เอาจริงๆเราไม่สนหรอกว่าเขาจะว่าเรายังไง ( มันไม่ค่อยถึงหูเรา ) แต่ก็ช่างมันเหอะ เอาเป็นว่าเราอยู่กับโลก 2D และโลกแห่งการมโนต่อก็พอแล้ว

1
โดวายสุดยอด 17 พ.ค. 60 เวลา 21:17 น. 2-1

แต่เราโชคดีหน่อยที่เป็นพวกไม่รู้อะไรกับใครมากนัก รร.เก่า กว่าเราจะรู้ว่าโดนแบนก็ตอนเทอม 2 ปีสุดท้ายนู่น 555 ตอนนั้นโคตรรู้สึกแย่ แต่เราก็ทนมาได้แค่แปปๆเอง 555

0