Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แม่เราคลั่งเรื่องกรรมไปรึเปล่า

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

คือเราเป็นภูมิแพ้ จามไม่หยุดแล้วเหมือนมันเป็นมาตั้งแต่ม.4จนตอนนี้เข้ามาลัยแล้วอาการมันหนักขึ้น แล้วแม่มาบอกเราว่าเป็นเพราะเราพูดจาไม่ดีกับพ่อแม่ ชอบเถียงพ่อแม่ทำให้เราเป็นแบบนี้เป็นเพราะกรรมเลยส่งผลให้เราเป็นแบบนี้ เอาจริงๆเราปวดหัวกับชุดความคิดแบบนี้มาก อะไรหน่อยก็บอกว่ากรรม เพื่อนๆพี่ๆมีความคิดเห็นยังไงบ้างคะะ 

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

White Frangipani 23 ก.ค. 65 เวลา 18:24 น. 3

แม่เราคลั่งเรื่องกรรมไปรึเปล่า


สวัสดีค่ะ


คือเราเป็นภูมิแพ้ จามไม่หยุดแล้วเหมือนมันเป็นมาตั้งแต่ม.4จนตอนนี้เข้ามาลัยแล้วอาการมันหนักขึ้น แล้วแม่มาบอกเราว่าเป็นเพราะเราพูดจาไม่ดีกับพ่อแม่ ชอบเถียงพ่อแม่ทำให้เราเป็นแบบนี้เป็นเพราะกรรมเลยส่งผลให้เราเป็นแบบนี้


อ่านแล้ว ก็เข้าใจว่า คุณแม่ของคุณนะคะ น่าจะเป็นผู้เชื่อถือ ในความเชื่อเก่า ๆ ที่อาจจะผิดค่ะ


และ อาจจะผิดในภาคปฎิบัติ เกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องของกรรมอีกด้วยค่ะ


หากคุณจะถามว่า แม่เราคลั่งเรื่องกรรมไปรึเปล่า


สำหรับเจ้าของเม้นต์นี้ เข้าใจว่าการที่คนเรานะมีความเชื่อ มีความศรัทธาในเรื่องของกรรมหรือเวรนะ เป็นสิ่งที่ดียิ่งกว่าสิ่งใดในการมีชีวิตอยู่ค่ะ หากแต่การเชื่อในแบบผิด ๆ เชื่อแบบไม่มีเหตุผล เชื่อแบบไม่มีข้อยกเว้น ก็นำความวุ่นวายมาสู่ตนเอง และคนรอบด้าน หรือคนในครอบครัวได้นั้น ไม่ต่างจากอาการคลั่ง นั้นเป็นความจริงค่ะ

(ทั้งหมดนี้ เป็นความเห็น เป็นความเชื่อ ในส่วนบุคคลนะคะ)


คืออ่านจากคำบอกเล่าของคุณแล้วนะคะ คุณแม่อาจจะไม่เข้าใจแม้ในเรื่องของผลของกรรม หรือผลของการกระทำ และคุณแม่ไม่รู้ ไม่เข้าใจในธรรมชาติ ในอาการของโรคอีกด้วย


หากแต่ ทั้งหมดนี้ แท้จริงเป็นความไร้เดียงสาของคุณแม่ของคุณนะคะ


คุณแม่เชื่อเรื่องกรรม เรื่องของบาป และเชื่อในเรื่องของผลการกระทำ นั้นเป็นสิ่งดี ๆ ค่ะ หากแต่ คุณแม่ไม่สามารถแยกแยะทุกอย่างออกมาให้เห็นเป็นสัดส่วนได้นั้น อาจจะด้วยที่คุณแม่ของคุณอาจจะไม่เปิดรับความจริงที่ค้นพบได้จริง ตามที่มีอยู่ของยุคสมัยนี้นะคะ


ซึ่งในขณะเดียวกันมายุคสมัยนี้ อาการของโรค เกี่ยวกับยา และหมอนะคะ วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ และรักษาได้ คือเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ หากแต่ เรื่องกรรม เวร นั้นยังไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อ หรือตาธรรมดา นั้นเป็นความจริงนะคะ


