Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ขอระบาย....

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
 สวัสดีค่ะ...กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อระบายความในใจของเราเองค่ะ ทุกคนไม่ต้องใส่ใจก็ได้...

เราเป็นเด็กม.6ที่เรียนจบแล้ว แต่ด้วยที่ว่าเราอยากสอบติดหมอในเขตจังหวัดของเราจึงตัดสินใจซิ่วปีนี้ไป เราตั้งใจที่จะซิ่วมาก อ่านหนังสือทุกวัน แต่พอมาถึงตอนนี้เราเริ่มรู้สึกไม่อยากทำอะไรอีกต่อไป อยากจะนอนอยู่เฉยๆ ไม่ใช่ว่าขี้เกียจหรืออะไร แค่ว่าเหมือนร่างกายไม่สามารถทำให้ได้ เหมือนไร้เรี่ยวแรงในการทำสิ่งต่าง อยากอยู่บ้านเฉยๆ อยู่ในห้อง อยากอยู่คนเดียว บางครั้งเราเห็นเพื่อนๆหลายคนที่ถึงแม้จะสอบติดที่ที่เขาไม่ชอบแต่ก็มีความสุขดีทำให้เราเศร้าๆไงไม่รู้ อยากจะโทรหาเพื่อนสนิทแต่ก็ไม่อยากรบกวนเวลาเรียนของเพื่อน บางครั้งเราคิดว่าเราโง่มากๆ เราน่าจะติดอะไรก็เรียนๆไปซะเพราะยังไงเราก็คงไม่สามารถเอื้อมไปถึงอาชีพในฝันได้หรอก แต่ยังไงเราก็ซิ่วมาแล้วเลยอยากจะลองทำอีกสักครั้งจนบางครั้งเราก็แอบแม่มานั่งร้องไห้เงียบคนเดียวในห้อง... ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ เราสอบไม่ติด บ้านล้มละลาย หรือพ่อแม่ทะเลาะกัน ทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เคยอยากฆ่าตัวตายไปเงียบและไม่เจ็บปวดแต่ก็ไม่มีวิธีไหนที่จะไปได้เลย บางครั้งเราก็พยายามดูไอดอลต่างๆที่ผ่านอุปสรรคมามากมาย ดูละครที่ตัวเอกแสนรันทดเพื่อปลอบใจตัวเองว่ายังมีคนที่เหมือนเรา แต่ว่าเรื่องทุกเรื่องมักจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเพราะมันเป็นละคร แต่เราไม่รู้ว่าชีวิตของเราจะเหมือนของเขาไหม มันจะจบที่เราสอบติดหมอ หรือจบที่ไม่ติดที่ไหนเลย เราไม่สามารถรู้ได้เหมือนในละคร เราลองทำข้อสอบในอินเตอร์เน็ตทั้งหลายแต่คะแนนบางอย่างเราก็ทำได้ไม่ค่อยดี แม่เราก็ว่าเรา เรารู้ว่าแม่ก็เป็นห่วงกลัวว่าเราจะไม่ติดแต่นั่นมันทำให้เราดูไร้ค่ามากเลย เรารู้สึกว่าเราโง่มากที่ทำคะแนนได้แค่นี้ทั้งๆที่เราพยายามแล้ว เราทำดีที่สุดแล้ว แต่ว่าก็ไม่มีใครเข้าใจเลยว่ามันยากมาก ยายเราจบแค่ป.4 บอกว่าคณิตศาสตร์ง่าย ทั้งที่จะแค่ประถมศึกษา พอเราจะอธิบายก็ไปฟ้องพ่อเราว่าเราเถียงให้พ่อเรามาด่าเราต่อ เราทำอะไรไม่ได้เลย....เราไม่รู้ว่าที่เราอยากอยู่คนเดียว ร้องไห้คนเดียว ไม่อยากทำอะไรแม้แต่กินข้าว ไม่อยากไปไหน มีความสุขแค่ตอนดูละครหรือหนัง คือโรคซึมเศร้าหรือเปล่าแต่เราจะพยายามมีชีวิตต่อไปนะคะ

