เรียนออนไลน์จนป่วยซึมเศร้า
สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว Dek-D ทุกคนครับ ผมป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและตอนนี้กำลังรักษาตัวกับคุณหมอจิตเวชที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผมเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ตอนนี้อยู่ปีที่ 2 แล้ว เข้ามาเรียนในคณะนี้เพราะความชอบครับ แต่ว่าการเรียนออนไลน์นั้นส่งผลทำให้ผมรู้สึกเครียดมาก ๆ และยังรู้สึกเก็บกดอีกด้วย
ตอนที่ผมเข้ามาเรียนใหม่ ๆ สมัยอยู่ปี 1 ผมเป็นคนที่ร่าเริงและรู้สึกมีความสุขมาก ๆ แต่ว่าช่วงนั้นโควิดยังระบาดไม่รุนแรงมากนักในประเทศ มหาลัยจึงให้มีการเรียนผสมระหว่างออนไลน์และในห้องเรียนทำให้ได้เจอเพื่อน ๆ บ้าง และหลังจากสอบมิดเทอมก็กลับมาเรียนในห้องแบบปกติ ทุกอย่างดูโอเคและเป็นไปด้วยดี
พอขึ้นปี 1 เทอม 2 ช่วงแรกก็ยังเรียนในห้องปกติดีแต่ว่าหลังจากมีข่าวโควิดที่สมุทรสาคร ทางมหาลัยจึงประกาศให้มีการเรียนออนไลน์ 100% ทันทีหลังจากผ่านช่วงวันหยุดปีใหม่ไป ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นมาผมก็ไม่ได้ไปเรียนในห้องเรียนและพบปะผู้คนอย่างเคยเลย ในช่วงแรก ๆ ของการเรียนออนไลน์นั้นผมก็เริ่มที่จะรู้สึกแปลกไป ผมรู้สึกชีวิตจืดชืดไม่มีรสชาติ รู้สึกเหงาเคว้งคว้างเอามาก ๆ บางทีก็แอบสงสัยว่า ความสุขมันหายไปไหนกันนะ หรือว่ามีใครขโมยรอยยิ้มไปจากใจของเรา แต่อารมณ์พวกนี้มันเป็น ๆ หาย ๆ ครับ มันจะมาทำให้เรารู้สึกแบบนี้เป็นช่วง ๆ อาจจะมีบางครั้งที่เป็นหนักจนต้องมานั่งร้องไห้น้ำตานองที่ระเบียงคนเดียวเพราะว่าถูกความเหงาทำร้ายจิตใจ แต่ว่าช่วงนั้นก็ยังหลับสนิทดีทุกคืน
ผมพยายามทำทุก ๆ วิถีทางให้ตัวเองมีความสุข ทั้งออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง หรือจะเป็นการหาอะไรอร่อย ๆ ทาน แต่ว่ามันไม่ช่วยให้ผมมีความสุขเลย หลังจากขึ้นปี 2 มานี้ การเรียนนั้นเข้มข้นและกดดันเป็นอย่่างมาก และโดยเฉพาะในบางวิชาที่แสนจะยากแล้วแถมอาจารย์ยังเข้มงวดอีก ผมรู้สึกทั้งเครียดและกดดันเป็นอย่างมากทุกครั้งที่เรียน ถึงอย่างไรผมก็อดทนมาโดยตลอด ผมกลายเป็นคนเก็บกดเพราะไม่มีเพื่อนข้าง ๆ คอยรับฟังปัญหา ผมเก็บมันไว้คนเดียว ผมรู้ว่าคนอื่นเขาก็เครียดเหมือนกันเลยไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ว่าในช่วงหลัง ๆ มานี้มันเริ่มกระทบกับการนอน ผมกลายเป็นคนหลับยาก ตื่นกลางดึกแล้วหลับต่อไม่ได้ รู้สึกอยู่เป็นทุกข์โดยพื้นฐาน
จนสอบมิดเทอม ปี 2 เทอม 1 ผ่านไป คะแนนทุกวิชาที่สอบไปก็ค่อนข้างโอเค แต่ผมไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรทั้งนั้น แถมยังรู้สึกตัวเองไร้ค่าทุกครั้งที่เรียนวิชาเขียนแบบซึ่งมันยากสำหรับผมและคนอื่น ๆ มาก รู้สึกได้เลยว่าวิชานี้ไม่ควรเรียนออนไลน์เป็นอย่างมาก แต่เราจะทำอะไรได้ในเมื่อเราไม่มีทางเลือก ก็ต้องบากบั่นเรียนต่อไป ขณะเดียวกันอาการทางจิตของผมก็แย่ลงไปทุกที ๆ จนลามไปทำให้ไม่อยากที่จะเรียนทั้งวิชาเขียนแบบและวิชาอื่น ๆ ด้วย ผมนอนไม่หลับสักคืนและรู้สึกทรมานมาก ช่วงเวลากลางคืนนั้นเป็นนรกสำหรับผมเลยก็ว่าได้
