Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จะนับ 1 ไม่ได้เลยหรอ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

เกิดมาชีวิตฉันก็แบกหนี้สินออกมาจากท้องแม่ด้วย   ชีวิตฉันไม่ด้นับ1 หรอก   ฉันนับมันมาจากติดลบ

ชีวิตมัธยมได้เริ่มขึ้นแล้ว ได้เงินไปโรงเรียนวันละ 40 บาท โรงเรียนมัธยมงานเยอะ ค่าใช้จ่ายเยอะ ขอแม่จนแม่คิดว่าหลอกเอาเงินไปทำอย่างอื่น ฉันจึงหารายได้ด้วยตัวเอง โดยการรับจ้างทำงานให้รุ่นพี่ รุ่นน้องและเพื่อนๆ จนอดหลับอดนอน กลับบ้านก็อ่านหนังสือค้นหา ความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อยากเรียน ตอนนั้น รายได้ของฉันกอบโกยได้พอสมควร

ฉันใฝ่ฝันอยากเรียนการแสดงและกำกับ อยากเรียนศิลปกรรม ทำคอสตูม ว่าง่ายๆก็เบื้องหลังวงการบันเทิง ฉันมุ่งมันมาก หาข้อมูล อ่านหนังสือ อยากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ แต่พอจะขึ้นม.5 ชีวิตทุกอย่างก็พลิกผัน การเงินครอบครัวที่กำลังอยู่ตัวกลับทรุดจนติดลบ แม่กลับคำพูด แม่เคยพูดว่า “เรียนจบมาจะไปเป็นดาราหรอ หน้าแบบนี้หรอ หาอะไรที่มั่นคงไหม ที่เป็นไปได้” ฉันไม่รู้จะขำหรือจะร้องไห้ดี ฉันยังยืนยันที่จะเรียน และแล้ววันหนึ่งแม่ก็เดินมาบอกฉันว่า ส่งให้เรียนได้แค่ม.6นะ ถ้าอยากเรียนต่อหาเงินเรียนเอง ตอนแรกฉันก็พยายามจะหาทุน สอบชิงทุนต่อมาความหมายของแม่คือ ไม่มีต้นทุนเลย เเม้กระทั่งค่าใช้จ่าแรกเริ่ม รวมถึงค่าใช้จ่ายใหการสอบ ค่าสอบ ค่าเดินทางไปสอบ หรือตอนนี้ส่งให้จบม.6ไหมยังไม่รู้ ตอนนั้นฉันไม่ได้สนใจปัญหาของครอบครัวเลย ฉันคิดแค่ว่า ทำไม เมื่อพูดแล้วทำตามคำพูดตัวเองไม่ได้ ปัดปัญหาให้ฉันจัดการกับความรู้สึกตัวเอง โดยการผิดหวัง ฉันโกรธมาก เก็บหนังสือ เก็บอุปกรณ์การติว เข้าตู้และตั้งใจจะไม่เปิดมันออกมาอ่านอีก หลังจากนั้นมาฉันไม่ค่อยสนใจการเรียนเลย โดดเรียนบ่อย ไปสาย กลับก่อน ไม่เคยอ่านหนังสือสอบเลยสักครั้ง สอบไม่เคยผ่าน อาศัยแค่ส่งงานครบ โดดเรียนไปเขียนงาน ไปเล่นเกม ฉันคิดแค่เพียงว่า ในเมื่อไม่ต้องสอบเข้ามหาลัย ไม่ต้องเรียนต่อ จะจำเป็นต้องเรียนเก่งไปทำไม มุ่งมั่นไปทำไม จบไปก็เข้าโรงงานอยู่ดี

เมื่อฉันขึ้น ม.6 ฉันรู้สึกว่า จริงๆการไม่ได้เรียนต่อ ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ฉันหายโกรธแม่ที่ผิดคำพูด ฉันคิดว่าฉันต้องการเงินมากกว่า การที่ได้ไปทำงานฉันจะได้งินเร็วๆ แต่หารู้ไม่ว่า พฤติกรรมฉันตลอดระยะเวลา 1 ปี ทำให้แม่รู้สึกผิดที่ผิดคำพูด รู้สึกผิดที่ทำตามที่ตกลงกันไว้ไม่ได้ ต่อให้ฉันจะบอกแม่ว่าฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว แม่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี
 

