Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เราผิดใช่มั้ยที่เกิดมาเป็นแบบนี้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ เราเรียนอยู่ชั้นม.1 โครงการวิทย์-คณิต ซึ่งบอกก่อนว่าเป็นรรที่แยกเด็กชัดเจน ค่าเทอมวิทย์-คณิตกับโครงการภาษาจึงแพงกว่าทั่วไป5เท่าได้มั้งคะ ขอโทษนะคะที่ต้องบอกว่าเราค่อนข้างเรียนดี แม่เลยคาดหวังกับเราสูงเพราะเป็นลูกคนเดียว หลายครั้งมากๆ เวลาเราช็อตเราได้คะแนนไม่เต็มหรือผิดเกิน3คะแนนเราก็จะถูกถากถาง ถูกห้ามเล่นนู้นเล่นนี่ ทั้งที่เราได้มากแล้วสำหรับเรา หรือสำหรับเพื่อน เกิดมาเคยตก3ครั้งได้มั้งทั้งชีวิต รู้สึกแย่มากๆ ที่เพื่อนมีแม่เข้าใจ ทั้งๆที่ได้คะแนนน้อยกว่า เป็นเราที่ต้องมานั่งเครียดเพราะข้อสอบยากเราเลยได้คะเเนนเกินครึ่งมานิดหน่อย แม่เราด่าแรงมาก หลังจากนั้น ไม่ว่าจะผิดแค่ข้อเดียวก็โดนด่า เราเลยคิดว่า เราผิดใช่มั้ยที่เกินมาเรียนพอได้ แม่เลยหวังสูง อาจฟังดูเว่อร์ๆ แต่ไม่เป็นเราไม่รู้หรอกค่ะ

แม่ไม่เคยยิ้ม ไม่เคยดีใจกับสิ่งที่เราชอบ แม่บอกเราให้ไปเรียนเพิ่ม ใช้คำพูดสวยๆ แม่แม่ไม่เคยมองตาเราเลยว่าเรารู้สึกยังไง เราเหนื่อยมั้ย แม่ไม่เคยถามเราจริงๆแบบไม่ประชดสักครั้งว่าพอมั้ย เหนื่อยรึยัง เราอยากพุ่งออกไปหลายครั้งมากว่าเราไม่ไหวแล้ว แต่ก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ เราจะกลายเป็นบ้าแล้ว นอนไม่หลับ เครียด จิตตกไปหมด เราเก็บอาการจิตๆของเราต่อหน้าเพื่อนค่อนข้างได้ แต่อาจมีโมโหร้าย เดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้าบ้าง แต่เพื่อนก็ไม่เคยสงสัยเพราะเราเรียกสติได้ก่อน วันนี้เราอยากกรี๊ดมาก เพราะช่วงนี้เราล้าๆ อ่านหนังสือไม่เข้าหัวเหมือนเมื่อก่อน เรากลายเป็นไม่ขยัน ไม่ใช่ติดเล่น ติดเพื่อน แต่อยากอยู่เฉยๆ อยากนอน อยากพัก ทั้งที่มีการบ้านแต่เรากลับมองมันแล้วนิ่ง ทั้งที่เมื่อก่อนเราทำเสร็จนานแล้วมั้ง เราเลยสอบนานาชาติไม่ได้เหรียญ แม่เราพิมพ์มาถากถาง มาว่า คิดว่าตอนเย็นคงโดนอีก

เราอยากขอโทษเพื่อนที่เราไปร้ายใส่ เราอยากบอกเราโตมาแบบที่ไม่มีใครเคยเข้าใจ ตอนนี้เครียดมาก อยากกลับหัวลำ จริงๆเราเป็นคนชอบอ่านหนังสือนิยายมาก ชอบดูการ์ตูนเด็กๆ เราอยากเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่วิทย์คณิต เราไม่ได้อยากเป็นหมอ เลิกบังคับเราสักที แต่คงยาก เพราะเราต้องอยู่วิทย์-คณิตอีก3ปี ค่าเทอมที่เสียไปเยอะ เราไม่อยากเอาแล้ว ตอนเย็นเราต้องโดนห้ามอ่านหนังสือกับดูการ์ตูนแน่ๆ..เฮ้อ
ไม่อยากเก็บไว้แบบนี้เลย

-ขอวิธีบอกแม่ให้เข้าใจเราที
-เราควรเรียนที่เราชอบ หรือปล่อยไปตามที่เราพลาดมาแล้วดีคะ