คือในเคสของคุณแม่ของคุณนี้ เห็นได้ชัดว่าคุณแม่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่า อาการของโรค และผล...ที่เกิดเป็นโรค และอาการของกรรมนั้นทำงานอย่างไร เท่านั้นเองค่ะ


ซึ่งเมื่อคุณแม่ไม่รู้ คุณแม่ไม่กระจ่าง คุณแม่ไม่เข้าใจ คุณนะคะ เป็นคนสมัยใหม่ รู้ได้แล้วว่า ทุกอย่างนี้ มีที่มาต่างกัน คุณก็อธิบายให้คุณแม่ฟังนะคะ


คืออยากบอกคุณ หรือแนะนำคุณว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคุณนี้นะคะ คุณเองค่ะ ที่ต้องเป็นผู้ที่แก้ไขค่ะ


เพราะคุณแม่ก็เชื่อถือ ศรัทธาในความเชื่อตามรูปแบบเก่า ๆ คือ คุณแม่เชื่อเรื่องการทำงานของกรรมในแบบเก่า ก่อนกาลมา ซึ่งท่านอาจจะไม่รู้ได้ว่าอาการของโรคนั้น มีสาเหตุเป็นมาเช่นไร


คือแม้อาการของโรค อาจจะจริงอยู่ที่ว่าอาจจะเป็นส่วนที่มีกรรมเป็นจุดเริ่ม...ซึ่งนั้นเป็นความเชื่อของคุณแม่ แต่มาวันนี้ เรายังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ หรือที่จับต้องได้ คุณก็ให้เกียรติ์คุณแม่ ด้วยการไม่ลบหลู่ความเชื่อของท่าน ด้วยการที่คุณจะนำเอาความเชื่อใหม่ ๆ ที่คุณเรียนมาเข้าไปแบ่งปัน เป็นส่วนร่วมในความคิดใหม่ ๆ ให้คุณแม่ของคุณนะคะ


เอาจริงๆเราปวดหัวกับชุดความคิดแบบนี้มาก อะไรหน่อยก็บอกว่ากรรม


คือคุณก็บอกคุณแม่ว่าอาการของโรคภูมิแพ้นั้นมีสาเหตุจากอะไร คนรุ่นใหม่เช่นคุณนี้นะคะ ก็อธิบายคุณแม่ไปค่ะ และคุณก็พูดดี ๆ พูดเพราะ พูดมีเหตุผลด้วยนะคะ และบอกท่านว่าขอให้คุณแม่รับฟังคุณบ้าง คือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันค่ะ


และที่สำคัญ คุณต้องทานยา ต้องรักษาด้วยหมอ ด้วยยา อาการภูมิแพ้จึงจะดีขึ้น หากแต่ เรื่องกรรม นั้นก็ขอให้อยู่แบบนั้น แล้วแต่กรรมจะมีผล ในขณะนี้ อาการของคุณจึงจะดีขึ้นได้ หากไม่เชื่อ คุณก็แสดงปาฎิหารย์ให้คุณแม่ดูเลยค่ะ นั้นก็คือ คุณทานยาแก้แพ้ให้คุณแม่ดูนะคะ


อาการภูมิแพ้นะ เมื่อคุณทานยาที่มีสัพคุณถูกต้อง ยาจะควบคุมอาการภูมิแพ้ของคุณได้ดี คุณจะไม่แพ้ เท่านี้ คุณก็สามารถพิสูจน์ให้คุณแม่ได้เห็นแล้วค่ะ


ส่วนเรื่องความเชื่อที่คุณแม่มีอยู่ เรื่องของกรรม เรื่องของผลแห่งการกระทำนะคะ เป็นสิ่งที่ดี ๆ ที่คุณแม่มีอยู่ ซึ่งคุณจะลบล้างไปไม่ได้ และไม่ดีนะคะ หากคุณคิดจะลบล้าง ทางที่ดี คุณยอมรับในความเชื่อที่ท่านมีอยู่ และแก้ไขปัญหาไปตามวาระ ตามเหตุการณ์นะคะ