และตอนจะเรียนจบมีบริษัทหนึ่งมาแนะแนว ทุกอย่างดูคุ้มค่า ได้งาน ได้เรียน ได้เงิน ฉันเล่าให้แม่ฟัง แม่อยากให้ฉันไปเรียนมาก แต่ตัวฉันเองไม่ได้อินกับที่นี่สักเท่าไร แต่เป็นทางเดียวที่แม่จะเลิกรู้สึกผิดสักที ฉันตัดสินใจไปเรียนและทำงานที่นั่น พร้อมกับเพื่อนอีก 5 คน แต่เพื่อน 4 คนอยู่ด้วยกัน ส่วนฉันถูกจับแยกออกมา (น่าเศร้านะ)

หลังจากที่เรียนจบแล้ว ฉันเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้าน แบกความราดหวังของคนทั้งบ้าน ฉันจะเป็นเสาหลักของบ้าน พร้อมกับเงินติดตัว 4,000บาท พอมาถึงหอโรงเรียน ซื้อสิ่งของที่ต้องใช้ เน็ตผม กางเกง รองเท้าทำงานแล้วนั้น เงินเหลือหยิหยอยมาก เงินไม่พอใช้เดือนเเรกก็ต้องยืมมาหมุน ที่ทำงานอยู่ถนนศรีนครินทร์ หอพักอยู่บางบ่อ โชคยังดีที่วิทยาลัยมีรถรับส่ง 6 เดือนเเรกค่าหอไม่ได้จ่าย แต่ก็หมดเยอะเหมือนกัน

มาพูดถึงเรื่องงานดีกว่า เป็นงานร้านอาหารที่ฉันไม่ถนัดเอาเสียเลย มารองรับอารมพนักงานด้วยกันเอง อารมณ์หัวหน้า อารมณ์ลูกค้า 1 ปีแรกไม่มีปัญหา พอปีต่อมา เปลี่ยนหัวหน้างาน พนักงานเก่าไม่โอเคกับระบบงานของเขาลาออกกันระนาว แต่ฉันทำอะไรได้ ติดสัญญานี่ ใครจะไปฉันก็ต้องอยู่ พนักงานจากที่เคยทำงานสบายก็ต้องทำงานหนักขึ้น เพราะคนน้อย ฉันเกลียดหัวหน้างานคนใหม่มาก แต่ฉันก็ต้องทำงานตามคำสั่ง เขาต้องเรียกฉันอบรมไม่รู้กี่รอบ ถึงฉันจะไม่ชอบหัวหน้าคนนี้ แต่ฉันก็เต็มที่กับงาน ทุ่มเทมาก เคยทำงายยิงยาวเช้ายันดึกฉันก็ทำ หน้าที่รับผิดชอบของคนอื่นที่เขาไม่ทำฉันก็รับแทนหมด ฉันไม่เคยยึดติดว่าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทุกอย่างในร้านฉันมองว่าเป็นหน้าที่ของพนักงาน แต่คนร้อยพ่อพันแม่ เขาไม่ได้คิดเหมือนฉัน เขาเจาะจงแต่กับงานที่ได้รับมอบหมาย แต่งานย่อยๆก็ไม่สนใจ สำหรับฉันแล้วมันไม่ใช่ ฉันคิดแค่ว่า “ถ้าฉันไม่ทำแล้วใครจะทำ” ในขณะที่คนอื่นมองว่าเมื่อไม่มีใครทำแล้วทำไมต้องทำ ฉันทำงานแบบนี้มาจนรู้สึกว่าฉันเหนื่อยมาก จากแค่หน้าที่ของเด็กฝึกงานกลายมาเป็นความอดทน ฉันทำจนวันหนึ่งฉันมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น แน่นอนความรับผิดชอบต้องเพิ่มขึ้น ฉันไม่เคยหวั่นไหว