ขอบคุณค่ะ เราไม่อยากเป็นบ้า ไม่อยากแอบเอากรรไกรไปกรีดผนังห้องนำ้ระบายอีกแล้ว

แสดงความคิดเห็น

>

38 ความคิดเห็น

me.daisy 16 ม.ค. 61 เวลา 18:39 น. 1

คิดว่าอีกไม่นานถ้าไม่มีพฤติกรรมแปลกๆจากจิตใต้สำนึก น้องคงต้องระเบิดออกไปแบบใดแบบหนึ่งค่ะ พี่เคยมีปัญหาที่ทำให้นอนไม่หลับ บางทีก็ร้องไห้ออกมาเหมือนคนบ้าเลย เลยอยากให้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูค่ะ ถ้าทำสมาธิด้วยเทคนิคนี้ได้อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เชื่อว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง ถ้าทำได้ตลอดทั้งวันในตอนที่มีเวลาว่าง แบบไม่เครียดไม่กดดันตัวเอง เชื่อว่าชีวิตน้องทั้งชีวิตจะเหมือนวันหยุดยาวแม้ว่าจะต้องอยู่ท่ามกลางสถานการณ์เดิมๆค่ะ เล่มเล็กนิดเดียว อ่านฟรีด้วย

http://www.dungtrin.com/resources/vipassana.pdf


0
ซาตานอยากเลี้ยงสุนัข 16 ม.ค. 61 เวลา 20:21 น. 2

ทุกอย่างไม่เป็นไรตามที่แม่คิดเพราะนี่ไม่ใช่ชีวิตของแม่แต่เป็นชีวิตของเรา จริงๆน้องควรที่จะพูดคุยกับแม่ให้มากๆและปรับความเข้าใจกันไปเลย อยากให้น้องดูเรื่องนัทสึเมะกับบันทึกพิศวงสนุกมากเลยต้องดูให้ได้เลยนะ ^W^

0
pigmm2 16 ม.ค. 61 เวลา 20:27 น. 3

พี่ก็เคยเป็น ตอนนี้พี่ก็รู้สึกว่าตัวเองยังไม่หายจากอาการแบบนี้

ยังไงก็ค่อยๆพูด ค่อยๆอธิบายให้แม่ฟังถึงความชอบของเรานะจ้ะ อย่าให้บานปลาย จนแก้ไขอะไรไม่ได้

สู้ๆน๊า

0
kAew Dek-D Columnist 16 ม.ค. 61 เวลา 23:39 น. 4

คงต้องคุยกับแม่จริงๆ จัง หรือถ้ามีผู้ใหญ่คนอื่นที่เคารพนับถืออยู่ด้ว ยคอยช่วยพูด อาจจะดีขึ้นนะคะ เช่น คุณอา คุณยาย หรือญาติผู้ใหญ่ที่พอจะช่วยพูดให้เราได้ค่ะ


อ่อ แล้วก็ลองปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต พี่ๆ เค้าน่าจะแนะนำวิธีจัดการกับบความเครียดและอารมณ์ได้ดีขึ้นด้วยนะคะ ไม่อยากให้น้องมาระเบิดทีหลังค่ะ

0
Mubmy Fiction 17 ม.ค. 61 เวลา 05:12 น. 5

เอาเท่าที่น้องไหว อย่าไปฟังคำด่าของแม่มาก ปล่อยผ่านไปแล้วทำเท่าที่เราทำไหวพอ อย่าฝืนตัวเองเกินไป มันจะไม่ไหว ไม่ต้องไปประชดด้วยเขาด้วยการทำตัวให้แย่ลง เพราะยังไงมันก็คืออนาคตของน้อง ทำเพื่อให้ตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น ไม่ต้องเพื่อให้แม่ภูมิใจก็ได้ ในความคิดพี่นะ

0
เจเจ 17 ม.ค. 61 เวลา 06:01 น. 6

ส่วนนึงมันเป็นเพราะเราทำได้ดีมากมาก่อน มาตรฐานของคุณแม่เลยสูง พอวันนึงมันได้น้อยลง แม่เขาเลยไม่เข้าใจว่าทำไมล่ะ ทั้งที่ในความรู้สึกเรามันมากแล้วนะ มันมากกว่าคนอื่น แต่มันไม่มากพอที่จะทำให้แม่พอใจ

เราก็เป็นคนนึงที่เคยผ่านจุดนั้นมาก่อนเหมือนกันค่ะ ต้องได้ top 5 ลำดับห้ามต่ำกว่าเลขเดี่ยว จนตอนหลังเราไม่บอกละว่าได้ที่เท่าไหร่ ยิ่งเข้าโครงการวิทย์คณิต คือรอบตัวมีแต่คนเก่ง ก็ยิ่งโดนเปรียบเทียบ แต่ไม่ได้แข่งขันสูงอะไรขนาดนั้น แค่รำคาญที่โดนเปรียบเทียบ เกรดตกโดนถอดเน็ต โดนบรีฟ โดนห้ามนั่น ห้ามนี่ เอาหนังสือการ์ตูนปาลงพื้น เจอมาหมด

เราชอบอ่านการ์ตูน ชอบเล่นคอม ทั้งที่จริงก็แบ่งเวลาละนะ แต่ชอบมีการมาบอกว่าสิ่งที่เราทำไร้สาระ หรือเอาเวลาไปอ่านหนังสือไม่ดีกว่าเหรอ อันนี้เป็นกันทั้งบ้าน คือแบบการที่กดดันเด็กมันค่อนข้างจะดาบสองคม เพราะถ้าไม่ทำให้เด็กดีขึ้น ก็ทำให้เราอยากแย่ลงอ่ะ การคุยกับผู้ใหญ่คือมันไม่ช่วยอะไรเลยนะ เค้าไม่เข้าใจ ไม่ว่ายังไงแม่งก็ไม่เข้าใจ เก็ตปะ 555555+ ต่อให้เราโตขึ้นแล้ว ย้อนเวลากลับไปก็รู้สึกว่าเค้าไม่มีวันเข้าใจว่าทำไม

มันยากมากกับการบอกให้พ่อแม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก่อนที่เราจะบอกเราต้องคิดก่อนว่าจริงเหรอ

1. เราได้คะแนนน้อยเพราะมันยากมากจริงๆ หรือเราแค่พยายามไม่พอ

2. มันเป็นข้ออ้างของเราเองรึเปล่า

อันนี้เรารู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเพราะอะไรนะ สมองไม่ไหว หรือใจเราไม่อยากทำ และที่เราไม่อยากจะพยายามต่อส่วนนึงก็เป็นเพราะเค้ารึเปล่า ถ้าใช่ ต่อให้ไม่คุยกันตอนนี้ วันนึงน้องต้องระเบิดมันออกมาอยู่ดี เราเคยบอกพ่อแล้วก็ร้องไห้ว่าแบบทำไมต้องมาบรีฟเรา ไม่ไหวแล้ว เกลียดมาก เห็นแล้วอยากจะอ้วก ถามว่าสถานการณ์ดีขึ้นมั้ย ก็นิดหน่อย แต่ไม่ได้มาก

ผู้ใหญ่หัวแข็งกว่าเด็ก เค้าคิดว่าทุกอย่างที่เค้าทำคือการทำเพื่อเรา ปูทางให้เรา ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่าจริงมั้ย ทำไปแล้วจะดีกับเรารึเปล่า

ถ้าน้องอยากจะเปลี่ยนแปลงน้องต้องคิดดีๆ ว่า

1. น้องอยากเปลี่ยนเพราะน้องชอบมันจริงๆ หรือแค่อยากจะหนีจากแรงกดดันที่แม่กำลังทำ อันนี้สำคัญมากนะ เพราะพี่เคยเป็น ยิ่งฟังยิ่งเอียนอ่ะพูดเลย พี่ก็เคยเรียนโครงการมาก่อน ตอนแรกจะหนีไปศิลป์ภาษา เพราะคิดว่าชอบมากกว่า แต่พอทบทวนอยู่นาน อืม ไม่ได้ชอบมากกว่าหรอก แค่ไม่อยากจะทำตามเค้า น้องจะเลือกทางไหนก็ได้ที่น้องคิดว่ามันจะดีต่อตัวน้อง และน้องจะทำมันได้ดี ไม่เสียใจทีหลัง เพราะถ้าน้องเลือกแล้วน้องทำมันได้ไม่ดี ก็เหมือนกับตอกย้ำความคิดของเค้าว่าเราเลือกผิด และสิ่งที่เค้าคิดมันถูกต้อง

2.วิธีบอกให้แม่เข้าใจ : ไม่มี มันไม่มีวิธีที่จะทำให้เค้าเข้าใจเราทุกอย่างหรอก เป็นไปได้ยาก คือพ่อแม่บางคนอาจจะใช่ แต่ถ้าน้องเล่ามาสเต็ปนี้คือเค้าน่าจะเป็นคนที่ค่อนข้างเผด็จการพอสมควร แม่น้องเป็นคนยังไง เค้าจะฟังน้องตอนไหน น้องต้องคอยสังเกตเอาเอง แม่หนู หนูต้องรู้ คือทุกคนมันต่างกันอยู่แล้วอ่ะ พูดยากว่าจะอธิบายยังไง ถ้าเค้าไม่เปิดใจ พูดให้ตายก็จบเหมือนเดิม ของพี่ พี่แค่บอกว่าพี่เลือกอันนี้ พี่จะทำ พี่แจ้งให้ทราบ ดูสถานการณ์ดีๆ ว่าควรพูดอะไรตอนไหน ดราม่าให้ถูกสถานการณ์ เป็นผู้ใหญ่ให้ถูกจังหวะ เพราะถ้าผิดจากอธิบายจะกลายเป็นเถียง

