Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ความคิดของเด็ก 7-8 ขวบ กับ ความคิดของคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิต ทำไมถึงต่างกัน !?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ผมเคยเห็นเด็กวัย 7-8 ขวบ อารมณ์ร้อนหุนหันพลันแล่นไม่คิดหน้าคิดหลัง กับ คนที่ผ่านชีวิตอย่างพ่อ 

แม่บางทีเคยเกือบตายเพราะเหตุที่ผ่านอุบัติเหตุ มา
ได้ 5-6 ปี เริ่มมาตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ต่างๆ และ ค่อยๆ ไปตามระเบียบความเร็วของถนนดังกล่าว 
แต่วัยหนุ่มบางคนเลือดร้อน ไม่ค่อยตรวจเช็คสภาพ
รถยนต์ ขับรถยนต์ด้วยอารมณ์เดือดบางคนขับรถ
จนประสบอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตาย หรือ พิการ
ก็มีเยอะ ที่ผมพิมพ์สอบถาม เมื่อคนเจอกับอุบัติเหตุ
ครั้งเลวร้ายจะสอนชีวิต ทำให้คนเราสามารถจดจำ
ได้งั้นเหรอ เท่าที่ผมเห็นบางคนก็ไม่ได้จดจำอะไร
เลยครับ เช่น ชนเสาร์ไฟฟ้า ชนต้นไม้ แหกโค้งคอ
หักตาย และ ความสงสัยของผมอีกอย่างเด็ก 7-8 
ขวบ จะมีวิธีคิดเหมือนกับ คนที่ผ่านชีวิตมาช่วงเวลา
หนึ่งจะเป็นไปได้ไหมครับ

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

เด็กชายวัยชรา 8 พ.ค. 65 เวลา 13:16 น. 2

ไม่มีทางที่เด็ก 7 8 ขวบจะมีวิธีคิดเหมือนคนอายุเยอะครับ สมองของเด็กยังเติบโตไม่สมบูรณ์ วิธีการคิด ความซับซ้อนในการคิด การรับรู้สิ่งต่าง ๆ มันเทียบกับผู้ใหญ่ไม่ได้เลย เช่น เราแยกสีฟ้า สีน้ำเงิน สีคราม สีกรมท่า สียีนส์ได้ด้วยตาเปล่า แต่กับเด็ก เขารู้จักแค่สีน้ำเงินกับสีฟ้า ถ้าถามเขาว่ากางเกงยีนส์สีอะไร เขาไม่รู้จักสียีนส์หรอก เขาก็คงจะตอบสีที่รู้สึกว่าใกล้เคียงที่สุด ก็คือสีน้ำเงิน

ส่วนประสบการณ์ คือการผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ในขณะที่ยังมีชีวิต เรื่องราวพวกนั้นมันแทรกซึมเข้าไปในหัวสมองของเรา ทำให้เกิดการเรียนรู้ครับ ประสบการณ์ดี ๆ เราก็จะชอบ เช่น ไปเที่ยวยุโรปมาแล้วเห็นบ้านเมืองสวย สนุก พอกลับมาที่ไทยก็อยากกลับไปเที่ยวที่ยุโรปอีก เพราะมีประสบการณ์ไปเที่ยวยุโรปมาแล้ว และมันทำให้มีความสุข ก็นับได้ว่าเป็นประสบการณ์ดี ๆ แต่กับประสบการณ์ที่ไม่ดี เช่น ขับรถเร็วแล้วแหกโค้งเกิดอุบัติเหตุ คราวต่อ ๆ ไปคุณจะระวังการเข้าโค้งมากขึ้น เพราะคุณมีประสบการณ์เคยแหกโค้งมาแล้ว และมันทำให้คุณเจ็บตัว รถพัง เสียเงินหลายแสน นั่นแหละครับคือการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์

0
White Frangipani 8 พ.ค. 65 เวลา 17:19 น. 3

ความคิดของเด็ก 7-8 ขวบ กับ ความคิดของคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิต ทำไมถึงต่างกัน !?


