Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

พวกตัวถ่วงในห้อง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อยากจะระบายพร้อมกับขอคำแนะนำครับคือว่าปัจจุบันเรียนศิลจีนแล้วที่โรงเรียนสายศิลป์จะไม่แยกห้องเก่งกับไม่เก่งผมเลยรู้สึกว่าทำไมเขาไม่แยกบ้างคนเก่งไปได้เร็วแต่อาจารย์สอนต่อไม่ได้เพราะว่ามีส่วนที่ไปได้ช้าขอยกตัวอย่างนะครับ เวลาเรียนจีนอาจารย์ที่สอนตามปกติที่อาจารย์เขาบอกบวกกับถามรุ่นพี่เขาบอกว่าจะจบได้เทอมละ1เล่มแต่ห้องผมมีพวกตัวถ่วงในห้องขนาดที่ปีหนึ่งจบได้แค่เล่มเดียวผมเลยรู้สึกว่าทำไมเราถึงไปตามมาตรฐานไม่ได้เพราะคนอื่นแต่ส่วนตัวผมก็หาอ่านเพิ่มเติมอยู่แล้วจึงไม่ค่อยเป็นปัญหาในเรื่องนี้เท่าไรเพียงแต่รู้สึกว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนี้และสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็คืองานกลุ่มถ้าอาจารย์จับให้คือทำใจเลยยิ่งถ้าเป็นงานถ่ายวีดีโอที่ต้องเห็นครบคนและที่สำคัญถ้าจะบอกว่าเขาอาจพยายามแล้วแต่ไม่เก่งถ้าเป็นพวกที่เข้าเรียนทุกคาบแต่ไม่เข้าใจทำไม่ได้อย่างนี้ผมไม่มีปัญหาเลยครับแต่-พวกที่มีปัญหาคือไม่เข้าเรียนโดดเรียนไม่มาจนติดมสแต่ไม่รู้ทำไมอาจารย์ถึงยังช่วยผมเลยมองว่าควรจะลาออกไปเลยไ-ู่ไปก็สร้างปัญหาให้คนอื่นแล้วที่สำคัญคือเวลามีงานห้องงานกลุ่มก็ยังมาทำเป็นสั่งคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าอะไรทำนองนั้นผมว่าคนที่จะเป็นคนคิดคือคนที่อยู่ระดับแนวหน้าของห้องมากกว่าคนที่ไม่มาติดมสติด0สอบตกอะไรอย่างนี้ไหมครับบางทีพอคนที่เป็นแนวหน้าบอกให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็โวยวายผมเลยมองว่าทุกโรงเรียนควรแบ่งห้องทุกสายการเรียนให้เป็นห้องเก่งกับไม่เก่งไม่ให้มาปนกันเพราะถ้ามาปนกันบางทีคนที่เก่งเรียนรู้เร็วขยันก็ไปได้ไม่สุดหรือคนเก่งบางคนอาจไม่มีเงินไปเรียนพิเศษอยากตักต่วงจากการเรียนในห้องให้มากที่สุดก็ทำไม่ได้เพราะมีตัวถ่วงแล้วก็อยากให้มีกฏออกมาปกป้องคนที่อยู๋ในระดับแนวหน้าด้วยเพราะส่วนใหญ่ไม่ถนัดมีเรื่องพอต้องอยู่กลุ่มกับพวกตัวถ่วงก็มักจะเครียดผมจึงอยากเสนอแนวทางถ้าอาจารย์จะจับกลุ่มให้อยากให้จับกลุ่มตามเกรดไปเลยจะได้ตัดปัญหา

สรุป อยากให้แยกห้องเก่งกับไม่เก่งในทุกสายการเรียนหรือถ้าแยกไม่ได้จริงๆด้วยงบประมาณหรือสถานที่อะไรแบบนั้นก็อยากให้เวลาจับกลุ่มกรณีที่อาจารย์จับให้อยากให้เรียงตามเกรดเพื่อที่คนที่ตั้งใจไม่ต้องไปเครียดกับพวกตัวถ่วง
ปล ถ้าเป็นไปได้อยากให้ไล่คนที่ไม่มีหวังแถมยังไปถ่วงการเรียนและงานกลุ่มถ่วงในที่นี้คือไม่ให้ความร่วมมือนะครับอยากให้ไล่ออกไปเลยถ้าแยกห้องไม่ได้