การรับมือกับคนที่ไม่ฟังเราคือทำให้เค้าเห็น เราพยายามมากพอแล้วแต่มันได้แค่นี้

จะลองปรึกษาคนอื่นดูก็ได้ แต่นี่อธิบายจนยี่สิบกว่าละ ผู้ใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจและบอกการ์ตูนไร้สาระ ทำไมไม่เอาเวลาไปอ่านหนังสือ 55555555 หนูเครียดได้ หนูเหนื่อยได้ แต่สิ่งที่หนูต้องทำคือนึกถึงตัวเองก่อน เราชอบอะไรล่ะ เราพยายามพอรึยัง เราตั้งใจมากสุดแล้วใช่มั้ย

คือเราเคยมีปัญหากับเกรดตก ก็จะเกิดการโทษทุกอย่าง ไม่ตั้งใจ เพราะนิยาย เพราะการ์ตูน

น้องลองขอโอกาสอีกรอบ และแบ่งเวลาให้ดี แสดงให้เค้าเห็นว่ามันไม่ได้เกี่ยว

คือมายาวมาก แค่อยากระบาย 555555

อย่าไปฟังคำบั่นทอนมาก แต่ถ้าฟังแล้วทนไม่ไหวก็ดราม่าน้ำตาสักเขื่อน

แล้วพูดความรู้สึกของหนูไปเลย

สุดท้าย สู้ๆ นะน้อง รักตัวเองให้มากๆ แม่เค้าหวังดี แต่หวังดีผิดวิธีไปหน่อ

0
สู้ๆ 17 ม.ค. 61 เวลา 06:17 น. 7

พี่ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เหมือนจนพี่นึกว่าตัวเองไปตั้งกระทู้แต่ต่างกันที่พี่ชอบวิทย์คณิต พี่เคยเครียดมากๆจากเคยเฮฮาเป็นตัวโจ๊กของห้องกลายเป็นนั่งเงียบๆเสียบหูฟังแล้วนั่งอ่านนิยาย(โลกส่วนตัวสุดๆ)จนพี่ค้นพบว่าถ้าเรามัวแต่เครียดเราจะไม่มีอะไรก้าวหน้าในชีวิต เลยหยุดคิดมากแล้วถ้าพ่อแม่พี่มาว่าพี่ก็จะไม่ได้ฟังจะคิดเรื่องอื่นระหว่างที่โดนว่า พี่อยากรู้ว่าน้องเรียนที่โรงเรียนที่มีตัวศ.ขึ้นต้นรึปล่าว เพราะค่าเทอมโครงการวิทย์คณิตก็แพงกว่าภาษาเหมือนโรงเรียนที่พี่เรียนเลย

0
MRS-CirClestz 17 ม.ค. 61 เวลา 07:40 น. 8

ทำตัวดีๆกับเพื่อนเถอะ อย่าไปร้ายใส่พวกเขา ในเมื่อแม่ไม่เข้าใจ ก็สมควรมีเพื่อนที่เข้าใจเรา เว้นแต่เราจะเห็นแก่ตัว เพื่อนเข้าใจเราแน่ค่ะ

0
aom-mee 17 ม.ค. 61 เวลา 08:00 น. 9

น้องนอนห้องเดียวกับแม่หรือเปล่าคะ

ถ้าใช่ พี่อยากให้น้องลองละเมอกรี๊ดดูค่ะ ละเมอร้องไห้หรือพูดงึมงำให้ฟังออกว่า หนูอยากเป็นเด็กธรรมดาๆ


ตอนนี้พี่เป็นโรคซึมเศร้าและพี่สาวก็เป็นโรคหัวใจเนื่องจากการเลี้ยงดูแนวบังคับของพ่อแม่ น้องมีโอกาสมากที่จะเป็นแบบครอบครัวพี่ แล้วก็อย่าลืมหาเพื่อนที่ไว้ใจได้หรือระบายให้อาจารย์ฟัง อาจารย์จะได้คุยกับแม่น้อง

