Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

โดนพี่ด่าเรื่องสำลักเสรีภาพ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

เราพึ่เข้ากลุ่มนิวจีน แล้วคือมีพี่คนนึงเราคุยถูกคอมาก สนิทกันอย่างรวดเร็ว ไปกินข้าวด้วยกันมาแล้ว แต่เมื่อวานเราคุยเรื่องไปร้านอาหารที่ดราม่าเรื่องมี dress code เราก็แค่บอกว่า โรงแรมไม่ควรกำหนดการแต่งกาย ก็เป็นลุกค้าเหมือนกัน แล้วเขาโกรธ เขาบอกคนรุ่นใหม่ ไม่สนใจส่วนร่วมเป็นพวกสำลักเสรีภาพ อยากได้แต่สิทธิ์แต่ไม่คิดถึงส่วนร่วม ถ้าโรงแรมไม่กำหนดกฎไว้ คนก็ไร้ระเบียบ เธออยากเข้าไปกินอาหารท่ามกลางคนที่แต่งตัวเหมือนขอทานหรือไง เราก็ผิดนะ ที่เราไปว่า "พี่เหยียดคนเหรอ ขอทานไม่ใช่หรือไง" พี่เค้าทุบโต๊ะแล้วเดินออกไปเลย เรามานั่งคิดอีกที หรือเราจะยึดเรื่องสิทธิ์ไป บางทีถ้าเราวางเรื่องสิทธิ์ของเรา มันก็จะมีระเบียบๆจริงหรือป่าว

แสดงความคิดเห็น

16 ความคิดเห็น

Shalnark T Diabolus 18 ส.ค. 65 เวลา 12:12 น. 1

หลักการว่าอะไรทำได้ อะไรไม่ควรทำ มันไม่ยากหรอกครับ ถ้าทำแล้วไม่มีใครเดือดร้อน...ก็ทำได้(ทำแล้วหนักหัวคนอื่นแต่ไม่ได้ก่อความเดือดร้อนไม่นับ) ในทางตรงข้ามถ้าทำแล้วคนอื่นเดือดร้อน...ก็ไม่ควรทำ "สิทธิของเราถูกจำกัดโดยสิทธิของคนอื่นรอบข้าง" ส่วนในเคสร้านอาหาร การใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นไปกินอาหารโรงแรม มันสร้างความเดือดร้อนให้ใครเหรอ ก็ไม่มีนี่ ถูกมั้ย ซึ่งข้อโต้แย้งของเขาคือ "อยากนั่งกินข้าวท่ามกลางคนที่เหมือนขอทานหรือไง" ประโยคนี้สะท้อนหลายอย่างนะ 1.การมองคนแค่เปลือก 2.การเ.สื.อกเรื่องชาวบ้าน 3.การมีตรรกะวิบัติ คิด+เปรียบเทียบเกินความเป็นจริง แล้วที่บอกว่า "ถ้าเราวางเรื่องสิทธิ์ของเรา" ไม่ต้องวางครับ แต่ต้องรู้ขอบเขต "สิทธิของเราถูกจำกัดโดยสิทธิของคนอื่น" อย่างที่บอกตอนแรก อะไรที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนใคร ทำไปเลย ส่วนอะไรที่ทำแล้วเดือดร้อนคนอื่น...อย่าหาทำ แต่...ทำแล้วหนักหัวคนอื่น...ไม่นับ กรณีนั้นคือมันมาเ.สื.อกเรื่องของเรา คือมันละเมิดเราไม่ใช่เราละเมิดมัน ฉะนั้นอย่าไปแคร์ ส่วนเรื่องกฎระเบียบ กฎส่วนใหญ่ที่ใช้ๆกันอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นของเก่าคร่ำครึที่ใช้กันมาเป็นสิบๆปี โลกเปลี่ยนไปตลอด วิถีชีวิตคนก็เปลี่ยน บางอย่างที่มันเคยเมคเซ้นส์แต่ตอนนี้ไม่แล้วมันก็มี ดังนั้นกฎมันควรต้องถูกอัพเดทไม่ใช่ฝืนใช้ไปเรื่อยๆ กฎจะต้องเป็นเส้นกั้นเพื่อไม่ให้คนละเมิดกัน ไม่ใช่ปล่อยให้มีคนบางกลุ่มละเมิดคนอีกกลุ่มได้โดยที่อีกกลุ่มโต้ตอบไม่ได้โดนสิ้นเชิง กฎไหนที่ทำหน้าที่เป็นแนวกั้นตามนั้นไม่ได้ นั่นก็กฎที่ไม่ควรมีอยู่อีกต่อไป ควรถึงเวลาเปลี่ยนหรือลบมันออกไปได้แล้วครับ จะพูดให้เห็นภาพชัดๆให้นึกถึงว่าสังคมคือสวนสัตว์ คนเราแต่ละคนก็คือสัตว์ในกรง มีกรงที่เรียกว่ากฎแบ่งแยกกันเอาไว้เพื่อให้แต่ละคนมีเสรีภาพสมบูรณ์เท่าที่จะพึงมีได้ในกรงของตัวเอง ถ้าสมมุติว่ากรงเสือ.กับกรงลิงมันอยู่ติดกันแล้วกรงที่กั้นมันผุ คุณคิดว่ายังไงล่ะครับ? ควรจะซ่อมมัน? หรือจะปล่อยมันไป ต่อให้เสือมันจะหลุดเข้าไปกัดลิงก็ไม่ต้องสนใจ?