แสดงความคิดเห็น

6 ความคิดเห็น

จ้าจ้าจ้า 11 เม.ย. 63 เวลา 23:27 น. 1

แยกไม่ได้ เพราะเปลืองงบ เปลืองครู งบไม่พอ โดยพื้นฐานเด็กสายศิลป์เก่งน้อยกว่าเด็กวิทย์อยู่แล้ว (ไม่ได้บอกว่าเด็กศิลป์ไม่เก่ง แต่ รร ส่วนใหญ่ เด็กเก่งจะเฮไปเรียนสายวิทย์มากกว่า) ดังนั้นเขาเลยไม่จำเป็นต้องแยกห้อง ถ้าปริมาณของ นร ห้องศิลป์แต่ละภาษาไม่ได้เยอะ ขนาดมีหลายห้องได้ ก็ไม่แยก เรื่องงบประมาณการจัดการล้วนๆ


ถ้ามีเด็กไม่เก่งขนาดนัน อาจต้องจัดสอนพิเศษให้เด็กไม่เก่ง ให้ตามทัน แต่นั่นแหละ งบจัดการไม่พอหรอก ครูไม่ว่างขนาดนั้น

0
เมโลดี้สีฟ้าใส 12 เม.ย. 63 เวลา 02:46 น. 2

เรื่องนี้มัน นานา จิตตัง มากเลยนะ เพราะโรงเรียนที่แยกเด็กตามเกรดเองก็เจอปัญหาผู้ปกครองร้องเรียนนะคะ พอแยกเด็กแล้วอัดวิชาเด็กเก่ง ส่วนห้องอ่อนก็สอนง่าย มาตรฐานก็จะไม่เท่ากัน ผู้ปกครองเด็กอ่อนก็ว่าทำไมลูกชั้นเรียนแค่นี้ แล้วแบบนี้จะไปสอบได้เหรอ เด็กเก่งเรียนยากก็บ่นเรื่องฉุดเกรดอีก หลายๆโรงเรียนเค้าถึงคละ ไม่มีห้องคิง ห้องอ่อน จะได้ไม่ต้องมีปัญหากะผู้ปกครอง แล้วพอคละมันก็จะมีคนที่คิดแบบคุณเจ้าของกระทู้มาบ่นอีก มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเอาใจยากจังเนอะ แล้วก็นะพอจัดเอาเด็กไม่เรียนไว้ด้วยกันมันก็หายไปทั้งห้องเลยไง ไม่มีงานส่งสักเล่มเลยไง แล้วให้ติด 0 ให้ซ้ำชั้นก็ไม่ได้ไง ครูที่สอนมีความผิดอีก ให้ผ่านเด็กเก่งก็จะมาโวยวายอีก มันไม่เรียนทำไมผ่าน โว๊ยยยยจะให้แก้ปัญหายังไงดี

0
IQ180 12 เม.ย. 63 เวลา 09:50 น. 3

จริงเรามองว่าการไม่แนกมีจุดประสงค์ เพื่อให้เพื่อนๆ ช่วยกันเรียน คนเก่งก็ช่วยกันสอนเพื่อนที่ไม่เก่ง ให้เข้าใจไปด้วยกันค่ะ ส่วนนึงก็เพื่อลดอีโก้คนเก่งๆ ลงด้วย ให้รู้จักการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน งานกลุ่มมันก็ให้เด็กได้ช่วยกันคิดช่วยกันทำ เรื่องแยกห้องอันนี้เราไม่เห็นด้วย

แต่! แต่! แต่! เข้าใจจุดประสงค์แล้วบุคลากรล่ะ

- เด็กไม่เก่งส่วนใหญ่ตั้งหน้าตั้งตาจะเกาะเพื่อนเก่งๆ (ปสก.จริงค่ะ) เราเองก็อยู่กลุ่ม top ห้อง ไม่ได้รังเกียจอะไรเพื่อนที่ไม่เก่งหรอก เพราะพวกเค้าก็ช่วยเราหลายๆ เรื่องในสิ่งที่เราทำเองไม่ได้ แต่มันก็ต้องมีอยู่หมู่เหล่านึงล่ะค่ะที่ถ่วงจริงจังแบบ ไม่ช่วยอะไรเลย ไม่ขวนขวานหาความรู้ ไม่พัฒนาตัวเอง มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ จริงระบบห้องที่เราอยู่นี่คือการจำลองสังคมระดับเล็กๆ ว่าออกไปข้างนอกจริงๆ มันจะมีคนประเภทนี้อีกมาก

- ครูมีมาตรฐานไม่เหมือนกัน บางคนงานกลุ่ม ดูแลทั่วถึง เอาใจใส่นักเรียน ใครตีกัน ใครไม่ถูกกัน ใครช่วยงานไม่ช่วยงาน ครูบางคนปล่อยผ่าน พร้อมวลีเด็ด "เรื่องของพวกเธอ แค่งานเสร็จก็พอ"

