Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[แชร์ประสบการณ์ ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า] ในวันที่ฉันก้าวเข้าสู่แผนกจิตเวช

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีทุกคนค่ะ นี่เป็นการเล่าประสบการณ์ของตัวเองครั้งแรกเลย ถ้าผิดพลาดตรงไหนขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


โรคซึมเศร้าคือ
http://med.mahidol.ac.th/ramamental/generalknowledge/general/09042014-1017


แต่ก่อนเราเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างร่าเริง ตอบสนองต่อทุกสิ่งเลยยิ้มหัวเราะได้ตลอดเวลา แต่ย้อนไปเมื่อสองปีก่อน เรามีแฟน เรารู้สึกว่าเรารักคนนั้นมากแบบขาดเขาไม่ได้เลย แต่สุดท้ายก็แค่หลง เราพยายามให้เขากลับมาค่ะ โดยการกรีดข้อมือตัวเอง ยอมรับว่าตอนนั้นเราโง่มากๆ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่กลับมา เราก็หยุดทุกอย่างเลยค่ะ ไม่ทำร้ายตัวเองอีกเลย ตอนนั้นเราก็ยงใช้ชีวิตปกติดี เที่ยวเล่นไปตามประสา เฮฮาไปกับเพื่อนฝูง


แต่พอ 6 เดือนต่อมา เราเริ่มเป็นคนเงียบ เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใครเลย เพื่อนก็ตีตัวออกห่างหมดเพราะเราเป็นตัวมาคุ กลับกลายเป็นว่าเราเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนเลยค่ะ แต่เราก็ยังทนใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ เพราะคิดในใจว่าเออเราก็อยู่ได้นะไม่มีเพื่อนไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็เข็มแข็งดีนิ แต่กลับกลายเป็นว่าเราเริ่มทำลายความเข้มแข็งของตัวเองไปทีละนิด...


นั่นคือเหตุผลที่เราไปพบจิตแพทย์... ด้วยที่ว่าเรารู้สึกแปลกแยกจากคนอื่น และความคิดหลายอย่างในหัวที่หนักอึ้ง


ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน เราอิจฉาแม้กระทั่งเพื่อนที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลเพราะไดัรับความสนใจจากคนอื่น กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน..


การเดินเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยดี มันเป็นครั้งแรกที่เดินเข้าไปในแผนกจิตเวชเด็ก และแน่นอนพยาบาลก็เข้ามาถาม
"มีอาการอย่างไรบ้างคะ" เราก็เงียบไปพักหนึ่ง แต่เมื่อได้สติ เราก็ตอบกลับไปว่า "เครียดค่ะ" โชคดีอย่างหนึ่งนะ ที่พยาบาลไม่ได้ถามอะไรอีก เขาติดต่อทำประวัติให้และให้เราไปนั่งรอ


จู่เราก็สะดุ้ง เพราะเสียงพยาบาลบอกเราว่าให้เข้าห้องตรวจเพื่อพูดคุยกับหมอ เจอหน้าหมอเรารู้สึกสบายใจแปลกๆ หมอก็ถามชื่อเล่นเรา และเรื่มบทสนทนาด้วยคำพูดนี้

"มีปัญหาตรงไหน เล่าให้หมอฟังซิ" เป็นแค่คำถามประโยคเดียวที่ทำให้เราน้ำตาไหล ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ทำให้เรารับรู้ได้ว่าเรายังมีหมอที่รับฟังเราอยู่

"หนูไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าตอนไหนดี" เราตอบกลับไปเพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน

"บอกหมอมาสักตอนก็ได้ เดี๋ยวมันก็โยงมาได้เองแหละ"