6
ตั้งบอร์ดนี้เอง 18 ส.ค. 65 เวลา 22:07 น. 1-1

ขอบคุ๊ณมากค่ะ เราก็คิดแบบนี้นะ แต่เราคงอธิบายไม่เก่ง เราเลยกลายเป็นพวกสำลักเสรีภาพขึ้นมา เรื่องโรงแรมอาจจะเรื่อง เรื่องขอทานอาจจะเรื่องหนึ่ง เศร้ามากค่ะ

0
กิน 19 ส.ค. 65 เวลา 08:25 น. 1-2

สมมุติว่าคุณจัดงานศพให้คนที่คุณเคารพหรือรักมาก แล้วมีคนกลุ่มหนึ่งใส่ชุดสีแดงมางานนั้น คุณจะไล่เขาไปหรือไม่


หรือคุณจัดงานแต่งงานของคุณแล้วมีขอทานคนนึงมาในงานแต่งงานนั้นเขาคือเพื่อนเก่าคุณนั่นเองแต่ว่ายากจนเข้ามาในงานพร้อมกับจะไปยืนถ่ายรูปกับคุณที่หน้างานคุณยอมถ่ายด้วยไหม

0
Shalnark T Diabolus 19 ส.ค. 65 เวลา 10:47 น. 1-3

1-2 ไม่ไล่ครับ ถ้าความตั้งใจเค้าคือมาเคารพศพ มันก็แค่สีเสื้อผ้า ยกตัวอย่างโง่ๆเลยนะครับ สมมุติผมมีคนรู้จักที่ชุดยูนิฟอร์มบริษัทเป็นสีแดง แล้วเค้ารีบมางานทันทีหลังเลิกงานมาทั้งชุดยูนิฟอร์มนั่นเลย มีความจำเป็นอะไรที่ผมต้องไล่เค้าไปเหรอครับ? เอาจริงๆผมอยากไล่พวกที่ใส่ดำมาเต็มยศแต่ไม่คิดอะไรเลยนอกจากจะมากินฟรีซะมากกว่า ส่วนงานแต่งถ้าเค้าตั้งใจมาเพื่ออวยพรและเขารักษามาตรฐานที่ "ไม่เดือดร้อนแขกคนอื่น" ได้ ต่อให้เค้าแต่งตัวมอซอเหมือนขอทานผมก็ยินดีต้อนรับเขาครับ อย่าเอาความใจแคบและความตรรกะวิบัติของตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วมาเหมาว่าคนอื่นต้องเป็นเหมือนตัวเองครับ

0
เจ้าของโพสต์บอร์ด 19 ส.ค. 65 เวลา 23:10 น. 1-4

1-2 ยินดีต้อนรับค่ะ


ชุดแดงงานศพ ไม่ติดเลยค่ะ

ส่วนงานแต่ง มาถ่ายรูปหน้างานด้วยได้เลยค่ะ แต่ว่า ด้วยเงื่อนไข เป็นเพื่อนสนิทเราจริงๆ เราจะขอเพื่อนให้เพื่อนไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ก่อน ในงานเรานี่แหละ มีชุดเผื่อแน่ ไม่ชถดเราก็ชุดเจ้าบ่าว ฝากน้องเราดูแล แล้วจะได้พาเพื่อนไปนั่งกินที่โต๊ะ ไม่ใช่รังเกียจเพื่อน แต่เผื่อสำหรับแขกอื่นในงานค่ะ ในแง่เลอะเทอะไม่ดีต่ออาหารจริงๆ แต่ถ้าสุดวิสัยกว่านั้น ก็ไม่ใช่การไล่เพื่อนไปไกลๆจากงานค่ะ มีวิธีมากมายในการบอกเพื่อนเรานะ

0
Tiffano 20 ส.ค. 65 เวลา 00:32 น. 1-5

โรงแรมเขามีกฎ​อยู่แล้ว​ ยิ่งโรงแรมหรูส่วนใหญ้ห็ดปฌนเชนจากตปท.​ถ้าพนักงานให้เข้าม​ เจ้านายมาเห็น​ เขาก็โดนตำหนิ​ หรือโดนหักเงินเดืแน เพียงเะราะลูกค้าดื้อรั้น​ มั่นหน้ามั่นโหนกว่ามีเวินเยอะ​ เลนทำอะไรก็ได้แบบนี้เหรอ​ เห็นแล้วน่าสมเพขจัง​ นึกแต่เสรีภาะ​ความสบายใจของตัวเแง​ แต่ไม่สนผลลัพธ์ที่คนอื่นต้องเจอ

0
โบว์ 23 ส.ค. 65 เวลา 21:29 น. 1-6

1-3 ความคิดคุณก็ถูก แต่ตอบแบบสุภาพหน่อยก็ดีนะ เราแค่ผ่านมาแล้วอ่านเจอ

0
PRiiST 18 ส.ค. 65 เวลา 13:20 น. 2

เป็นหัวข้อที่ sensitive...


