Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ชีวิตเด็กวัย 14 ปี ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะ หนูเป็นนักเรียนม.ต้น วัย 14 ปีคนหนึ่ง ที่รู้สึกเหนื่อยกับชีวิตมาก ๆ ค่ะ ถ้าให้เบ่าหนูขอเล่ามาตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ นะคะ

ในช่วงวัยเด็ก ช่วงประถม 1-3 หนูเรียนอยู่ในรร.แถวบ้านค่ะ ที่นั่นมันก็รร.ชนบททั่วไป แต่มันไม่ทั่วไปสำหรับหนู เพราะมันมีการบูลลี่ คือขอยอมรับเลยนะคะ ว่าการบูลลี่เนี่ย มีอยู่ทุกที่ไม่ใช่แค่ที่ชนบทค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงที่เจ็บปวดที่สุดเลยค่ะ เพราะโดนบูลลี่หนักมาก โดนทุกวันเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น อ้วน ดำ ปากเหมือนเป็ด โดนด่าพ่อล้อแม่ เคยมีครั้งหนึ่งโดนบอกว่า “-อย่าตอบโต้กูนะ ไม่งั้นกลับไปแม่-จะตาย” คือคำนี้เป็นคำที่แรงมากสำหรับหนู เพราะด้วยความที่ตอนนั้นตั้งแต่เด็ก

ซึ่งในช่วงนั้นหนูเป็นเด็กขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูดกับใคร แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นค่ะ ประเด็กคือ หนูโดนว่าแบบนี้ตั้ง 3 ปี หนูขอพ่อแม่ย้ายรร.ก็ไม่ให้ย้าย เพราะบอกว่ามันไม่มีประโยชน์แล้วให้หนูทน ๆ ไป พอบอกครูครูก็ไม่ช่วยอะไร จนวันหนึ่งหนูบอกพ่อแม่ไป เพราะอยากให้ช่วยแก้ปัญหา แต่พ่อแม่ก็บอกว่าให้ปล่อย ๆ ไป จนหนูระเบิดอารมณ์เลย ประมาณว่า “จะเข้าใจอะไร ไม่ได้โดนเหมือนกัน อะไร ๆ ก็สงสารแต่พวกมัน ไม่เคยสงสารหนูเลย” ประโยคนี้หนูพูดตอนอยู่ ป.3 ด้วยความอัดอั้นใจมานาน วันนั้นพ่อแม่หนูก็เงียบ ไม่พูดอะไร ส่วนหนูวิ่งเข้าที่นอนไป

พอมาตอนประถมปี่ที่ 4-6 หนูได้ย้ายรร.มาอยู่ในเมือง นั่งรถรับส่งเอา เอาตามตรงนะ สังคมที่นี่ดีกว่าที่นั่นมาก หนูใช้ชีวิตแบบปกติ แต่จะมีปัญหาบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้อะไรมาก


แต่ตอนขึ้นมัธยม ปัญหาชีวิตมีเยอะแยะเลยสำหรับหนู ตอนม.1 หนูมักจะมีปัญหากับเพื่อนเพราะหนูทำตัวแย่ แต่ขอบอกหน่อยนะคะ คือแต่ก่อนหนูไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกค่ะ แต่หนูก็รู้สึกอยู่นะคะว่าหนูเปลี่ยนไป ทั้งนี้ทั้งนั้น ในช่วงนี้เป็นช่วงที่มันเหนื่อยมากค่ะ งานมันก็ไม่ได้เยอะมาก แต่หนูเป็นคนที่มุ่งมั่นในการเรียน ตั้งใจเรียนมาก คือเหมือนเป็นคนที่คลั่งเรียนเลยค่ะ