คุณเป็นคนยุคใหม่นะคะ เรื่องแบบนี้จิ๊บจ๊อยค่ะ คุณแก้ปัญหาได้อยู่แล้ว


เพื่อนๆพี่ๆมีความคิดเห็นยังไงบ้างคะ


แนะนำให้คุณนำเอาความรัก ความเคารพ นับถือ นอบน้อมของคุณที่มีต่อคุณแม่ของคุณเข้ามาเป็นพลังหนุน และทำตามที่เจ้าของเม้นต์นี้แนะนำค่ะ ทุกอย่างนะจะแก้ไขได้ผ่านตลอดค่ะ


ในวันว่าง วันที่ฟ้าไสนะคะ คุณนอนหนุนตักคุณแม่ มองท้องฟ้าที่สดใส ขอให้คุณแม่เล่าเรื่องกรรม ความเชื่อของแม่ด้วยว่า เรื่องของความเชื่อนั้นนะ มีที่มาอย่างไร ในความเชื่อของคุณแม่


คือคุณนะคะได้เรียนรู้ถึงที่มา สาเหตุ และความเชื่อของท่านด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนกันค่ะ ดีนะคะคุณได้เรียนรู้ในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจด้วย เพราะทุกอย่าง และทุกเรื่องรู้ไว้ไม่เสียหลายนะคะ


และคุณก็เล่าคุณแม่กลับไป ในเรื่องราวของวิวัฒนาการใหม่ ๆ ภายใต้การค้นคว้า และที่มีผลสรุป ในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับทุกอย่าง เกี่ยวกับโลก เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เกี่ยวกับสัพสิ่ง เกี่ยวกับโรค และเกี่ยวกับยา ซึ่งมาวันนี้นะ ยา หมอนะสามารถรักษาคนให้มีชีวิตอยู่ได้ ยืนยาวได้ ด้วยก็ดีค่ะ


ในโอกาสนี้คุณแม่ของคุณจักมีโอกาสเรียนรู้เพิ่มเติม จากลูกผู้ที่เกิดในยุคสมัยที่แตกต่างจากท่าน ทั้งหมดนี้ จะเกิดเป็นความสุข สงบ ความเข้าใจในสิ่งที่ต่างคน ต่างวัย ต่างความเชื่อ ความศรัทธา ด้วยความรัก เข้าใจ อบอุ่น แน่นแฟ้น และเป็นแม่ลูกที่รักกันได้ ด้วยความสุข สันติค่ะ


คุณแม่ผู้ที่ยังคงติดอยู่กับความเชื่อ ความศรัทธา ตามความเชื่อจากกาลเวลา...ท่านจะยินดี เป็นสุข และภาคภูมิในตัวคุณมาก ๆ อีกด้วยค่ะ


อีกอย่าง ท่านจะเป็นสุขยิ่งนัก เมื่อท่านได้เห็นคุณปลอดจากโรคภูมิแพ้นั้นได้ และท่านจะเชื่อ ศรัทธา ในตัวยาที่รักษาโรคให้แก่คุณอย่างแน่นอนค่ะ


เพราะในความจริงนะคะ ความสุขที่แท้จริงของผู้เป็นแม่ คือได้เห็นลูกเป็นสุข ปลอดภัยจากทุกข์ จากโรคภัยต่าง ๆ นั้นเป็นความจริงนะคะ


เพียงแต่แม่หลาย ๆ คนในวันนี้ ท่านไม่รู้ว่าจะช่วยลูก ๆ ของท่านอย่างไร ท่านก็นำวิธีของท่าน ที่ท่านมีอยู่ และท่านเชื่อว่าดีแล้ว ถูกต้องแล้ว ท่านก็ใช้วิธีของท่าน ซึ่งเป็นธรรมดาของผู้ที่ไร้เดียงสา หรือของคุณแม่ทั้งหลายที่มีความเชื่อ ในแบบเก่า ๆ เป็นธรรมดานะคะ

