กฏหมายเคอร์ฟิว จะแก้ปัญหาได้จริงมั้ย
ตั้งกระทู้ใหม่
มาเยือนเด็กดีอีกแล้วค่ะกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเด็กและวัยรุ่น รอบนี้ขอพูดเรื่องกฎหมายเคอร์ฟิวที่กำลังเถียงกันไฟลุก :)
กฎหมายเคอร์ฟิวควรจะมีมั้ย?
credit : http://fatherhood.about.com
เห็นเถียงๆ กันร้อนระอุอย่างนี้ อย่าเพิ่งนึกว่าประเทศเราเป็นกันอยู่ที่เดียว เขาเถียงกันมานานแล้วในหลายๆ ซีกโลก แต่ก็ไม่มีคำตอบไหนที่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นหรอก เพราะมันก็จบอยู่ตรงที่ "แล้วแต่คนจะมอง" ไม่ก็ "ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผล" น่ะแหละ
ฟังดูซ้ำซากเนอะ แต่ถามว่าจริงมั้ย...จริง ฝ่ายที่บังคับใช้กฎหมายเขาก็มองว่าการเคอร์ฟิวมันจะ่ช่วยรักษาความปลอดภัยให้เด็กๆ และสังคมนั่นแหละ
ประเด็นก็คือ กม. แบบนี้มันไม่ได้มีผลแค่ส่วนที่เป็นปัญหาอย่างเดียว คนที่อยู่ของกรูดีๆ ก็มีิโอกาสเดือดร้อนไปด้วย
สมมติเล่นๆ ถ้ามีเด็กอายุ 15 มันเกิดอยากออกมาดูดาวคนเดียวบนสะพานพุทธตอนตีสองมันมีสิทธิมั้ย อาจฟังดูน่าตบกะโหลก - -" แต่จริงๆ แล้วมันควรจะมีตามกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องเด็กหรอก ใครที่ไหนก็ตามควรจะมีสิทธิเสรีภาพในความปลอดภัยของร่างกาย ทรัยพ์สิน ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ในที่สาธารณะที่ไหนก็ตาม ตราบใดที่ไม่เดือดร้อนใคร
คือถ้ากลัวถนนมีอันตราย ก็กำจัดอาชญากรออกจากถนนสิเพ่ ไม่ใช่กำจัดเด็ก!
ทีนี้ก็ต้องถามพี่ๆ ผู้มีหน้าทีและอำนาจแล้วล่ะว่า การห้ามเด็กอายุ 18 ออกจากบ้านโดยไม่มีเหตุอันควรมันจำเป็นขนาดนั้นแล้วหรือ ยังมีหนทางอื่นที่พี่จะทำได้อีกหรือไม่ รึเจ้าเคอร์ฟิวนี่ มันคือการบอกกลายๆ ว่า "เราดูแลบ้านเมืองให้สงบไม่ได้แล้วล่ะ อย่าออกจากบ้านเลยเหอะ" ถ้าเป็นงั้นจริงอาจต้อง ออก กม. ให้คนขุดหลุมหลบภัยตรงใต้ถุนบ้านด้วยแล้วล่ะพี่ orz...
เรารู้ว่ามีเจ้าหน้าที่อีกมากที่ทุ่มเททำงานหนัก แล้วก็มีกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ แต่เราก็เชื่อว่ามันมีวิธีการอื่น และถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง (ทุกฝ่ายนี่คือทุกฝ่ายจริงๆ นะ ไม่ใช่ปากพูดทุกฝ่าย แต่ในใจคิดว่าฝ่ายใครก็ได้ที่ไม่ใ่ช่กู ) มันก็ต้องหาทางได้สิ
เพราะไม่ว่าพี่ๆ จะมีเหตุผลและความหวังดียังไงก็ตาม บ้านนี้เมืองนี้มันก็เป็นของเด็กๆ เขาเหมือนกันนะพี่นะ
แล้วตกลงเด็กอายุต่ำกว่า 18 ควรออกจากบ้านหลังสี่ทุ่มมั้ย?
