Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิวโรคซึมเศร้าจากผู้ป่วยตรง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คือเอ่อคือต้องบอกก่อนว่าตามกระทู้นะ เพราะฉนั้นจะไม่มีจิตแพทย์นักจิตวิทยาหรือข้อมูลมายืนยันใดๆทั้งนั้น
แต่เป็นประสบการณ์ตรงจากผู้ป่วยตรงๆเลยนั้นก็คือผมเองผู้เขียนกระทู้ จะแบ่งๆเป็น3ช่วงหลักแล้วกันคือ
1ช่วงก่อตัว
2ช่วงตัดสินใจ
3ช่วงอดทน
ย้ำอีกทีว่า3ช่วงนี้คือช่วงของผมเองนะไม่ได้เกี่ยวกับผู้ป่วยคนอื่นๆแต่อย่างใด
เริ่มจาก1เลย

ช่วงก่อตัว
แน่นอนว่าทุกอย่างล้วนมีที่มาเพราะเรานอนน้อยเราจึงง่วง เพราะเราติดเชื้อจึงเป็นไข้
แล้วทำไมโรคซึมเศร้าถึงจะไม่มีสาเหตุของมันล่ะ
แน่นอนมันต้องมีของมัน หลายๆคนนักจิตวิทยาหลายท่านก็มักจะพูดว่าคนที่ป่วยนั้นไม่มีอะไรก็เศร้าได้ มันก็ถูกของเขานะครับแต่ถูกในช่วงที่เริ่มเป็นแล้ว แล้วช่วงที่ก่อนจะเป็นล่ะ?
จุดนี้จะเหลือเพียงหมอกับผู้ป่วยนั้นเองที่จะเข้าใจกันดีว่ารู้สึกอย่างไรและผ่านอะไรกันมาบ้าง อย่างผมตอนสมัยประถม ผมถูกแกล้งเป็นประจำทุกวัน จนถึงขั้นเคยโดนครูหลายๆท่านประจานหน้าเสาธงอยู่บ่อยๆ(จนถึงปัจจุบันก็มีเพียงผมคนเดียวที่เคยถูกประจารแม้จะจบมาแล้วหลายปี) และเป็นคนเดียวในโรงเรียนที่ถูกประจานหน้าเสาธงอยู่ตรงนั้น นั้นยังไม่จบ ผมโดนแม้กระทั้งทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องรวมไปถึงรุ่นเดียวกันล้อเลียนกันเป็นเรื่องปกติ จนผมเกลียดโรงเรียน และพยามบอกพ่อแม่อยู่หลายครั้ง แต่พวกท่านก็บอก"เรื่องเล็กน้อยเองไม่เห็นเป็นไรเลย" "แล้วตายไหมล่ะ" ผมก็ได้แต่ทำใจจนผมกำลังจะจบประถมต่อมัธยม ช่วงท้ายๆป.6 ผมบอกพ่อแม่ไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว แต่พวกท่านก็มีแผนจะให้ผมต่อที่เดิมจนจบม.3ที่นั้น ผมตัดสินใจแขวนคอตัวเอง แต่แม่มาเห็นก่อนจึงช่วยเอาไว้ สุดท้ายหลังเกิดเรื่องผมก็จบป.6 มาต่อมัธยมอีกที่นึง ตอนนั้นผมไม่มีเพื่อนเลยสักนิด คุยไม่ได้ คุยไม่เป็น ทนอยู่คนเดียวอยู่อย่างนั้นจนอายุก็15ราวๆม.3 ถึงเพิ่งจะมีเพื่อนจริงๆจัง ก็ยังคงโดนรังแกอยู่ต่อเนื่องจากสภาพร่างกาย ผมเริ่มคิดฆ่าตัวตายมากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่นั้นมา ขึ้นม.4ก็มาต่ออีกที่นึง ผมก็ต้องหาเพื่อนใหม่อีกล่ะไม่มีใครย้ายมาด้วย ผมก็กลับมาโดดเดียวอีกครั้งอยู่อย่างนั้นราวๆ2เดือนกว่าๆผมก็เริ่มเข้ากับคนในห้องได้แต่ก็ไม่วายโดนแกล้งจากคนที่แข็งแรงกว่า จนใกล้จะปิดเทอม ผมเดินไปทีอยู่บนสะพานกลางแม่น้ำ ใกล้ๆกับโรงเรียน ผมยืนอยู่ตรงนั้น ครุ่งคิดอยู่ราวๆครึ่งชั่วโมงกว่า จะตัดสินใจโดดลงไปไหมหรือจะลองทนอีกครั้ง ครุ่งคิดอยู่แค่ 2คำตอบเท่านั้น คือโดดหรือไม่โดด สุดท้ายผมก็ตัดสินใจไม่โดด แล้วกับมาปรึกษากับครอบครัวว่าอยากจะพบจิตแพทย์