ความสงสัยของผมอีกอย่างเด็ก 7-8

ขวบ จะมีวิธีคิดเหมือนกับ คนที่ผ่านชีวิตมาช่วงเวลา

หนึ่งจะเป็นไปได้ไหมครับ



สวัสดีค่ะ


ตอบคุณว่า ในบางรายอาจจะเป็นไปได้ค่ะ


เข้ามาเป็นเพื่อนคุยกับคุณในเรื่องของความคิดของคนที่แตกต่างวัยนะคะ


คำถามที่คุณถามเข้ามา ของคนที่มีวัยที่แตกต่างกัน ทั้งทางด้านอารมณ์ และ การใช้มันสมองของคนเราในอายุที่แตกต่าง..นะคะ


โดยส่วนตัวนะคะ ด้วยที่เป็นเหตุบังเอิญมาก ๆ ที่มีความสนใจ ในปฎิกริยา การกระทำ ที่ผ่านความคิด หรือบางครั้งอาจจะไม่คิด ของเรา ๆ ในทุก ๆ วัน นั้นเจ้าของเม้นต์ชอบนำมาคิด มาพิจารณา ว่าด้วยเพราะอะไร เรา ๆ ผู้ที่มีวัยที่แตกต่าง จึงกระทำหลายสิ่ง หลายอย่างออกมาในรูปแบบนั้น ๆ


คือในส่วนตัวชอบสังเกตุค่ะ


จากประสบการณ์ที่จับตามอง และที่เห็น ๆ มานะคะ จึงเกิดเป็นคำตอบให้คุณได้ว่า ในเหตุเช่นที่คุณตั้งเป็นคำถามเข้ามานี้ สามารถเกิดขึ้นได้จริงค่ะ


แม้จะไม่ชัดเจน หรือเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็เกิดขึ้นได้จริงค่ะ


ทั้งนี้หลาย ๆ คน อาจจะใช้คำที่เป็นคำแสลงดังที่ว่า เป็นอะไรที่เหลือเชื่อ เป็นปาฎิหารย์(คล้ายเด็กเทวดามาเกิดม้างงงง ฮ่า ฮ่า ฮ่า บ่อย ๆ ที่เราได้อ่าน ได้ดู ผ่านความบันเทิงในแตกต่างรูปแบบ เช่น หนัง ละคร หรือนิยาย แบบนั้นนะคะ คือบางครั้งนะ เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย ก็สามารถเกิดขึ้นได้ค่ะ)



ซึ่งโดยส่วนตัวเข้าใจว่าเหตุเช่นนี้ แท้จริงสามารถเกิดขึ้นได้จริง แม้จะไม่บ่อยนัก แต่สามารถเกิดขึ้นได้ค่ะ และมีความเข้าใจด้วยค่ะว่า ในที่นี้ คือความชาญฉลาดทั้งทางอารมณ์ และทางสติปัญญาของคนเรา นั้นเองค่ะ


คือความสามารถทางอารมณ์( E.Q. มาจากคำว่า Emotional Quotient หรืออีคิว) และมันสมอง คือความชาญฉลาดทางด้านสติปัญญา( คือ IQ มาจากคำว่า Intelligence Quotientหรือ ไอคิว)เกิดขึ้นได้ หรือไม่?

ในอานุภาพ หรือศักยภาพ หรือคุณภาพที่แตกต่างกัน และในวัย และอายุที่แตกต่างกัน หรือไม่? นะคะ


จริงแล้วนะ อานุภาพของสติปัญญา และ อารมณ์ของคนเรานะคะ มันสามารถแตกต่างกันได้ ตั้งแต่เกิด จนวันตาย นั้นก็เป็นความจริงค่ะ


ยกตัวอย่างเช่นนนะคะ เช่นในเด็กบางคน ตั้งแต่เด็กตัวเล็ก ๆ เมื่อที่เขารู้ความบ้างแล้ว และเขามีวัยเพียง 3-4 ขวบเท่านั้นเอง


เราอาจจะนำเด็กในอายุประมาณ 3 -4 ขวบ หลาย ๆ คน มาทดสอบ ทดสอบทั้งไอคิว หรืออีคิว เราก็จะสามารถรู้ได้ ด้วยการได้คำตอบจริงว่า จริงแล้วนะ คนเราแตกต่างกันได้ตั้งแต่เกิด จนโต และ จนแก่ชรา จนถึงวันที่จากโลกนี้ไป นั้นเป็นความจริงนะคะ


เด็กบางคน รู้ถึงความก็มีความเฉลียวฉลาด บางฉลาดทางด้านอารมณ์(อีคิว) บางฉลาดทางด้านสติปัญญา(ไอคิว) หรือในบางรายเฉลียวฉลาดทั้งทางด้านอารมณ์ และสติปัญญา