ผมว่าตอนแรก ๆ มันไม่มีกฎอะไรมากเหรอ... ทุกคนมีอิสระค่อนข้างมาก

แต่พอให้อิสระไป มันจะมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นครับ ทำให้เราต้องสร้างกฎขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ตัวอย่างเช่น


1) ที่ประเทศอังกฤษมีป้ายว่า กรุณาอย่าไปแบบอึในซอกหิน ซึ่งเป็นที่สาธารณะ (มันเป็นกฎแปลก ๆ แต่ว่าแม่งมีคนทำจริง)


2) ให้ใส่ชุดสุภาพเวลามาเรียนพิเศษในโรงเรียน ช่วงวัน เสาร์-อาทิตย์ (เพราะ มีนักเรียนใส่สายเดี่ยวมานั่งเรียนจริง ๆ จากประสบการณ์คุณครูของผมที่มีอายุแล้ว .... นางคงเบี่ยงโฟกัสตัวเองไม่ได้มั้ง ถถถถ)


3) กฎให้เข้างาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 4 โมงเย็น (ลองจินตนาการว่า เราไปติดต่องานราชการ แล้วเจ้าหน้าที่แม่งมาสายเพราะเขามีอิสระในการเลือกเวลาเข้างาน.... เราก็นั่งรอไปดิ)


คือมันเป็นเรื่องของ "การวางตัว" กับ "ความยืดหยุ่น"

เรามีสิทธิ์ที่จะไปโวยวายว่า เราควรมีอิสระในการอึในซอกหิน หรือ เลือกการแต่งกาย หรือ เลือกเวลาเข้างาน ครับ ถ้าสิ่งเหล่านั่นเรามั่นใจว่า "คนอื่น ๆ นอกจากเรา" พอมีอิสระแล้ว มันจะเป็นประโยชน์ในภาพรวม


แต่ด้วยความเป็นมนุษย์อะนะ... บางคนที่เดือดร้อน ก็จะออกมาเรียกร้อง ส่วนบางคนที่รับได้ ก็จะไปต่อสู้กับคนกลุ่มแรกที่ออกมาเรียกร้อง แบบว่าไม่ต้องเปลี่ยนหรอก มันดีอยู่แล้ว // มันย่อมมีเสียงแตกเสมอ

__________________

ลองคิดแบบนี้ก็ได้ครับ

กิจกรรมหรือสถานที่ที่ไม่ค่อยมีกฎ อาจเป็นที่รวมของคนที่มีความอดทนสูง ตบะไม่แตกง่าย ๆ อะไรประมาณนั้น 55555 // ถ้าเราชอบแบบนี้ มันง่ายกว่าที่เราจะเป็นคนเลือกกิจกรรมหรือสถานที่ มากกว่าไปบอกให้เขาปลี่ยนกฎ

3
ตั้งบอร์ดนี้เอง 18 ส.ค. 65 เวลา 22:09 น. 2-1

แปลว่าถ้าเราไม่มีตบะสูง เราก็ไปอยู่ในที่ที่ไม่กฎเลยไม่ได้เหรอคะ ฮือๆๆๆๆ หรือเราต้องการสิทธิ์เราจริงๆ 5555555

0
PRiiST 20 ส.ค. 65 เวลา 00:31 น. 2-2

ไม่มีที่ที่ไม่มีกฎหรอกครับ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ส่วนที่ดีดีที่มีความยืดหยุ่นสูง ก็อาจต้องใช้ความสามารถในการเอาตัวเองเข้าไป // เอาจริงเราเลือกได้ไม่เยอะ บางทีเราอาจต้องยอม ๆ กันบ้างในเรื่องที่เรายอมได้ ไรงี้


แต่ว่าที่ จขกท บอกความคิดเห็นส่วนตัวออกไปเป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่อาจใช้คำพูดที่ตรงไปหน่อยเลยทำให้คนฟังไม่ค่อยแฮปปี้เวลาได้ยินน่ะ

0
Nitro 18 ส.ค. 65 เวลา 17:56 น. 3

โรงแรมเป็นกิจการของเอกชน เป็นสถานที่ส่วนบุคคลของเจ้าของ เขามีสิทธิ์จะกำหนดกฎอะไรก็ได้ที่ไม่ผิดกฎหมาย ถ้าเราไม่เห็นด้วยก็ไม่ไปก็แค่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะไปถกเถียงเรื่องเสรีภาพอะไร เพราะเจ้าของเขาวางตำแหน่งภาพลักษณ์เอาไว้แล้ว เขาอยากให้โรงแรมของเขาเป็นแบบไหน

3
ตั้งบอร์ดนี้เอง 18 ส.ค. 65 เวลา 22:14 น. 3-1

ถ้าพี่เขาตอบแบบนั้น เราก็เข้าใจได้นะคะ เราโอเคกับคำตอบนี้ แต่เราไม่รู้้ว่าสำลักเสรีภาพมันมาจากตรงไหน หรือเราทำอะไรหรือตอบอะไรผิดไป ฮืออออ


และอีกเรื่อง เราไม่เข้าใจว่า สมมติถ้าร้านอาหารไม่ได้บอกลูกค้าไว้ก่อน แล้วจู่ๆมาไม่ให้เข้าทั้งที่ลูกค้าจองไว้แล้วล่ะ ถ้าลูกค้าไม่รู้จริงๆ คือไม่ใช่ทุกที่จะรู้ว่า ร้านอาหารหรูห้ามแต่งแบบนั้นแบบนี้อะค่ะ

0
Nitro 19 ส.ค. 65 เวลา 00:41 น. 3-2

บางคนก็โกรธง่ายหายไวนะ แต่เราก็รู้แนวแล้วนี่ว่าพี่คนนี้เขาไม่ชอบคุยเรื่องแนวไหน ต่อไปถ้าเจอกันอีกก็เลี่ยงเรื่องพวกนี้


ถ้าลูกค้าถึงกับจองไว้ล่วงหน้าหน้า แสดงว่าลูกค้าน่าจะสนใจและรู้ข้อมูลร้านระดับหนึ่งนะ แต่ก็ใช่คงใช้ไม่ได้กับทุกคน


ดีสุดยุคนี้จะไปไหนก็ค้นข้อมูลเสียหน่อยเพราะค้นไม่ยาก แล้วถ้าไม่อยากค้นก็แต่งกายให้ออกแนวสุภาพไว้ก่อน อย่างน้อยก็สะดวกเวลาเดินทางไปไหนก็ไม่มีปัญหา ไม่ควรแต่งกายตามใจเราเกินตอนออกไปที่อื่น อย่างบางคนที่ชอบลากรองเท้าแตะไปทุกที่แล้วบางที่เขาไม่ให้เข้า ก็เสียเวลามาเปล่าๆ

0
A-team 19 ส.ค. 65 เวลา 18:49 น. 3-3

อ้างไม่รู้ไม่ได้ครับ เช่น คุณไปต่อยคนอื่น แล้วมาบอกว่า ไม่รู้ว่าผิดกฏหมาย หรือมีคนลืมโทรศัพท์ไว้ แล้วคุณเอาไป (ไม่ได้ขโมย) สมัยก่อนอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่เดี่ยวนี้ไม่ใช่แล้วครับ (อ้างไม่รู้ ถือว่าฉลาด จะได้ไม่ต้องรับผิด)

0
มีมี 19 ส.ค. 65 เวลา 07:39 น. 4

มีสิทธิเสรีภาพ ต้องมาคู่กับคำว่าหน้าที่ค่ะ


มันหมายความว่าคุณมีสิทธิทำอะไรก็ได้ตราบใดที่ไม่ละเมิดกฎระเบียบข้อบังคับ


ซึ่งกฎที่ทางร้านตั้งก็เป็นหน้าที่เช่นเดียวกันค่ะ

2
มีมี 19 ส.ค. 65 เวลา 07:40 น. 4-1

และการที่เขาทุบโต๊ะเดินออกไป เขาก็ใช่สิทธิในการไม่โต้เถียงต่อค่ะ

0
ศีล 19 ส.ค. 65 เวลา 08:31 น. 4-2

แสดงให้เห็นว่าเขาเลิกคบคุณแล้ว คนศิีลไม่เสมอกันคบกันไม่ได้ สมัยนี้เรียกว่ารสนิยมไม่ต้องกัน คุณพูดตอนที่ว่าเขาตบโต๊ะแต่คิดว่าคุณคงไม่ได้พูดครบหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ

0
ต๋วย 19 ส.ค. 65 เวลา 07:45 น. 5

ทุกคนมีสิทธิของตอนเอง แต่ต้องไม่ก้าวก่ายสิทธิคนอื่น หรือทำให้คนอื่นเดือดร้อน กรณีนี้เรามีสิทธิในการตั้งคำถามต่อกฏของร้านอาหาร แต่ร้านอาหารก็มีสิทธิในการบังคับใช้กฏในสถานที่ของเขาเช่นกัน ถ้าการทำตามกฏเขามันไม่ทำให้เราถึงขั้นจะเป็นจะตายก็ทำไปเถอะ อย่าคิดมาก

1
Xoxo 19 ส.ค. 65 เวลา 08:09 น. 6

เรามองว่าเป็นเรื่องกาลเทศะและมารยาทค่ะ เขามีกฎระเบียบเพื่อมีเป้าหมายคือสร้างบรรยากาศ สภาพแวดล้อม และภาพลักษณ์ที่เขาต้องการให้ไปในทางเดียวกันภายในร้าน คนส่วนมากเขาทำได้ มีเพียงส่วนน้อยที่แต่งตัวแนวตามใจฉันไปกิน เขาเลือกที่จะไม่ให้คนส่วนน้อยเข้าร้านเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนเลยเพราะรายได้ร้านอาหารหรูก็ได้เยอะแล้วจากคนส่วนมากอยู่ดี เขาเลยไม่แคร์ที่จะเสียลูกค้าไม่กี่คนไป


