Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

คำบอกเล่าของชีวิตคนพิการคนหนึ่ง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ฉัน วาเลน นะ ตอนนี้อยู่ ม.6 แล้ว ฉันอยู่กับย่าและครอบครัว2-3คน ส่วนพ่อแม่ก็แยกทางกัน ซึ่งเรื่องพวกนี้มันก็มีให้เห็นในสังคมได้เยอะเลย นั้นก็ร่วมถึงฉันด้วยก็เท่านั้นเอง อีกอย่างฉันเป็นคนพิการทางร่างกาย พิการครึ่งซีก ซีกซ้ายใช้ไม่ค่อยได้อ่ะนะ แขนขา แต่ฉันต้องเป็นพี่สาวให้น้องชายด้วยนี่สิ... น้องชายของฉันชื่อว่าเอ็กซ์(X) เป็นคนพิการเหมือนกัน แต่น้องพิการทางสมองเป็นออทิสติกอ่อนๆ อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะ ฉันกับน้องเอ็กซ์อยู่ด้วยกันกับแม่ อ้อ! ลืมบอกไปเลยว่าที่เรียกว่า “แม่” นี่คือ ย่านะจ้ะ มาต่อกันดีกว่า ใช่แล้วฉันกับน้องเอ็กซ์อยู่กับแม่ จนถึง 4 ขวบ แล้วแม่จริงๆของฉันก็มารับน้องไปเลี้ยง คือการแบ่งกันเลี้ยงนั้นแหละ น้องชายไปอยู่ฝ่ายแม่ส่วนพี่สาวก็อยู่ฝ่ายพ่อซึ่งย่าเป็นคนดูแลอ่ะนะ เราเลยไม่ค่อยเจอหน้าน้องเอ็กซ์เท่าไหร่ แต่ก็มีช่วงปิดเทอมนี่แหละนะที่มีโอกาสให้เอ็กซ์มาเที่ยวอยู่บ้าง จริงๆฉันก็มีปู่นะ และเหมือนเดิมฉันเรียกว่า “พ่อ” ที่ฉันเรียกย่าว่า “แม่” เรียกปู่ว่า “พ่อ” นี่เพราะว่าแม่และพ่อเลี้ยงฉันตั้งแต่ 3 เดือน (ตอนแรกแม่บอกว่าจะไม่รับ แต่พ่อขอรับฉันไปเลี้ยง) ในช่วง 3 เดือนแรกนั้น พ่อกับแม่แท้ๆได้เลี้ยงฉันมาไม่รู้ว่าทำไมพ่อแมีถึงแยกทางกัน ถามใครก็ไปยอมตอบ ได้แค่คำตว่า “เรื่องที่มันผ่านๆไปแล้วจะลื้อฟื้นขึ้นมาให้ได้อะไรขึ้นมามีแต่เจ็บปวดเปล่าๆ” ทำให้ฉันไม่เคยถามเรื่องนี้กับใครอีก แต่ในใจลึกๆ ฉันก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น 
ตอนที่ฉันอยู่ ม.2 ฉันได้สัมผัสการจากลาที่ไม่มีวันหวนคืน ไม่มีการกลับมาอีกครั้ง ในปีนั้นฉันได้เสียคนสำคัญตั้ง 2 คน ปีนั้นฉันเสียพ่อไป 2 คน พ่อที่เป็นคนอุ้มชูฉันดูแลฉันคือปู่และพ่อหลวงของเราชาวไทย ทั้งสองท่านได้จากฉันไปติดๆกัน ได้จากฉันไปแบบไม่มีคำลา และเป็นวันที่เศร้ามากและไม่มีวันไหนที่ฉันเสียดายมากเท่าปีนั้นอีกแล้ว เสียดายเวลาที่เวลาที่ไม่ทำอะไรให้ทั้งสองท่านเลยสะนิด ฉันยังจำความรู้สึกทั้งสองวันนั้นได้ดีและไม่ลืม 
