-----เด็ด! มาดูกัน โฉมหน้าเมืองไทยในสายตาฝรั่ง อึ้งเลย !!!มาใหม่จร้า -----
ตั้งกระทู้ใหม่
(แปลจากบันทึกของ เจอรรี่ แคนตัน แห่ง ร.ร.นานาชาติ กรุงเทพ โดย สมิงพระประแดง)
เมืองสำคัญ มีเมืองเดียวคือ บางกอก เพราะเป็นทั้งเมืองหลวง เมืองเก่า เมืองอุตสาหกรรม ศูนย์กลางการพาณิช ความเจริญทุกอย่างรวมอยู่ที่บางกอกหมด คนไทยส่วนมากโดยเฉพาะคนที่เป็นใหญ่เป็นโต จึงถือว่าบางกอกก็คือประเทศไทย เมื่อก่อนเคยใช่สมญาว่า "เวนิสตะวันออก" เพราะมีคลองมาก แต่เดี๋ยวนี้ถูกถมทำถนนจนหมดแล้ว เหลือแต่คลองน้ำเน่าส่งกลิ่นเหม็นอยู่ 2-3 สาย ชาวเวนิสตัวจริงกลัวพลอยเหม็นไปด้วยเลยห้ามใช้ชื่อนี ้อีก แต่บางกอกก็มีจุดเด่นอย่างใหม่ที่ประทับใจชาวต่างประ เทศมากที่สุดคือ สถานอาบอบนวด หมอนวดสาวไทยให้บริการแปลกใหม่พิลึกพิลั่นชั้นสุดยอด จนดังสนั่นไปทั่วโลก ในบางกอกมีสถานอาบอบนวดมากมายหลายร้อยแห่ง เมื่อบวกกับไลฟ็โชว์ในบาร์แถวพัฒพงน์ ที่สำแดงลามกกว่าชาติใดๆ จึงทำให้บางกอกได้รับสมญาใหม่อย่างโก้หรูว่า "ฟักกิ้งซิตี้"(เมืองเอากัน).
ทรัพยากรธรรมชาติ ภาคเหนือภาคตะวันออกเคยมีป่าไม้ ภาคใต้เคยมีสวนยางและเหมืองแร่ แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้เกิดมีคำขวัญในหมู่คนไทยพวกหนึ ่งว่า "ป่าไม้เป็นทรัพยากร ของธรรมชาติ ผู้ใดทำลายป่าไม้ผู้นั้นย่อมรวยอื้อซ่ามาก" เป็นเหตุให้เกิดมหกรรมทำลายป่าครึกโครมไปทั่วประเทศ ไม้ในป่าเมืองไทยปัจจุบันจึงนเตียนหมดแล้ว สวนยางภาคใต้ที่หมดอายุก็แห้งตาย ที่ต้นยังดีๆโจรภาคใต้ก็ห้ามกรีดเด็ดขาด เหมืองแร่ใหญ่ๆรัฐบาลไทยก็ยกให้ฝรั่งทำหมด ทรัพยากรณ์ที่สำคัญของไทยจึงไม่มี สินค้าออก สินค้าออกที่สำคัญของไทยได้แก่คน เนื่องจากทรัพยากรต่างๆถูกทำลายหรือขายให้คนต่างชาติ หมด ผู้ชายไทยจึงรับจ้างรบทั่วเอเชียอาคเนย์ หมอไทยไปเป็นลูกจ้างหมอฝรั่งในสหรัฐ นักมวยไทยไปรับจ้างล้มมวยให้นักมวยญี่ปุ่นที่เขาพยาย ามฝึกหัดมวยไทย ส่วนผู้หญิงไทยไปเป็นหมอนวด โสเภณีที่ฮ่องกง ยุโรปและอเมริการ สินค้าไทยเหล่านี้คุณภาพดี แต่ราคาถูกจึงเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก ปัจจุบันตลาดฆ่าคนในเอเชียถูกปิดกิจการ ชาวไทยจึงขายไม่ค่อยออก แต่หมอนวดสาวไทยกลับฮิตระเบิดทั่วโลก รูปสาวไทยอ้าซ่าเป็นดาราในนิตยสารต่างประเทศพร้อมกับ คำบรรยายสรพพคุณอย่างถึงอกถึงใจ
ผู้หญิงเมดอินไทยแลนด์จึงขายดิบขายดี ทำรายได้ให้เอเย่นต์ในฟักกิ้งซิตี้ร่ำรวยฟู่ฟ่า
