Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เหตุผลที่ฉันเป็นโรคซึมเศร้า

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดี    ฉันขอแทนตัวเองว่า พี นะ นามสมมุติ   ตั้งแต่เด็กจนจบ  ม.3  ฉันคิดว่าฉันเป็นเด็กเรียนเก่ง เรียนดีคนนึงเลยละ   ครูมักชอบให้ฉันไปเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งนู้นนี้นั้น   สำหรับฉันตอนนั้นคือแบบ  ทำไมต้องเป็นฉัน  คนอื่นก็มี  รู้มั้ยเพราะอะไรฉันถึงไม่อยากเป็นตัวแทนไปแข่งอะไรเลย   เพราะฉันกลัวคนอื่นมองฉันไม่ดี  ฉันกลัวคนอื่นมองว่าฉันเป็นเด็กเส้น   ฉันกลัวสายตาที่ทุกคนมองมาว่าฉันใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น  แล้วรู้อะไรมั้ย ฉันไม่ได้อยยากจะอวดเลยนะ ถึงฉันจะเป็นตัวแทนไปแข่งให้กับทางโรงเรียนบ่อยๆ แต่เกรดฉันไม่เคยต่ำกว่า 3.98 เลยช่วง ม.ต้นนะ   และนั้นแหละ แล้วสิ่งที่ฉันกลัวก็เกิดขึ้จริงๆๆมันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้้ฉันไม่ค่อยกล้าสบตาคน   ไม่กล้าแสดงความสามารถอีกเลย   เพราะฉันโดนเพื่อนนินทาลับหลังว่าเพราะครูช่วยถึงได้เกรดดี   เพื่อนในห้องพากันไม่คุยกับฉัน   ตอนนั้นคือแบบ  บอกลุงกับป้าย้ายโรงเรียนให้หน่อย   หนูไม่ไหว  หนูทนไม่ได้กับสายตาพวกนั้น   ฉันอยากจะบอกกับพวกเค้าจังเลย ถ้าผ่านมาอ่านอะนะ   คุณเห็นตอนฉันนั่งอ่านหนังสือมั้ย   คุณเห็นตอนฉันตั้งใจเรียนแล้วถามครูในสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจมั้ย   แต่ก็นั้นแหละเนอะ   ฉันพูดไปใครจะเชื่อ   แต่เชื่อมั้ย   ฉันไม่ได้ย้ายโรงงเรียน  ฉันเรียนอยู่ที่นั้นจนจบ ม.3   ความรู้สีกอึดอัดตลอด 3   ปี ที่ฉันเก็บไว้ ใครจะไปรู้ว่ามันทรมานแค่ไหน   แล้วมีเรื่องแจ็กพ็อตกวว่านั้นอีกนะ   ฉันขอพ่อกับแม่ที่อยู่กรุงเทพ วว่าฉันอยากเรียนต่อเทคนิค  เพื่อที่ฉันจะได้เรียนจบแล้วมีงานทำเร็วๆ  แต่คำตอบที่ได้จากพ่อคืออะไรรู้มั้ย ไม่ต้องเรียนต่อหรอก ออกมาทำงานหาเงินส่งน้องเรียนดีกว่า   รู้มั้ยตอนนั้นที่ฉันได้ยินคำนั้นคือแบบ ฉันแทบไม่อยากเรียกพวกเค้าว่าพ่อกับแม่ มันเสียใจจนแบบ ฉันไม่ติดต่อกับเค้าอีกเลย ฉันลืมบอกไปฉันมีน้องชาย 2 คน  ฉันเป็นพี่คนโต  