ถ้าเอาความเห็นดิชั้นเพียวๆ...ก็ไม่ควร ฟังเหมือนขัดกับสิ่งที่ตัวเองเขียนมาเมื่อย่อหน้าที่แ้ล้ว ไม่ค่ะ เราไม่เห็นด้วยที่จะไปออกกฎหมายห้าม แต่ถ้าถามว่าเด็กควรออกจากบ้านหลังสีทุ่มโดยไม่มีเหตุอันควรหรือไม่ เราว่าไม่ (ซึ่งคนที่บ้านไกล กลับบ้านไม่ทันก็นับเป็นเหตุอันควรกันได้อยู่แล้วนะ)
น้องๆ หลายคนอาจจะอ่านแล้วหงุดหงิดว่า อ้าว ก็เราไม่ได้ทำอะไรเดือดร้อนให้ใครจะมาห้ามเราทำไม ... น้องๆ ลืมนับตัวเองกันรึเปล่า? เรากลับบ้านดึกดื่นจะมีอันตรายไหม เล่นเกมยันเช้า ทำกิจกรรมยันสว่างมันเป็นผลดีกับสุขภาพรึเปล่า เอาแค่เรื่องความปลอดภัย ท้องถนนกลางคืนมันมีอันตรายอยู่จริงค่ะ ออกข่าวให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ในขณะที่ รธน. เขาคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้เรา มันก็มีคนอีกมากมายที่กูไม่แคร์เรื่องนั้น
ในบางรายการที่เชิญเด็กออกมาแสดงความเห็น ก็บอกว่า บางครั้งมันก็ต้องมีบ้างที่ทำกิจกรรมดึก ออกโรงเรียนห้าทุ่ม หืมมม เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า? ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ดีๆ ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนห้ามหรอกค่ะ แล้วเชื่อเถอะถามทางโรงเรียนเขาไม่มีทางเห็นดีเห็นงามกับการให้นักเรียนอยู่ทำกิจกรรมยันเที่ยงคืนแน่ๆ หรือถ้ามันจำเป็นจริงๆ การที่น้องๆ จะอยู่นอกบ้านดึกๆ ดื่นๆ ก็จำเป็นต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลด้วย ซึ่งอันนั้นมันเข้าข่ายเดือดร้อนคนอื่นนะ รบกวนพ่อแม่ รบกวนครู ผู้ใหญ่เขาก็มีธุระที่ต้องทำ ซึ่งก็สำคัญไม่แพ้ธุระของเราหรอกค่ะ
เข้าใจว่าน้องๆ อาจรู้สึกว่าผู้ใหญ่หลายคนเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี โอ๊ย เอะอะอะไรก็โวยวาย แต่ในเรื่องนี้ เราแค่ไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายเคอร์ฟิวเท่านั้นค่ะ แต่ถ้าถามว่าสี่ทุ่มแล้วควรกลับบ้านกลับช่องมั้ย เห็นด้วย
เคอร์ฟิวมันแก้ปัญหาได้จริงรึเปล่า
จะว่าได้ก็อาจเป็นได้...แต่ถูกจุดรึเปล่า? ยกตัวอย่างเรื่องร้านเกมก็ได้ การห้ามเด็กออกจากบ้านหลังสี่ทุ่มมันจะแก้ปัญหานี้ได้มั้ย ถ้าบังคับใช้ได้จริงก็คงแก้ได้เฉพาะปัญหาเด็กมาเล่นเกมที่ร้าน ปัญหาติดเกมนี่คงไม่หรอก เพราะก็เป็นไปได้ทีเ่ด็กจะไปเล่นที่อื่นเช่น บ้านตัวเอง บ้านเพื่อน
ถ้าเราไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ นั่นก็คือความรู้สึกอยากเล่นหรือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงหันมาหาเกม หรือหันไปซิ่งมอเตอร์ไซค์ ใช้ยา การเคอร์ฟิวก็ทำได้แค่กำจัดพื้นที่บางส่วนเท่านั้น เขายังมีช่องทางขยับขยายไปที่อื่น เผลอๆ จะตามตัวได้ยากกว่าเก่าด้วยซ้ำ
จะแก้ "ปัญหาเด็ก" แต่ลืมคิดถึง "ใจเด็ก" กันรึเปล่า