(ซึ่งน่าสงสารท่านนะคะ)


คือเมื่อคุณจะแก้ไขปัญหาในเคสของคุณนี้ จริงแล้วนะขึ้นอยู่ตัวคุณเองค่ะ คุณคือกุญแจตัวสำคัญ คือคุณนะคะ สามารถนำพาคุณแม่ของคุณไปด้วยได้นะคะ นำพาท่านเดินทางสู่การพัฒนา... ช่วยให้ท่านรับรู้้ได้ถึงการมีอยู่...ในสิ่งที่จับต้องได้ด้วย ในวาระที่คุณทำได้ค่ะ


ทั้งหมดนี้ ใช้ได้ดี ได้ผลอย่างแน่นอนค่ะ


คือทุกปัญหามีทางออกเสมอค่ะ


อยากแนะนำคุณด้วยค่ะว่า ทุกครั้งที่คุณมีปัญหา ขอเพียงให้คุณใช้สติ ทุกอย่างจะถูกแก้ไขได้เสมอ ๆ ค่ะ


เป็นกำลังใจให้คุณนะคะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png

--------------------

ปล. ช่วยแนบวิธี ทางออก เพื่อการรักษาโรคอาการภูมิแพ้มาให้คุณได้อ่าน ได้ศึกษา และการรักษาเยียวยาด้วยค่ะ


ขอให้คุณหายดีนะคะ


https://www.phyathai.com/article_detail/2555/th/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2_%E2%80%9C%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B9%89%E2%80%9D_%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1




2
White Frangipani 6 ส.ค. 65 เวลา 16:32 น. 3-2

สวัสดีค่ะ


ก็ไม่กี่นาทีค่ะ


คือเมื่อได้อ่านประเด็นของโจทย์เข้าใจแล้วนะคะ ก็มีคำตอบเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งในวินาทีนั้นเจ้าของเม้นต์ต้องทำการพิมพ์แบบรัว ๆ เพื่อตอบตามที่ความเข้าใจซึ่งเป็นคำตอบที่เกิดขึ้นในความรู้สึกในวินาทีนั้น ๆ ในทันที แต่ต้องเร็วมาก ๆ นะ หากไม่เร็วนะ คำตอบที่ประดังเข้ามา หรือที่เกิดขึ้นนั้นก็จะหายไป จะไม่เหลืออะไรให้ได้ตอบเลยด้วยค่ะ

(หากไม่รีบตอบจะมีเพียงสีขาว ๆ คือขาวโพลนที่ความรู้สึกแบบนั้นค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ว่างเปล่าเลยด้วยค่ะ)


แต่คำตอบที่ต้องพิมพ์เร็วมาก ๆ ก่อนที่มันจะดับหายไป คือพิมพ์เร็ว ๆ มากจึงเป็นคล้ายประโยคที่ไม่ละมุน และมีคำผิดมากมาย เพราะต้องเร่ง และต้องรีบ


เพราะหากรอไม่กี่นาที คำตอบที่เกิดขึ้นนั้นมันจะดับหายไป แบบนั้นค่ะ


จึงต้องใช้เวลานิดคือการที่ต้องแก้ไข ต้องใส่ ต้องเพิ่มคำเชื่อมประโยคให้ละมุนขึ้น และแก้คำผิดเท่านั้นค่ะ


ขอบคุณสำหรับใจ ที่ให้มาค่ะ


แบบนี้นะ มีกำลังใจเพิ่มขึ้นมากมายเลยด้วยค่ะ


ขอบคุณมากมายค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


0
มัณทนา 23 ก.ค. 65 เวลา 18:26 น. 4

อย่าไปสนใจพวกพุทโธเลี่ยนค่ะ

ประเทศอื่น ๆ ที่เป็นเมืองพุทธ

ไม่เคยสั่งสอนให้ลูกหลานชาวพุทธเชื่อเรื่องเวรรกรมกันมั่ว ๆ แบบนี้

พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้ชาวพุทธบ้าคลั่งศาสนากันแบบนี้