แล้วความดื้อรั้นของฉัน ฉันไปขอลุงกับป้าที่เลี้ยงฉันมาขอให้ฉันได้เรียนต่อ แต่แกบอกว่าต้องต่อสายสามัญนะ เพราะไม่อยากให้เรียนเทคนิค มันไกลบ้าน  ฉันก็โอเค   เหมือนชีวิตฉันจะมีแต่ปัญหาใช่มั้ย แต่เปล่าเลยฉันยังเจอความโชคดี ลุงอีกคนพีี่ชายของพ่อ แกไมม่มีลูกมีเมีย  แกเลยบอกจะส่งฉันเรียนให้จบ ม.6 ลูกชายของลุงกับป้า ก็บอกว่าจะช่วย  ให้จบ ม.6 ตอนนั้นคือแบบ โอเค ฉันขอบคุณพวกเค้ามาก เอาจริงๆ สำหรับคนจนๆ หรือแค่ความคิดฉันก็ไม่รู้นะ  ฉันว่าการเรียนจบสูงๆเท่านั้นที่จะทำให้มีโอกาส ที่จะทำให้เจอกาสดีๆเหมือนคนอื่นๆ   อ้อฉันลืมเล่าเรื่องที่บ้านไปอีกแล้วสินะ ฉันกับน้องชาายคนกลางถูกเลี้ยงโดยงลุงกับป้า ซึ่งป้าเป็นพี่สาวพ่อ  ฐานะทางบ้านถือว่าค่อนข้างยากจนเลยละ  วันไหนฉันไม่มีเงินไป โรงเรียน ป้าก็จะไปหายืมชาวบ้านมาให้ หรือวันไหนมีเงินให้ฉันแต่ไม่มีเงินให้น้องไปโรงเรียน ฉันก็ต้องเอาเงินให้น้องไปโรงเรียนแทนแล้ววันนั้นฉันก็หยุดเรียนไป ซึ่งเรื่องนี้น้องชายฉันยังไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ หรือเงินที่ลุงฉันโอนให้ทุกเดือนแทนที่มันจะเป็นเงินที่ฉันต้องเก็บไว้เพื่อไปโรงเรียน ฉันก็ต้้องแบ่งออกมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านบ้าง  ชีวิตฉันตลกสิ้นดีพอนึกกลับไป กว่าจะจบ ม.6 มาได้ ทุลักทุเลใช่ย่อย อ้อ แต่เพื่อน ม.ปลายของฉันดีนะ ฉันย้ายโรงเรียนมาสอบเข้าในตัวอำเภออยากจะอวดนิดนึง  ข้อสอบร้อยกว่าข้อฉันทำไม่ถึง 30  นาที  แถมผลออกมายังได้อยู่ห้องหนึ่งด้วย แต่ฉันไม่ชอบวิชาวิทย์-คณิต เลยเลือกเรียนสายคณิต-ภาษา เอา  เลยได้มาอยู่ห้อง 6 แทน  เพื่อนของฉันเป็นกลุ่มใหญ่ บรรยายยังไงดี  555 เวลาหลบเรียนทีนี้หายไปครึ่งห้อง คนเรามันก็ต้องใช้ชีวิตนอกกรอบบ้างแหละเนอะ  กินเหล้ากันเก่ง หลบเรียนกันเก่ง ไม่ค่อยไปเข้าแถวเคารพธงชาติ คิดถึงชีวิตช่วงนั้นแล้วก็แบบ เออตอนเรียนมัธยมมันสนุกจริงๆนั้นแหละ อาจแค่ต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน แค่นั้นมั้งที่ฉันคิดว่ามันยาก  มาเข้าสู่ช่วงใช้ชีวิตจริงจังของฉันแล้ว ............ (ถ้ามีคนสนใจอยากฟังคอมเม้นไว้นะ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อ)

