Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ถ้าในปี 2551 นี้เป็นปีแห่งวันพิพากษาโลก......สภาวะการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย กับมหันตภัยของโลก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ถ้าในปี 2551 นี้เป็นปีแห่งวันพิพากษาโลก......

สภาวะการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย กับมหันตภัยของโลก
โดย Dr.G.G.Junior

http://www.universal-signal.com
ได้ทราบสัญญาณจากธาตุรู้แล้วว่า มนุษย์นั้นเป็นตัวการหลักที่สำคัญที่สุด ในการทำให้โลกนี้เสียความสมดุลอย่างรุนแรง ในขณะที่โลกหมุน และปรับแกนของตน เพื่อถ่วงความสมดุลนั้นกลับคืนมา ถ้าเปรียบกับมนุษย์แล้ว โลกทำงานหนักแสนสาหัส โดยไม่มีเวลาหยุดพักเลย ในทุกๆ ขณะที่กิจกรรมของโลกดำเนินไป มนุษย์ก็ยิ่งสร้าง ความไม่สมดุลให้กับโลกเพิ่มพูนทวี ด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจถึงสภาวะสมดุลดังกล่าว มุ่งแต่ประโยชน์ และให้ได้มาซึ่งทรัพย์ที่เรียกว่า “ มนุษย์สมบัติ ” ทั้งหลาย สงสารแต่ มนุษย์ตัวเล็กๆ ที่อาจจะไม่มีโอกาสได้รับรู้ความเป็นจริงธรรมชาติตามวัยอันควร ต้องจบชีพตนอย่างเวทนา

เนื่องจากมนุษย์ผู้ใหญ่ทั้งโลก มีความเสื่อมของปัญญาทิพย์ อย่างถาวร จึงไม่อาจมี หรือสะสมความรู้ด้านสภาวะสมดุลของตน ของโลก ของจักรวาล มนุษย์ส่วนใหญ่ จึงประกอบอาชีพด้วยการทำลายโลกที่ตนอยู่ ให้ป่วยขั้นสาหัสขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญที่สุดคือ มนุษย์ไม่รู้ว่าตนนั้นทำลายโลก และจักรวาล ให้เสียหายอย่างไร มากมายเท่าใด และยังคงทำต่อไปอย่างที่เรียกว่า ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และทระนงว่า ตนนั้น เป็นฝ่ายพัฒนาโลกนี้ ให้เจริญงอกงามทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ หรือการค้นพบนั้นแท้จริงแล้ว มนุษย์ใช้เป็นเพียงเครื่องมือค้นหาธรรมชาติต่างหาก ยังมีธรรมชาติรอให้มนุษย์ค้นหา และเข้าใจอีกมากมายนัก แต่น่าเสียดายที่มนุษย์ ใช้วิทยาศาสตร์ เพื่อการเอาชนะกันเพียงเท่านั้น เช่น เอาชนะว่าใครรู้มากกว่ากัน เอาชนะว่า ใครจะแปรเป็นทรัพย์ (เศรษฐกิจ) ได้มากกว่ากัน เอาชนะด้วยสงครามว่าใคร มีอำนาจเหนือใคร เอาชนะว่า ใครมีชั้นความเป็นอยู่สูงกว่าพวกใคร มนุษย์เกือบทั้งโลก ตกอยู่ในอารมณ์เหล่านี้ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้นักปราชญ์ที่พูดเก่ง ก็ซ่อน ความอยากเอารัด เอาเปรียบกับมนุษย์ที่โง่กว่า ไว้ในใจด้วยกันทั้งนั้น มนุษย์ไม่รู้เลยว่า แท้ที่จริง พวกท่านทั้งหลาย กำลังพากันเดินทางเข้าสู่หายนะมหันตภัย ของโลก ที่เกิดจากน้ำมือ ของตนเองทั้งสิ้น ยิ่งมีความรู้ ความสามารถ และ/หรืออำนาจมากเท่าใด ก็ยิ่งทำลายโลก ด้วยความเลวร้ายมากขึ้น และรวดเร็ว มากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุด มนุษย์ไม่สามารถ ชนะสิ่งใดได้เลย แต่ต้องกลับเป็นผู้พ่ายแพ้ตลอดกาล อย่างน่าสงสาร

