Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ระหว่างสิ่งที่เราชอบกับสิ่งที่พ่อแม่คาดหวัง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
 

  


 ในปัจจุบันมีอยู่มากเลยกับกรณีแบบนี้ กับการที่ว่าเราชอบอีกแบบแต่ที่บ้านต้องการให้เป็นอีกแบบ ถ้าหากคุณกำลังมีปัญหาแบบนี้ มาคุยกัน....

 

                  เอาตามตรงในปัจจุบันมีเรื่องแบบนี้อยู่มากเลยทีเดียว เรื่องที่ว่าชอบอีกแบบแต่ต้องทำอีกแบบซึ่ง คนที่บังคับเขาไม่รู้หรอกว่าเรารู้สึกอย่างไร มีอยู่มากเลยกรณีที่ตัวเองถูกบีบบังคับบางคนจบไม่สวยเลยกับเรื่องนี้ ไรท์ขอยกตัวอย่างนี้ค่ะ ............

           มีพี่คนนึงที่รู้จักกำลังจะเข้ามหาลัยเลย พี่เขาชอบพวกศิลป์ ภาษาแต่ตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายมาก็ถูกบังคับให้เรียนสายวิทย์ คณิต มาตลอด พี่เขาก็พอจะทำใจให้ยอมรับได้บางส่วนในช่วงแรก และเริ่มปลง แต่ถ้าว่างก็คือจะไปหากิจกรรมที่เกี่ยวกับภาษาไปเข้าร่วมมีครั้งหนึ่ง ช่วงปิดเทอมม.5 กำลังจะขึ้นม.6 ซึ่งมันมีกิจกรรมค่ายภาษาของสถาบันชื่อดังมา พี่เขาก็อยากไปร่วมประจำกับมีค่ายวิทย์ที่พ่อได้หามาให้พอดี ซึ่งวันมันก็คาบเกี่ยวกันมาก พอคุยกับพ่อแม่ ก็ทะเลาะกันบานปลายสุดท้ายพี่เขาก็ต้องไปค่ายวิทย์แบบจำใจ เรื่องมันดูจะจบแต่ไม่เลยค่ะ เรื่องจริงๆคือตอนมหาลัย  ซึ่งพี่เผอิญได้โควต้าคณะภาษาจากครูที่สนิทแต่ก็สอบได้คณะแพทย์ซึ่งพ่อแม่หวังไว้มาก ตอนนั้นทะเลาะกันหนักมาก พี่ถึงขั้นหนีออกมาอยู่กับป้า เป็นเดือนกว่าจะตัดสินใจกลับไป เพื่อบอกพ่อแม่ว่าจะเรียนแพทย์ให้ แต่พอเรียนให้จนจบแล้วเขาจะขอเรียนภาษาต่อ ซึ่งพ่อแม่ก็ยอม       เรื่องก็จบ
              แต่มันจะจบแน่ๆเหรอ พวกคุณลองคิดดูว่าหากพวกคุณไม่ชอบอะไรสักอย่างแต่ต้องทนอยู่กับมันนานๆหล่ะ มันจะมีความสุขเหรอ พี่เขาต้องทนเรียน หมอ 6 ปี ไร้ความชอบโดยสิ้นเชิง มันจะมีความสุขจริงๆหรอ  อันนี้ถือว่าจบดีนะค่ะ  บางเคสหนักถึงขั้น ยอมรับไม่ได้ฆ่าตัวตายเลยก็มี  ซึ่งตอนนี้ถ้าหลายๆคนกำลังเผชิญปัญหาแบบนี้อย่าเครียดค่ะ ให้ยอมรับมัน ค่อยๆคุยกับพ่อแม่ อธิบายดีๆคุยด้วยเหตุผล เราควรจะรับเรื่องของพ่อแม่มาคิดครึ่ง เราอีกครึ่ง ไม่ก็หาคณะที่เราชอบและพ่อแม่ปลื้มไม่ก็คณะที่เราชอบจบออกมาพ่อแม่ก็ปลื้มด้วยยิ่งดีค่ะ   เพราะปัจจุบันบอกได้เลยว่าปัญหาแบบนี้ค้างคามากเลย พอจบออกมาก็ไม่คิดจะทำงานหรอกค่ะ เขาก็คิดจะหางานอื่นที่เขาชอบทำแทน ก็จบไม่ตรงสายอยู่ดี