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

STRT 13 เม.ย. 65 เวลา 23:55 น. 1-1

การจมอยู่กับอดีตคือชีวิตจริงของฉันค่ะ ฉันไม่สามารถปล่อยวางได้เลย

0
STRT 13 เม.ย. 65 เวลา 23:54 น. 2

เมื่อฉันเรียนจบ ม.6 ฉันได้ตัดสินใจลงมาทำงานและส่งตัวเองเรียนต่อที่กรุง ในเดือนแรกฉันไม่มีเงินซักบาท แต่โชคดีที่ได้พี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันให้ไปอยู่ด้วย แต่ฉันก็เกรงใจเขานะ เพราะพี่เขยฉันก็อยู่ด้วย ทั้งคู่ทำงานตอนกลางคืน ส่วนฉันได้งานแรกเป็นงานร้านกาแฟ เงินเดือน 10,000 แต่กว่าจะสิ้นเดือนฉันใช้ตังกับพี่สาวไปเยอะมากพี่เขยอีก ฉันถือว่าเค้ามีพระคคุณกับฉันมากๆๆเลยละ พวกพี่เค้าเลิกงานมาก็ซื้อกับข้าวมาให้ ฉันไม่มีตังไปทำงานพี่เขยก็ให้ แต่ฉันก้ยังหวังนะ ถ้าฉันโทรไปขอพ่อ พ่อต้องให้เงินฉันไว้กินบ้างแหละ แต่เปล่าเลย พ่อของฉันเงียบ ไม่ตอบอะไร ไม่โอนเงินให้ นั้นยิ่งทำให้ระยะห่างฉันกับพ่อห่างกันออกไปอีก ฉันทำงานได้เดือนนึงก็เอาไปซื้อโทรศัพท์ เพราะโทรศัพท์พัง บางคนคิดว่าทำไมไม่เก็บไว้ซื้อกิน แต่ฉันคิดว่าโทรศัพท์จำเป็นในการติดต่อ พอทำงานที่นั้นได้เดือนนึง เพื่อนฉันก็ชวนมาทำงานด้วยที่ซุปเปอร์มาเก็ต ซึ่งได้เงินเดือนเยอะกว่าและใกล้มหาลัยที่ฉันจะเรียนด้วย ฉันเลยตัดสินใจมาอยู่กับเพื่อน วันหยุดฉันไปสมัครเข้ามหาลัย ฉันได้คณะที่ต้องการจะเรียน แต่ชีวิตฉันยังไม่โชคดีขนาดนั้น จำที่ฉันเคยบอกได้มั้ยว่าลุงกับพี่ชายลูกของป้าจะพยายามส่งฉันเรียน พวกเค้าบอกกับฉันว่า วันไหนที่ต้องจ่ายค่าเทอมให้ทักมาบอก แต่พอถึงวันที่ต้องจ่าย ทุกคนไร้การติดต่อ พี่ชายบอกเอาเงินไปทำอย่างอื่นแล้ว ส่วนลุงก็เงียบ ตอนนั้นฉันมองโลกในแง่บวกมาก โอเค ปีนี้ไม่ได้เรียนไม่เป็นไร ทำงานเก็บเงินไว้เรียนปีหน้าก็ได้ แต่ตลอดระยะเวลา 1 ปี ฉันจมอยู่กับความคิดที่ว่า ทำไมทุกคนให้ความหวังฉันแล้วทำไม่ได้กันซักคนหรือเป็นเพราะฉันคาดหัวงไปเอง ฉันพยายามส่งเงินให้ที่บ้าน ลุงกับป้า เพราะพวกเค้าไม่มีงานทำ หลานลูกของพี่ชายอีก ทุกคนเหมือนกันมาพึ่งที่ฉัน จนเข้าสู่ปีที่ 2 ในการใช้ชีวิตในกรุงเทพ ฉันไปสมัครเรียนที่มหาลัยเดิม คุยกับพี่ชายว่าออกกันคนละครึ่งนะ ช่วยหน่อยเถอะ นางก็รับปากมา และชีวิตก็เล่นตลกกับฉันอีก พอถึงวัน พี่ฉันไม่มีตังให้ หลังจากนั้นฉันตัดขาดจากทุกคนในครอบครัวไปประมาณเกือบๆครึ่งปี ซึ่งนั้นพอทำให้ฉันมีเงินเก็บบ้าง ฉันจึงเริ่มเปิดใจให้พวกเค้าใหม่ แต่ก็กลับมาอีร็อบเดิมทุกอย่างมาลงที่ฉัน ตอนนั้นคือแบบ ทำไมต้องเป็นฉันอีกแล้ว ทำไมฉันต้องคอยแก้ปัญหาให้คนอื่น ฉันเหนื่อยมากจนอยากตาย แต่ฉันก็ห่วงน้องชายคนกลางเลยพยายามใช้ชีวิตมาตลอด จนฉันได้รู้จักกับพี่คนนึง เค้าบอกให้เรียน ปวส ก่อนมั้ย ค่าเทอมแบ่งจ่ายได้ และตอนนัั้นฉันได้เปลี่ยนงานมาทำงานร้านกาแฟ ซึ่งพี่เจ้าของร้านใจดีมากกกก เมื่อไหร่ที่ต้องสอบแล้วค่าเทอมไม่พอเค้าก็จะให้เบิกเงินก่อน เมื่อไหร่ที่ฉันส่งเงินให้บ้านแล้วเงินฉันไม่พอใช้พี่เค้าก็จะคอยช่วยเหลือตลอด จนฉันเรียนจบ ปวส แต่คนเรามีพบก็ต้องมีจาก ฉันคิดว่าความคิดฉันความรู้สึกฉันมันไม่ไหวต่อการดำเนินชีวิตแล้ว ฉันจึงตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ แล้วเค้าก็ยืนยันว่าฉันเป็นซึมเศร้า ซึ่งช่วงนั้นฉันดาวน์มากๆ เรื่องที่บ้าน น้อยใจลุงกับป้าพ่อกับแม่ ที่สามารถส่งน้องชายคนกลางเรียนมหาลัยได้ แต่กับฉันไม่มีอย่างนั้น แต่ชีวิตคนเราตายยากนะ ฉันพยายามกินยาฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา ไมม่อยากรับรู้อะไร เพราะบอกที่บ้านไปเค้าก็หาว่าฉันบ้า คิดมากไปเอง และหลังจากนั้นพ่อกับแม่ให้ฉันไปอยู่ด้วยเพราะอาการฉันหนัก ฉันไม่ยอมออกไปเจอผู้คน ไม่อยากกินข้าว แล้วเหมือนวันนั้นแม่ทะเลาะกับน้องชายคนเล็ก มันทำให้ฉันคุมตัวเองไม่ได้หากได้ยินเสียงทะเลาะกันดังๆ วันนั้นฉันกินยาฆ่าตัวตายอีกรอบ แต่พระเจ้าก็เล่นตลก ฉันยังสามารถตื่นลืมตาขึ้นมาได้ แล้วพ่อกับแม่ก็รู้เรื่องที่ฉันกินยานั้น หลังจากนั้นเค้าก็พยายามใส่ใจฉันมากขึ้น กลัวฉันคิดมาก แต่ฉันก็มีกำแพงที่กั้นความสัมพันธ์ จนวันนึงฉันได้ระเบิดออกมา พ่อกับแม่ได้แต่เงียบ แล้วก็บอกว่าฉันคิดมาก ฉันอยากจะพูดเยอะกว่านี้นะแต่เหมือนคนอกตัญญูเข้าไปทุกที ตอนนี้ฉันกำลังพยายามเก็บเงินเรียนต่อ ป.ตรี เพราะมันเป็นความสุข และความฝันเดียวขอองฉันที่ฉันสามารถทำให้ตัวเองได้ และตอนนี้ฉันก็รักษาโรคซึมเศร้ามาปีกว่าแล้ว ถามว่าอาการดีขึ้นมั้ย ไม่เลย555555 ตอนนี้ฉันไม่สามารถทำงานได้เพราะสภาพจิตใจฉันไม่คงที่ แต่ละวันได้แต่คิดว่าทำไมฉันไม่หายไปซักที บางคนอาจส่งสัยวิธีฆ่าตัวตายมีตั้งเยอะทำไมไม่ทำเรียกร้องความสนใจรึเปล่า ฉันบอกความจริงให้ก็ได้ ที่ฉันไม่ทำวิธีอื่นเพราะกลัวตายศพไม่สวย ชีวิตคนเราหากยังไม่ถึงวาระต่อให้อยากตายแค่ไหนก้ไม่ตาย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ บ้านไม่ใช่เซฟโซนของทุกคน ฉันก็ไม่รู้จะบอกการใช้ชีวิตยังไงเพราะวันนี้ฉันก็ยังร้องไห้อยู่เลย คิดว่าตัวเองไม่มีค่า ทุกคนอาจสงสัยฉันไม่ทำงานแล้วเอาตังไหนใช้ ฉันอยากบอกว่าฉันยังโชคดีที่เจอแฟนที่เข้าใจและคอยซัพพอร์ทฉัน ถ้าไม่มีเค้าตอนนี้ชีวิตฉันจะเป็นยังไงก็รู้

0
STRT 13 เม.ย. 65 เวลา 23:57 น. 3

ฉันอาจจะเล่าไม่หมดหรือไม่เคลียต้องขออภัยนะคะ เพราะถ้าเล่าออกไปหมดจริงๆฉันคงอกตัญญูมากๆๆ

0
STRT 13 เม.ย. 65 เวลา 23:59 น. 4

แล้วก็มีประโยคนึงที่ฉันจำฝังใจมาจนทุกวันนี้ก็คือ ฉันได้ยินลุงกับป้าคุยกันว่าถ้าไม่ได้เลี้ยงดูฉันหรือน้องชายฉันพวกเค้าคงจะสบายกว่านี้ นี้จึงเป็นเหตุผลที่ฉันกดดันตัวเองให้พยายามหาเงินเก่งๆ เพื่อที่จะทำให้พวกเค้าสบาย

0