ผลกระทบของ...เกมฆ่าคน ต่อจิตวิญญาณจริยธรรม สังคม และกฎหมาย
ตั้งกระทู้ใหม่
โดย นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
เราควรมองกรณีนี้จากหลายมุม นั่นคือมุมมองทางจิตวิญญาณ จริยธรรม สังคม และกฎหมาย โดยเรียงจากแง่มุมที่น่ามอง น่าสนใจ น่าช่วยกันและสามารถแก้ไขได้ ไปสู่แง่มุมที่ทำนายล่วงหน้าได้ว่าไร้ผล เช่น ออกกฎหมายฉบับใหม่ๆ เป็นต้น
ประเด็นน่าใส่ใจมากคือ เรื่องสุขภาวะทางจิตวิญญาณ มีตัวอย่างหลายครั้ง แสดงให้เห็นว่าเด็ก-เยาวชน กำลังบริโภควัตถุและเสพสุขจากการบริโภควัตถุนั้นตลอดเวลา เรื่องที่ควรทราบคือความสุขที่ได้จากการบริโภควัตถุนั้นไม่มีวันเต็ม ต้องหาใหม่และบริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กรณีเกม อาจมิใช่ตัวปัญหา ปัญหาหลักๆ ของเยาวชนคือเรื่องเซ็กซ์ ยาเสพติด เกม และความรุนแรง 4 กรณีนี้มีคุณสมบัติร่วมประการหนึ่งคือ "ความเร็วในการเสพสุข" เด็ก-เยาวชนสามารถมีความสุขจากเซ็กซ์ได้รวดเร็ว สูดดมยาบ้าหรือสารระเหยก็เร็ว เล่นเกมก็เสพสุขเร็ว รู้สึกตึงเครียดก็ระบายออกด้วยความรุนแรงถือเป็นการหาความสุขที่เร็ว
ประเด็นร่วมคือ ความเร็ว
เทียบกับการเสพสุขจากการอ่านหนังสือ เล่นดนตรี เล่นกีฬา ทำงานศิลปะ ไปบำเพ็ญประโยชน์ นั่งสมาธิเจริญสติ เหล่านี้ให้ความสุขช้า ช้ากว่าหรือช้ามาก
การเสพสุขอย่างเร็วมักเป็นการบริโภควัตถุ ซึ่งจะไม่มีวันเต็ม ต้องเสาะหามาเติมตลอดไป ขณะที่การเสพสุขด้วยวิธีที่มี "สุขภาวะ" (Healthy) มากกว่ามักได้ความสุขสงบทางใจหรือจิตวิญญาณ เรียกว่ามีสุขภาวะทางจิตวิญญาณหรือสุขภาวะทางปัญญา คือ Spiritual Health
คำถามคือเราจะช่วยกันจัดการสังคมให้เด็ก-เยาวชนเข้าถึงกิจกรรมที่มีสุขภาวะเหล่านี้ได้อย่างไร?