อาถรรพ์งานกลุ่มมีจริงๆ ค่ะ นิ่งกลุ่มใหญ่ยิ่งเลาะกัน ยิ่งงานห้อง แตกกันคือแตก น้อยมากที่จะสามัคคีกัน

ดราม่าตรรกะป่วยๆ ของเพื่อนๆ อีก ใครเก่งแล้วหวงไม่ให้ลอกคือ งก เห็นแก่ตัว ทั้งที่เต้าอ่านหนักไม่ได้หลับไม่ได้นอน ถึงเราเรียนเก่งแต่ขี้เกียจมาก เห็นคนเก่งที่ขยันๆ โดยบังคับให้ลอกข้อสอบ นี่ต้องแอบไปบอกครู โดนเพื่อนเขม็งอีก เราก็ไม่เข้าใจนะว่าระบบความคิดของเค้าคงพังไปแล้ว

ถ้าจะแก้ที่ต้นเหตุคือตัวบุคคลที่ถ่วงห้องแหละค่ะ มันเป็นแบบนี้จนหมู่เด็กเก่งอึดอัดใจ จนต้องการจะแยกห้องแบบจขกท. เราเคยอยากย้ายไปห้องวิทย์ คณิตด้วยค่ะถ้าไม่ติดว่าโง่วิทย์ 55555 แต่ก็ยอมรับแล้วก็ทนๆ อยู่กับมันไปค่ะ

เป็นกำลังใจให้จขกท.นะคะ คงอึดอัดมากที่ต้องมาบ่นมาระบายในนี้เนอะ ถ้าใครที่เข้ามาอ่านแล้วไม่พอใจ ไม่ต้องเม้นต์ก็ได้ค่ะ กดออกไปเนอะ อะไรไม่ถูกใจก็แค่ไม่ต้องมอง ไม่ต้องอ่านให้เสียเวลา

0
12 เม.ย. 63 เวลา 18:05 น. 4

น้องเราก็บ่นนะ มันเลือกเรียนศิลป์จีนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าห้องนี้มีเด็กอ่อนที่สุดในระดับชั้นอยู่ คนเก่ง ๆ ส่วนมากไปเรียนสายวิทย์-คณิตฯ หมด เวลาทำงานมันก็ชอบมาบ่นให้ฟังว่าเพื่อนไม่ค่อยช่วยอย่างนู้นอย่างนี้ แต่มันก็ยังพาเพื่อนบางคนหนี ร หนี 0 จนได้

ที่จริงเป็นเรานี่แหละที่แนะนำให้น้องไปเรียนสายนี้เพราะน้องพอได้ภาษา (เรียนจีนเป็นภาษาที่ 3) และมันจะไม่มีวิชาที่ยากเกินไปมากดเกรด

ผลการเรียนของน้องเราก็เป็นทีี่น่าพอใจมาก... ทั้งสายชั้นมีประมาณ 4-500 คน น้องได้ที่ 2

ที่ 1 คือคนที่อยู่ห้องคิง

เราว่าการเรียนรวมมันก็มีประโยชน์หลายอย่างนะ คุณได้ช่วยเพื่อนนั่นคือคุณได้พัฒนาตัวเองไปด้วย เวลามีงานก็ต้องหวังพึ่งตัวเองเพราะไม่มีใครให้ลอก ขอแค่เกรดคุณออกมาดี หนทางเข้ามหาลัยก็จะสบายหน่อย


สุดท้ายประสบการณ์ตรงจากคนอยู่ห้อง /1 (คัดเอาเฉพาะคนได้คะแนนสูงสุดในการสอบเข้า 36 คนแรก) เมื่อคนเก่งกับคนเก่งมาเจอกัน ทุกคนมีความเป็นผู้นำ มีอีโก้สูง ความกดดันในการอยู่ร่วมกันก็สูงโดยเฉพาะเวลาต้องเสนออะไรบางอย่าง ทุกอย่างต้องดี ไม่อย่างนั้นจะเสียหน้า...