ทำไมใส่ชุดนักศึกษาไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเขาไม่ขายให้ถึงแม้จะโชว์หลักฐานให้ดูแล้วว่าอายุถึง

ทำไมสนามยิงปืนบางที่ (ที่คำนึงถึงความปลอดภัยผู้ใช้บริการจริงๆ) ถ้าไม่ใส่รองเท้าผ้าใบไปไม่ให้เข้ายิง หรือใส่กางเกงสั้น กางเกงไม่คล่องตัวอย่างกางเกงยีนส์ไปไม่ให้เข้ายิง

ทำไมใส่กางเกงวอร์มเข้าผับแล้วเขาไม่ให้เข้า

ทำไมคอนเสิร์ตที่ตั๋ว/ค่าเข้าแพงๆ มักไม่เจอเด็กแว้นหรือสก๊อยมาก่อกวนหรือทำอะไรแปลกๆในงาน

ทำไมโรงเรียนเด็กอนุบาลที่แพงๆ ถึงมีสภาพแวดล้อมและการสั่งสอนที่ดีมากกว่า


เพราะร้านอาหารตามริมทางมีคนแต่งตัวได้ทุกแบบไม่จำกัด แต่เกิดคนจะไปกินเขาอยากได้สภาพแวดล้อมอีกแบบขึ้นมาเลยเลือกไปกินร้านหรู แต่ก็ดันเจอสภาพแวดล้อมไม่ต่างจากนั่งร้านธรรมดาก็ได้เขาคงผิดหวังค่ะ เพราะคนไปกินหลายคนเขาคาดหวังเหมือนกันว่าอุตส่าห์จ่ายแพงก็แปลว่าเขาได้ซื้อสภาพแวดล้อมด้วย ร้านจึงจัดการตรงนี้ให้ตั้งแต่หน้าประตูเลย


เรื่องเล็กๆน้อยๆ เรื่องกาลเทศะและมารยาท เราควรรู้ว่าสถานที่ไหน ลักษณะไหนควรปฏิบัติตัวแนวไหนก่อนจะไป ถ้าเปลี่ยนจากรองเท้าแตะไปใส่ผ้าใบ ต่อให้เป็นผ้าใบช็อปปี้ 200-300 หรือสั่งจากจีนคู่ร้อยเดียว ก็เข้าไปกินได้แล้วค่ะ ไม่ใช่ว่าเขากำหนดถึงขั้นต้องใส่สูท ใส่ชุดราตรีไปกินขนาดนั้น

เรื่องนี้มีแชร์มีโพสต์ในเฟซบุ๊กหลายโพสต์เลยค่ะ ลองเข้าไปอ่านคอมเมนต์ดูนะคะ เท่าที่ดูคนส่วนมากคอมเมนต์เรื่องกาลเทศะและมารยาทจริงๆค่ะ (ฉะนั้นแม้แต่การแต่งกายก็มีกาลเทศะและมายาทเข้ามาเกี่ยวนะ) ลองดูในมุมมองนี้ดูนะคะ

1
P'Zircon 19 ส.ค. 65 เวลา 09:32 น. 7

อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดีค่ะ เสรีภาพก็ด้วย พูดในฐานะที่เคยไปเที่ยวดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างอเมริกามาแล้วนะคะ ไม่ค่อยถูกจริตเท่าไหร่ มันเสรีภาพจนไร้ระเบียบและพอไร้ระเบียบก็กลายเป็นสกปรกไปเลย ชอบญี่ปุ่นมากกว่า ระเบียบจัดแต่สะอาดมากยันตรอกซอกซอย


เสรีภาพมากเกินไปก็ไม่ดี ระเบียบจัดมากเกินไปก็น่าอึดอัด แต่ตรงกลางมันหายาก ก็เลยกลายเป็นที่ถกเถียงกันตลอดเวลาแบบนี้แหละค่ะ


เคสร้านอาหาร เรามองว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะจัดระเบียบสถานที่ส่วนบุคคลของเขานะคะ ในเมื่อร้านอาหารเป็นที่ของเขา ไม่ใช่ที่สาธารณะ ดังนั้นเรามีสิทธิ์แต่งตัวอย่างไรก็ได้ก็จริง แต่เขาก็มีสิทธิ์ปฏิเสธคนที่ไม่ทำตามระเบียบของสถานที่ของเขาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเขา (ตามที่คห.บน ๆ อธิบายไปแล้ว)


ป.ล. ตบโต๊ะก็เกินไปจริง ๆ คุยกันยังไงคะ อีกฝ่ายถึงกับโมโหจนตบโต๊ะ

1
MDNMRNA 19 ส.ค. 65 เวลา 09:44 น. 8

จริงๆเรื่องพวกนี้มันแยกกันนะ

สิทธิเรื่องหนึ่ง เสรีภาพเรื่องหนึ่ง มารยาทเรื่องหนึ่ง กาลเทศะอีกเรื่องหนึ่ง


สิทธิ ตามรัฐธรรมนูญคือรัฐให้สิทธิ์แก่ประชาชน โดยจะต้องปฏิบัติตาม หรือ ต้องทำให้ประชาชนได้รับสิทธินั้น แต่ถ้ากฎหมายไม่ได้รับรองหรือคุ้มครองไว้ประชาชนก็จะไม่ได้สิทธิ์นั้น