     ขอให้ทุกคนสู้กับปัญหานี้ให้ได้น่ะค่ะ  ไรท์เป็นกำลังใจให้ สู้ๆค่ะ ^^    heartheart

                  

แสดงความคิดเห็น

4 ความคิดเห็น

เกย์อักษรฯเอกปรัชญา 3 ก.ย. 60 เวลา 20:15 น. 4

เราก็ผ่านเรื่องแบบนี้มาหนักมากเหมือนกัน เรื่องพ่อแม่ไม่เข้าใจเนี่ยแหละ ทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถส่งผ่านความเข้าใจไปให้พ่อแม่ได้ จริงๆลึกๆแล้วปัญหาแบบนี้ไม่ใช่แค่พื้นผิว เป็นปัญหาระดับการเมืองและอำนาจภายในครอบครัวเลยแหละ เป็นประเด็น sensitive แต่เราเรียนปรัชญาอ่ะเราอ่านมาเยอะ รู้ดีว่าเนี่ยเป็นปัญหาสังคมระดับใหญ่ที่ผู้ใหญ่ร่วมกันกดขี่เด็กๆเอาไว้เลยแหละ เราก็มี moment อยากฆ่าตัวตายเหมือนกัน พ่อแม่เราก็อยากให้เป็นหมอด้วย แต่เราก็หัวรั้นเรียนอักษรฯ ฬ เอกปรัชญาเสียด้วยสิ

เราเริ่มมองเห็นแล้วว่า...

เด็กๆกำลังโดนล้างสมองด้วยวาทกรรม "พ่อแม่ทุกคนรักลูก"

เราลองพิจารณาจริงๆว่ามันจริงแค่ไหน...

พ่อแม่วัยใสที่ออกข่าว เอาลูกไปทิ้งถังขยะคืออะไร? พ่อแม่ทะเลาะกันใช้ความรุนแรงตะโกนโหวกเหวกรุนแรงนั้นล่ะคืออะไร? พ่อแม่ทุกคนไม่ได้รักลูกอ่ะ เนี่ยคือความจริง คตินิยมพ่อแม่รักลูกอ่ะ อันตรายมาก มันทำให้คอร์รัปชั่นในครอบครัวลอยนวล ปิดเงียบ เรียกร้องไม่ได้.....

เด๋วประเด็นนี้จะดราม่าแรง ขอหยุดไว้ตรงนี้ก่อน เรายังไม่มีแรงพิมพ์ประกอบเหตุผลหนักๆ


ส่วนเรื่องเรียนหมอก็มีแง่ดีคือเป็นอาชีพที่ทำเงินได้มาก มั่นคง ถูกต้องที่สุดเลย

แต่เรียนปรัชญา.....ก็ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ส่วนเรื่องงานเงินดีมั่นคงน่ะเหรอ...อืม....ลองเป็น programmer ดู เพราะตอนนี้ตลาดแรงงานกำลังต้องการ programmer เป็นจำนวนมาก ในสังคมฝรั่งอ่ะนะ ในไทยไม่ทราบ รู้แต่ค่าตอบแทนก็แพงใช้ได้เลยล่ะ จบอะไรมาก็เข้าไปทำได้ขอแค่เขียนโค้ดให้มันใช้การได้ ซึ่งไม่ง่ายอ่ะ ต้องฝึกกันหนักมากกก เราก็กำลังฝึกเขียนโค้ดเพื่อที่จะเป็นโปรแกรมเมอร์เพื่อให้เป็นงานรายได้หลัก แล้วเราก็ยังอยากจะเขียนหนังสือเพื่อส่งอิทธิพลเปลี่ยนแปลงสังคมไปด้วย ก็ได้เงินอีกทางแถมได้ใช้ปรัชญาที่เรียนมาด้วย อืมมมเนี่ยเราก็บาล้านซ์สิ่งที่ชอบกับเรื่องเงินในชีวิตตัวเองดังนี้ล่ะ ไม่จำเป็นต้องเรียนหมอแล้วตรากตรำตัวเอง

1