แต่หนูไม่เคยเรียนพิเศษเลยนะคะ เพราะโดนบอกว่าไม่ต้องเรียนหรอก อันนี้ก็เข้าใจได้ค่ะ เพราะตั้งแต่เปิดเทอมตอนม.1 มา การเงินบ้านหนูก็แย่ลง พ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันบ่อย แต่ตอนท่านทะเลาะกันหนูมักจะเงียบ เพราะหนูไม่ชอบการที่พ่อแม่ทะเลาะกันเลยค่ะ ในช่วงนั้นหนูจะแต่งนิยาย เพื่อเป็นการฝึกตัวเองด้วย เพราะหนูอยากหารายได้ของตัวเอง แต่หนูไม่กล้าบอกแม่ เพราะเคยบอกแล้ว แม่บอกว่าไร้สาระ รวมทั้งการอ่านนิยายด้วยค่ะ แต่หนูชอบ หนูรักของหนู แต่ดีตรงที่พ่อแม่ไม่ปิดกั้น

ส่วนทั้งสองท่านนั้นก็เป็นคนที่ทำงานจนไม่มีเวลาให้หนูเลย จนหนูน้อยใจ แต่หนูก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพวกท่านทำเพื่อหนู แต่หนูอยากอวดนะคะ ว่าตอนม.1 ทั้ง 2 เทอมหนูได้ที่ 1 ของห้องทั้ง 2 เทอมเลยค่ะ ช่วงม.1 ถ้าช่วงที่เครียดที่สุดก็คงเป็นศิลปหัตถกรรม เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้แข่ง แล้วหนูก็แข่งดนตรีไทยด้วยค่ะ เพราะหนูชอบดนตรีไทยมาก ๆ

พอมาม.2 หนูก็ใช้ชีวิตปกติ แต่คือหนูทำตัวแย่มากเลยเหรอ ? เพื่อนผญ.เขาไม่ชอบหนูเกือบทั้งหมดเลย แต่พอหนูบอกพ่อแม่ แม่ก็บอกว่าให้ปล่อยไป

อีกแล้ว ทำไมแม่ชอบบอกว่าให้ปล่อยไป ทำไมล่ะ หนูอยากมีความสุขบ้าง หนูผิดอะไรงั้นเหรอ บอกได้มั้ย หนูจะได้แก่ตัว ทำไมถึงเกลียดหนูขนาดนี้ เทอม 1 เป็นเทอมที่ทรมานที่สุด เพราะโดนทั้งเพื่อนเกลียด ทั้งเกรดตก แล้วยังมีปัญหายิบย่อยอีก แล้วก็นะคะ จะมีเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นโรคจิตเวช น่าจะเรียกแบบนี้ ซึ่งเป็นโรคซึมเศร้า ที่ในตอนนี้มีเยอะมาก หนูสงสารเพื่อนอยู่นะคะ แต่หนูก็ไม่รู้จะทำยังไ แต่เราก็สนิทกันมากค่ะ ไปไหนมาไหนด้วยกัน มีความชอบหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกันค่ะ

เกรดเฉลี่ยเทอมที่แล้วหนูตกไปประมาณ 0.20 หนูรู้สึกไม่มีกำลังใจเลยค่ะ แต่มันเป็นเพราะหนูเครียด ตอนนั้นหนูร้องไห้แทบทุกวันเลยค่ะ จนมีความคิดว่าอยากหายไปจากโลกนี้ แต่ก็มันยังมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจอยู่ค่ะ คือพ่อแม่ เพื่อน ทั้งในชีวิตจริงและโลกออนไลน์ สัตว์เลี้ยง การวาดภาพ เพลง นิยาย

แต่พอมาเทอม 2 หนูไม่ค่อยได้ตั้งใจเรียนมาก เพราะอยากลองปล่อยจอยดู แต่หนูก็กลับมาเครียดอยู่ดี เพราะหนูไม่มีกลุ่มทำงาน แต่หนูก็ขอครูทำคนเดียวค่ะ ถึงแม้งานมันจะหนัก ออกไปนำเสนองานคนเดียวด้วยค่ะ หนูเก่งใช่มั้ยคะ