และเด็กเหล่านี้ แน่นอน ความเฉลียวฉลาดที่เป็นธรรมชาติของเขา ก็จะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เพราะในธรรมชาติของสติปัญญา หรือ อานุภาพ หรือคุณภาพทางอารมณ์นั้น เมื่อเกิดมาเขาก็มีความชาญฉลาดแล้ว และแน่นอนนับวัน ทักษะเหล่านี้ ก็จะยิ่งเฉลียวฉลาดยิ่งขึ้น ซึ่งงนั้นก็เป็นธรรมชาติอีกด้วย มีรวมอยู่ในเหตุเดียวกัน


เมื่อเขามีความสามารถเรียนรู้ถึงสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เขาก็จะยิ่งพัฒนา และมีอานุภาพที่ดียิ่งขึ้น ๆ ไป ทั้งนี้ ด้วยที่เขาเกิดมาก็มีความเฉลียวติดตัว เป็นธรรมชาติของเขา และแน่นอน ความเฉลียวฉลาด จะยิ่งแกร่งกล้า และจะยิ่งมีอานุภาพขึ้นเรื่อย ๆ เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติของสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดนั้นเองค่ะ


ทั้งนี้ เรากล่าวถึงเด็กที่เกิดมาเฉลียวฉลาดเป็นธรรมชาติของเค้านะคะ

และ แน่นอน เมื่อเด็กเหล่านี้ โตมาเมื่อายุได้ 7-8 ขวบ ตามที่คุณสงสัย คนในวัยนี้ ว่าด้วยเด็กในวัยนี้นะ จะสามารถเห็น รู้ เข้าใจหลายสิ่ง หลายอย่างเกี่ยวกับการดำรงไปของชีวิต และสิ่งแวดล้อมนานา รู้ เข้าใจในกลไกของธรรมชาติ รู้ได้ถึงธรรมชาติ ของธาตุทั้งสี่ ซึ่งเป็นธาตุที่หล่อหลอมในมวลสัพสิ่งทั้งหลายบนโลกนี้ ไอคิวระดับนี้ ก็มีเกิดขึ้นได้


คือ ในบางรายจะเข้าใจได้ในระดับนี้เลยทีเดียว และเมื่อเขาสามารถเข้าใจได้แบบนี้ ซึ่งเป็นแก่นแท้ของสัพสิ่ง แน่นอนเด็กเหล่านี้ ก็จะสามารถเข้าใจเหตุการณ์ สาเหตุ เหตุที่เป็นปัจจัยในการดำรงไปของชีวิตได้มากมาย เกินกว่าวัยที่เขาได้ถือกำเนิดบนโลกนี้ค่ะ

(ในกรณีนี้ คนส่วนมากอาจจะให้ชื่อ หรือเชื่อว่า เขา เด็กเช่นนี้อาจจะระลึกชาติได้ เพราะด้วยเกิดมาหลายชาติ หลายภพ และมีความทรงจำติดตัวมา ในทุกชาติ ที่เกิดมาเขาจึงสามารถเข้าใจในสัพสิ่งนานาได้ดียิ่ง และง่ายดาย แบบนั้นนะคะ)


ซึ่ง ในที่นี้ คุณตั้งคำถามเข้ามาว่าด้วย เด็ก ๆ ในวัย7 -8 ขวบจะมีความคิดต่าง ๆ ได้ดี ในแบบที่ผู้ใหญ่ หรือผู้ที่มีประสบการณ์ผ่านชีวิตมาหรือไม่นะคะ?


โดยส่วนตัว เข้าใจว่า หากเป็นเด็กที่เกิดมามีไอคิว มีอีคิวอันดี ดังที่กล่าวมาเบื้องต้นเป็นธรรมชาติของเขานะคะ เด็กในวัยที่คุณถามเข้ามานี้ เขาทั้งหลาย ก็จะสามารถเห็น รู้ เข้าใจอะไร ๆ ได้ง่าย ๆ ชัดเจน ในระดับที่หลาย ๆคนอาจจะงง หรือสับสน สงสัยในอานุภาพแห่งความเห็น รู้ ความเข้าใจในเหตุต่าง ๆ ของเขาที่ดูจะง่าย ก็เป็นได้ค่ะ