ช่วงตัดสินใจ
ช่วงนี่แหล่ะที่ผมตัดสินใจเข้าพบจิตแพทย์ และเหตุผลหลักคือ ผมรู้ถ้าผมยังทนอยู่โดยยังปล่อยให้ชีวิตเป็นไปอยู่อย่างนี้ ผมจะไม่มีแสงอาทิตย์ขึ้นให้ผมตื่นอีกต่อไป หลังจากผมเข้าพบเพทย์ ก็วินิฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า พ่อแม่ผมได้ยินก็งงโรคนี้มีด้วยหรอ? แต่ก็ยังคิดว่าผมคิดไปเองจนป่วยเป็นโรคนี้จนถึงปัจจุบัน แรกๆผมก็มาตามนัดรักษาด้วยยา บลาๆ ตามนัด รักษาเวลานัดตลอด ไม่ได้อยากจะหายอะไรหรอกนะ แต่อยากจะทำอะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกว่ายังมีที่พึ่งที่ดีอยู่ แต่การรักษาด้วยยานี่แหล่ะกลับทำให้ผมแย่ลงช้าๆ(แรกก็โอเคในช่วง1เดือนแรกแต่หลังจากนั้นก็เริ่มกลับทาง)ต้องเข้าใจก่อนว่าผมอาจจะไม่ถูกกับยาตัวนี้ บางคนอาจจะถูกกับยาตัวนี้ก็ได้ไม่ได้แย่เสมอไป หมอก็ปรับขนาดยาทั้งมากขึ้นและน้อยลง แต่ก็ไม่ได้ช่วยผมให้ดีขึ้น ผมมาตามนัดตามเดิมแต่คราวนี้ผมเข้าทดสอบสุขภาพจิตเพิ่มเติม และพบว่าผมมีอาการทางจิตเวทอ่อนๆ(ผมว่าที่แย่ๆลงนี่มันไม่อ่อนแล้วนะแต่ก็ช่างเถอะ) ช่วงนี้หมอเปลี่ยนชุดยาให้ผมยกแพ็ึคเลย แต่ก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ จนหมอขอให้ลองหยุดยาดู แต่กลับว่าแย่ลง ชิดที่ว่าผมกำลังตกเหว พอหมอให้ลองกลับมากินยาตามเดิม มันก็เหมือนกางร่มชูชีพอะ ช้าลง แต่ก็ไม่ได้ดึงขึ้นไปจากจุดนั้น ช่วงระหว่างรอการรักษาผมก็ต้องไปโรงเรียนตามปกติ ได้เจออะไรต่างๆนานความเครียดความถาถมเข้ามาแบบคนอื่นๆก็ยิ่งทำให้แย่ลงเรื่อยๆ ในตอนเย็น ผมจะเดินไปอยู่บนสะพานกลางแม่น้ำทุกครั้งที่รู้สึกไม่ไหว แล้วมองลงไปแล้วก็ครุ่นคิดอยู่อย่างนั้นทุกครั้งจนผมจบม.ปลาย 
ช่วงอดทน
ช่วงนี่ จะเป็นช่วงที่ภาตใต้จิตใจผมยังต้องอดทนอยู่ แม้จะผ่านช่วงที่คิดว่าเป็นขุมนรกของผมออกมาแล้วะครับ
ตั้งแต่ผมเริ่มเข้ารับการรักษา และหมอพบว่ายาไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นมากเท่าที่ควร ช่วงนี้แหล่ะที่ผมต้องอดทนทรหดที่สุด เพราะช่วงนี้ความทรงจำในวัยประถมกลับมาวนเวียนในหัวผม ภาพหลอน รวมถึงเสียงะไรต่างๆนา เสียงที่เคยได้ยินตอนประถมตามมาหลอกหลอนอีกครั้ง ได้ยินที่ว่านี่คือได้ยินแบบคนคุยกันเลย เพียงแต่มีผมคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยิน ยาทำให้ผมรู้สึกแย่ มีอยู่หลายครั้งที่ผมพยามฆ่าตัวตายด้วยการกินยาเกินขนาดมาก แต่ก็รอด ผมทรมารตัวเองต่างๆนาๆเพื่อให้ภาพหลอนนั้นได้หายไปหรือฆ่าตัวตายไปให้สักทีสักที หลายคนคิดว่าช่วงอดทนของผมที่คุณกำลังอ่านอยู่นี่เป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่ง อาจจะ1อาทิตย์ อายจะเป็นเดือน แต่ป่าวเลย 