ภูมิแพ้เกิดจากการที่สภาพร่างกายรับกับสภาพอากาศที่ผิดแปลกไปไม่ไหวค่ะ

เกิดจากการที่ไปสัมผัสกับสารเคมีที่ไม่ถูกกับผิวหนัง

แพ้อาหาร แพ้ผลไม้ แพ้ผัก แพ้ฝุ่น แพ้ควัน แพ้เครื่องสำอาง

บางคนเป็นภูมิแพ้เพราะพันธุกรรมที่เคยมีบรรพบุรุษเป็นภูมิแพ้มาก่อน


ไม่ได้เกิดจากเวรกรรมบ้าบออะไรเลยทั้งนั้น

0
หนม 24 ก.ค. 65 เวลา 09:19 น. 6

โรคกรรมจาก DNA น่ะสิ ถถถถถ


เราแพ้อาหารทะเล แล้วก็เคยมีผู้ใหญ่บอกว่า โรคเวรโรคกรรม ชาติที่แล้วไปทำกรรมกับสัตว์ทะเลไว้

แต่คนพูดแพ้กล้วยนะ อย่าให้พูดเลย

0
กรรม 26 ก.ค. 65 เวลา 21:53 น. 7

ความหมายของกรรม

คำว่า "กรรม" มาจากภาษาบาลี มีรูปวิเคราะห์ทางไวยากรณ์ว่า

"กรณ กมฺม" การกระทำชื่อว่า "กัมมะ" หรือ

"กรียเตติ กมฺม" กรรมที่บุคคลกระทำ ชื่อว่า "กัมมะ"

“กรรม” รากศัพท์คือ "กรฺ" ธาตุ แปลว่า "กระทำ" + "รมฺม" ปัจจัย ลบ "รฺ" ที่สุดธาตุและ "ร" ที่ต้นปัจจัย - : กร > ก + รมฺม > มฺม : ก + มฺม = กมฺม

“กมฺม” แปลว่า การกระทำ, สิ่งที่ทำ, การงาน (action; deed; the doing, work) นิยมพูดทับศัพท์ว่า “กรรม”

คำว่า "กรรม" (Karma) จากภาษาสันสกฤต "กฤ" (Kri) (कर्म) (กรฺม, แปลว่า การกระทำ) หรือ (कर्मन्) (กรฺมนฺ, แปลว่า การกระทำ); เทียบกับภาษาบาลีตรงกับคำว่า กมฺม (การกระทำ)

กรรม คือ การกระทำ หรือพฤติกรรม

จงใจทำ หรือไม่จงใจทำ ก็คือกรรม

กรรม เป็นกิริยา แปลว่า การกระทำ

กรรม เป็นนาม ที่เป็นผลกรรม แปลว่า ผลของการกระทำ

กรรมมีความสำคัญ คือ

เพราะทุกคนต้องทำกรรม

การแก้กรรมมีความสำคัญ คือ

พฤติกรรมที่ไม่ดีเราต้องแก้ไขให้ดี

ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็จะชั่วตลอด

ประโยชน์ของการแก้กรรม คือ

ทำให้เรากลับดีขึ้นมาได้

จากชั่วร้ายกลายเป็นดีขึ้นมาได้

จากที่ไม่ดีให้กลับกลายเป็นดี

จากที่ไม่ได้ผล ให้ได้ผล

จากที่ไม่สำเร็จก็สำเร็จ

ตามที่ผมเข้าใจนะครับ

การแก้กรรม กับ การขอขมากรรม มีความแตกต่างกันครับ

การขอขมากรรม เป็นการขอขมาที่เราเคยล่วงเกินผู้อื่น

ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา หรือ ทางใจ ก็ตาม

ไม่ว่าผู้นั้น จะทราบ หรือ จะไม่ทราบ ว่าเราเคยก้าวล่วงก็ตาม

การขอขมา เป็นการปลดล็อก เงื่อนปมในใจเรา

ถ้าเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม

หากเราเคยก้าวล่วง พระพุทธ พระธรรม หรือ พระสงฆ์

ยิ่งเป็นเงื่อนปมในใจ และเงื่อนปมนี้ อาจขัดขวางการปฏิบัติธรรมของเรา

การก้าวล่วง เป็นการปลูกฝังความไม่เชื่อถือ เมื่อไม่เชื่อครูอาจารย์ จะปฏิบัติก้าวหน้าได้อย่างไร