เช่น เขาอาจจะสามารถเห็นได้ว่า เหตุการณ์ตรงหน้าของเขานั้น อาจจะเกิดเป็นอันตราย หากประมาท เด็กเช่นนี้จึงเกิดเป็นคนที่มีความระมัดระวังสูง

(เด็กวัยที่คุณกล่าวมานี้ มีอยู่จริงนะคะ)

หรือ เด็กเป็นคนที่สามารถเห็น รู้ เข้าใ ใจ ในกลไกของหลายสิ่งอย่างได้ชัดเจนในเหตุที่เป็น หรือเหตุที่เป็นปัจจัยต่าง ๆ นานา เด็กเหล่านี้ เราจะเห็นได้ว่าเขาเกิดเป็นคนที่คล่องแคล่ว ว่องไวในการใช้สติ ใช้ปัญญากับทุกอย่าง ทั้งนี้เพื่อปิดกั้น หรือเพื่อหลบเลี่ยงการเกิดปัญหาของเขาเอง นั้นก็เป็นธรรมชาติของเด็ก ที่เขาเกิดมาด้วยมีสติปัญญาอันดีติดตัวเขามาตั้งแต่เกิดค่ะ


หรือ แม้การเรียน การศึกษา เด็กเหล่านี้จะทำได้ดี เพราะด้วยที่เขาเข้าใจ มีความจำดี

เช่นที่เรา ๆ จะเคยได้รับฟัง หรือได้ยินพ่อแม่ของเด็ก หลาย ๆคนชื่นชมลูก ๆ ของตนด้วยว่า เก่งกว่าพ่อแม่ เกิดมาก็เก่ง เรื่องเรียน เรื่องทักษะมากมายที่ลูก ๆ ของเขาทำได้ หลาย ๆ ครั้ง เราจะได้ยินคำชื่นชมที่ แม้พ่อแม่ผ่านชีวิตมาก่อนมากมาย แต่พ่อแม่จะไม่มีวันทำได้ (เด็กแบบนี้ คือลูกที่สวรรค์ส่งมา แบบนั้นนะคะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า)


คือ เด็กเช่นนี้มีอยู่จริง หรือเกิดขึ้นได้จริงค่ะ คือ เขาเกิดมาก็มีอานุภาพของสมอง สติ ปัญญา และอารมณ์ ที่มีศักยภาพดี หรือมีอานุภาพสูงส่ง หรือเป็นเด็กที่เก่ง และเมื่อโตขึ้นตามวัย ความเฉลียวฉลาดก็ยิ่งแตกฉาน ทั้งนี้ คืออานุภาพของธรรมชาติที่เขามีเกี่ยวกับไอคิว และอีคิวนั้นมีอยู่จริง


และ เมื่อเรากลับไปมอง ความแตกต่างที่คุณสงสัย ดังที่ว่า

ความคิดของเด็ก 7-8 ขวบ กับ ความคิดของคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิต ทำไมถึงต่างกัน !?


ซึ่งจริงแล้วนะคะ ในบางเหตุการณ์ ผู้ใหญ่หลาย ๆ คน ที่เกิดมา จนอายุมากก็ไม่เฉลียวฉลาดได้ ทั้งที่ผ่านชีวิตมามากมาย หากแต่กลับไม่มีความทรงจำบทเรียนมากมายนั้น ทั้งที่ผ่านมาแล้ว ทั้งเหตุการณ์ดี และร้าย แต่ผู้ใหญ่หลายคนก็มีความผิดพลาดซํ้า ๆ ตลอดชีวิต ทั้งนี้ เพราะด้วยไอคิว หรือมันสมองของเขามีอานุภาพ หรือศักยภาพที่อาจจะไม่ดีพอ แบบนั้นนะคะ


หรือ คุณครูหลาย ๆ คน ทั้งที่เรียนจบวิชา ว่าด้วยการที่จะเป็นผู้อบรมสั่งสอนเด็ก ๆ ด้วยความรัก ความปรานี ภายใต้การอบรม สั่งสอน หากแต่ ครูหลายๆๆๆๆๆๆ คน ในโลกนี้ ก็ตีเด็ก ๆ ทำร้ายเด็ก ๆ ด้วยวิธีต่าง ๆ นานา ตามอำเภอใจ ตามอารมณ์ ตามสติปัญญาของตน ในรูปแบบที่ว่าถูกต้องแล้ว และทั้งหมดนี้นำความทุกข์ทรมานมาให้เด็ก ๆ