ผมเป็นแบบนี้ทุกวันนานนับปีทั้งหมด4ปี ย้ำว่าทุกวันนะ จนปัจจุบันผมก็ยังเป็นอยู่ เพียงแต่คุมเรื่องการทำร้ายตัวเองได้แล้วเท่านั้น  จบแล้วครับสำหรับตอนนี้
กระทู้นี้หวังว่าจะเป็นประโยคของคนที่ไม่เข้าใจผู้ป่วยให้เข้าใจมากขึ้น 
และขอขอบคุณที่อุตส่าห์อดทนอ่านมาถึงจุดนี้ครับขอบคุณจริงๆ

แสดงความคิดเห็น

8 ความคิดเห็น

Ano010 12 ก.ย. 60 เวลา 12:20 น. 1-1

ขอบคุญครับขอบคุณที่อุตส่าห์อ่านจนจบนะครับ

0
Ano010 12 ก.ย. 60 เวลา 14:21 น. 2-1

ลองแล้วครับแต่ไม่ดีขึ้นครับ

ทุกวันนี้ผมพยามทำตัวไม่ให้เครียดอย่างครับ

แต่ก็ขออบคุณที่มาอ่านนะครับ

ปล.กระทู้นี้เขียนเพื่อความเข้าใจผู้ป่วยมากขึ้นเพราะว่าผู้ป่วยแต่ละคนจะรู้สึกนึกคิดต่างๆกันและมักจะบอกกับคนรอบข้างไม่หมดครับ

0
นางมารดิติน 12 ก.ย. 60 เวลา 14:30 น. 3

เปลี่ยนวิธีคิด ใครก็เป็นได้ มันคืออารมณ์ปกติของมนุษย์ที่มีความเศร้ามากเกินไป ให้ลองคิดดูว่า บางที สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นครูสำหรับการใช้ขีวิตของคุณและคนรอบข้าง และให้เลือกทางที่ถูกต้องที่สุด อย่าปล่อยให้ความเศร้าอยู่กับเรานานเกินไป รักตัวเอง รักคนอื่น ต้องยิ้ม หัวเราะ มองความทุกข์เป็นเรื่องง่าย ๆ ธรรมดา แล้วมันจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณผ่านไปได้อย่างสบาย ๆ  หว้งว่าจะดีขึ้น ดี ขึ้น จนอยู่ให้โลกยิ้มตามไปกับคุณนะ