แล้วในที่สุดผมก็รู้สึกทนไม่ไหวแล้ว ช่วงกลางดึกคืนหนึ่งผมตัดสินใจที่จะบอกพ่อกับแม่เพื่อให้ท่านพาผมไปพบกับจิตแพทย์ ผมบอกพ่อกับแม่ว่ารู้สึกเครียดและไม่เคยมีความสุขเลย นอนไม่หลับสักคืน ซึ่งพ่อแม่ก็เป็นห่วงจึงได้พาผมไปพบกับจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเช้าวันถัดมา แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็ได้ทราบว่าหากจะมาพบจิตแพทย์นั้นต้องทำใบนัดก่อน ซึ่งผมเองรอคิวนัดอยู่ถึง 9 วัน แล้ว 9 วันนั้นเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายสำหรับผมมาก ๆ
ผมขาดเรียนและขาดสอบย่อยแบบรัว ๆ ในช่วงนั้น แล้วยังรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีใครรัก นั่งร้องไห้คนเดียวทุกวัน รู้สึกไม่มีเพื่อนคนไหนสนใจเรา กลัวโดนเพื่อน ๆ เกลียด กลัวโดนข้อหาเรียกร้องความสนใจ ผมกลัวและกังวลไปหมดทุกอย่าง และยังรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจสิ่งที่เราเป็น และที่แน่นอนครับคือผมรู้สึกอยากจะหายไปจากโลกใบนี้ จิตใต้สำนึกกำลังสั่งให้ผมแยกตัวออกมาจากสังคมแล้วตายไป ผมขังตัวเองไว้ในห้องและปิดม่านมืดสนิทไม่ยอมออกไปไหน อาหารผมก็ไม่อยากรับประทาน น้ำหนักตัวลดลงไปมากเกือบ 10 กิโลกรัม ผมได้แต่ภาวนาให้ผ่านช่วงเวลาอันแสนโหดร้ายนี้ไปได้ก่อนที่จะถึงวันนัดพบคุณหมอจิตเวช
พอถึงวันที่ได้พบคุณหมอผมก็ไปตามนัด คุณหมอใจดีมาก ๆ คุณหมอพยายามซักประวัติซึ่งผมก็เล่าทุกอย่างให้หมอฟัง ว่าผมรู้สึกเครียดและกดดันเรื่องเรียน รู้สึกกลัวไปหมดทุกอย่าง คิดว่าตัวเองไร้ค่าไม่มีใครรัก รู้สึกอยากหายไป คิดว่าลำบากกายยังดีกว่าลำบากใจ มีการทำร้ายตัวเองโดยการตบไปที่หน้าของตัวเองแรง ๆ ไม่รู้ว่าเราจะทำไปเพื่ออะไร ทั้งมีอาการนอนไม่หลับและตื่นกลางดึกแล้วนอนต่อไม่ได้ นั่่งร้องไห้คนเดียวทุกคืน ผมไม่มีกิจกรรมอื่นทำเลยนอกจาก กิน นอน และเรียน จนในที่สุดหมอก็วินิจฉัยว่าผมป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
คุณหมอให้ยาผมมาทานแล้วก็พูดให้กำลังใจผมว่าเดี๋ยวอาการผมมันจะดีขึ้นไม่ต้องกังวล และคุณ-ังคอยนัดติดตามอาการอยู่เรื่อย ๆ ผมรู้สึกสบายใจขึ้นหลังจากที่ได้พบคุณหมอและก็ทานยาตามที่หมอสั่งไม่ให้ขาด อาการผมตอนนี้ก็ดีขึ้นประมาณ 60% ผมนอนหลับได้ไม่ตื่นกลางดึกและพอมีแรงที่จะกลับไปเรียนได้อีกครั้ง อารมณ์เศร้าก็แวะเวียนมาหาผมบ้างบางครั้งแต่ไม่ใช่ทุกวันเหมือนก่อน และก็คิดว่าตัวเองคงจะหายขาดจากโรคนี้สักวันหนึ่งแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้มาจากชีวิตจริง ล้วน ๆ ครับ เพื่อน ๆ คนไหนอยากให้กำลังใจหรือแนะนำวิธีรักษาโรคซึมเศร้าแบบอื่น ๆ นอกเหนือไปจากยาก็แนะนำกันมาได้นะครับ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพทั้งกายและใจของตัวเองให้ดีนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขครับ
2 ความคิดเห็น
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ ๆ ^^
ยังมีอะไรที่ทำแล้วมีความสุขอีกบ้างไหมคะ หรือลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำดูบ้างไหม หรืออาจจะลองเขียนบันทึกความสุขเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างวันไว้ก็ได้ จะได้ไม่คิดมากเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน การเจ็บป่วยเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนค่ะ อย่าโทษตัวเองที่เป็นแบบนี้เลยนะคะ เพราะหากเลือกได้ก็ไม่มีใครอยากป่วย ตอนนี้เข้ารับการรักษาแล้ว อาจจะใช้เวลาสักหน่อยแต่ทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง กินยาและพบแพทย์ให้สม่ำเสมอ สักวันน้องจะกลับมาเป็นคนที่สดใสเหมือนเดิมได้แน่ๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?