0
I&you 17 ม.ค. 61 เวลา 09:29 น. 11

ชีวิตน้องเหมือนเรื่องที่ ฝน ฮอร์โมน เล่นเลยอ่ะ ในเรื่อง ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น จริงๆ ถ้าทนไม่ไหว ก็ลองระเบิดความรู้สึกจริงๆ ใส่แม่ก็ได้ วัดกันไปเลย ว่าเขาจะจัดการกับเรายังไงต่อ ถ้าเขาทำรุนแรงขึ้น น้องก็แค่ปล่อยไป คือ ไม่ต้องไปสนใจ อยากทำไรก็ทำ อยากอ่านการตูนก็อ่าน ไปในค่าเฟ่ไรก็ว่าไป ให้รู้กันไปเลยว่านี้คือ ผลการกระทำของแม่

0
แม่ของเด็กชายอายุ 14 ปีีที่ไม่เคยเรียนพิเศษ 17 ม.ค. 61 เวลา 12:43 น. 12

ม.1 อายุคงสัก 13 ปี น่าจะเรียนพิเศษมาตั้งแต่เด็ก ตอนนีี้ หนูคงเข้าสู่ภาวะ burn out แล้ว และ ถ้าจัดการไม่ได้ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยและซึมเศร้าตามมา แม่คงจะเป็นคนเครียดมาก จึงส่งผลกับการจัดการชีวิตลูกขนาดนี้ แนะนำให้หนูไปเล่นกีฬา และปล่อยความเครียดตอนเล่นกีฬา กรีดร้อง ตะโกน การบอกแม่ง่ายที่สุด คือ ให้หนูไปขอรับคำปรึกษา จากครูแนะแนว ไปปรึกษากับทีมสุขภาพจิต ที่ โรงพยาบาลที่อยู่ไกล้ หลังจากนั้น ทีมจะมีีวิธีเจรจากับแม่

0
Fighting!! 17 ม.ค. 61 เวลา 15:17 น. 13

พี่ว่าน้องใจเย็นๆนะคะ ลองปรึกษาผู้ใหญ่ที่เราสนิทหรือครูก็ได้ค่ะ ว่าเกิดปัญหาแบบนี้ควรจะทำยังไงดี พี่ไม่รู้ว่าคำแนะนำพี่จะช่วยได้มั้ยแต่อยากช่วยค่ะ ^^ เวลาโดนคุณแม่พูดจาไม่ดีใส่เรา ลองทำเป็นหูทวนลมดูนะ พี่เองก็เคย เราไม่สามารถฟังทุกคำพูดแล้วไม่รู้สึกอะไรได้หรอก แต่ลองทำเป็นไม่สนใจ ฮัมเพลงในใจดูก็ได้นะคะ พี่เคยทำ หลังจากฟังแม่บ่นเสร็จพี่ก็ไม่รู้สึกอะไรเลย วิธีนี้พี่ใช้แล้วได้ผลนะ (ลองปล่อยมันดูบ้างอะไรที่ทำให้หนักใจ ไม่ต้องเก็บมาคิดมาก มันทำให้พี่กลายเป็นคนใจเย็น รับได้ทุกสถานการณ์เลยล่ะ 555555) อยากแนะนำ อะไรที่คุณแม่บ่นแล้วมันเป็นความจริงอย่างที่ท่านพูดเราก็เอามาปรับปรุงตัวเรานะคะ ส่วนอะไรที่เราคิดว่าเราทำดีอยู่แล้วนั่นแหล่ะค่ะ เวลาฟังคุณแม่บ่นเราก็ฮัมเพลงในใจเลย ไม่ต้องคิดมากน้า เชื่อว่าคุณแม่เขาหวังดีกับน้องนะคะ เพราะอาจจะด้วยเป็นลูกคนเดียวด้วย (พี่ก็ลูกคนเดียวนะ ^^) พ่อแม่จะคาดหวังสูง อยากให้ลูกประสบความสำเร็จ เลยต้องเคี่ยวเข็ญเรา แต่บางครั้งถ้ามันมากไปลองคุยกัน เข้าหากันดีกว่าค่ะ พี่เองก็เคยโดนคุณพ่อกดดันเรื่องผลการเรียนเหมือนกัน เรียนพิเศษเยอะมาก อยากให้เรียนวิศวะสาขาที่ต้องการให้เรียน สรุปแล้วเราไม่ได้ชอบแบบนั้น จนตอนอ่านหนังสือร้องไห้ไปด้วยเลย วันนึงพอมันเริ่มไม่ไหวก็ต้องพูดค่ะ พูดเปิดใจเลย พี่ก็พูดว่าไม่ได้ชอบที่จะเรียนคณะนี้สาขานี้ ถึงหนูเรียนไปก็ไม่คิดจะทำงานด้านนี้อยู่ดี แล้วพ่อทนเห็นลูกต้องเรียนและทำงานในสิ่งที่ไม่ชอบได้หรอ เท่านั้นแหล่ะค่ะตามใจเลย จะเลือกอะไรก็เลือก หลังจากนั้นมันสบายใจขึ้นที่ได้พูดได้เคลียร์ตามที่เราต้องการค่ะ แต่เราเองต้องมีเหตุผลไปหักล้างพ่อแม่ด้วยนะคะ อธิบายว่าทำไมถึงไม่ชอบสายนี้ แต่ชอบสายอื่น ชอบเพราะอะไร แล้วแนวทางต่อจากนี้เราคิดจะทำอะไร อย่างพี่ก็บอกทุกอย่างเลยค่ะ ว่าเรียนด้านนี้สาขานี้เพราะอยากทำงานโน่นนั่นนี่ อธิบายให้ท่านเข้าใจแล้วมีเหตุผลรองรับ เชื่อว่าต้องทำให้พ่อแม่เปลี่ยนใจตามเราได้บ้างล่ะค่ะ ^^