เราก็บอกหมอไปเรื่อยๆทั้งน้ำตา ทั้งอารมณ์ ความหดหู่ที่เกิดขึ้น ใช้ชีวิตแบบไม่รู้ว่าวันเวลามันผ่านไปยังไง เราเฝ้าถามตัวเองมาตลอดปีครึ่ง แต่เราก็อดทนมาถึงตรงนี้ได้พร้อมๆกับความคิดของเราที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน เราตื่นขึ้นมาช่วงเช้าของทุกวันลืมตามองเพดานอยู่เฉยๆ ไม่ลุกขึ้นจากเตียงจนกว่าจะไปเรียนหรือไปทำงาน หมดอาลัยกับทุกอย่าง อะไรที่เคยรู้สึกสนุกกลับกลายเป็นเบื่อ ไม่มีความอยากไปโรงเรียน ไม่อยากไปทำงาน เราดูถูกตัวเองด้วยการตอกย้ำความคิดว่าเรามันไม่เก่งอะไรเลย เรามันไร้ค่า ความคิดอยากตายมันพุดขึ้นมาในหัว เราเฝ้าถามตัวเองอยู่เสมอว่ามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร นอนเยอะมากกว่าที่เป็น กินทุกอย่างที่ขว้างหน้าจนน้ำหนักขึ้นสี่กิโลภายในหนึ่งเดือน และการฝันร้ายที่ทำให้เราสะดุ้งตื่นทุกคืน และยอมรับกลับหมอว่าเราไม่ได้ไปโรงเรียนมาหกวันแล้ว เราไม่รู้ว่าเราพูดอะไรออกไปบ้าง แต่นี่คือสิ่งที่เราจำได้

เราเล่าทุกอย่างให้หมอฟังจนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนไม่รู้ว่ามันดำเนินมาถึงเรื่องสองปีก่อนได้อย่างไร แต่เราก็เลี่ยงที่จะพูดไม่ได้ เรื่องที่เราเคยกรีดข้อมือตัวเอง เพราะเราพยายามให้เขากลับมา และที่เรากรีดท้องตัวเองเพราะอยู่ๆมันก็อยากให้ร่างกายเจ็บปวด จนมันเป็นรอยแผลติดตัวมาตลอดจนถึงวันนี้ หมอก็ขอดูรอยแผลของเรา ถามเรื่องอดีตที่เรากินยาเพื่อฆ่าตัวตายถึงสองครั้ง ถามรวมไปถึงเรื่องครอบครัวและแน่นอนเราร้องไห้ตลอดเวลาสนทนาอยู่เรื่องนี้ เราเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนช่วงนั้น จากคนที่ยิ้มบ่อย กลายเป็นคนด้านชา เรารู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว


"เราแค่อยากได้คนเดิมกลับมา"


หมอแค่พยักหน้ารับฟังเราเรื่อยๆ บวกกับคำถามนิดหน่อย หมอชมเราอยู่รื่องหนึ่งว่า "หมอก็ยังงงนะ ว่าทำไมการเรียนไม่เสีย ทั้งๆที่ทุกอย่างในดูมันเสียศูนย์ไปหมดแล้ว ทั้งความคิด การกิน การใช้ชีวิตประจำวัน การนอน ทั้งเพื่อน หนูเก่งมากเก่งมากนะที่ทำการเรียนได้ดี"

และหมอก็บอกกับเราว่า "ตอนนี้หนูเป็นคนไข้ของหมอแล้วนะ ต่อไปนี้ถ้ามีปัญหาอะไร จำไว้นะว่าหนูไม่ได้อยู่คนเดียว หนูยังมีหมอ"


หมอกับเรา ทำข้อสัญญากันนิดหน่อย
1.ห้ามทำร้ายตัวเอง
2.กินยาให้ครบ
3.และไปโรงเรียนทำงานของตัวเองแบบปกติ

หมอวินิจฉัยว่าเราป่วยในกลุ่มจิตเวชซึ่งเป็นโรคซึมเศร้า พร้อมกับให้ยาต้านโรคซึมเศร้าและยานอนหลับมาทาน นัดเจอหมออีกทีสัปห์ดาหน้า


"สิ่งหนึ่งที่เข้ามาในชีวิต ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป
เพียงแต่ทำให้เรามองเห็นสีสันของการมีชีวิตอยู่"




ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ไว้ได้พบหมอในนัดครั้งหน้าจะมาลงให้อีกค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

15 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของ

ArookH. 14 ก.ค. 60 เวลา 19:39 น. 5

อ่านไปก็จะร้องไห้เหมือนอ่านความรู้สึกตัวเองในบางอารมณ์ สู้ๆนะคะ เป็นเหมือนกันโรคนี้


แต่คือเรามีปัญหากับครอบครัวอ่ะ พอคนในครอบครัวพูดอะไรที่มันไม่โอเคกับเรา คือมีความรู้สึกแย่มากๆ แย่ขนาดที่ว่าพยายามฆ่าตัวตายในทุกๆครั้งที่โดนพูดอะไรใส่ แต่ก็ไม่สำเร็จสักที 5555..