เสรีภาพ คือ การไม่อยู่ใต้การครอบงำของคนอื่น สามารถทำได้ตามต้องการ ตามกฎหมายหน้าที่ของรัฐคืองดเว้นกรารกระทำที่จะขัดขวางการมีเสรีภาพ


มารยาท คือ สิ่งที่บุคคลพึงปฏิบัติในสังคมโดยมีระเบียบแบบแผนอันเหมาะสม และสอดคล้องกับคำด้านล่าง


กาลเทศะ คือ ความเหมาะสมที่เราจะกระทำในสถานที่นั้นๆ และเหตุการณ์นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อการแต่งกาย กิริยามารยาทและคำพูดต่างๆ


เรื่อง dress code ที่เป็นประเด็นในการ discuss กันในโลกโซเชี่ยลตอนนี้ อันนี้ถ้าพูดแบบหยาบๆเลยนะ โรงเรียนประถมไม่สอนเหรอ? เพราะจริงเรื่องพวกนี้มันอยู่ในวิชาสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม เรารู้สึกว่ามันสะท้อนให้เห็นอีกด้วยว่าการศึกษาบ้านเราล้มเหลว เด็กเอาแต่เรียนและท่องจำ แต่เขาไม่ได้เข้าใจ พอโตขึ้นเราก็เรียนวิชาเดิมๆหัวข้อซ้ำๆ แต่ขยายให้กว้างและลึกขึ้น สิทธิ เสรีภาพและหน้าที่ของพลเมืองจำได้ว่าเรียนทุกปี แต่เรียนแล้วก็เอาไปยัดไว้ในตะกร้าพอเรียนจบไปปีหนึ่งก็คืนครูไป

ใช่ค่ะ เราก็ทำ 55555555555555


จากประสบการณ์แล้ว เรื่องการแต่งกายเราว่ามันเป็นการให้เกียรติ ตั้งแต่ให้เกียรติตัวเอง ให้เกียรติคนที่เราไปพบ ให้เกียรติสังคม และให้เกียรติสถานที่ด้วย

สมมุติเหตุการณ์มีคนเห็นรูปในเฟสเราอยากได้เราไปเป็นอินฟูแลนเซอร์ให้ผลิตภัณฑ์ของเขาที่กำลังเป็นกระแสเลยตอนนี้ยอดขายถล่มทลายมาก ค่าตอบแทนหลักหมื่นแต่พอไปถึงเราแต่งตัวตามเสรีภาพของเรา ขาสั้นจุ๊ด คีบแตะ ใส่เสื้อสายเดี่ยว ผมยุ่ง ไม่แต่งหน้า แล้วนัดเจอกันร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆในห้างใหญ่ อีกฝ่ายใส่สูทผูกไทป์ ห้อยป้ายพนักงาน รองเท้าหนังมันวาว กางเกงสแลคเรียบกริ๊บ แล้วไปนั่งตกลงงานกันแบบนั้น นอกจากจะไม่ต้องเริ่มคุยแล้วยังจะไม่ได้งานแถมเขายังจะไปบอกคอนเน็คชั่นที่เหลืออีกด้วยว่าเราเป็นยังไง พอนึกภาพออกไหมว่าชีวิตจะเป็นไงต่อ

ถึงการแต่งกายจะเป็นแค่เปลือกห่อหุ้มภายนอกไม่ได้สำคัญเหมือนนิสัยหรือสันดานภายในของคนเรา

แต่ถ้ายังต้องใช้ชีวิตเพื่อให้อยู่รอดเปลือกก็สำคัญ


ถึงความเป็นจริงแล้วเงินแทบจะซื้อทุกอย่างได้อยู่แล้วในปัจจุบัน แต่กับบางสิ่งบางอย่างเงินก็ไม่ได้สำคัญ


ที่สุดแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเหยียด คนเหมือนกันเท่ากันทุกคนแหละ


แต่ต้องคิดถึงข้อนี้ด้วยว่า 

ถ้าอยากได้อะไรจากใคร ก็ต้องให้เขาก่อน


อย่างตัวอย่างนี้คือเขาไม่ให้เกียรติสถานที่และความร่วมมือในกฎของโรงแรม เขาก็ไม่ได้รับเกียรติจากสถานที่พนักงานหรือโรงแรมนั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกตินะ คนเข้าโรงแรมวันๆหนึ่งเป็นพันๆคน ปฏิเสธลูกค้าที่ไม่ให้เกียรติเขาสักคนเราว่าเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แล้วเท่าที่เราเจอในคอมเมนท์ ทุกคนคอมเมนท์ไปในทิศทางเดียวกันว่าคนที่โพสต์นั่นแหละที่กระทำไม่ถูกต้อง จะจากบุคคลทั่วไปและกลุ่มคนที่ชื่นชอบในการไปพักผ่อนโรงแรมตามสถานที่ต่างๆเป็นประจำ เพราะงั้นถ้าไม่เคารพกติกาก็ถูกแล้วนะที่เขาจะเจอแบบนั้น