ส่วนตอนนี้ถ้ายังเครียดอยู่ ลองเปิดการ์ตูนดูก่อนก็ได้นะคะ จะเป็นพวกละคร ซีรี่ย์อะไรก็ได้ที่เราชอบอ่ะค่ะ นั่งดูเฉยๆไม่ต้องทำอะไรเลย พี่ก็ทำแบบนั้นนะ ลองทำให้ใจมันว่างดูบ้าง คลายเครียดได้จริงๆนะ ส่วนตัวแล้วชอบดูการ์ตูน มันทำให้พี่หายจากโรคเครียดลงกระเพาะได้เลยล่ะ ดูแล้วหัวเราะสนุกไปกับมันอ่ะค่ะ ลองปล่อยให้สมองมันไม่ต้องคิดมากดูนะ หากิจกรรมทำกิจกรรมที่เราชอบอ่ะค่ะ วาดรูปหรืออะไรก็ได้ พอมันทำให้เราโอเคแล้วบางทีมันอาจจะช่วยให้เราหาทางออกได้นะ น้องเป็นกระทู้ที่พี่ต้องตอบเลยล่ะ เพราะเคยเครียดจากการโดนกดดันเรื่องเรียนเหมือนกัน ยังไงก็ขอให้น้องหายเครียดเร็วๆนะคะ

0
Rossary 17 ม.ค. 61 เวลา 15:20 น. 14

เราเคยผ่านจุดนี้มาแล้ว เราไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความคิดหรือความคาดหวังของพ่อแม่ได้หรอก ตราบใดที่เขายังเห็นว่าเราไหว เราเคยพยายามทำตามที่พ่อแม่คาดหวังแต่มันเหนื่อยมาก เหนื่อยจนเราสุดจะทนจริงๆ มันเครียดจนเราต้องเราโรงพยาบาลบำบัดจิตช่วงหนึ่งเลยละ แต่การได้เข้าโรงพยาบาลมันมีข้อดีตรงที่ว่าพวกเขาได้เห็นว่าเราไปต่อไม่ไหวแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เลิกคาดหวังกับเราเพราะกลัวเราฆ่าตัวตาย พี่อยากให้น้องลองคุยกับแม่ดู ปรับความเข้าใจกันแล้วบอกความรู้สึกของเราว่าเราไม่ไหวแล้วจริงๆ หรือไม่ก็ระเบิดมันออกมาเลยแบบพี่ แล้วเขาจะเข้าใจเราในที่สุด


ขอให้น้องโชคดี

0
Saoirse 17 ม.ค. 61 เวลา 17:59 น. 15

น้องควรได้เรียนในสิ่งที่น้องชอบนะ เพราะถ้าน้องชอบมัน น้องจะตั้งใจเพื่อมัน โดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลย

น้องลองค้นหาสิ่งที่น้องชอบดูนะ ได้ยินว่าชอบอ่านนิยายและชอบดูการ์ตูนด้วยหนิ จริงๆ แล้ว น้องอาจจะเหมาะกับทางนี้มากกว่าวิทย์ก็ได้น้า

0
Pink kie 17 ม.ค. 61 เวลา 18:14 น. 16

พี่คิดว่าน้องควรที่จะลองคุยกับแม่ดูนะ พี่ก็เคยเป็นแบบน้องนะ คือแบบตอนนั้นระเบิดออกมาใส่แม่เลย จากนั้นแม่ก็เข้าใจ แต่พี่ไม่ได้จะให้น้องระเบิดใส่แม่แบบพี่นะ555 แต่พี่ว่าน้องควรค่อยๆเค้าไปคุย แบบหาโอกาสดีๆ ลองบอกแม่ดูว่า ไม่โอเค ตอนนี้รู้สึกเรียนไม่สนุกแล้ว ประมาณนี้ ยังไงก็พูดดีๆกับแม่เขานะ สู้ๆน้าาา