ดังที่เรา ๆ จะรู้ เห็นได้บ่อย ๆ ว่า เด็ก ๆ มีความทุกข์ทรมานในการที่ต้องเกิดมาเป็นคน เขาต้องไปโรงเรียน ต้องอยู่ภายใต้ครูที่มีสติปัญญา และอารมณ์ ที่อาจจะไม่มีอานุภาพ หรือศักยภาพที่ดีพอ เหตุเช่นนี้ เกิดขึ้นจริง ในทุก ๆ วันนะคะ คุณเจ้าของกระทู้


เคยได้ยินมากับหู หรือในบางรายเห็นมากับตา ซึ่งคุณเจ้าของกระทู้เอง ก็อาจจะเคยได้ยิน ได้เห็นมาบ้างนะคะ ด้วยคำที่บอกเล่าจากเด็ก ตัวเล็ก ๆ ว่า เพราะอะไรนะ ครูจึงโหดร้าย ใจร้าย แค่ทำการบ้านไม่ได้ หรือเรียนไม่เข้าใจ ทำไมครูต้องตีด้วย ต้องลงโทษหนัก ๆ ด้วย ต้องด่าทอเสีย ๆ หาย ๆ ครูบางคนพาลด่าทอถึงพ่อแม่ ทำให้เกิดเป็นความทุกข์ทรมานทั้งสังคม ทั้งเด็ก ๆ เหตุเช่นนี้มีเกิดขึ้นจริง ภายใต้การทำหน้าที่ ที่สำคัญของผู้ใหญ่ ของผู้ที่มีวัย และวุฒิด้วยนะคะ


ทั้งนี้ เพราะเหตุในความเป็นจริง มีสาเหตุมาจาก สติ ปัญญา หรืออารมณ์ที่ไม่มีอานุภาพดีพอ ทำให้การปฎิบัติงาน หรือปฎิการต่าง ๆ มีรูปแบบที่ไม่ดีนัก หากแต่ เกิดเป็นเหตุที่ยํ่าแย่ ซึ่งเขาทั้งหลายเองไม่รู้ตัว เหตุเช่นนี้เกิดขึ้นจริง ในทุกวันนะคะ


หากแต่ เด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ ที่ถูกกระทำ เขาทั้งหลายยังเข้าใจ และเขาทั้งหลาย ก็ต้องตกอยู่ภายใต้เบื้องล่าง และรับความทุกข์ทรมาน ชนิดเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเหตุเช่นนี้มีเกิดขึ้นจริง เห็นได้ เป็นหลักฐานได้อย่างดีนะคะ


ซึ่งเหตุเช่นนี้เป็นความจริง และเกิดขึ้นได้ ในคน ในวัยที่แตกต่าง เป็นความจริงค่ะ


คือ ในที่นี้ ในการเปรียบเทียบ เช่นที่คุณนำมาเปรียบเทียบนี้ คงไม่ง่ายนักที่หลายคนจะเข้าใจ ได้ชัดเจน เพราะเป็นแง่มอง หรือภาคปฎิบัติ ที่ซับซ้อน และที่แย่ ๆ คือ คนเรานะคะ มีวัฒนธรรมที่ว่า ผู้ใหญ่ ผู้ที่เกิดมาก่อนนะ เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ และประสบการณ์นั้นคือครู และผู้ใหญ่ เขาทั้งหลาย ผู้ที่เชื่อว่าเกิดมาก่อน ก็เป็นผู้ที่เด็ก ๆ ส่วนมาก ต้องยอม และจำนน ทั้งหมดนี้ แท้จริงเป็นเพียงวัฒนธรรม เป็นความเชื่อ ที่คนเราสร้างขึ้นมา อุปโลกขึ้นมา นั้นก็เป็นความจริงนะคะ


เพราะ ในความเป็นจริงแล้วนะ อานุภาพของสติปัญญา หรือของอารมณ์ของคนเรานั้น มีความแตกต่าง ตั้งแต่คนเราถือกำเนิดแล้วค่ะ


คือ หากเราจะนำเอาอายุ มาเป็นตัวเปรียบความฉลาด หรือสติปัญญา ซึ่งทั้งหมดนี้ คือกลไกสำคัญในการเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในทุก ๆ อย่าง ในชีวิต ได้ดี ซึ่งแน่นอนทั้งสองอย่างนี้ เป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน แต่เราคงนำมาเปรียบเทียบ เพื่อตัดสินไม่ได้ อย่างแน่นอนค่ะ