เจ้ามนุษย์เอ๋ย ! จงมองเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างเท่าเทียม จะเห็นว่าสัญญาณข้อความที่กล่าวนี้เป็นจริง เพราะมนุษย์ไม่รู้จัก และเข้าใจซึ้งถึงสิ่งอื่นๆ เลย นอกจากกิเลสที่นำพาตน ดิ่งลงสู่หายนะสภาวะมหันตภัยเพียงเส้นทางเดียว (เริ่มด้วยความอยากนั้นเป็นจุดเริ่มต้น ตามด้วยความโกรธ และตามด้วยความหลง ซึ่งเป็นอบาย ส่องทางให้มนุษย์ เลือกเอา การทำลายสิ่งทั้งหลายทั้งปวงโดยไม่เลือกหน้า อย่างเมามัน และไร้สติ อย่างในปัจจุบัน) แต่นี้ไป มาดูผลงานการทำลายของพวกท่านกันเถิดว่า ยิ่งใหญ่มโหฬาร หรือเลวร้าย แสนสาหัสเพียงใด (ขอยกสิ่งใกล้ตัวคือ ประเทศไทย) ถ้าปราศจากการแก้ไข โดยมนุษย์เอง ตั้งแต่บัดนี้ สำหรับประเทศไทย ถ้ายังอยู่ในสภาวะปัจจุบัน มีข้อมูล ความเสียหายของพื้นที่ จากภัยพิบัติ ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศเริ่มตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวาระสุดท้าย เพื่อการเข้าสู่ ยุคพลังงานใหม่

โดยเริ่มจาก

จังหวัดเชียงราย มีแผ่นดินยุบบางส่วน โดยเฉพาะ อ.เชียงแสน จะเสียหายจากแผ่นดินยุบ เกือบทั้งอำเภอ

จังหวัดเชียงใหม่ เกิดรอยแยกจากรอยเลื่อนของแผ่นดินใต้จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิด ความเสียหายจากแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุด ตามแนวรอยเลื่อน แถบเทือกเขา อำเภอแม่สะเรียง ผ่านขึ้นดอยอินทนนท์ และรอยแยกเข้าที่ลุ่มตัวเมืองเชียงใหม่ ออกไปสู่อำเภอแม่ริม ไปเข้าสู่จังหวัดเชียงราย

แถบจังหวัดพิษณุโลก พบภัยจากน้ำเป็นบางส่วน จังหวัดกำแพงเพชรพบภัยจากน้ำเล็กน้อย

จังหวัดตาก ส่วนที่เกี่ยวเนื่องเลียบตามชายแดนพม่า และแม่ฮ่องสอนจะเกิดภัยแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก

จังหวัดกาญจนบุรีเกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินแยกยุบตามรอยเลื่อน ที่ทอดยาวไปกับเทือกเขาตะนาวศรี เกิดความร้อนผุดขึ้นบางพื้นที่

จังหวัดสุโขทัยพบภัยจากน้ำมากพอสมควร

ต่ำลงมาตั้งแต่จังหวัดลพบุรี อ่างทอง อยุธยาจะกลายเป็นที่ลุ่มมากขึ้น กรุงเทพมหานคร ปากน้ำ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ถูกน้ำคุกคามทั้งหมด

ส่วนนครปฐม ยังคงอยู่บางส่วน ในที่สูงรอยต่อกับจังหวัดกาญจนบุรีถึงสุพรรณบุรี แต่ต้องระวังที่เก็บน้ำ เช่น ถ้าเขื่อนในจังหวัดกาญจนบุรีแตก พื้นที่เหล่านี้ก็เกิดภัยจากน้ำได้เช่นกัน