สุดท้ายแล้วเราว่าด้วยวุฒิภาวะของจขกท.และรุ่นพี่ต่างกัน การผ่านอะไรต่างๆมันต่างกัน เราว่าถ้าเป็นเราเราก็โกรธนะที่น้องคนหนึ่งที่เราเอ็นดูมาพูดเชิงทำนองนี้ เราคิดว่าทางรุ่นพี่ก็คงพยายามอธิบายแล้วแต่ทางจขกท.ก็ยืดหยัดในความคิดของตัวเอง เราอยากให้จขกท.ค่อยๆเรียนรู้การมองหลายๆมุม จริงๆการ discuss ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันรุนแรงจนถึงขั้นแตกหักกัน เพราะงั้นอยากให้ค่อยๆปรับความเข้าใจกันนะคะ ถ้ายังเสียดายความสัมพันธ์ที่ผ่านมาอยู่ อย่าลืมปรับความเข้าใจและขอโทษพี่เขาน้าา






1
Parn Krub 19 ส.ค. 65 เวลา 09:46 น. 9

พี่เค้าทุบโต๊ะแล้วเดินออกไปเลย ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่มันเป็นการเสียมารยาท ถูกต้องไหมครับ เรื่อง Dress Code ก็เหมือนกัน การลากแตะไปให้ที่ ๆ เขาไม่ให้ใส่ มันก็ดูไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อนในสายตาคุณ แต่มันเสียมารยาท ถ้าคุณรับได้กับการลากแตะเข้าร้านอาหารโรงแรม การทุกโต๊ะก็ไม่ต่างกัน


หรือจะมองอีกอย่าง คุณกำลังจะไปงานแต่งเพื่อนคุณ งานกำหนด Dress Code มาว่า เสื้อขาว-ดำ นะ แล้วคุณแต่งเป็นแดงเขียวไป ถามว่าคุณทำใครเดือดร้อนไหม ก็ไม่ เขาก็แต่งกันได้อยู่ดี เพื่อนคุณคงไม่พอใจคุณแน่ ๆ


เสรีภาพควรทำบนพื้นฐานของการให้เกียตริคนอื่นด้วย เสรีภาพไม่ได้แปลว่า อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องสนใจใคร

1
Analockman 19 ส.ค. 65 เวลา 10:33 น. 10

ทุกสิ่งต้องพึ่งพากันเหมือนหยินและหยาง เสรีภาพที่มากเกินไปก็ไม่มีค่าอะไร เหมือนแสงในตอนกลางวัน แต่มันจะมีค่าต่อเมื่อตอนที่มันมีน้อยที่สุด และแสงก็มีค่าเมื่อทุกอย่างมืดลง มันไม่มีอะไรมีค่าในตัวเองโดยไม่สัมพันท์กับสิ่งอื่น เรามักเรียกร้องในสิ่งที่เราไม่มี จนเมื่อเราได้มันมามันก็หมดค่าทันทีเพราะมันมีมากเกินไป เมื่อความวุ่นวายมากล้นคนก็โหยหาอำนาจและการจัดระเบียบ และในทำนองกลับกันก็เช่นกัน คนจีนมีอดีตที่เลวร้ายเกี่ยวกับสงครามไม่รู้จบในประเทศ ดังนั้นพวกเขาต้องการความมั่นคงและระเบียบอย่างมาก https://image.dek-d.com/27/0920/0271/132203184

2
Swordman แห่ง Iris , รมย์นลิน 19 ส.ค. 65 เวลา 15:09 น. 10-1

ง่ายๆ ความเจริญหูเจริญตาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเขาอยากจะได้บรรยากาศดีๆ จ่ายเงินค่าอาหารราคาแพง ดื่มด่ำกับบรรยากาศ อาจพาแฟน มาฉลองครบรอบวันสำคัญต่างๆ เขาก็อยากได้อะไรที่มันเจริญหูเจริญตา สมมุติหันไปข้างๆเจอคนใส่เสื้อผ้าเก่าๆขาดๆ มันก็เสียอารมณ์ได้เหมือนกัน สถานที่แต่ละที่เขามีกฎระเบียบของเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ ถ้าเอาแต่อ้างว่าฉันก็เป็นลูกค้าเป็นคนมาใช้บริการ แล้วจะทำยังไงก็ได้ เพราะนี่มันสิทธิ์ของฉัน แล้วทำไมร้านค้าเจ้าของสถานที่ต่างๆเขาถึงไม่มีสิทธิ์ของเขาบ้าง คุณจะเข้าไปใช้บริการที่ไหนคุณก็ควรจะให้เกียรติสถานที่นั้น ถ้าคุณเห็นกติกามารยาทของเขาแล้วคุณรับไม่ได้ก็เปลี่ยนร้านไปจบ