จนกระทั่งพิษของโรคร้ายมา ชีวิตที่กำลังปูด้วยพรมแดงโรยกลีบกุหลายของฉันค่อยๆกลายเป็นขวากหนามทิ่มแทง ร้านที่ฉันประจำอยู่ต้องปิดตัวลง ฉันต้องไปทำที่สาขาอื่นซึ่งไกลจากที่พัก ตอนแรกทุกอย่างก็ไม่เลวร้ายนัก ค่ารถเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่การเงินยังพอหมุนได้ ต่ามาโทรศัพท์มือถือก็หาย เคยช่วยคนใจดีมากไง ให้เขายืมตังเห็นเป็นคนสนิทคนนึง(เดี๋ยวขยายความอีกตอน)ไม่ได้คืน ต้องยืมเงินทางบ้านมาซื้อโทรศัพท์ พอเงินเดือนออก จ่ายค่าห้อง ค่าหอ น้ำไฟ จ่ายหนี้เงินก็เหลือเล็กน้อย ดันถูกย้ายสาขาไปไกลกว่าเดิม ค่าเดินทางเพิ่ม ย้ายหอก็ไม่ได้ มัดจำไปเกือนหมื่น พอทำไป ความรู้สึกเหมือนอะไรๆก็ตัวเอง ความอดทนก็มีจำกัด เงินเดืนไม่พอใช้สักเดือน ทั้งที่ เสื้อผ้าใหม่ก็ไม่เคยซื้อ กระเป๋า รองเท้าไม่เคยเลย ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เรียนจบ เที่ยวนับครั้งได้ และไม่เคยหมดเยอะ ค่าใช้จ่ายหมดไปกับค่าเดินทาง แม่ให้ลาออกกลับมาตั้งหลักที่บ้าน แต่แล้วจนปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีเงินทุนไปเริ่มต้นกับงานใหม่คนสนิททักมายืมเงินบอกพรุ่งนี้จะคืน เราก็เข้าใจเพราะเงินจะออก เราจึงให้ไปด้วยความเชื่อใจ ก่อนให้ เราก็อธิบายชัดเจนว่าเนี่ยเป็นเงินค่าห้องของเรานะเรามีกำหนดจ่ายวันที่เจ็ดยังไงก็ให้คืนก่อนวันที่เจ็ดแล้วกันเค้าตอบตกลงอย่างดีฉันก็เชื่อใจเขาเพราะเราค่อนข้างสนิทกันมากฉันเลยโอนเงินให้ไปพอเช้าวันถัดมาที่เขาจะต้องคืนตังค์เค้าก็ยังไม่คืนเราก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะตอนเย็นเค้าทักมาบอกว่าขอโทษนะเราไม่มีจริงๆเราจึงบอกว่างั้นขอก่อนวันที่ห้านะด้วยความที่วันที่เจ็ดเราจะต้องจ่ายค่าห้องเราจึงขอล่วงหน้าเค้าก็ตอบกลับมาว่าได้แน่นอนพอถึงวันที่ห้าเค้าก็เงียบไปด้วยความที่เรากระวนกระวายใจเพราะต้องจ่ายค่าห้องเราจึงทักไปหาเขาบอกว่านี่วันที่ห้าแล้วนะยังไงเค้าก็ตอบกลับมาว่ายังหาไม่ได้เราก็บอกว่าอย่าเกินวันที่เจ็ดนะเราจำเป็นต้องใช้จริงๆเสร็จแล้วเค้าก็อ่านแล้วไม่ตอบจากนั้นมาพอถึงวันที่เจ็ดเค้าก็เงียบหายไปวันที่แปดวันที่เก้าวันที่ 10 ก็ไม่ติดต่อมาฉันจึง ต้องเอาเงินเก็บออกมาจ่ายค่าห้องซึ่งนี้ไม่ได้มากเลยจากนั้นก็ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่การเงินไม่พอช้ายค่าเดินทางก็เยอะแต่คนที่ยืมไปเค้ากลับไม่ทักมาถามฉันเลยว่ามีตังจ่ายค่าห้องไหมเอาตังที่ไหนจ่ายค่าห้องเอาตังที่ไหนทำงานเอาตังที่ไหนกินข้าวทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้โกรธที่เค้าไม่คืนแต่ฉันไม่โอเคที่เค้าหายไปเพราะฉันลำบากมากแต่เค้าไม่แม้แต่ที่จะมาสนใจฉันเลยว่าฉันใช้ชีวิตต่อจากวันนั้นยังไงจากความสนิทตรงนั้นฉันก็ถอดถอยลงเรื่อยเรื่อยจนกระทั่งวันหนึ่งที่ฉันได้ กลับไปเจอเขาอีกครั้งฉันได้พูดกับตัวเองว่าถ้าเขามาคุยกับฉันปกติฉันก็จะให้อภัยเขาแล้วลืมเรื่องนั้นไปซะเค้าคงลำบากจริงๆถึงทำแบบนั้นแต่แล้วเค้ากลับไม่มาพูดกับฉันสักคำเลยทำเหมือนคนไม่รู้จักกันเลยสักนิดฉันจึงรู้สึกว่าฉันรู้จักเค้าดีแต่จริงๆแล้วฉันไม่รู้จักเขาเลยทำให้บทเรียนครั้งนั้นสอนฉันว่าการที่จะช่วยเหลือใครเราต้องไม่ลำบากเราต้องไม่รู้สึกท้อเพราะถ้าวันไหนที่เราแย่แล้วจะทำให้เราเกลียดคนนั้นไปเลยซึ่งมันก็ทำให้เราลำบากเองเสียใจและเจ็บคนเดียว