0
Nam_natha 17 ม.ค. 61 เวลา 18:45 น. 17

เราก็เด็กวิทย์-คณิตเหมือนกัน เข้าใจสุดๆว่าเรียนหนักมากขนาดไหน เรียนปางตาย พักก็ไม่ได้

โชคดีคือ เราก็เคยเรียนหนักมากๆ แบบเปิดเทอมก็เรียนพิเศษต่อทุกวัน ปิดเทอมก็เรียนเช้ายันเย็น ด้วยความที่เราก็เรียนดีอยู่ ครูเลยเรียกไปนั่งติวอีก จนแม่เราเห็นว่าเราเหนื่อยมาก ถึงเข้าใจ และให้ลงเรียนที่พอไหว

เราเป็นคนที่เครียดง่ายมาก แต่เก็บไว้คนเดียว เวลาเจออะไรเครียด ก็เก็บเอาไว้ แทบไม่เคยร้องไห้ให้เพื่อนเห็นเลย ชอบเก็บมาร้องที่บ้าน แต่กว่าจะกลับบ้าน กะว่าจะมานอนให้สบาย ต้องผ่านที่เรียนพิเศษอีก เครียดตาย

อีกอย่างคือเราเป็นคนพูดน้อยมาก แบบเงียบคือเงียบ ไม่มีเสียงเลย แต่เวลาพูดคือพูดมากๆ จนเพื่อนบอกว่า กวนตีน เดินไปเที่ยวแกล้งคนนู้น คนนี้ ประมาณว่าเป็นคน 2 บุคลิกแบบเห็นได้ชัดสุดๆ


ตอบคำถาม


1.ขอวิธีบอกใก้แม่เข้าใจ


อันนี้มันก็แล้วแต่นะ ว่าแม่เป็นคนแบบไหน เข้มงวดแค่ไหน ถ้าแบบเข้มงวดมากๆ ถ้าไปอ้างว่า วันนี้มีการบ้านเยอะงี้ ไม่ได้ผล แต่ที่แน่ๆคือแม่หวังให้ลูกได้คะแนนดี ได้งานดี เป็นคนเก่ง และมีแต่คนมาชื่นชม แม่ต้องภูมิใจกับตัวลูกมากๆเลยล่ะ แล้วลูกก็ต้องเข้าใจว่า แม่ต้องการอะไรจากตัวคุณ แม่คาดหวังมากขนาดไหน เราเป็นลูก ก็ต้องทำเพื่อตอบแทนบุญคุณแม่ อาจจะทำได้ไม่ดี แต่ต้องทำให้ดีที่สุด โดยไม่ฝืนหรือไม่หนักเกินที่ตัวเองจะรับไหวค่ะ แม่น่าจะเข้าใจลูกตัวเองดี

ที่ดีที่สุดคือ บอกไปเลยค่ะ ว่าเหนื่อยแล้ว ตอนนี้เป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้ บลาๆๆ ที่สำคัญคือ พูดไปตามความจริงนะคะ อย่าโกหกล่ะ ไม่ดี แล้วก็ต้องไม่ไปว่าแม่ว่า ให้เรียนเยอะแยะทำไม บลาๆๆ อันนี้ อย่านะ แม่คงจะโกรธยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ

ถ้าอยากจะลดบางอย่างลงก็บอกไปเลยค่ะ เชื่อว่าแม่คงจะเข้าใจ แต่อย่าลืม ต้องมีเหตุผลห้อยไปด้วย อย่าง เนื้อหามันง่ายไป ยากไป ครูสอนไม่รู้เรื่อง เปลืองเวลาทำการบ้าน หรือไม่ก็แม่จะได้ไม่ต้องรับ-ส่งบ่อยๆงี้


2.เราควรทำตามที่ชอบหรือไม่


ที่แม่อยากให้เป็นหมอ คงเพราะเงินเดือนดี หรืออื่นๆ แม่เราก็อยากให้เราเป็นหมอนะ เพราะจะได้รักษาครอบครัวได้ ติดต่อกับรพ.สะดวก แต่ละคนก็ต้องมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว ตัวคุณเองก็มีเหตุผลที่อยากจะทำอาชีพนั้นๆเหมือนกัน ลองบอกแม่ดู ถ้ามันเป็นเหตุผลที่พอฟังได้