สินค้าเข้า ได้แก่ของที่มีอยู่แล้วและไม่เห็นจะน่าซื้อต่างๆเช่น ผลไม้กระป๋อง กะปิจากฮ่องกง กะทิกระป๋องจากฮาวาย ผ้าไหมจากอิตาลี่ ผ้าลูกไม้จากสวีสส์ กางเกงในจากฝรั่งเศส รวมทั้งบรรดาน้ำหอม เครื่องสำอางและของฟุ่มเฟือยทุกชนิดจากทุกประเทศในโล ก สินค้าพวกนี้สั่งกันเข้ามาอย่างไม่อั้นและเก็บภาษีถู กๆ คนไทยจึงแย่งกันซื้อ "ของนอก" มาใช้โอ้อวดกันด้วยความภาคภูมิใจ ด้วยเหตุนี้แหละสินค้าเมดอินสำเพ็งที่ติดยี่ห้อว่าว่ าเป็นของนอกจึงเซ็งลี้ฮ้อผลิตไม
่พอขาย บรรดาอาเฮีย อาตี๋ต่างหัวร่อฮ่าๆต้องพากันเปลี่ยนฐานะเป็นเถ้าแก่ เป็นอาเสี่ยไปอย่างช่วยไม่ได้
เศรษฐกิจ ในบางกอกมาสถานีโทรทัศน์สีถึง 4 แห่ง มีศูนย์การค้าโรงแรม โรงหนัง ภัตราคาร ไนต์คลับ อาบอบนวด ค๊อฟฟี่ชอฟ โบว์ลิ่ง ลานสะเก็ต ห้างสรรพสินค้าอันใหญ่โตโอ่อ่า มีรถยนต์ชั้นหนึ่งของโลกทุกยี่ห้อ สัญลักษณ์แห่งความเจริญสุดยอดทุกชนิด แต่พลเมืองส่วนใหญ่ยากจนค่นแค้น ขาดดุลย์การค้ากับต่างประเทศมากมาย ต้องกู้และขอเงินต่างประเทศใช้ทุกปี เศรษฐกิจของไทยจึงเหมือนปูโพรก แต่คนไทยถือว่าความหรูหราฟุ่มเฟือย คือเกียรติยศแห่งชีวิต รัฐบาลไทยจึงตั้งหน้าตั้งตากู้ และขอให้มากที่สุด เพื่อเกียรติยศของประเทศชาติ บรรดาประเทศเจ้าหนี้และนายทุนทั้งหลายต่างอิดหนาระอา ใจ แต่ก็ยังให้เกียรติและยกย่องประเทศไทยด้วยการขนานนาม ให้ว่า "สุภาพบุรุษขอทาน"
นี่คือ มุมมองขอคนต่างชาติที่มองประเทศไทยค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะ พูดได้คำเดียวว่า อึ้ง เลยค่ะ
ยังมีอีกนะ เดียวครั้งต่อไปจะเอามาให้ดูอีกนะคะ
51 ความคิดเห็น
แน่ใจอ่อ ว่าเค้ามองแบบนี้
ความรู้สึกเค้านะ คือว่า
แต่ละอย่างคล้ายๆกับบอก ภูมิศาสตร์ต่างๆ
แต่ ! ...............  เหอ ๆ ๆ
ไม่รู้ดิ ไม่ค่อยเชื่อ กับอันนี้เท่าไหร่ !
p.s. ขอบคุณเจ้าของกระทู้จ๊ะที่นำมาให้อ่าน
บางกอกได้รับสมญาใหม่อย่างโก้หรูว่า "ฟักกิ้งซิตี้"(เมืองเอากัน).  <<  อันนี้รู้ดี  เจอมากะตัวเลย
ดูถูกประเทศข้าพเจ้าดีนัก  เฮ้ออ น่าอายจริงๆ ขอรับ
โอ้ววว
เมืองเอากัน
!! ...
PS. เมืองไทย โดนตบหน้าอย่างแรง !!!!!
PS. ป ร ะ ก า ศ !! . . . โ ป ร ด ร ะ วั ง [ โ จ ร ] [ ป ล้ น ] [ ใ จ ] *
ทำไมประเทศไทยมันไม่เหมือน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมัน จีนมั้งฟะ ขนาดพวกนี้เป็นประเทศแพ้สงครามแท้ๆ แต่ดูปัจจุบันดิ - -"
ส่วนพี่ไทยก็นะคงไม่เคยลำบากสุดๆเหมือนชาติพวกนั้นมั้งเลยเป็นงี้
นิสัยเสียที่ผม + คนไทยบางคน (เน้นว่า "บางคน")... ทำอะไรเรื่อยๆ สบายๆ ไงก็ได้ ไม่ต้องทำตามกฏกติกามาก (ถึงได้ "แด....ก" กันเป็นว่าเล่น) ไม่เหมือนคนจีน ยุ่น เกาหลี เวลาทำอะไรแม่งเอาจริง+เอาเป็นเอาตาย แถมพวกนี้มันชาตินิยมจะตาย "ห่.....า" (เทียบกับพี่ไทย....)