คือ ผู้ใหญ่ที่ไม่มีไอคิว และ ไม่มีอีคิว ที่ดีพอ แม้จะผ่านชีวิตมามากมาย แต่ปฎิกริยาที่เขามีต่อการดำรงไปในชีวิต ในบางราย ก็ไม่ต่างจากเด็ก 5-6 ขวบ คือทำอะไร ๆ ไร้สาระไปวัน ๆ คล้ายไม่มีแก่นสาร ไม่มีหลักยึด ผู้ใหญ่แบบนี้ ก็มีอยู่จริงนะคะ


เพราะฉะนั้น เข้าใจว่า ระหว่าง อายุ รวมประสบการณ์ และ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ คุณภาพ อานุภาพของสติปัญญา ผ่านภาคปฎิบัติจริง ผ่านการกระทำนานา เห็นเป็นผลงานจริง นั้นต่างหาก คือตัวตัดสินค่ะ


ทั้งนี้ ตามที่เข้าใจนี้ เจ้าของเม้นต์จึงเข้าใจว่า เด็ก ๆ ในวัย7-8 ขวบ ในบางรายนะคะ มีสามารถรู้ เห็น เข้าใจในกลไกของสิ่งแวดล้อม หรือระบบ วาระ สัพสิ่ง ชิ้นอัน ต่าง ๆ ของเขาได้ชัดเจน แม้ว่าในวัยเด็กเราอาจจะไม่รู้ว่าเด็กเหล่านี้คิดเช่นไร แต่เราจะเห็นได้ผ่านการกระทำ การแสดงออกของเขา และแน่นอน เมื่อประสบการณ์เขาเพิ่มขึ้น คือเมื่อเขาโตขึ้น เด็กเหล่านี้ ก็จะยิ่งชาญฉลาดยิ่ง ๆ ขึ้นไป เป็นธรรมดา


ซึ่งตรงข้ามกับผู้ที่อาจจะเกิดก่อน หรือในผู้ใหญ่บางราย ที่เกิดมาก็ไม่สามารถเข้าใจสิ่งใด ๆ ได้ง่าย ๆ เกิดความผิดพลาด พลาดพลั้งบ่อย ๆ หรือตลอดเวลา และยิ่งชีวิตต้องต่อสู้ ในวัยที่ต้องสู้เพื่อชีวิต คนเหล่านี้ยิ่งแย่ คล้ายชีวิตเป็นเพียงอาการที่ยํ่าแย่ คล้ายมืดฟ้ามัวดิน มีเพียงความสับสน มึนงงไปหมด จับต้นชนปลายในการดำรงไปของชีวิตไม่ได้ ต้องดิ้นรนไป ตราบที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น


และในเรื่องของความทรงจำ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่เขาทั้งหลายผ่านมาแล้วมากมายก็ตามที หรือที่เคยเรียนรู้ เคยผิดพลาดมาแล้ว ก็ตามที แต่เขาหลาย ๆ คน เหล่านี้ ก็สามารถผิดพลาดซํ้าซากได้ หรือในรายที่แย่ ๆ คือจดจำความเป็นตัวตน หรือแก่นแท้ที่เป็นตัวตนของเขาไม่ได้เลย ซึ่งผู้ใหญ่เช่นนี้ ก็มีอยู่จริงนะคะ


ทั้งนี้ เป็นผลมาจากไอคิว หรืออีคิวที่มีอานุภาพที่แตกต่าง ตั้งแต่เราถือกำเนิด หรือที่เป็นธรรมชาติของเรา ๆ แล้วค่ะ


เพราะฉะนั้นในความจริงที่มีอยู่ ประสบการณ์(ของคนที่มีอายุแล้ว หรือที่โตแล้ว) กับ ความเฉลียวฉลาดต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำรงไปของเด็กในวัย7-8ขวบ นั้นแน่นอน คงจักนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ค่ะ หรือ ไม่ควรนำมาเป็นตัวเปรียบเทียบ หรือไม่ควรนำมาตัดสินน่าจะดีที่สุดค่ะ


เพราะจริงแล้วนะ สองเหตุการณ์นี้ มีวาระ มีที่มาที่แตกต่างกันตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เริ่ม...ค่ะ