คงจะเป็นช่องว่างระหว่างวัย กระแสทุนนิยมของโลก และเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดจนตามกันไม่ทันก็ว่าได้ สภาพสังคมทุกวันนี้ถึงได้ออกมาอย่างที่เห็น เราไม่ปฏิเสธหรอกว่าเด็กในยุคนี้มีปัญหาักันมาก แต่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ไปมองว่าพวกเขาเป็น "ตัวปัญหา" มากเกินไปรึเปล่า เราลืมมองหรือไม่ว่าเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่ต้องมีที่มา มีต้นกำเนิด ต้องมีสาเหตุแน่นอนว่าทำไมเขาถึงมาเล่นเกมจนดึกดื่น ทำไมถึงหันไปหายา ทำไมถึงออกมาซิ่งมอเตอร์ไซค์จนเดือดร้อนชาวบ้าน
ที่ควรต้องคิดก็คือ ปัญหาทุกอย่างไม่มากก็น้อย ผู้ใหญ่มีส่วนทั้งนั้น
สุดท้ายทุกอย่างก็วกกลับมาที่ครอบครัว แต่ก่อนจะพูดถึงประเด็นนั้น เราก็ไม่อยากให้นึกกันแค่ว่า เด็กเกเรเพราะพ่อแม่ไม่ดูแลสั่งสอน ปัจจัยไม่ไ้ด้มีแต่พ่อแม่ค่ะ สภาพแวดล้อมแถวบ้านมีส่วน โรงเรียนมีส่วน ครู เพื่อน หรือแม้กระทั่งการวางผังเืมืองก็มีส่วน หันมองรอบตัวสิคะ เรามีพื้นที่ว่างให้เด็กทำกิจกรรมกันมากแค่ไหน พื้นที่สาธารณะที่หลายฝ่ายบอกจะส่งเสริม...ทำได้จริงกี่แห่ง และบทพอจะทำก็ชอบไปทำในที่ๆ ต้องเวนคืน ทำเอาชาวบ้านและเด็กๆ แถวนั้นเดือดร้อนกันอีก
อยากให้สังคมดีขึ้นเพื่อเด็กๆ ต่อให้ไม่เคยเป็นพ่อคนแม่คนคุณก็ทำได้ค่ะ ซึ่งก็มีหลายแนวทางด้วยกัน ในที่นี้เราขอพูดแค่มุมมองการปฏิบัติในครอบครัว ซึ่งคุณหมอชาญวิทย์ พรนพดล จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น (เ้จ้าเก่าเจ้าประจำ ทำงานที่นี่ดิฉันเล่นง่ายใช้แหล่งข่าวเดิมตลอด) ก็มาเสนอแนวทางหนึ่งให้ไปประยุกต์ใช้กันค่ะ
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว และกติการ่วมกัน
"ถ้าพ่อแม่ไม่อยากให้ลูกออกไปนอกบ้านตอนดึกดื่นหรือออกไปเที่ยวเตร่ สิ่งที่จะรั้งเค้าไว้ได้ก็มี 2 หลักใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ Relationship และ Rules
Relationship คือ ทุกอย่างที่ทำให้เด็กรู้สึกว่าพ่อแม่กับเค้าอยู่ข้างเดียวกัน มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน สื่อสารภาษาเดียวกัน แคร์ความรู้สึก ให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่สิ่งนี้อย่างเดียวก็ไม่พอในการที่จะทำให้เด็กคนนึงอยู่ในวินัย สิ่งที่ต้องมีคือ กฎเกณฑ์ของครอบครัว
ถ้าเกิดแต่ละครอบครัวมีกำหนดเวลาของตัวเอง รัฐบาลก็ไม่ต้องออกมาเคอร์ฟิวกันอย่างนี้ เช่น อย่าวิ่งเล่นเกิน 1 ทุ่มนะ อย่าใช้โทรศัพท์เกิน 3 ทุ่ม อย่าใช้คอมเกิน 4 ทุ่ม การกำหนดกฎเกณฑ์จะเป็นการฝึกเด็กให้รู้ว่า ตราบใดที่อยู่ในกรอบนี้เค้าปลอดภัย ไม่มีปัญหาที่ต้องกังวล
ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คือ เด็กไม่รู้ว่ากรอบอยู่ไหน เพราะไม่เคยมีใครวางกรอบให้เค้าตั้งแต่เล็กจนโต รัฐบาลเองก็ไม่ได้ส่งเสริมให้แต่ละครอบครัวเลี้ยงลูกให้เป็น สื่อ กิจกรรม การแนะนำพ่อแม่ยุคใหม่ให้เลี้ยงลูกอย่างถูกทางก็ไม่ค่อยมี พ่อแม่ยุคใหม่จึงมักเลี้ยงลูกตามแบบของตนเอง ซึ่งในหลายแง่มุมก็เป็นโทษ