เกมเป็นเทคโนโลยีใหม่ ขึ้นชื่อว่าเทคโนโลยีมันมีชีวิตของมันเองเสมอ นักปรัชญาบางสำนักกล่าวว่า พลันที่มนุษย์ประดิษฐ์ไฟ ไฟก็หลุดมือของเราไป พลันที่มนุษย์ประดิษฐ์พลังงานนิวเคลียร์ นิวเคลียร์ก็หลุดมือไป พลันประดิษฐ์เครื่องจักรนาโน เครื่องจักรนาโนจะหลุดมือเราไปอีก เกมก็เช่นกัน มีชีวิตและพัฒนาตนเอง เราไม่ควรมั่นใจจนเกินไปว่าเป็นเกมเมอร์ที่คิดค้นเกมใหม่ๆ หรือเป็นเกมที่ตามหาและควบคุมเกมเมอร์กันแน่
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พร้อมจะพิจารณาเทคโนโลยีเกิดใหม่หรืออุบัติใหม่ (Emerging Technology) เหล่านี้จากแง่มุมต่างๆ นั่นคือ แง่มุมทางจริยธรรม สังคม และกฎหมาย
อันที่จริงมีคำศัพท์เรียกผลกระทบหรือนัยยะทางจริยธรรม กฎหมายและสังคมต่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่าเอลซี คือ ELSI (Ethical Legal and Social Implication of Science and Technology อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ เคยให้ความเห็นว่าควรสลับตำแหน่งระหว่างกฎหมายและสังคม เป็นสังคมและกฎหมาย เพราะที่แท้แล้วสังคมต้องนำกฎหมาย มิใช่กฎหมายนำสังคม ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะที่น่ารับฟังยิ่งประเด็นที่ควรสนทนากันต่อคือ เกมมีผลกระทบหรือนัยยะทางจริยธรรม สังคม และกฎหมายอย่างไร
ผลกระทบหรือนัยยะทางจริยธรรมต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง เช่น ต่อผู้ประกอบธุรกิจเกม ควรทำร้านเกมหรือขายเกมประเภทไหนและอย่างไรถึงพอดี ไม่ควรค้ากำไรจนไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน เป็นต้น ถ้าเราควบคุมตนเองหรือควบคุมกันเองได้ดี รัฐและกฎหมายก็จะได้ไม่เข้าไปยุ่ง เพราะเราไม่ควรให้รัฐและกฎหมายมายุ่งกับชีวิตเรามากจนเกินไปอยู่แล้ว
ต่อพ่อแม่ผู้ปกครอง เรื่องเกมฆ่าคนหรือการ์ตูนลามกมักสร้างปรากฏการณ์คล้ายๆ กัน คือพ่อแม่ผู้ปกครองออกมาเรียกร้องให้รัฐหรือกฎหมายออกจัดการขั้นเด็ดขาด โดยไม่ได้พิจารณาว่ารัฐหรือกฎหมายไม่สามารถทำเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้ ที่จริงแล้วเกม การ์ตูน หรือวัตถุนิยมอื่นใดมีประเด็นร่วมอีกข้อหนึ่งคือเรื่อง "การใช้เวลา" เป็นหน้าที่โดยตรงของพ่อแม่ ผู้ปกครองที่จะสอนเด็กและเยาวชนให้บริหารเวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน ให้เป็นบ้านใครบริหารเวลาได้ เกม การ์ตูน ทีวี มือถือ ไฮไฟว์ แคมฟร็อก ก็มิใช่ประเด็นหลัก เพราะในที่สุด แล้วเยาวชนจะบริหารเวลาของตนเองเป็นว่าควรใช้เวลาอย่างไร
เยาวชนที่รู้จักค่าของเวลากลับจะใช้เวลาทำกิจกรรมที่มีสุขภาวะคืออ่านหนังสือ เล่นดนตรี เล่นกีฬา ทำงานศิลปะ หรือไปบำเพ็ญประโยชน์มากกว่า ถ้าเยาวชนกลุ่มนี้คิดจะใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ พวกเขาสามารถใช้เช่วยเสริมกิจกรรมที่มีสุขภาวะอีกด้วย เช่น สร้างเว็บบล็อกของเพื่อนฝูงที่นิยมไปทำงานจิตอาสา เป็นต้น
