โดนให้ออกเพียงแค่ตอบความจริง
คือเราทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง มา แค่ 2 วัน วันที่ 2 เริ่มเซ็นสัญญาการทำงาน ผจก.ก้ถามเราว่าทีาเราเรียนจบมา มันต้องทำเกี่ยวกับอะไร เราก็ตอบว่า ราชการ เจ้าของก็ให้เราออก เหตุผลเพราะ พี่เค้าว่า เจ้ให้ออก ตอนเซ็นสัญญา พี่เค้าถามและว่า เราจบสาขานี้มาทำงานเกี่ยวกับอะไร เราก็บอกว่า ทำเกี่ยวกับราชการ แก่ถามว่า เคยสอบไม่ ก็บอกว่าเคย แล้วแก่ก็ถามว่า ถ้าเปิดสอบ จะไปไม่ เราว่า ถ้ามีโอกาสก็จะไป แต่ถ้าไม่หรือสถานการณ์ไม่ดีขึ้นก็จะทำที่นี่ไปเรื่อยๆ พี่เค้าว่า เจ้ว่าเรสนั่นคิดว่าเค้าเป็นสำรอง เรายังให้ความสำหรับกับที่อื่น กลัวเราไม่เต็มที่กับงานของเค้า ประมาณนี้ เค้าให้ออกมาคิดก่อนว่า จะเลือกสอบ หรือทำงานกับเค้า ถ้าเราเลือกสอบ ก็ไม่ต้องมา แต่ถ้าเราเลือกเค้า ก็ให้เขียนใบสมัครใหม่ เจ้นั้นว่าถ้าเราเลือกเค้า เราต้องเอาใบยกเลิกสอบไปให้เค้ากัน เค้าจะได้เชื่อว่าเพื่อนเลือกที่จะทำงานกับเค้า
10 ความคิดเห็น
บริษัทไม่ใช่องค์กรการกุศลครับ มีเหตุผลอะไรที่เค้าต้องจ่ายเงินและเสียเวลาจ้างคนที่มีแนวโน้มว่าอาจจะเข้ามาแค่ช่วงเวลาสั้นๆล่ะ มันเกิดผลดีกับบริษัทยังไงล่ะครับ? ผลดีไม่มี มีแต่ผลเสีย ถ้าคุณเข้ามาแล้วสอบไม่ติดก็แล้วไป แต่ถ้าเข้ามาแล้วสมมุติ3-4เดือนข้างหน้าคุณสอบติดและออกไป เท่ากับ3-4เดือนนั้นสูญเปล่า อย่าบอกว่าก็ได้ทำงานให้เขาแล้วนะ เพราะระยะเวลาสอนงานจนกว่าจะคล่อง ใช้กี่เดือนก็ยังบอกไม่ได้เลย ช่วงเดือนแรกๆน่ะมันไม่ใช่บริษัทจ่ายเงินเดือนเพื่อให้มาทำงาน แต่มันคือการลงทุนเพื่อปั้นคนมาทำงาน ซึ่งถ้าคนๆนั้นเข้ามาแป๊บเดียวก็ไป ทั้งเงิน ทั้งเวลา ตรงจุดนั้นมันก็คือสูญเปล่าหมด เพราะว่าพอหาคนใหม่มาแทนก็ต้องทำแบบเดียวกันอีกรอบอยู่ดี งั้นก็หาทางรับคนแบบหลังมาเลยไม่ดีกว่าเหรอ เสียเงิน เสียเวลา แค่รอบเดียวจบเลย ดีกว่าต้องมาเสีย2รอบไม่ใช่เหรอ? เป็นคุณจะยอมจ่าย2รอบเพื่อปั้นคนทำงานตำแหน่งเดียวเหรอครับ?