0
lybirth 12 ก.ย. 60 เวลา 18:11 น. 5

เราก็เป็นโรคซึมเศร้า ค่อนข้างเข้าใจที่จขกท.บอก แต่เราพึ่งเป็นได้ไม่นาน แล้วทางครอบครัวเขาก็เข้าใจ พอดีว่าแม่เราก็เป็น หมอบอกว่าเราเหมือนได้มาจากแม่ ชีวิตเราไม่เหมือนจขกท.หรอกนะคะ ไม่เคยถูกแกล้ง เราอยากแนะนำจขกท. ลองออกกำลังกายมากๆมันจะช่วยนะ อย่างออกไปวิ่งใส่หูฟังแล้วก็วิ่งไปเรื่อยๆหรือเดินก็ได้ ลองทำกิจกรรมที่ออกแรงจะช่วยให้เอนโดฟินหลั่ง ตรงนี้เราคิดว่าน่าจะช่วยจขกทได้ อ่า.. แล้วก็หาใครสักคนมารับฟังด้วยมันจะดีมากๆ ถ้าไม่มีคนที่คิดว่าจะรับฟังตัวเองได้จริงๆ ก็อาจจะไปพูดกับหมา กับแมว มันก็ีดีนะคะ5555 แต่ถ้ามีคนที่คิดว่าไว้ใจได้และน่าจะเข้าใจก็ลองเปิดใจดูจะดีกว่า จริงๆเราก็แนะนำจขกท.ได้ไม่ดีเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ก็อยากให้รู้นะคะ ว่ายังมีคนที่เข้าใจคุณอยู่อีกมาก คุณไม่ได้เผชิญมันอยู่คนเดียวนะ อ่อ แล้วก็ถ้าอยากลองปรึกษาดราก็ได้นะคะ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ป่วย

0
muisun 13 ก.ย. 60 เวลา 22:40 น. 6

พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสไว้ว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ผู้ที่ไม่ป่วยทางกาย 1 วัน หลายเดือน หลายปีมีอยู่ แต่ผู้ที่ไม่ป่วยทางใจชั่วขณะเดียวก็ไม่มี ความรู้ไม่ทันจะคิดหนอๆ ก็เป็นต้นเหตุแห่งโรคภัยร้ายแรงได้ทุกชนิด ใส่ใจสังเกตขยันระลึกรู้ดูต้นเหตุแห่งชีวิต รู้ทันจะคิดหนอๆ ก็ไม่ต้องเป็นโรคร้ายแรงอะไรเลยสักอย่าง ไม่ได้บอกให้เชื่อหรือคัดค้าน แต่ถ้าไม่พิสูจน์ก็โง่ต่อไป เพราะใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจเป็นหัวหน้า ทุกอย่างเกิดขึ้นล้วนแล้วแต่ใจทั้งสิ้น รู้ทันจะคิดหนอๆ ก็เปลี่ยนวิถีจิตจากเคร่งเครยด คุ้มคลั่ง ซึ่มเศร้า ให้ผ่องใส สบายใจ ฉลาดได้ทุกเรื่อง


จากสายสืบนิสัยศาสตร์

0
ฤทัย 25 ม.ค. 61 เวลา 00:31 น. 7

เข้าใจจ้ะ อาการเดียวกกับลูกสาว โดนกลั่นแกล้ง จาก...เพื่อนตลอดแต่ประถมจนมัธยม2ทนไม่ไหวลาออกและแม่พาไปรักษา ตอนนี้ยุระหว่างรักษา..กินยาใหม่ใหม่มีทำร้ายตัวเองบ้างแต่คอยดูแลใกล้ชิดปรับยาเพิ่มตลอด ตอนนี้ดีขึ้นล่ะ แต่ก้อจะมีดิ่งบ้างพอควบคุมได้..มีเสียงในหัวว่าคนโน้นนี้เกลียด เป็นตัวประหลาด มีแต่คนคอยว่านินทารุ๊สึกตัวเองไร้ค่าเป็นภาระให้แม่ ต้องคอยปลอบโยนและคอยกอดแต่แม่จะรอวันนั้นวันที่ลูกหายและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ เป็นกำลังใจให้นะคะ

0
pirin0982521178 13 พ.ค. 61 เวลา 03:53 น. 8

ฉันก็เป็นบอกเลยประถม​ 5​ ฉันทนไม่ไหวเลยออกเรียน​ 2​ ปี​ เป็นเหมือนคุณฉันไม่ได้บอกแม่ฉันว่าเราเป็นแม่เราคงคิดว่าเราขี้เกลียดเรียน

0