ไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรดี

น้าว่า เหมาะเป็น จิตแพทย์ มากที่สุดเลยนะ

อันดับสอง น่าจะเป็น นักสังคมสงเคราะห์

เพราะหนูชอบรับฟังปัญหา และให้คำแนะนำ

สองอาชีพนี้ตรงที่สุดเลย มันจะช่วยคนได้มากด้วย

แต่น้าเชื่อว่า พ่อแม่ จะไม่อยากให้เป็นนักสังคมสงเคราะห์

น้าคิดแบบนั้น เพราะคิดว่า เค้าจะกังวลเรื่องงานที่จะ

ทำในอนาคต กลัวว่า จะมีขอบเขตของงานที่น้อยไป

ดังนั้น จิตแพทย์ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แต่ถ้าพ่อแม่ยังไม่เห็นด้วย น้าก็เห็นว่า "ทนายความ"

อย่างที่พ่อแม่บอก ก็เป็นทางเลือกที่ดี

เพราะทนาย ก็ต้องพูดกับคนหมู่มาก (ในศาล)

แล้วก็ต้องพูดให้กำลังใจคนด้วย(ลูกความ)

ที่สำคัญ ถ้าเป็นทนายอาสา ก็ช่วยคนได้มาก ๆ เหมือนกัน

น้าว่าหนูคงจะเห็นในทีวีแล้ว ว่าเดี๋ยวนี้ทนายอาสา

มีบทบาทค่อนข้างมาก

แต่ว่า การสอบเนติบัณฑิต ก็ยากมากอยู่

คือหนูต้องมีเป้าหมายเด่นชัดมาก ๆ น่ะ

ไม่อย่างนั้น มันจะหนักเกินไป สำหรับคนที่

ยังสองจิตสองใจ หรือไขว้เขวอยู่

ก็ลองคุยกับพ่อแม่ ในส่วนจิตแพทย์ก่อน

อาชีพนี้ น้าอยากบอกว่า สำคัญมากในปัจจุบันเลย

คนมีปัญหาทางจิต เกือบจะมีทุก 10 คนเลยมั้ง

ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องงานนะ ยกเว้นพ่อแม่

จะคิดว่างานจะหนักเกินไป (หนักแน่ น้าเคยเห็น

หมอหนึ่งคน ต่อคนไข้ 30-40 คน ในครึ่งวันมาแล้ว)

แต่น้าบอกเลยว่า ลักษณะความคิดหนู น่าจะหางาน

ที่ไม่มุ่งเน้นรายได้นะ เพราะมันจะขัดต่อบุคลิกอย่างมาก

หนูน่าจะไปทางเน้นช่วยคนมากกว่า

ซึ่งน้าคิดว่าดีมาก เพราะการช่วยคนได้หลาย ๆ คน

มันมีค่ากว่าการได้เงินหลาย ๆ ล้าน แบบเทียบไม่ได้น่ะ

ลองทำแบบสอบถามเรื่องอาชีพที่เหมาะกับเราอันนี้ดูก่อนนะคะ เพราะจะมีลิสต์อาชีพที่เรานึกไม่ถึงมาด้วย หรือจะได้ยืนยันว่าสิ่งที่ต้องการนั้นเป็นยังไง

https://www.arealme.com/career/th/

พี่คิดว่าถ้าเป็นนักจิตวิทยาก็จะได้ช่วยบำบัดคนอื่น ทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่ถ้าอยากคุยกับคนหมู่มาก ก็น่าจะไปทางสายอาจารย์มหาลัยค่ะ คือเป็นอาจารย์ประจำคณะจิตวิทยา ก็จะได้ทั้งดูคนไข้และสอนนักศึกษา ซึ่งปัจจุบันต้องเก่งภาษาอังกฤษค่ะถึงจะทำวิทยานิพนธ์และเรียนระดับปริญญาเอกได้ เพราะงานวิจัยมักเป็นภาษาอังกฤษ และในมหาลัยรัฐก็ต้องการคนจบนอก แต่ไม่ต้องกลัวเพราะมีทุนให้ ถ้าเราเก่งพอ

เท่าที่พี่รู้อีกอาชีพที่เปลี่ยนชีวิตคนด้วยการพูด คือ โค้ชค่ะ เช่น ไลฟ์โค้ช, NLPโค้ช(แบบดร.ป๊อบ) ลองหากูเกิ้ลดูนะคะว่าคืออะไรและต้องเรียนอะไรมา เป็นอาชีพที่ค่อนข้างอิสระและเงินเดือนขึ้นอยู่กับความสามารถ เพราะต้องจัดโชว์ให้คนมาฟัง ยิ่งเปลี่ยนตัวเองได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสอนคนอื่นให้เก่งตามตัวเองได้เท่านั้นค่ะ

ประเด็นคือถ้าเราไม่ศึกษาข้อดีข้อเสียให้ดีด้วยตัวเอง แล้วฝากให้คนอื่นคิดแทน เราจะมาเสียดายทีหลังว่ารู้อย่างนี้ไม่เรียนดีกว่า เพราะงั้นก็ลองใช้เวลาศึกษาดูค่ะ