เราเบื่อทุกคน ปลีกตัวออกจากผู้คนด้วยความคิดที่ว่า "ขนาดครอบครัวยังไม่เข้าใจแล้วใครจะเข้าใจ" เราโดนด่า โดนพูดใส่ ไม่มีสิทธิ์อธิบาย เงียบอย่างเดียว จนเราไม่ชอบเสียงของคนในครอบครัว เวลาโดนเรียกชื่อไม่ว่าจะด้วยน้ำเสียงใดๆ ก็จะอารมณ์เสีย แล้วก็ร้องไห้ อยากตายๆไปซะ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น


เราโดนบังคับให้ทำนู่นทำนี่ตามคำสั่งเสมอ จนคิดว่าตัวเองถูกเลี้ยงมาเป็นหุ่นยนต์บ้าง คนใช้บ้าง ขี้ข้า ไพร่ ต่างๆ ยกเว้นลูก.. ทำงาน ให้เงิน มีหน้าที่ไปเรียนก็เรียน ทำตามคำสั่ง จบ วนลูปไปเรื่อยๆ ไม่ได้คำชม ไม่ได้ความรัก คิดเสมอว่ามีชีวิตไปเพื่ออะไร ไม่ได้อยากเป็นอะไร ไม่มีความฝัน ไม่มีเป้าหมาย ทุกอย่างก็โดนบังคับ ชีวิตก็ไม่ได้อยากอยู่นี่ แล้วจะมีไปเพื่ออะไร เพื่อใคร.. ทำไมไม่ตายซะล่ะ ?

บางทีนอนมองเพดานด้วยความรู้สึกว่างเปล่าเฉยๆ โดยไม่ได้คิดอะไร จู่ๆก็ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังซะงั้น แล้วก็กลับมาปกติ

จนบางทีก็กลัวจะสติแตกเพราะเครียดขึ้นมาแล้วจะคุมตัวเองไม่อยู่ เราไม่พบแพทย์นะ เพราะแถวบ้านไม่มี.. แล้วก็คิดว่าตัวเองยังรู้ตัวอยู่ในทุกๆเรื่องที่กระทำ ขอโทษนะคะที่มาพิมพ์อะไรยาวขนาดนี้ แต่เห็นคนที่เป็นเหมือนกัน แล้วก็อยากเล่าอยากระบายบ้าง ไม่รู้ว่าทำไม ..

1

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

kwprdqz♡ 14 ก.ค. 60 เวลา 22:52 น. 6

อ่านกระทู้แล้วร้องไห้เลยค่ะ ขนาดพิมพ์ไปยังร้องไห้ไปฮือ คิดอยากจะไปพบคุณหมอเหมือนกันค่ะแต่ตอนนี้ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีเลย ที่เป็นโรคซึมเศร้าเพราะตอนเด็กๆเราเหมือนโดนทำร้ายจิตใจมากๆอะค่ะเลยค่อนข้างฝังใจเพราะตอนเด็กๆเราอ้วนนั่นเองเลยโดนล้อและมีปัญหาอื่นๆอีกนั่นเอง ทำให้เรากลายเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองไปเลยแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะพัฒนาตัวเองจนตอนนี้เรารูปร่างก็ค่อนข้างพอได้แล้วล่ะ เหมือนมาผิดกระทู้แหะ5555555555555 และมีอีกปัญหามากมายที่ทำให้เราอ่อนแอ เราร้องไห้ง่ายมากๆเลยค่ะ ถ้าถามว่าตอนนี้ดีขึ้นมั้ยก็ดีขึ้นนะ สภาพจิตใจดีของตัวเองดีขึ้นมากๆ แต่ก็ยังมีเรื่องที่กระทบจิตใจอยู่ น้ำตาไหลตรงที่คุณหมอพูดว่า "ตอนนี้หนูเป็นคนไข้ของหมอแล้วนะ ต่อไปนี้ถ้ามีปัญหาอะไร จำไว้นะว่าหนูไม่ได้อยู่คนเดียว หนูยังมีหมอ" คุณหมอดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์ดีๆนะคะ

0
kAew Dek-D Columnist 14 ก.ค. 60 เวลา 23:21 น. 7

สู้ๆ นะคะ น้องไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มีอะไรมาระบาย มาเล่าในกระทู้ก็ได้นะ ทุกคนอยู่ข้างๆ คอยรับฟังอยู่ค่ะ อีกไม่นานน้องคนเดิมที่สดใสต้องกลับมาแน่ๆ ค่ะ