และ ทั้งหมดนี้ คือ การที่ไม่นำมาเป็นวัฒนธรรมในการเปรียบเทียบ หากแต่ผู้ใหญ่ที่ต้องต้องยอมรับ ยินดี ต้องช่วย ต้องส่งเสริมให้เด็ก ๆ ในวัยดังกล่าว ซึ่งเขาทั้งหลายอาจจะเกิดมาก็มีดี มีสติ มีปัญญา มีอารมณ์ ที่มีอานุภาพดีอยู่แล้ว ให้ดี ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จะทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกัน ของคนในสองวัยนี้ ง่ายขึ้น ต่อไป ในอนาคตด้วยค่ะ


เพราะในความจริง สองอย่าง คือ วัยที่แตกต่าง และ ความคิด...ที่เกิดขึ้นได้ ที่คุณนำมาเป็นประเด็นสนทนานี้ เป็นคนละเคสกัน หรือเป็นเส้นขนานกันเลยด้วยค่ะ


ทั้งหมดนี้ เป็นความเข้าใจในเหตุที่คุณสงสัยนะคะ และเป็นคำตอบ ซึ่งเป็นของบุคคล และมีความแตกต่างด้วยนะคะ

ทั้งหมดนี้ แลกเปลี่ยน แบ่งปัน ความคิดเห็นที่มีอยู่ เกี่ยวกับประเด็น ซึ่งเป็นความเห็นของคุณค่ะ


-----------------

ปล.

เม้นต์นี้ อาจจะทำให้ผู้ใหญ่หลาย ๆ คน สะดุดที่ความรู้สึกต้องขออภัยด้วยนะคะ หากแต่เจ้าของเม้นต์มิได้ตั้งใจสื่อ...เพื่อให้เกิดเป็นเหตุที่ติดลบแต่อย่างใด ต่อคนในวัยที่เป็นผู้ใหญ่ หากแต่ เม้นต์ด้วยความเห็นที่ได้จากการจับตามอง ในเหตุที่เป็นสาระ เป็นคำถามจากเจ้าของกระทู้ ในเหตุที่เป็นไป...ของการอยู่ร่วมกัน ของเรา ๆ ในทุกวัย ในสังคมโดยรวมค่ะ


หากเพื่อน ๆ ท่านใด คนไหน ต้องการแลกเปลี่ยน ชี้แนะ หรือแบ่งปันความคิดเห็น หรือแง่คิดมุมมองที่แตกต่าง เพื่อน ๆ ทุก ๆคนสามารถทำได้นะคะ

เพียงแต่ ขอความกรุณาใช้คำที่สุภาพ จะเป็นเหตุที่น่ายินดียิ่งค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


0
Shalnark T Diabolus 8 พ.ค. 65 เวลา 19:07 น. 4

มันจะไปเหมือนได้ยังไงล่ะครับ แค่ความสมบูรณ์ของสมองก็ไม่เท่ากันแล้ว ไหนจะเรื่องของความรู้หรือประสบการณ์ชีวิตอีก

0
bchyy 9 พ.ค. 65 เวลา 12:59 น. 5

เด็กบางคนฉลาด วิธีคิด อาจไม่แตกต่าง หรือมีกระบวนการคิดที่ดีกว่าก็ได้ แต่สิ่งที่ต่างก็คือ เงื่อนไข หรือข้อมูลที่จะเอามาประมวลผลร่วมด้วย เด็กยังมีน้อย ซึ่งข้อมูลพวกนี้ก็คือประสบการณ์ อย่างเช่นเรื่อง่ายๆ เด็กและผู้ใหญ่รู้ว่าถ้าเขียนแล้วต้องการแก้ ก็จะต้องลบ เด็กก็ใช้แรงลบไปเผลอๆ กระดาษขาด แต่ผู้ใหญ่จะรู้ว่ากระดาษอาจขาด มีวิธีผ่อนแรง มีวิธีจับกระดาษไม่ให้ขาด

0
Jay Mcwell 10 พ.ค. 65 เวลา 14:20 น. 6

ขอบคุณที่มาคอมเม้นต์กันครับ ที่ผมเห็นมาด้วยตาของเองจากการใช้รถใช้ถนน ร่วมทั้งการใช้ถนนฟุตบาตด้วยตัวของผมครับ ที่ผมตั้งคำถามด้วยสงสัยที่ว่ามานั้น สามารถเกิดได้ตามชีวิตปกติของหลายๆ ที่ได้พบเจอไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงไปว่าอะไรใครหรอกครับ

0