เทอมนี้มีกิจกรรมเยอะแยะเลยค่ะ ทั้งกีฬาสี ศิลปหัตถกรรม ไปกิจกรรมของห้องพิเศษอีก ลืมบอกไปเลยค่ะ ว่าหนูอยู่ห้องพิเศษ เป็นห้องเรียน วิทย์-เทคโน หนูชอบนะคะ แต่มันเรียนหนักไปสำหรับหนู ตอนเทอม 1 เปิดเทอมมาแรก ๆ หนูเป็นโควิด น่าจะติดมาจากรร. แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก แต่หนูอยากย้ายรร.มาก ไม่ก็ย้ายห้องเลย เพราะหนูไม่ชอบสังคมในห้องนี้ มันมีแต่คนอีโก้สูงจนเกินไป แต่มันก็ไม่เยอะเหมือนอีกห้องที่เป็นวิทย์-คณิต

แต่ตอนนี้หนูเหนื่อย หนูเหนื่อยมาก หนูเพลีย หนูไม่อยากอยู่ หนูอยากย้ายรร. ไม่อยากอยู่บนโลกนี้ มันเครียด เครียดไปหมด หนูไปหาหมอมา หมอบอกว่าหนูเครียดเกินไป เพราะตอนนั้นหนูปวดหัว หมอให้ยาหนูมา แต่ก็ไม่ได้กินติดต่อกัน เพราะหนูกินตอนที่มีอาการ แต่หนูอยากยัดยาทุกเม็ดเข้าปาก แล้วหายไปจากโลกนี้

แต่สิ่งที่หนูกลัวที่สุดคือการได้เห็นโลกอีกใบ หนูไม่รู้ว่ามีอยู่จริงมั้ย แต่หนูเป็นคนที่มีเซ้นส์ มีสัมผัสที่ 6 ตั้งแต่เด็ก ๆ ผู้ใหญ่มักจะบอกว่าหนูเป็นเด็กที่แปลก ไม่ดื้อมาก เชื่อฟังผู้ใหญ่ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าจริงมั้ย แต่ถึงยังไง หนูก็ทั้งเครียด ทั้งเหนื่อย ทั้งยังไม่รู้ว่าเป็นโรคซึมเศร้าอีกมั้ย แต่ไม่น่าจะเป็นหรอกค่ะ555

อยากจะบอกว่าการบ้านเยอะมากค่ะ แต่ต้องทำ ๆ ไป เพราะเดี๋ยวไม่มีคะแนน ไปก่อนนะคะ หวังว่าหนูจะทนอยู่ต่อให้ได้ ขอให้เป็นวันที่ดีของทุกคนค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

ลุงไก่แจ้ 15 พ.ย. 66 เวลา 09:44 น. 1

สวัสดีครับ ผมอายุ19 ปี เข้าใจที่น้องพูดเลย เพราะผมก็เป็นเหมือนกัน เมื่อ1ปีก่อน แต่ผมคิดว่า ถ้าไม่มีคนสนใจก็ช่างมันไป เราไม่ต้องเรียนเก่งก็ได้ แค่เรียนให้จบพอ ยังงไงชีวิตในอนาคตมันไม่แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องเกรดมันมีผลน้อยมากสำหรับการทำงาน เรื่องบูลี่มันปกติมากสำหรับเมืองไทย ถ้าอีกฝ่ายบูลลี่น้องมาก็สวนกลับไปเลย ว่า ........ก็ดีกว่าพ่อแม่-อะ ไรงี้ มีหน้าเหวอบ้างแหละ ส่วนการบ้านไม่ต้องฝืนทำก็ได้ คนเรามันคงไม่เห..พอที่จะให้เด็กติด0หรอก