การขอขมาในการกระทำที่ตั้งใจ มีเจตนา กับ

ขอขมาในการกระทำที่ไม่ตั้งใจ ไม่มีเจตนา รวมถึงจิตสังขาร ความฟุ้งซ่าน ที่อาจทำให้เกิดจิตคิดปรามาสเป็นบางครั้ง

เมื่อขอขมา เป็นการปลดล็อกใจ ให้คลายกังวล ฝึกให้ใจอ่อนโยน ยอมรับในสิ่งที่เคยทำ

และตั้งใจว่า จะไม่กลับไปทำซ้ำอีก

ส่วนการแก้กรรม เป็นสิ่งที่เราต้องแก้ไขที่ตนเอง

ไม่สามารถพึ่งพาการขอขมากรรม

ไม่สามารถพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ไม่สามารถพึ่งพาเครื่องลางของขลัง

ต้องแก้ไขที่ตนเอง ด้วยการฝึกตนเองให้มีสติ

สำหรับเรื่องการละ การลด เรื่องกามราคะ

กามราคะ เกิดจากสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต

เกิดจากความเคยชินของจิต ที่เคยทำมานับภพชาติไม่ถ้วน

การลด การละ ต้องเข้าใจองค์ประกอบที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ

และค่อยๆ ลด ละ แต่ละองค์ประกอบ ไปเรื่อยๆ เช่น

- รู้ตัวว่า มีอารมณ์ง่าย ก็ควรอยู่ห่างไกลจากสิ่งเร้า ห่างไกลจากสื่อ ห่างไกลจากเพศตรงข้าม

- รู้ตัวว่า มีอารมณ์เกิดตอนเครียด ตอนถูกกดดันเรื่องงาน

ก็ควรทำตัวให้วุ่นจะได้ไม่คิด

ทำงานให้เหนื่อยให้ล้าทางกายจะได้ไม่คิด ออกกำลังกายจนเหนื่อยจะได้ไม่คิด

เดินจงกลมให้จิตอยู่กับการเคลื่อนไหวของกายจะได้ไม่คิด หรืออื่นๆ

- การปฏิบัติวิปัสสนาแบบสมาธิขนานกับปัญญา

สามารถช่วยลดความต้องการทางเพศได้

เพราะจิตถูกเติมเต็มด้วยความ สงบ ปิติ สุข จากฌาน

และยังเป็นการฝึกสติด้วย

- เพียรฝึกกายคตาสติบ่อยๆ เนืองๆ

เพื่อฝึกให้จิต ให้เห็นความไม่งาม ความไม่เที่ยงของสังขาร

เมื่อเราเห็นสิ่งที่ไม่งาม เรายังมีอารมณ์อยู่อีกหรือไม่

ฝึกบ่อยๆ เนืองๆ ในชีวิตประจำวัน

เมื่อเราเจอเพศตรงข้ามที่ตรงใจเรา เราจะค่อยๆมองด้วยใจที่วางเฉยได้มากขึ้น

- ลองสังเกตครอบครัวรอบตัว

ครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ ครอบครัวนก ครอบครัวสุนัข แมว กระรอก

เห็นพ่อแม่ เค้าเวียนหาอาหารมาให้ เฝ้ากกดูแลลูก ประคบประหงมลูก จนตนเองซูบผอมลง

วงจรดูแลลูกของพวกเค้าสั้น ไม่กี่สัปดาห์สำหรับนก กระรอก ไม่กี่เดือนสำหรับสุนัขแลแมว