วันที่ 1 มิถุนายน 2559 ฉันเสียคนที่ให้กำลังใจฉันตลอดเวลาถึงแม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้างแต่เป็นคนที่ขยันมีความรับผิดชอบมากๆถึงน่ากลัวเวลาโกรธโมโหแต่กลับเวลาตอนเล่นแล้วยิ้มรู้สึกเป็นพ่อแท้ๆเลยผูกพันมากๆอบอุ่นมีความสุขในทุกๆวัน นั่นเป็นวัยเด็กที่ไม่อยากลืมมากที่สุดเลย สำหรับฉันแล้วเป็นช่วงเวลาแห่งสมบัติเลยนะ พอนึกๆ แล้วก็ผุดขึ้นมาหลายๆเรื่อง อย่างตอนฉันเด็กๆ อยู่ช่วงอนุบาลมั้งพ่อเล่นโยนบอลเข้าตระกร้า เพราะฉันไม่มีเพื่อนแถวๆหมู่บ้าน ก็มีพ่อนี้แหละเป็นเพื่อน และมีครั้งหนึ่งฉันได้ไปเที่ยววัดสะตือ ไปกันทั้งหมด 3 คน มี พ่อ แม่ และฉัน และพ่อก็คอยดูแลฉันตอนที่แม่ไปทำบุญฉันกับพ่อก็แยกไปทำบุญคนละที่ ทั้ง ไหว้พระ ติดทองพระพุทธรูปปางพระนอนที่ชื่อดังในวัดสะตือสนุกมากเลย จนได้เวลาจะกลับกันฉันกับพ่อก็เดินดูของ ที่จัดร้านขายกัน มีทั้งของกินเครื่องดื่ม เสื้อผ้า ของที่ระลึก และของเล่น และบังเอิญดันไปถูกใจของเล่นกระดานแม่เหล็กลายน่ารักๆสีชมพูเข้านี่สิ ถ้าจำไม่ผิด ฉันพูดกับพ่อว่า “น่ารักจังเลย” แต่ฉันไม่คิดว่าพ่อจะซื้อให้จริงๆ แถมพ่อมีมุมน่ารักๆ คือพ่อพูดว่า “อย่าให้แม่รู้นะเดี๋ยวโดนบ่นอีก” เหมือนรวมกันทำความผิดยังไงไม่รู้ ฮ่าฮ่าๆ ซื้อเสร็จพ่อกับฉันก็พากันกลับขึ้นรถ และฉันกับพ่อไม่ลืมแอบของที่พ่อซื้อให้นะ แต่จนแล้วจนรอดแม่ก็รู้อยู่ดี และไม่พ้นจากการอยู่ดี ว่าอะไรรู้ไหม ว่า “นี่คุณ ชอบตามใจทุกทีเลย เสียเงินอีกแล้วแทนที่จะเอาไปกินข้าว” พอนึกแล้วก็เสียดาย ฮ่าๆ นะ ตอนฉันเป็นอีสุกอีใสนะพ่อก็ซื้อนมเป็นแกลลอนๆ มาให้ วันเกิดฉันก็ซื้อเค้กมาเซอร์ไพรส์วันเกิดด้วย แต่พอถึงวันเกิดพ่อฉันก็เขียนการ์ดวันเกิดให้พ่อด้วยถึงจำเนื้อหาไม่ค่อยได้ก็เถอะ มันมีอยู่ช่วงหนึ่งนะช่วงนั้นฉันอยู่ประถมชอบมีเพื่อนรุ่นเดียวกันหรือน้อยกว่าชอบทำทางล้อเลียนแกล้งฉันบ่อยๆไม่ว่าจะ -เป๋ คนขาเป๋ -คนไม่สมประกอบ ฉันร้องไห้ทุกทีเลย ถึงอนุบาลมีบ้างแต่ประถมหนักจริงๆ ฉันเรียนโรงเรียนธรรมดาไม่ใช่โรงเรียนคนพิการเพราะใกล้บ้านและได้รับการผ่าตัดเลยเดินได้สมองก็ปกติมั่ง ถึงอย่างนั้นก็เจ็บ ฉันแปลกจากคนอื่น แต่ฉันไม่เคยเกลียดตัวเองที่เป็นอย่างนั้น เพราะแม่กับพ่อให้กำลังใจฉันตลอด แม่พูดกับฉันว่า “ใครจะว่ายังไงก็ปล่อยเขาไปเถอะ หนูเป็นเด็กดี เวรกรรมก็ตามทันเขาเอง” ส่วนพ่อก็ให้กำลังใจฉันว่า “ถ้าทีหลังมีคนมาว่าหนูอีกกำมือแน่นๆ แล้วต่อยเลย” ตอนนั้นฉันคือเรียกว่าไงดี คือ “จะดีหรอ” แต่พ่อก็พูดต่อนะ “ถ้าไม่ไหวบอกพ่อเดี๋ยวพ่อจัดการให้หัวคร่ำเลย” พร้อมรีแอคชั่นและอุ้มฉันมานั่งตัก ถึงการให้กำลังใจของพ่อจะรุนแรงไปหน่อยแต่กลับอุ่นใจ และทำให้ฉันที่ร้องไห้แง่งๆ หัวเราะได้ ฉันมีความสุขมาก โอ๊ย!... วันนี้คงเขียนไม่หมดแน่ๆ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน เพราะปกติพ่อไปทำงานเลยไม่ค่อยกลับบ้านอยู่แล้วทำให้พ่อไปพัวพันกับเรื่องผู้หญิงเข้าทำให้มีปัญหา ฉันก็อยู่กับแม่มากกว่าเลยเอียงไปทางแม่ มีครั้งนึงที่ฉันไปนั่งรถทำงานกับพ่อ พ่อทำงานบริษัทส่งหินปูน ซึ่งขับรถพ่วง และวันนั้นฉันได้ไปกับพ่อด้วย พ่อได้แวะไปเติมก๊าซที่ปั๊ม และพ่อซื้อของกินจากเซเว่นมาด้วย ตอนนั้นแหละ พ่อซื้อแฮมเบอร์เกอร์มาด้วย ตามปกติแล้วครอบครัวฉันไม่ค่อยของพวกนี้เลยนะ อย่างมากก็น้ำอัดลม โดยเฉพาะแม่ จะสอนเรื่องประหยัดเงินมากที่สุด แต่แม่ไม่เคยงก ที่สังเกตมามีแต่ให้แบบไม่เสียดายเลย เพราะงั้นนั่นคือครั้งแรกและครั้งเดียวเองที่กินแฮมเบอร์เกอร์และอร่อยมากเลยนะ อยากกินอีกเลย แต่ก็กินไปคำเดียวนะ อย่างที่บอกช่วงนั้นเกิดปัญหา ทำให้ฉันรู้สึกห่างเหินกับพ่อเลยปฏิเสธไป พ่อถามนะว่าไม่อร่อยหรอ ฉันก็ตอบไปอย่างนั้น แต่ที่จริงแล้วอยากกินต่อและตอบ “ขอบคุณมากนะคะพ่อ” ด้วยรอยยิ้มนะ และฉันก็ได้เสียใจที่ไปกลับไปแก้ไขได้อีก จะทำใหม่ก็ไม่ได้เพราะพ่อไม่อยู่แล้ว
ป.ล ทุกคนมีคุณค่าถึงจะหลงทางผิดก็ต้องกลับมาได้ ถึงจะล้มไปกี่หนก็ลุกขึ้นยืนได้ ไม่ว่าจะด้วยกำลังของตัวเองหรือได้ผู้คนช่วยเหลือก็ไม่สำคัญ แต่ใช้ชีวิตให้สนุกมีความสุขก็พอแค่นั้นเราก็ดีแล้ว ถึงชวิตฉันจะมีประโยชน์อะไรไม่มากมายแต่ข้อผิดพลาดของฉันอยากให้เป็นข้อคิดสำหรับทุกคน อย่างคราวนี้ที่ฉันเขียน ฉันได้ทิ้งและไม่มีโอกาสอีกแล้วที่จะพูด “ขอบคุณมากนะคะพ่อ หนูรักพ่อ ขอโทษนะคะพ่อหรือคำลา” ต่อหน้าพ่ออีกแล้วได้แต่พูดคำเหล่านั้นหน้าโรงศพเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นอย่าให้เสียใจภายหลังรีบทำตอนที่คนสำคัญของคุณยังมีชีวิตอยู่ และฉันยังเหลือแม่จะไม่ให้เสียใจเป็นครั้งที่สองแล้ว งั้นฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
ติดตามชวีวิตฉันต่อที่อยู่นี้ได้เลยค่ะ https://fictionlog.co/b/5e2073d63714bb001a7167be

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

Valen1445 20 ม.ค. 63 เวลา 17:17 น. 2-1

ยังไงต้องเดินต่อทางยังอีกไกล ขอบคุณมากนะคะหนูจะพยายาม

0