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณที่อุตส่าห์อ่านนะคะ

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

เมโลดี้สีฟ้าใส 28 ต.ค. 62 เวลา 16:31 น. 1

ทุกๆชีวิตต้องประสบกับทั้งเรื่องสมหวังและผิดหวัง ไม่มีใครสมหวังในทุกๆอย่าง มีความพยายามตั้งใจกับหนทางที่ฝันนั้นมันก็ดีแล้ว แต่ไม่อยากให้มองมันเป็นแค่เป้าหมายเพียงอย่างเดียวของชีวิต ทำอะไรต้องมีแผนสำรอง ชีวิตก็เหมือนกัน อยากให้เผื่อใจหาทางเลือกไว้ด้วย ถ้าไม่ใช่หมอ เป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม พยาบาล เภสัช จะว่าไปทำไมต้องเรียนหมอ ? ไม่เอาคำตอบนางงามแบบจะได้ช่วยรักษาคนไข้ ไรงี้นะ เพราะอาชีพพอื่นๆก็ช่วยคนได้ และคนดูแลคนไข้ไม่ใช่มีแค่หมอสักหน่อย ถ้างั้นแล้วทำไมต้องหมอ? มันต่างจากอาชีพอื่นในสายสุขภาพเหมือนกันตรงไหน ? หาเหตุผลให้เจอก่อน แล้วลองเทียบเคียงดูถ้าไม่หมอ เอาอย่างอื่นที่ใกล้กันคะแนนน้อยกว่าได้มั้ย แล้วก็ให้หมอเป็นฝันแรก ให้อาชีพใหม่เป็นฝัน 2 แน่นอนว่สฝันแรกคือที่สุด ดังนั้นต้องพยายามให้เต็มที่ เต็มที่ในที่นี้คือเต็มที่สุดเท่าที่จะทำได้ไหว แต่ถ้าเอื้มสุดแขนแล้ว ก็ยังไม่ถึง พยายามสุดกำลังแล้ว พยายามกว่านี้ไม่ได้แล้ว ก็มาลงที่ฝัน 2 เถอะ อย่างน้อยก็ได้เรียนจนจบ อาจจะไม่ใช่อาชีพที่เป็นฝันแรก แต่มันก็คืออาชีพที่เรามองแล้วว่าใกล้เคียงไม่ใช่เหรอ อาจจะเสียใจ เสียดายความฝันแรก แต่เดี๋ยวเราก็จะทำใจและปรับตัวได้เองแหละนะ ลองเก็บไปคิดดูนะ อย่างน้อยก็เผื่อใจไว้บ้าง คนสอบมีเยอะกว่าสนามสอบ ยังไงก็ไม่มีทางสมหวังทุกคนอยู่แล้ว ต้องมีคนผิดหวังแน่ๆล่ะ แค่พยายามเต็มที่ที่สุดที่ทำได้ก็แล้วกัน มันไม่สูญเปล่าหรอก ต่อให้ไม่ได้หมอ เดี๋ยวสิ่งที่พยายามไปก็เอาไปใช้ในฝันสองได้ เหนื่อยก็พักก่อนแล้วค่อยสู้ใหม่ อย่างน้อยเต็มที่แล้วเมื่อหันกลับมาดูจะได้ไม่เสียใจที่ไม่พยายาม เข้มแข็งนะคะ เชื่อว่าเธอจะผ่านมันไปได้


1
Pichypeach 28 ต.ค. 62 เวลา 21:04 น. 1-1

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ คุณเมโลดี้สีฟ้าใส


ยอมรับเลยว่าเราเองก็ใจร้อนไปบ้าง เพราะพอรอบสองไม่ติดปุ๊บเราก็ซิ่วเลยไม่ได้ไปต่อที่รอบสามหรือรอบต่อๆไป แต่ว่าเวลาที่เหลือเราจะใช้ทดทวนดูว่ามีอย่างอื่นไหมนอกจากหมอที่เราอยากเป็น เพราะด้วยความที่ว่าเราอยากเป็นหมอตั้งแต่เด็กๆเพราะอะไรเราก็ไม่รู้เหมือนกัน//อาจจะเป็นเพราะรวยดีมั้ง 555(โดยที่ไม่รู้ว่ามันจะสอบเข้ายาก)เลยทำให้เราฝังใจกับมันมากไปหน่อย พอรู้ตัวอีกทีว่าการสอบเข้าหมอมันยากก็อยู่ม.3แล้ว เราลองหาสายอาชีพดู ก็พบว่าอยากทำน้ำหอมแบรนด์ของตัวเองโดยที่มีสาขาเปิดอยู่ที่ มฟล. แต่พอดูค่าเทอมปุ๊บเราก็ต้องล้มเลิกไปเพราะมันแพงมากเกินกำลังพ่อแม่เราจริงๆ ไหนจะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีอีกเราเลยตัดช้อยนี้ไป


ตอนนี้เราตัดสินใจว่า ถ้าเราสอบครั้งนี้คะแนนไม่ถึงหมอจริงๆ แต่คะแนนสามารถเรียนต่อพยาบาลสภากาชาดได้เราก็จะยอมเรียนพยาบาลไป เพราะเห็นว่าจบแล้วมีงานทำและไม่เสียค่าเทอมหรือค่าหอพักด้วย และยังมีเงินเดือนให้เดือนละ 1000 บ. อีกด้วย ที่เราเลือกเรียนพยาบาลสำรองเพราะพี่เราก็เรียนและเราเห็นว่าจะได้ไม่ลำบากพ่อกับแม่เราเรื่องเงินด้วย

0