ภาคใต้ทั้งหมดจะกลายเป็นพื้นที่เกาะ ในส่วนที่เป็นเกาะปัจจุบันเช่น ภูเก็ตจะจมหายไปจนเกือบหมด เป็นไข่มุกใต้ท้องทะเล

อีสานเป็นพื้นที่ปลอด จากภัยพิบัติ แต่แห้งแล้งหนัก ในส่วนพื้นดินเป็นดินทรายยิ่งโก่งตัวขึ้นก็ยิ่งแห้งแล้ง ในพื้นที่ดินแดงจะมีน้ำมากขึ้น

ภาคตะวันออกนั้น ในพื้นที่อ่อนนุ่ม จะจมน้ำลงไปก่อน แล้วน้ำจะคืนให้บางส่วนทีหลัง ส่วนพื้นที่อยู่ปลายแหลม ไม่มีเหลือที่ให้มนุษย์ มีแต่สัตว์น้ำที่ครอบครองดินแดนแทน

สัญญาณอณูธาตุรู้ยังบ่งบอกให้รู้อีกว่า ณ วันนี้ (๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๐) ภัยพิบัติ ซึ่งเป็นช่วงแรกของมหันตภัย ระหว่างเดือนกรกฎาคมปีนี้ ถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้านั้น มีความชัดเจนขึ้นมาก ที่มนุษย์และสรรพชีวิตจะต้องพบกับ "ภัยร้ายทางน้ำ" มาเป็นเอก

ส่วนภัยทางอื่นรองลงมาแต่มีความเกี่ยวข้องกันด้วยที่ว่าธาตุดิน น้ำ ลม และไฟ ทำงานร่วมกันเสมอ ในพื้นที่ที่มีน้ำน้อยจะประสบสภาวะขาดน้ำ พื้นที่ใดมีน้ำมาก ก็จะมีน้ำมากเกิน จนเกิดโทษ อุปกรณ์ และวัสดุที่มนุษย์ใช้กับน้ำ เช่น เขื่อน สิ่งก่อสร้างใกล้น้ำ ควรตรวจความคงทนแข็งแรง ให้มีความมั่นคงแน่นหนา ในพื้นที่เก็บน้ำในรูปหิมะจะเกิดหิมะละลายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะที่สูง และจะเกิดสภาวะความร้อนสูงเข้ามาแทนที่ เนื่องจากหิมะให้ความเย็น และยังปกปิด ไม่ให้ความร้อนใต้พิภพผุดขึ้นมาตามรอยแตกของหิน ด้วยแรงดึงดูด จากผิวเปลือกโลก จะการเกิดพายุฝน และพายุลมบ่อยมาก และรุนแรงขึ้น ปีนี้มีปริมาณน้ำมาก และสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง ด้วยมีฤดูฝนที่ยาวที่สุด เท่าที่เคยพบมาของมนุษย์ปัจจุบัน และมีแนวโน้มหนักขึ้นทุกปี สมควรที่มนุษย์ เร่งแก้ไขโดยร่วมกันสร้างสนามพลังงานแห่งมวลมนุษยชาติให้แข็งแรง และสามารถลดภัยพิบัติครั้งอีกให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป

มนุษย์ใฝ่ดีทั้งโลกนี้ ได้สร้างสนามพลังงานนี้ขึ้นได้มากกว่าเดิม ๑๐ % แล้ว ถึงแม้เพียงน้อยนิด แต่ก็รักษาชีวิตมนุษย์ได้มากทีเดียว ข้าคือสัญญาณธาตุรู้ในทุกสรรพสิ่ง ขออนุโมทนา เป็นปฐม ปกติข้าไม่เคยพึ่งความโชคดี แต่ข้าก็ขออวยพรให้มนุษย์และสรรพชีวิตจงโชคดี หากมนุษย์ยังเฝ้าคอยแต่โชคชะตา โดยไม่รู้จักตื่นไปกับข้า "ธาตุรู้ในทุกสรรพสิ่งแห่งสากลจักรวาล"
เป็นความเชื่อส่วนบุคคล

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น