ฉันเคยนอนข้างถนนเคยนอนใต้รถเมล์ตอนที่ฉันย้ายไปทำงานที่ใหม่แรกแรกฉันต้องเดินทางใกล้ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิิดทำให้การเดินทางลำบากเพราะมีการประกาศเคอฟิวแต่ฉันเลิกงานเที่ยงคืนทำให้ฉันไม่มีรถกลับถ้าจะกลับต้องรอตอนเช้าด้วยความที่ฉันเพิ่งไปทำงานที่นั่นฉันก็ไม่กล้านอนในร้านกลัวคนอื่นรู้

ฉันเคยไม่มีเงินจ่ายค่าห้องจนโดนตัดน้ำตัดไฟต้องได้ลงมากรอกน้ำขึ้นไปอาบตอนนั้นเป็นช่วงแรกๆที่ฉันช็อต

ฉันเคยคิดว่าการมีงานและตำแหน่งงานที่ดีชีวิตฉันจะดีขึ้นแต่จริงๆแล้วมันกลับไม่ใช่เลยชีวิตที่มีภาระผิดชอบมากขึ้นแต่รายได้ไม่เพียงพอไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือลำพังเอาตัวเองให้รอดความใฝ่ฝันของฉันเพียงแค่อยากจะชดใช้หนี้สินให้กับที่บ้านอยากจะให้น้องได้เรียนจบสูงสูงอยากจะให้พ่อกับแม่ไม่ต้องทำงานน่ะแต่สุดท้ายแล้วฉันกลับทำอะไรไม่ได้เลย

ส่วนเรื่องความรักที่จะเข้าประเด็นต่อไปนี้ฉันไม่เคยสมหวังในความรักเลยตั้งแต่ฉันรู้จักความรักฉันก็ผิดหวังตลอดฉันได้แค่แอบรักหรือคุยกับใครได้ไม่นานก็ต้องเลิกคุยไม่มีใครจริงจังเลยจนปัจจุบันนี้ฉันไม่ต้องการที่จะมีความรักแบบนั้นอีกแล้วสิ่งที่ฉันต้องการคือหน้าที่การงานและการเงินฉันต้องการเปตัวเองให้มากที่สุดสำหรับคู่ชีวิตนั้นฉันคิดว่าคงไม่จำเป็นเท่ากับการที่ทำอะไรด้วยตัวเองได้อีกแล้ว