0
Miuokjjj 9 ธ.ค. 66 เวลา 02:43 น. 2

สวัสดีค่ะ เราอายุ 16นะคะ อาจจะอายุห่างกันไม่มาก แต่เข้าใจตัวเองนะคะ ว่ารู้สึกยังไง ด้วยความที่ ปัจจุบัน เราอยู่ม.ปลาย เรียนสายวิทย์-คณิต เราก็เหมือนตัวเองเลยค่ะ ในปัจจุบัน การที่โดนบูลลี่มาตั้งแต่เด็ก หรือเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน ตัวเองเก่งมากๆเลยนะคะ ที่ผ่านมันมาได้ ด้วยวัยที่อายุเพียง14ปี ผ่านปัญหาทุกๆอย่างมาได้ แถมการเรียนยังดีมากๆ อยากให้ตัวเองรู้ว่า การที่เกรดตัวเองตก ไม่ใช่ว่าตัวเองแย่นะคะ ตัวเองทำเต็มที่แล้ว เมื่อก่อน เราก็ค่อนข้างเครียดเรื่องเกรดค่ะ ในช่วงม.ต้น แต่พอม.ปลาย ก็ปล่อยมากขึ้น เพราะหนักมาก ในจะปัญหาหลายๆอย่าง ตัวเองใช้ชีวิตให้มีความสุขนะคะ บางอย่างที่เราสามารถปล่อยได้ เราก็ไม่ต้องสนใจ ตัวเองสามารถไม่แคร์ ในหลายๆอย่าง ที่ตัวเองรู้สึกว่า ไม่ได้มีผลต่อตัวเอง การทำตัวแย่ ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีนะคะ กับ เพื่อนบางคน แต่ตัวเอง ต้องแคร์ตัวเองให้มากๆ ตั้งใจ มุ่งมั่นกับสิ่งที่ตัวเองโฟกัส ตัวเองอาจจะไม่ได้มีความสุขเวลาไปโรงเรียน แต่เราสามารถมีความสุขกับตัวเองได้นะคะ เวลาตัวเอง เศร้า อาจจะหาอะไรทำ เช่นอ่านนิยายที่ตัวเองชอบ แต่งนิยาย อาจจะไม่ใช่ความสุขที่มากมายขนาดนั้น แต่ถ้านั่นคือเซฟโซน ตัวเองสามารถทำมันได้เลยค่ะ อาจจะหาหนังดู หรือ ลองมองโลกให้กว้่างมากขึ้น คนเรามีหลายประเภทค่ะตัวเอง มีทั้งคนที่หวังดี หวังผลประโยชน์ หรือ บูลลี่ สังคมไทยมีมานานแล้วค่ะ ตัวเองโฟกัสแค่คนที่หวังดี และ เห็นเราเป็นเพื่อนดีที่สุดค่ะ เอาใจเขามาใส่ใจเรา บางทีอาจจะมีผิดใจกันบ้าง แต่เป็นปกติค่ะ เพื่อนกัน ก็ต้องมีทะเลาะกัน เป็นธรรมดา ส่วนในด้านคุณพ่อคุณแม่ เค้าอาจจะมีเหตุผลส่วนตัวหลายอย่าง ทำให้เค้าไม่มีเวลาว่าง บางทีการใช้เวลาร่วมกัน อาจจะเป็นช่วง คุณพ่อคุณแม่ของตัวเองเลิกงาน กลับบ้านมา พวกท่านอาจจะไม่ได้ถามไถ่ตัวเองมากนัก ตัวเองลองเปลี่ยนมาเข้าหาพวกท่านดูมั้ยคะ อาจจะเป็นช่วงพวกท่านกลับมาเหนื่อย ตัวเองลองเอาน่ำมาให้พวกท่านดู ลองถามไถ่ ว่าเหนื่อยมั้ย เค้าเข้าใจนะคะ ว่าตัวเองก็เหนื่อยเช่นกัน เลิกเรียนมา แต่ลองดูได้นะคะ เค้าอาจจะไม่ได้มีมายเซตที่ตรงกับตัวเอง แต่เค้าอยาดให้ตัวเอง สู้ๆนะคะ ใช้ชีวิตให้คุ้ม ให้มีความสุข นอนให้อิ่ม หลับไม่ฝัน ทานข้าวให้อร่อย เป็นกำลังใจให้นะคะ

0