0
Poisonqueen 15 ก.ค. 60 เวลา 02:07 น. 8

ตอนแรกอ่านชื่อกระทู้แล้วเข้าใจว่าจขกท.เรียนเกี่ยวกับสายสุขภาพแล้วป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเพราะไปฝึกงานที่วอร์ดจิตเวชนะคะเนี่ย 555555 เราเรียนพยาบาลนี่สะดุ้งเลยนะ


เป็นกำลังใจให้นะคะ โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่น่าสงสาร เพราะยังไม่มีคนที่เข้าใจโรคนี้จริงๆ จังๆ ดีแล้วค่ะที่รู้ตัวแล้วไปหาหมอ เพราะถ้าปล่อยไว้จนหนักกว่านี้จะแย่เอา ชีวิตคนเรามันไม่ได้แย่ตลอด มันต้องมีดีบ้าง ร้ายบ้างสลับกันไป เราเชื่อว่าสักวันจขกท.จะต้องเจอเรื่องดีๆ ในชีวิตแน่ๆ พยายามคิดบวกเข้าไว้นะคะ อย่าพยายามคิดในแง่ลบ มันจะบั่นทอนกำลังใจตัวเอง สู้ๆ ค่ะ ขอให้หายไวๆ

0
ืNing warinthorn 16 ก.ค. 60 เวลา 19:56 น. 9

เอ่อ.....ทำไมอ่านแล้วรู้สึกอยากจะร้องไห้ คิดว่าความรู้สึกของตัวเองที่มีในบางครั้ง ยังไงก็สู้ๆนะคะ

0
k.kim 16 ก.ค. 60 เวลา 19:59 น. 10

เราก็เป็นแต่ไม่หนักถึงขั้นทำร้ายตัวเองแบบจขกท.แค่เคยคิดวนๆกันไปหลายครั้งแต่ก็ไม่กล้า555 เราเห็นด้วยโยคสุดท้ายของจขกท.นะ ถ้ายังคิดแบบเดิมๆ มองอะไรแบบเดิมมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรอก เราว่าที่เราดีขึ้นขนาดนี้ก็เพราะเปลี่ยนความคิด ปล่อยว่างมากขึ้น คิดอะไรๆน้อยลง #พวกเราแค่ต้องการคนที่สามารถคุยได้ ปรึกษาได้ ไม่ได้อยากแปลกแยกอะไรเลย

0
EkkaratAC 16 ก.ค. 60 เวลา 22:22 น. 11

เอาใจช่วยนะครับ

ตอนนี้ผมว่าผมก็น่าจะเป็นเหมือนกัน ตอนนี้ผมอยู่ม.ต้นเอง ผมโดนเพื่อนล้อเพื่อนแกล้ง ตอนนี้ผมเหมือนไม่มีเพื่อนแล้วครับ เหมือนกับว่าไป รร. เพื่อไปเรียนแค่วันๆแล้วก็กลับบ้านไม่คุยกับใคร บางครั้งก็อยากร้องไห้ น้ำตาไหลออกมาเอง ตอนนี้ไม่อยากบอกที่บ้านกลัวเขาไม่สบายใจ

0
มิลค์เชค 17 ก.ค. 60 เวลา 19:31 น. 12

เป็นกำลังใจให้ค่ะ จขกท.บรรยายได้ดีมากๆ เลย ไว้มาอัพรายละเอียดให้อ่านอีกก็ดีนะคะ ขอให้หายไวๆ นะคะ เราเองก็กลัวตัวเองเป็นอยู่เหมือนกัน U_U

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เนื้อหาซ้ำ เคยโพสท์ไปแล้ว เพื่อความเป็นระเบียบกรุณาโพสท์กระทู้เพียงครั้งเดียว

withoutthestar 4 ส.ค. 60 เวลา 21:31 น. 15

อัพเดทอาการ 4/8/60

หลังจากที่ได้รับยาจากหมอมา เราก็ทานยาตามคำสั่งของคุณหมออย่างดีเลยค่ะ

จากที่สังเกตอาการของตัวเองมา หลังจากกินยานอนหลับไป เราก็นอนหลับสบายมาตลอด ก็ยังรู้สึกเฉยๆอยู่ แต่เราเริ่มไม่ได้คิดถึงการฆ่าตัวตายเหมือนที่คิดประจำแล้วค่ะ แต่เรายังคงรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าอยู่เสมอค่ะ มันแปลกๆตรงที่เราเริ่มหัวเราะกับเพื่อนได้ เราเล่นไปกับเพื่อนได้ แบบตอนนั้นสนุกสุดเหวี่ยงเลยค่ะ พออยู่คนเดียวก็เหมือนเดิม เศร้า เหงา หงอย