และสุดท้ายฉันก็ต้องเจ็บจากการคาดหวังของตัวเองฉันคาดหวังว่าฉันจะมีงานมีเงินเดือนและมีเงินเก็บแต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้ามหมดเลยฉันมีหนี้สินฉันกลับมาที่บ้านฉันตกงานตอนที่พ่อกับแม่รู้ครั้งแรกว่าฉันมีหนี้ฉันคิดว่าท่านคงจะโมโหมากแต่เปล่าเลยทั้งสองกลับปลอบใจและเข้าใจฉันไม่อยากให้ฉันคิดมากคนที่คิดว่าเข้าใจที่สุดกลับเป็นคนที่ไม่เข้าใจเลยส่วนคนที่คิดว่าไม่เคยเข้าใจอะไรเลยกลับเป็นคนอยู่ข้างข้างตลอดสำหรับวาเลนไทน์นี้ฉันขอเขียนจดหมายถึงบุคคลสำคัญในชีวิตฉันจริงๆแล้วเรื่องราวของฉันมีอะไรที่ย่ำแย่ไปมากกว่านั้น ฉันผิดหวังจนไม่รู้จักว่าคำว่าสมหวังคืออะไรชีวิตนี้เจอแต่เรื่องแย่แย่จนไม่รู้ว่าสิ่งดีดีในชีวิตคืออะไร

ฉันใฝ่ฝันอยากเรียนต่อแต่ฉันก็ไม่ได้เรียนต่อ

ฉันอยากมีเงินเก็บแต่ฉันกลับมีหนี้สิน

ฉันอยากมีคนรักแต่ฉันกลับถูกหลอกลวง

ฉันมีเพื่อนที่คิดว่าเข้าใจฉันแต่เขากลับหักหลัง

ฉันอยากดูคอนเสิร์ตแต่ฉันก็ไม่มีเงิน

ฉันอยากส่งน้องเรียนสูงสูงอย่างให้น้องได้อะไรตามใจบ้างแต่ฉันก็ไม่เคยให้น้องได้เลย

ฉันอยากร้องเพลงเพราะแต่ฉันก็เป็นคนร้องเพลงเพี้ยน

ฉันเจอคนดีดีที่คิดว่าเค้าน่าจะเป็นคู่ชีวิตฉันได้เค้ากลับมีคนของเขาอยู่แล้ว

ฉันแอบรักรุ่นพี่มาแปดปีฉันคิดว่าวันนึงฉันจะได้คบกับเขาสุดท้ายเค้ากำลังจะแต่งงาน

ฉันใช้ชีวิตอยู่กับคำว่าพรุ่งนี้จะเอาตังมาจากไหน

ฉันใช้ชีวิตอยู่กับคำว่าจะเอายังไงต่อดี

ฉันเคยท้อจนไม่อยากอยู่แล้วแต่ฉันก็ไม่เคยอยากตายแต่แล้วฉันก็สิ้นคิดหลายครั้งหลายครา   เพราะฉันเจอทางตันมาตตลอด ฉันไม่อยากอยู่ต่อ  พยายามทำให้ตัวเองตายแต่ทำยังไงก็ไม่ตาย   จนค้นพบว่า   เมื่อเจอางตันนั้นการหาวิธีตายยากกว่าการทุบกำแพง

 

ในชีวิตคือบทเรียนไม่ใช่เรื่องแย่

ตอนที่ท้อพ่อและแม่ยังคอยสอน

ทำตามฝันไม่ใช่แค่หลับตานอน

ลองสู้ก่อนแล้วจะรู้ว่ามีชัย

ถึงวันนี้ยังไม่เห็นว่าชนะ

แต่ใช่ว่ามันน่าจะไม่ไหว

ทุกวันนี้มีคนรออย่าท้อใจ

ถึงแม้ไม่มีใครยังมีเรา

ให้ชีวิตก้าวต่อวันข้างหน้า

เราคนเก่งเราคนกล้าเหมือนใครเขา

ให้ชีวิตเราที่เหนื่อยต้องทุเลา

ถ้าหมอเศร้าแล้ว จะเดินไปได้ไง

หากวันนี้มีใครที่ท้อถอย

ฉันขอคอยเป็นกำลังใจให้

ถ้าวันนี้ ฉันได้ดีและมีชัย

จะสนับสนุนไว้ให้ทำดี

แต่ถ้าหากทำแล้วไม่เป็นผล

ฉันขอเป็นคนประสานศรี

ว่าแท้จริงคนทำดีแล้วได้ดี

มันคงมีแค่นิทานกล่อมเด็กนอน.......