อย่างตัวเรานี่ เรียนวิทย์-คณิต เพื่อนบอกว่า เราเรียนเก่งมาก แต่เราไม่ได้อยากเป็นหมอ เรารู้สึกว่า สิ่งที่เราชอบมันขัดกับภาพลักษณ์ของตัวเองมากๆ เราชอบเล่นกีฬา ชอบเล่นดนตรี ชอบร้องเพลง ชอบเต้น คือมันไม่ใช่แนวของเด็กวิทย์คณิตเลย แต่แม่เราให้เราเลือกเลยว่าจะเป็นอะไร แต่ก็แซะๆบ้างว่ามันได้เงินน้อย ไรงี้ แต่เราเลือกที่จะทำสิ่งที่ชอบมากกว่าไปฝืนตัวเองค่ะ เคยคิดด้วยว่าตัวเองจะทำไม่ได้ แต่สุดท้าย เมื่อลองทำเลยรู้ว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด ลองดู


สู้ๆนะ จขกท.

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-01.png

0
kimandbee 17 ม.ค. 61 เวลา 18:47 น. 18

ลองระบายกับเพื่อน เล่าให้ผู้ใหญ่หรือคนสนิทฟังก็ได้ค่ะ เขาอาจจะมีคำปรึกษาที่ดีให้ และไม่ต้องคิดมากค่ะ สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้

0
windcono 17 ม.ค. 61 เวลา 19:11 น. 19

ผมเห็นด้วยกับความคิดในการคุยปรับวิสัยศันย์เเละความเห็นต่างๆ เพื่อให้เเม่ได้เข้าใจมากขึ้น เเม่ของเราคงหวังดีเเหละถึงทำเเบบนี้เเม้มันจะเกินไปก็ตาม เเต่ว่า เราทำดีที่สุดเเล้ว อย่าได้คิดไปในทางที่ไม่ดีเลยครับ

วิธีที่ทำให้เเม่เข้าใจนั้นคงต้องมีเเต่การพูดคุยอย่างเช่น อยากให้เเม่เข้าใจในความสามารถเเละความร้ของเราว่าเราเก่งด้านไหน อยากให้เเม่ได้เข้าใจเเละให้ความอิสระกับลูกมากกว่าที่จะมากดดันกันเเบบนี้


สู้ๆนะครับ เเม้พี่จะช่วยอะไรไม่ได้มากก็ตามที ////โค้ง

0
mistersisz 17 ม.ค. 61 เวลา 19:34 น. 20

พี่อ่านพี่เคยเป็นแบบน้องเลย แม่คอยพร่ำบอกว่าเป็นหมอเป้นวิศวะนะ เวลาพี่ได้คะแนนต่ำๆ เขาก้ด่าพี่กระจุยเลย 5555555 ตอนนั้นบอกตรงๆพี่กลายเป็นเด็กมีปัญหา เก็บตัวไม่คุยกับใคร เกมคือที่พึ่งทันที แม่ไม่เคยถามพี่ว่าเหนื่อยไหม คอยแต่บอกว่าำทดีๆ เขายิ้มนะ แต่เขาไม่เคยถามพี่สักครั้งว่าเหนื่อยไหม พี่ไม่เคยได้ยินจนทุกวันนี้พี่ก็ไม่เคยได้ยิน จนตอน ม.5 ที่พี่คิดว่า สมองพี่ไม่ทำไรแล้ว ทั้งๆที่เมือ่ก่อนหัวดีแบบทำทุกข้อถูกทุกข้อ พอมาตอนนี้พี่ทำไม่ได้เลย ตกเป้นว่าเล่น ครูยังตกใจครูยังถามพี่เลย มันต่างจากแม่พี่มาก จนครูพี่ไปคุยกับแม่ แม่พี่เลยเริ่มเปลี่ยนไปเยอะ แต่็ยังเหมือนเดิม 555555 พี่อยกาเรียนศิลปะเขาบอกไร้สาระไม่ให้เรียน แต่ดีกว่าเมือ่ก่อนจริงๆคือไม่หก้ามอะไรมาก แต่คอยกดดัน ทุกวันนี้พี่กำลังโดนไทร์และแม่พี่ก็พึ่งมาเข้าใจตอนที่มันเป้นแบบนี้แล้ว

เพราะพี่ระเบิดโมดหไปตอนอาทิตที่ผ่านมา เขาเลยรู้ว่าเราได้แค่นี้แล้ว ทุกวันนี้เขาถามพี่เสมอว่าไหวไหม ทั้งๆที่เมื่อก่อนแทบไม่เคยถาม

เอาจริงๆ พี่แนะนำน้องว่าไปหาจิตแพทย์ยิ่งดีนะ เพระาพี่ไปมาก็เกือบเป็นซึมเศร้าจ้า 5555555555 มีอะไร dm มาได้เน้อ

0