แต่กลับไปผิดพลาดตรงที่ว่าเราไม่ได้ไปตามนัดของหมอหลังจากที่ยาหมด ทุกอย่างมันพังหมดเลยค่ะ เราย่ำแย่มาก (หมอจะให้ยาตามวันที่จะนัดค่ะ) เราไม่ได้ไปหาหมอมาประมาณ 20 วันค่ะ เพราะเป็นเหตุผลส่วนตัว ทำให้เราเริ่มรู้สึกเบื่อๆทุกอย่าง เราอยากฆ่าตัวตายอีกครั้งค่ะ ช่วงนั้นเราขาดงานบ่อยมากเพราะยานอนหลับเราหมดทำให้นอนไม่หลับตอนกลางคืน จะนอนได้ก็ตอนหัวรุ่งค่ะ ทำให้ตื่นไปโรงเรียนกับตื่นไปทำงานไม่ไหว (มีเหตุการณ์หนึ่งค่ะที่ทำให้เราตื่นไปทำงานได้ทันทีเลยค่ะ ช่วง 10 โมงของวันหนึ่ง เรานอนอยู่ค่ะ พ่อเราโทรเข้ามา บอกว่าอยากมาหาเรา พอเราคุยกับพ่อเสร็จเราก็รีบลุกเลยค่ะ ไม่นอนต่ออีกเลย วันนั้นเราก็เริ่มไปทำงานค่ะหลังจากที่หยุดไปหลายวันเพราะกลัวไม่มีเงินดูแลพ่อ 55555)



ปัญหาการนอนไม่หลับมันคุกคามเราหนักมากค่ะ เราเข้านอนประมาณ 5 ทุ่ม ก็ถือว่าดึกอยู่ค่ะ แต่เราตื่อนตอน 6 โมงเช้า แล้วพอช่วงที่ไม่ได้กินยานอนหลับ เรานอนไม่หลับเลยค่ะ ตาค้างไปถึงตีสอง ตีสาม ได้นอนอีกทีก็หัวรุ่งแล้วค่ะ ขนาดเรากินยาคลายกล้ามเนื้อที่มีผลทำให้ง่วงซึมไป 3 เม็ดกับยาที่ช่วยให้หลับสบายที่ขายอยู่ตามเซเว่นอ่ะค่ะ แล้วก็ยังนอนไม่หลับ นั่งนับแกะก็แล้ว ทำให้เราตื่นไปโรงเรียนไม่ไหว เราขาดเรียนมา 4 วันแล้วค่ะ ใจนี่อยากไปเรียนมากๆเลย แต่ตื่นไม่ไหวค่ะ

เราเลยทนไม่ไหว จบปัญหานี้โดยการไปหาหมอค่ะ แต่วันนี้ยังไม่ได้เจอหมอจิตเวชโดยตรงเพราะต้องทำการนัด เราบอกหมอตรวจเกี่ยวกับสิ่งที่เจอในชีวิตประจำวันให้ฟังค่ะ หมอก็ยังพามาโยงเรื่องของครอบครัวจนได้ เราน้ำตาแตกเลค่ะ เรื่องครอบครัวเราเซ้นซิทีฟมากๆ หมอขอดูซองยา แล้วจ่ายยามาให้ก่อน 10 วัน สิ้นเดือนนี้ก็ไปนัดพบหมอจิตเวชอีกทีค่ะ



นั่งพิมตอนนี้ก็ยังเครียดอยู่หลายเรื่องเลยค่ะ เพราะเราขาดเรียนไปหลายวัน กลัวว่าเพื่อนจะแอนตี้เพราะเพื่อนไม่รู้ว่าเราป่วยเป็นโรคซึมเศร้า คิดว่าบอกดีไหม เอาเป็นว่านัดพบหมอสิ้นเดือนนี้จะมาลงให้อีกนะคะ



ขอบคุณค่ะ

0