“ฉันจะขอทนและพยายามต่อไปเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ให้กับคนอื่นถ้าหากฉันทำดีแล้วฉันได้ดีชีวิตของฉันจะเป็นข้อการันตีว่าคนทำดีย่อมได้ดีแต่ถ้าหากฉันทำดีแล้วแต่สิ่งที่ได้กลับทำร้ายฉันฉันก็จะเป็นข้อสนับสนุนว่าการทำความดีแล้วส่งผลดีนั้นมันเป็นแค่นิทานหลอกเด็ก”

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน  หลายคนคงคิดว่าฉันอาจจะฆ่าตัวตายไปแล้ว    เชื่อเถอะ ฉันพยายามจะตายมามากพอแล้ว   ฉ้นขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เจอปัญหา   โอกาสที่มี่ค่าที่สุดคือโอกาสที่ทำให้   ตัวเองมีชีวิตรอด   ฉันหวังว่าวันนึงฉันจะได้มานั่งเขียนรีวิวชีวิตที่ประสบความสำเร็จให้ทุกคนได้อ่าน  ไม่รู้ว่าทุกคนที่เจอปัญหาจะต้องสู้เพื่ออะไร แต่สำหรับฉันแล้ว   ฉันสู้เพื่อ  วันนึงฉันจะได้นอนดูซีรีย์ที่ชอบแบบไร้เรื่อกลัดกลุ้มใจ   วันนึงฉันจะมีเพจติ่งที่เป็นของตัวเอง  มีเอกลักษณ์ในแบบของฉันเอง   วันนึงงานเขียนของฉันจะได้รับรางวัลซีไรต์   วันนึงฉันไม่ต้องนอนเครียดเรื่องเงิน   วันนึงฉันจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้พ่อ  วันนึงแม่ฉันไม่ต้องทำงานหนัก   วันนึงพ่อฉันจะใช้ชีวิตอยู่กับสวนผัก   เถียงนาน้อยและเจ้าวัวของเขา  อย่างมีความสุข  วันนึงน้องฉันจะได้ในสิ่งที่ฉันไม่เคยได้   วันนึงฉันจะได้แต่งงานกับหวังอี้ป๋อ555555 ทุกเรื่องล้วนมีทั้งเป็นไปได้และไม่ได้  แต่ทุกเรื่องล้วนเป็นความสุข   อย่าบอกว่าตัวเองไม่รู้จะสู้ไปทำไม   อย่าบอกว่าตัวเองไม่ความคาดหวัง   เพราะหนึ่งและพวกคุณก็หวังให้ตัวเองผ่านพ้นปัญหาชีวิตนี้ไปเหมือนกัน   เก็บความทุกข์นี้ไว้เป็นบทเรียนของความสุขในชีวิต   คงไม่มีใครหวังให้ตัวเองอันธพาลหายไปในค่ำคืนที่มืดมิดตั้งแต่ยังไม่ได้เปล่งประกายหรอก   ขอบคุณที่อ่านจนจบ ตอนนี้ฉันกำลังเขียนเรื่องราวชีวิตให้ออกมาในรูปแบบนิบายเล่าเรื่อง ถ้าไม่หงุดหงิดกับการบรรยายวกไปวนมา   ไปติดตามได้นะ มาจากเรื่องจริงของชีวิตทั้งหมด   5555555555555 
ถ้าอัพแล้วจะอัพเดท   
                                                                                                                                                                         ฝ้ายลดา............

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

FiiFaii 4 ต.ค. 64 เวลา 19:22 น. 1

ขอแก้ข่าวนิดนึง หัวหน้างานที่ฉันบอกว่าเกฃียดคือทัศนคติฉันตอนแรกๆนะ แต่เขาสอนฉันทุกอย่าง พอเวลาผ่านไปฉันก็ยอมรับในตัวเขา เขาก็เป็นหัวหน้างานที่ดีมากคนนึงไม่ว่าจะเป็นการบริหาร หรือทัศนคติ เขาคือคนสร้างฉันรนใหม่ขึ้นมา

0