คุณ จขกท อยู่ในช่วงฝึกงานหรือเปล่า การฝึกงานในบางคณะถ้าไปทำงานบริษัทหรือกับทางร้าน คุณ จขกท ก็แค่บอกว่าเรียนคณะอะไร แล้วก็นำใบที่ทางร้านประเมินในเอกสารจึงนำไปให้ อาจารย์อีกที เด็กฝึกงานก็เป็นพนักงานเช่นเดียวกัน ชึ่งสามารถไปร้องศาลแรงงานได้ การจ่ายเงินให้กับเด็กฝึกงานนั้น ต้องให้พอที่จะจ่ายค่าอาหาร ค่าไฟฟ้า ค่ายังชีพได้ ชึ่งอาจจะได้ไม่มากนัก แต่ก็ดีกว่าเสียเปรียบนะครับ
ก็ตอบไปสิว่าสาขาที่จบทำเกี่ยวกับอะไร หมายถึงเนื้อหางาน ไม่ใช่งานที่อยากจะทำ เพราะสาขาคงไม่ได้ให้ทำงานได้เฉพาะราชการหรอก ก่อนตอบต้องคิดดีๆ พูดตรงไปไม่ดี ช่วงเริ่มแรกยิ่งก่อนเซ็นสัญญา ไม่ใช่เราเลือกเค้าอย่างเดียว เค้ายังเลือกเรา การคัดกรองยังไม่เสร็จ อย่าเพิ่งเผยไต๋ว่าเราจะไป ใครจะอยากได้คนที่ไม่ภักดีกับองค์กร เก็บไว้เป็นประสบการณ์
พนักงานใหม่ ต่อให้มีประสปกาณ์หลายปีแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาต้องเสียยเวลาพนักงานคนอื่นมาช่วยอธิบายระบบในองค์กร ถ้าเค้าเสียเวลามาแล้วคุณอยู่แปปเดียวก็ไป เค้าก็คงคิดว่าไม่คุ้มที่จะเสียเวลา
เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นประสปการ
หรือต่อให้ไปสมัครที่ใหม่ เลยเคยทำงานที่เก่าสั้นๆ แบบนี้ ก็อย่าเอามารวมใส่ในresume เพราะที่ใหม่จะสงสัยว่าทำไมทำที่เก่าสั้น แล้วก็จะเริ่มคิดว่า แล้วคุณจะอยู่กับเค้าได้นานหรอ
ถ้าจะให้ดี ส่วนใหญ่จะอยู่สักสองปีเป็นอย่างน้อยค่อยเปลี่ยนงานกัน
จกขท.พูดไม่เป็นมากกว่าครับ จริงๆถ้าปรับคำพูดอีกหน่อยเขาก็จะไม่สามารถว่าอะไรได้
แต่ถามว่าพูดความจริงผิดไหม มันก็ไม่ผิด และเขาก็ไม่ผิดอะไรที่จะให้คุณออก ที่ผมพูดแบบนี้
ได้เพราะผมก็เคยมาก่อนครับ แต่ของผมคือโดนในวันสอบสัมภาษณ์ จริงๆคำถามนี้
ควรเป็นคำถามที่ใช้สำหรับตอนสัมภาษณ์มากกว่่านะครับ จะได้ไม่เสียเวลาทั้ง 2 ฝ่าย
ไม่เป็นไรครับ หางานใหม่ เอาครั้งนี้เป็นประสบการณ์ครับ คำแนะนำสำหรับคนทำงาน
มาแล้ว 5 ปีครับ สู้ๆครับ เรามีความสามารถเดียวก็หาที่ใหม่ได้นะครับ
ขอแสดงความสมน้ำหน้าด้วยครับ คุณพลาดแล้ว ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนตรงไปตรงมาจะจริงจัง จะพูดความจริงถูกต้องตรงประเด็นขนาดไหน แต่อย่าลืมว่าสังคมมันต้องใส่หน้ากากกันทั้งนั้น คุณต้องสามารถที่จะปั้นหน้าบอกรักที่ทำงานปัจจุบันคุณยังไงก็ได้ แค่เก็บเรื่องบางเรื่องไว้ในใจลึกๆให้ได้ก็พอ เพราะอย่าลืม บริษัทเค้ารู้สันดานคุณดีอยู่แล้ว การที่คุณตอบเค้าไปตรงๆแบบนี้มันก็เป็นการลาออกจากบริษัทของเขาตรงๆอยู่แล้วล่ะ เข้าล็อกพอดีเลยอ่ะ
Welcome to the real world .
ผิดทั้งคู่
คุณผิดที่ เอาเรื่องส่วนตัวมาเปิดเผย เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะพูดกับที่ทำงาน
บริษัทผิดที่ตอนสัมภาษณ์ไม่ถามก่อน มาถามตอนเริ่มทำงานแล้ว ไม่เป็นมืออาชีพซะเลย
เหมือนกับคำถามที่ว่า’ทำไมคุณถึงมาทำงานกับบริษัทเรา?’ เราคิดว่า99เปอร์เซ็นต์ในใจเลยคือเงิน มาหาเงินไงค่ะ! แต่เราก็ต้องพูดแบบว่า เพราะบริษัทนี้ดี บลาๆๆ
บริษัทอยากได้คนอยู่ยาวค่ะ เขาไม่อยากเทรนคนใหม่บ่อยๆหรอก
บริษัทก็แย่ที่บีบให้ออก แต่พูดถึงอำนาจการต่อรองคือฝ่ายเราน้อยกว่ามากๆ ไม่รู้ว่าเอาผิดทางกฏหมายได้มั้ย
แต่บางครั้งเราก็ต้องพูดบ่ายเบี่ยงบ้างค่ะเพื่อลดปัญหาที่จะตามมา
ถามมาก็บอกไปว่ายังไม่ได้คิดเรื่องสอบเลยค่ะ ตอนนี้โฟกัสกับงานอยู่…เอาจริงๆมันก็ต้องพลิกลิ้นกันบ้างไม่งั้นสังคมการทำงานเราจะอยู่ยากค่ะ คนจริงใจมันน้อย มักจะอยู่ที่ผลประโยชน์มากกว่า
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?