เอาเป็นว่า การให้คนเรียนเก่งและไม่เก่งแยกกันเรียนมันมีปัญหาเยอะกว่านะคะ อย่างน้อย ๆ ก็สภาพจิตใจ

3
ไม้ 12 เม.ย. 63 เวลา 19:55 น. 4-1

แต่ผมว่าการที่แยกเก่งกับไม่่เก่งมันจะทำให้เหลือแค่คนที่เรียนเร็วกับเรียนเก่งอยู่ทำให้อาจารย์สามารถสอนได้ไวไม่ต้องรอผมว่ามันมีผลดีมากกว่านะครับเพราะอาจกดดันนิดหน่อยส่วนตัวเคยไปแข่งพูดภาษาจีนแบบกลุ่มและยอมรับว่าตอนนั้นก็กดดันเพราะมีแต่คนเก่งระดับแนวหน้ามาอยู่กลุ่มเดียวกันและคู่แข่งก็แนวหน้าแต่ผมกลับมองว่ามันทำให้ทุกคนตื่นตัวและตั้งใจขึ้นตามสภาพสังคม

0
หลิงเหม่ย 13 เม.ย. 63 เวลา 03:27 น. 4-2

ปกติอาจารย์ก็จะมีแผนการสอนอยู่แล้วนะ ใครตามไม่ทันก็ต้องไขว่คว้ากันเองแล้ว หรือแต่ละโรงเรียนมันไม่เหมือนกันหว่า??

0
อืมมมมมมมมมม 9 พ.ค. 63 เวลา 20:02 น. 4-3

แยกคนเก่งไปเรียนด้วยกันเอง ทำให้เด็กเรียนโดยเร็วรู้เรื่องเร็วขึ้น ครูไม่ต้องสอนนาน ครูใส่เรื่องอื่นๆ ต่อยอดไปได้อย่างรวดเร็ว คนเรียนเก่งๆ จะสนุกกว่าเมื่อเรียนและได้ไปพร้อม(หรือแข่งขัน)ไปกับเพื่อนในระดับหัวเดียวกันค่ะ


ไม่เกี่ยวกับ แยกสาย แล้วจะหมายถึง เด็กวิทย์ จะเก่งกว่าเด็กศิลป์ เสมอไป ยกตัวอย่างเช่น รร เตรียมอุดม ที่ครูสอนสปีดไปได้เลย เด็กเก่ง ไม่ต้องรอกัน เก่งหมดทั้งวิทยศิลป์ เด็กศิลป์บางคนก็เด่งเลขเก่งวิทย์เท่าเด็กวิทย์ด้วยซ้ำ


แต่เรื่อง peer to peer มันดีต่อ รร ในแง่การจัดการทั่วไปมากกว่า แต่ครูก็ต้องมอง นร แต่ละคนเองเป็นด้วย คนที่ปัญหาเรียนมากๆ อาจไม่ทั้งขวนขวายเรียน เพ่ือนไม่ช่วย ครูไม่เห็นอีก ซวยไปเลย เด็กบางคนไม่สนใจเรื่องใครเก่งกว่าใครหรอกค่ะ ไม่น้อยใจหรอก ยกเว้นจะมีการแย่งระดับ รร ก่อนอยู่แล้ว ใน รร ทั่วไปไม่มีปัญหานัก

0
_bsxxua 15 เม.ย. 63 เวลา 16:30 น. 5

โรงเรียนเราแยกห้องเลยสำหรับเด็กแต่ละสายที่เลือกเรียนอย่างเราเรียนศิลป์-ภาษา โรงเรียนเค้าจะแยกห้องไว้เลย สายวิทย์ก็เรียนแน่นกว่าหน่อย แต่เราว่าจัดการเรียนแบบนี้จะดีกว่าตะได้ไม่มีผลต่อทั้งครูที่สอนและนักเรียนที่เรียนด้วย

0
mileailifeng 2 พ.ค. 63 เวลา 23:08 น. 6

ปัญหาของน้องคือการอยากเรียนไปตามมาตรฐานใช่ไหมคะ

ตัวอาจารย์ก็ต้องเข็นเด็กกลุ่มใหญ่ ส่วนผู้ปกครองก็อยากให้ลูกผ่าน

พี่แนะนำว่า หนูไม่จำเป็นต้องนั่งฟังแต่สิ่งที่อยู่ในห้องเรียนเท่านั้น

ระบบออนไลน์ปัจจุบัน มีความรู้มากมายมหาศาล มากกว่าห้องสมุดบางที่เสียอีก

เพราะงั้น ลองหาเรียนออนไลน์แบบคอร์สไม่แพง มีเยอะค่ะ

การเรียนรู้ด้วยตัวเองนั้น จะทำให้เราเรียนเร็วมาก เพราะงั้นน้องอย่ายึดติดกับอาจารย์

อย่ายึดติดกับกรอบหรือกฎเกณฑ์ว่าต้องเรียนแบบที่ใครๆฝังหัวเราเท่านั้น

ลองฉันออกมาเรียนรู้ไปเรื่อยๆอย่างกระหายบ้าง แล้วน้องจะได้คำตอบที่ต้องการค่ะ

0