เกมมีผลกระทบหรือนัยยะต่อสังคม ที่สำคัญคือเกมดึงชีวิตมนุษย์ให้อยู่เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นจากเดิมก็มากอยู่แล้ว ขาดการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือใกล้เคียง ไม่รู้จักมนุษย์ที่อยู่ข้างๆ ไปจนถึงไม่เห็นคนข้างๆ เป็นมนุษย์ นำไปสู่การไม่เคารพมนุษย์ด้วยกันในที่สุด เกมน่าจะมีนัยยะทางสังคมอื่นๆ อีก เป็นประเด็นที่น่าจัดวงสนทนายิ่ง
เกมมีผลกระทบต่อการออกกฎหมายแน่ ไม่ว่าเราจะเชื่อถือกฎหมายมากน้อยเพียงใด เกมน่าจะมีนัยยะบางประการต่อวิธีคิดของนักกฎหมายหรือผู้วชาญนิติศาสตร์สาขาต่างๆ หากค้นหาความหมายใหม่ๆ ของเกมไม่พบ เราก็จะออกกฎหมายเก่าๆ ไล่ตามเกมใหม่ๆ เรื่อยๆ ไป ซึ่งโดยสมมติฐานแล้วเทคโนโลยีเป็นสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาตนเองเร็วกว่าการออกกฎหมายมาก
ทั้งหมดที่เป็นการยกตัวอย่างเพียงไม่กี่ตัวอย่าง ที่สามารถจัดวงสนทนาเพื่อเพิ่มเติมประเด็นทางจิตวิญญาณ จริยธรรม สังคม และกฎหมายของเกม หรือเทคโนโลยีใหม่เอี่ยมใดๆ ได้เสมอ
โดยเชื่อมั่นว่าเด็กและเยาวชน มีศักยภาพที่จะร่วมและเข้าถึงกิจกรรมที่มีสุขภาวะเพื่อให้มีสุขภาวะทางจิตวิญญาณหรือสุขภาวะทางปัญญา กระทั่งสามารถพัฒนาเกมหรือใช้เกมอย่างมีสุขภาวะได้ด้วย
ที่มา : http://www.matichon.co.th/matichon/
6 ความคิดเห็น
เราเล่นเกมมาตั้งแต่ประถมตอนนี้ม.6แล้ว เราก้ยังไม่ได้ไปฆ่าใครเลย แล้วเกมที่เล่นก็เป็นพวก จีทีเอ SF อะไรเถือกนี้ เราว่าอย่าโทดแต่เกม หัดมองดูเหตุผลอื่นๆซะมั้ง ไม่ใช่อะไรเกิดก็โทดแต่เกมๆๆๆๆๆๆๆ
ใช่คับ...
กรุณาอย่าโทษเกมครับ...
ความสำคัญมันอยู่ที่ "การเลี้ยงดู" และ "วิจารณญาณ" ครับ...
ผมนั่งดูคน gamer เก่งๆ, มันยังไม่เคยฆ่าคนสักคนเลยครับ
แถมยังเป็นคนที่มีสมาธิสูงกว่าคนธรรมดาอีก, ความคิด การวางแผนก็เก่งกว่า (เพราะสมองต้องคิด วางแผนจากเกมเยอะ)
ผมเองก็เล่นเกม และไม่ได้คิดจะฆ่าใคร
(ก็เล่นเกมมาตั้งแต่จำความได้)
.........แล้วอีกกี่ปี วงการเกมไทยจะพัฒนาครับ?
ในเมื่อพวกคนใหญ่โต เอาแต่โทษเกม แล้วก็พยายามดึงวงการเกมไทยให้ตกต่ำ
คุณดูเกาหลีสิ -*-
ธุรกิจเกมเขานี่... ส่งออก รายได้ประเทศปีละหลายล้าน.
แถมเขาก็มีกฏระเบียบที่รัดกุมพอ
และไม่ได้โทษเกมด้วย
อารมณ์เสียครับ -*-
เล่นเกมโหดๆ ก้อบ่อยนะคะ แต่ไม่เหนเคยคิดฆ่าคัย  อะไรไม่ดี ก้อหัดโทดอย่างอื่นบ้าง เอะอะก้อโทดเกม โทดคนเล่นสิ คนผลิตเกมคงรุ้สึกแย่ ทำอะไรก้อผิดหมด คนอยากเล่นก้ออดเล่น เพราะห้ามไม่ให้เล่น ไม่ยุติธรรมซะเลย 
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?