ลองตามเฝ้าดูครอบครัวพวกเค้า

ลองเอาใจเราไปผูกพัน แม่-พ่อ-ลูก ของครอบครัวเหล่านั้น

สุข ทุกข์ ไปกับพวกเค้า

เราจะเห็นภาพจำลองของชีวิตมนุษย์

ขยายจากหลักสัปดาห์ หลักเดือน เป็น 20 ปี 30ปี

เป็นการสานต่อความผูกพัน และดูแลผลลัพธ์ของความสัมพันธ์ คือ ลูก

ถ้าดูแล้วรับได้ ก็โอเค

ถ้าดูแลรู้สึกเหนื่อย แสดงว่า เราเคยประสบมานับพบชาติไม่ถ้วน เหนื่อยล่ะ อยากออกจากวงจรล่ะ

- เพียรฝึกสติระหว่างวัน

การมีสติ จะทำให้เรารับรู้อารมณ์ รับรู้ความคิด ที่เกี่ยวกับกามราคะ ได้ตั้งแต่เริ่มเกิด

พอรู้ทัน จิตก็จางคลาย

พอรู้ทัน สามารถนำอุบาย เช่น กายคตาสติ มาใช้ได้

พอรู้ทัน สามารถเดินหนีออกจากสถานการณ์ที่ทำให้เกิดอารมณ์นั้นได้

และน่าจะยังมีการฝึกอีกหลายแบบนะครับ

ลองศึกษาดูครับ

พื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คุณ

ผมจะบอกให้ผมเลิกช่วยตัวเองได้เป็นปีละ และทนได้เรื่อยๆ มาจนถึงทุกวันนี้

วิธีแก้ง่ายๆ คือเลิกคิดลามก แค่นี้ล่ะไม่มีอะไรมาก บางทีไปดูหนังมันมีฉากจูบกัน

ก็ดูไปแค่นั้นไม่ไปปรุงแต่งต่อ หรือมันมีฉากเกินเลยกว่านั้น ก็ดูไปงั้นๆ

เราไม่ต้องไปจินตนาการต่อในหัวเราอีก ดูแล้วก็เลิกคิด วางมันไป

เวลามันจะคิดลามกก็เลิกคิด วางมันลง แค่นี้ล่ะวิธีแก้

ใช้ได้กับทุกอารมณ์แก้วิธีเดียวกัน โลภ โกรธ หลง วิธีแก้วิธีเดียวกัน แค่เลิกคิด

แล้วแต่ใครอยากแก้ตัวไหน ตัวไหนของใครมีมากกว่า ก็แก้ยากหน่อย

ที่สำคัญหนังโป๊ ภาพลามก ห้ามดูเด็ดขาด เพราะดูแล้วมันจะทำให้ทนไม่ไหว

จนเลยออกมาทางกาย เราต้องมีเป้าหมายสัญญาต้องเป็นสัญญา ฝึกให้ตัวเองเป็นคนเด็ดขาด

ทำกรรมดีให้มากเพื่อจางกรรมไม่ดี

อย่างไรก็ตาม มรรค8 เท่านั้น ที่จะตัดกรรมให้สิ้นได้

ต่อไปนี้ตั้งใจรักษาศีล5 ก็ได้

อีกอย่างที่อื่นนอกวัดก็มีมากมาย!

ประกอบเหตุเช่นไร ก็จะได้รับผลเช่นนั้น

เป็นเหตุเก่าที่ผู้ใหญ่ท่านนั้น เคยประกอบเหตุไว้เช่นนั้นแล

และเป็นกรรมใหม่ติดตัว ลูกหลานหว่านเครือ นั้นไป

เป็นบุญเป็นกุศล ของคนรอบข้างที่เอื้อเฟื้อ สงเคราะห์ ดูแลจัดการศพไป

เป็นน้ำใจซึ่งกันและกัน ในสังคมดีๆ ที่หาได้ยากที่นับวันจะหาได้โดยยาก ในปัจจุบัน

0