ป.ล. หลายๆอย่างที่ ฝรั่งสีดาท่านนี้กล่าว จริงพอควร ถ้ายังไม่รีบแก้ไขมันจะบานปลายจนแก้ไขไม่ได้ สุดท้ายก็คงจะเหมือนประเทศโลกทีสามหลายๆประเทศเหอๆ....(คำว่า "ไ....อ้ลาว" ที่หลายๆคนชอบเอามาล้อๆกัน มันอาจจะกลายเป็น "ไ......อ้ไทย" ไปซักวันก็ได้)
ป.ล.2 หากพิมพ์อาไรรุนแรงไปก็ขออภัย
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 9 มีนาคม 2553 / 16:17
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 9 มีนาคม 2553 / 16:22
PS. "Patriotism ruins history" การคลั่งชาติเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สู่ยุคต่อไปและลบล้างสิ่งในอดีตจนหมดสิ้น ลืมรากเหง้าของตัวเอง ลืมสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต
เห็นด้วยทุกคำพูดครับ... ทอแร๋แลนด์จีจี
รัฐบาลไทยจึงตั้งหน้าตั้งตากู้
สุภาพบุรุษขอทานนนน
เห้ยยยย พี่มาร์คว่าไงครับ ?
จะไปว่าเค้าก็ไม่ได้
บางอย่างเห็นด้วยนะ
สุภพาบุรุษ ขอทานนน
เฮ้อออออ..ทำไงได้ เถียงไม่ออกอ่ะ .? คนดีๆมันก้คงมีบ้างแหละเธอ !
ดูถูกกันมากกกกกกกกกกกกกกกก ;(
แรงมาก
โครตแรง =..=
พิจารณาได้แล้วนะ  รัฐบาลไทย
นี่แหละครับสำนวนฝรั่ง แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่าบางเรื่องที่เขาเขียนมันก็จริงเหมือนกัน แต่โชคยังดีที่เป็นแค่บันทึก  แต่ถ้าเป็นสารคดีจะเขียนแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ผมเคยดูสารคดีฝรั่งที่เขียนถึงประเทศฝรั่งด้วยกันสารคดีหนึ่ง  ใช้สำนวนไม่เหมาะสมอย่างมาก  ส่วนมากจะเป็นการตำหนิ และแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเข้าไป 
ซึ่งตามรูปแบบการเขียนสารคดีไทยจะถือมาก  คือ ถ้าเป็นสารคดี จะต้องเขียนตามข้อมูลที่ปรากฎชัดเจนทั้งในอดีตและปัจจุบัน หากเป็นเรื่องของอนาคตต้องมีหลักฐานยืนยันชัดเจน เช่น  หากจะเขียนว่าหมู่บ้านแห่งนี้ต่อไปในอนาคตจะสร้างเหมืองแร่ ก็ต้องมีหลักฐานยืนยันว่านี่เป็นแนวคิดของใคร มีความสำคัญกับหมู่บ้านในฐานะอะไร  (ซึ่งคนไทยจะให้ความสำคัญเรื่องแหล่งอ้างอิงมาก) ไม่ควรเขียนกล่าวขึ้นมาลอย ๆ  และสารคดีไม่ควรเขียนความรู้สึกส่วนตัวของตนเองลงไป (ยกเว้นเป็นสารคดีแนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเท่านั้น)  เพราะคนชมสารคดีต่างคนต่างทัศนะ  หากผู้เขียนกล่าวความรู้สึกของตนลงไปในสารคดี  ถือเป็นการจำกัดขอบเขตทัศนะของผู้ชม และอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดของผู้คนได้  ผู้เขียนสารคดีจึงควรเปิดโอกาสให้ผู้ชมหัดใช้ทรรศนะของตนเอง  เหมือนกับการดูละคร เราจะรู้สึกโกรธแค้นตัวโกงที่ทำร้ายนางเอกที่แสนดีขึ้นมาเองโดยไม่ต้องให้ใครบอก  ดังนั้นการเขียนสารคดีก็เหมือนกัน สารคดีคือการเขียนข้อมูลที่แสดงในทางเป็นกลาง เขียนเฉพาะข้อเท็จจริง มีหลักฐานยืนยันในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ควรเติมความคิดเห็นส่วนตัวลงไป  ใช้สำนวนการเขียนส่วนใหญ่ตามรูปแบบการเขียนเชิงวิชาการ ใช้ศัพท์สุภาพ กระชับ ชัดเจน แต่ต้องให้เหมาะสมกับกาลเทศะด้วย หากเขียนสารคดีชาติไทยจะต้องเรียนรู้คำราชาศัพท์ด้วย  สำนวนไม่สองแง่สองง่าม  ตัวอย่างประเภทสารคดีที่ควรใช้หลักการเขียนดังกล่าวคือ สารคดีเชิงศิลปะวัฒนธรรมประจำชาติ ฯลฯ
น่าคิดน่ะ เราก้อมีดี แต่ข้อเสียเราก้อเยอะไงเขาถึงได้วิจารณ์กันถึงขนาดนี้ พวกเราควรจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แล้วน่ะ พี่ไทยทั้งหลาย
ก็จริงนี่... ไม่ร้อนตัวเลยแหละ 555
เมืองเอากัน
คำแมร่งโคตรจะสวยหรู
แต่ดูดู๊ดู ไ อ้ ห่ า แร ง ซ์
กะทิจากฮาวาย ผ้าไหมจาดอิตาลี
กูเขียมมมมมมมมมมมม
-ing city
555555
ฝรั่งหรอ บางทีก็พอกัน หนักกว่าด้วยบางที
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?