0
Swordman แห่ง Iris , รมย์นลิน 19 ส.ค. 65 เวลา 15:11 น. 11

ง่ายๆ ความเจริญหูเจริญตาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเขาอยากจะได้บรรยากาศดีๆ จ่ายเงินค่าอาหารราคาแพง ดื่มด่ำกับบรรยากาศ อาจพาแฟน มาฉลองครบรอบวันสำคัญต่างๆ เขาก็อยากได้อะไรที่มันเจริญหูเจริญตา สมมุติหันไปข้างๆเจอคนใส่เสื้อผ้าเก่าๆขาดๆ มันก็เสียอารมณ์ได้เหมือนกัน สถานที่แต่ละที่เขามีกฎระเบียบของเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ ถ้าเอาแต่อ้างว่าฉันก็เป็นลูกค้าเป็นคนมาใช้บริการ แล้วจะทำยังไงก็ได้ เพราะนี่มันสิทธิ์ของฉัน แล้วทำไมร้านค้าเจ้าของสถานที่ต่างๆเขาถึงไม่มีสิทธิ์ของเขาบ้าง คุณจะเข้าไปใช้บริการที่ไหนคุณก็ควรจะให้เกียรติสถานที่นั้น ถ้าคุณเห็นกติกามารยาทของเขาแล้วคุณรับไม่ได้ก็เปลี่ยนร้านไปจบ

0
มีดปักหลัง 19 ส.ค. 65 เวลา 22:01 น. 12

จากใจคนทำงานโรงแรม (5 ดาว) นะครับ ถ้าการแต่งกายแย่มากจริง ๆ เราเชิญออกครับ ต่อให้จองไว้แล้วเราก็เชิญออก (แต่คืนเงินนะ) ที่จริงเราอลุ่มอล่วยให้มากแล้วด้วยซ้ำเพราะขาสั้นรองเท้าแตะเราก็ให้พักได้ขอแค่ไม่ใช่สภาพขาดรุ่ยหรือสกปรกเกินไปเท่านั้นเอง แต่ทุกปีจะมีคนแบบนี้มาอย่างน้อย 1 กรุ๊ปครับและเราเชิญออก และแขกคนอื่นจะปรบมือให้ด้วยเพราะเขาถือว่าเรากำลังทำเรื่องยุ่งยากเพื่อปกป้องสิทธิ์ในการพักผ่อนอย่างสบายใจมากที่สุดของเขาอยู่ สุดท้ายอยากจะบอกว่า 'ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า' ครับ แต่ลูกค้าคือคนที่มาซื้อความดูแลของเรา เราเคารพลูกค้า ลูกค้าเคารพเรา ปัญหาจะไม่เกิดครับ ทุกวันนี้ปัญหาที่เกิดในห้องอาหารโรงแรมที่ผมทำงานอยู่ก็เพราะลูกค้าไม่เคารพคนให้บริการ ทำให้การบริการเกิดปัญหาแล้วมันไปกระทบกับลูกค้าคนอื่นครับ การละเมิดสิทธิ์คนอื่นเกิดได้ง่าย ๆ แค่นี้เองครับ

0
ครับ 19 ส.ค. 65 เวลา 23:56 น. 13
https://www.facebook.com/51620386454/posts/pfbid0CuKMPTZCMDecpQQWdFsVZuB98zXqzHtaW4sABLKB8RWGTGZxyF4LbaLrecvKnYHQl/?d=n

ไปอ่านคอมเมนต์ดูนะในเพจเด็กดี เขาแชร์กระทู้คุณแล้วคอมเมนต์ใต้โพสต์ของแต่ละคนกระชับเข้าใจง่ายดี กาลเทศะ+มารยาท สิทธิ์การแต่งตัวอิสระในความคิดตัวเอง คิดว่าไม่ทำใครเดือดร้อน โดยไม่รู้ตัวว่าไปละเมิดสิทธิ์ร้าน เพราะร้านสร้างภาพลักษณ์ของเขา แต่งตัวไม่โอเคไปทำภาพลักษณ์เขาดูแย่ก็หมายความว่าไปสร้างความเดือดร้อนให้เขานั่นแหละ

0
JJ&J 20 ส.ค. 65 เวลา 01:23 น. 14

คืออยากรู้ว่าอะไรคือ สิทธิ VS กาลเทศะ ให้วันไหนก็ได้แต่งตัวสบายๆแบบเสื้อยืดคอกลม กางเกงฟุตบอล ใส่รองเท้าแตะแล้วเดินเข้าไปที่ทำการศาลสักแห่งดูครับ ถ้า รปภ. ไม่ให้เข้าแล้วให้แต่งตัวเรียบร้อยนั่นแหล่ะคือกาลเทศะ ถ้ายังคิดว่าเป็นสิทธิก็ลองเข้าดูครับก็ได้นะครับจะเป็นบทเรียนชีวิต ชีวิตจริงเราไม่สามารถทำตามอะไรใจตนเองได้เสมอไป เราต้องอยู่ในกรอบ กฎ กติกา สิทธิคนเรามีหน้าที่ก็ต้องมีเช่นกันครับ

0
โต่ะ 22 ส.ค. 65 เวลา 22:21 น. 15

โรงแรมก็คงอยากรักษาภาพลักษณ์ของเค้าแหละเราว่า ผู้คนก็ชอบสถานที่หรูหราดูดีอยู่ไม่น้อย มันก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

0