สำหรับเด็กๆ ผมก็อยากจะบอกว่า ถ้าไม่อยากให้ใครมาควบคุม สิ่งที่ต้องแสดงให้ผู้ใหญ่เห็นก็คือทำให้พวกเขาเห็นว่าเราดูแลตัวเองได้ ควบคุมตัวเองได้ ทำให้เป็นที่ไว้วางใจได้ เราจำเป็นต้องสร้างเครดิตในตัวขึ้นมา สร้างความเืชื่อใจ อย่าคิดว่าใครๆ ทีเ่ป็นผู้ใหญ่ต้องหยิบยื่นให้ แม่ต้องยอมให้ดูหนังถึงเที่ยงคืน ต้องยอมให้เล่นเกมเพราะเป็นลูก ขออะไรต้องได้
หลายๆ คนอาจคิดว่า กลับบ้านดึกดื่นก็ไม่เห็นเป็นไร ทำกิจกรรมจนถึงเที่ยงคืน เล่นเกมทั้งวันทั้งคืนก็ไม่เป็นไรเพราะผลการเรียนของเรายังดีอยู่ ผมอยากบอกว่า การเรียนอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เรายังต้องอยู่ในสังคม ซึ่งมีกฎระเบียบ กฎเกณฑ์ ซึ่งกฎเกณฑ์นั้นไม่ได้มีขึ้นเพื่อบังคับหรือทำโทษเรา แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ "
เอนทรีนี้ก็คงจบลงอย่างที่ใครหลายๆ คนคงได้ยินกันบ่อยๆ ล่ะค่ะ ว่าหนทางจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ขึ้นอยู่กับครอบครัวเป็นกำลังสำคัญ (และภาคส่วนอื่นๆ ด้วย) แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริง ถ้าครอบครับอบอุ่น ความเข้มแข็งก็จะตามมา ความรักความเข้าใจ คือกำลังสำคัญที่ทำให้คนเราผ่านพ้นอุปสรรคไปได้
ดังนั้นวันนี้ลองถามตัวเองดูนะคะว่า คุณได้ให้เวลากับคนในครอบครัวคุณแล้วหรือยัง ถ้ายัง...ลองหาเวลาดูสักนิดเถอะค่ะ คนทุกคนต้องการความรักและเวลาให้กันบ้าง ซึ่งทุกคนที่ว่ารวมถึงตัวคุณเองด้วย
ถ้าทุกครอบครัวทำได้อย่างนี้ เืชื่อเถอะ กฎหมายเคอร์ฟิวน่ะไม่จำเป็นหรอก :)
ตอนนี้ Healthygamer กำลังเก็บผลโหวตของผู้ใช้เว็บในหัวข้อ "ครอบครัวคุณมีเคอร์ฟิวรึเปล่า"
ใครที่สะดวกรบกวนมาให้ข้อมูลกันหน่อยนะจ๊ะ :)
ตอนนี้ยังต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงโหวตได้ ยังไงก็ช่วยสมัครกันหน่อยเน้อออ จะพยายามปลดล็อคให้ผู้ชมทั่วไปเข้ามาโหวตกันได้ไม่้ต้องสมัครค่ะ (แต่มันยังรวนๆ อยูน่ะ - -)
อนึ่ง ใครที่ติดใจภาพประกอบ พอดีว่าไปเจอจาก fatherhood.about.com เลยขออนุญาตมาแปลแบบขำๆ ลงเว็บค่ะ ใครสนใจไปอ่านกันได้ที่ คูปองน่ารักๆ จากพ่อถึงลูกชาย (แต่คุณแม่จะเอาไปดัดแปลงก็ได้นะ)
หรือใครที่ยังไม่รู้จักเว็บนี้ สนใจอยากดูว่าเราติดเกมรึเปล่า หรือคนรอบตัวเราติดเกมหรือไม่ ก็ลองเข้าไปทำแบบทดสอบการติดเกมกันได้จ้ะ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 22 มกราคม 2554 / 19:56
PS. �คลิกอ่านการ์ตูนออริจินัล(วาดเอง) ได้ที่ my ID เลยจ้า บ้านอีกแห่ง http://enamtan.exteen.com
18 ความคิดเห็น
ผมคิดว่าไม่มีเด็กที่ไหนออกไปดูดาวตอนตีสองโดยไม่จำเป็นนะ...
PS. ...มันไม่ใช่พีเอสนะ มันคือปัจฉิมลิขิตต่างหาก...
ความเห็นส่วนตัวนะครับ  ผมว่าลองบังคับใช้ก่อนแล้วค่อยแก้ไขก็ได้
ผมอ่านแล้วมันก็ฟังดูดีอยู่หรอก  แต่แค่ฟังแล้วดูดีมันไม่ได้หมายความว่าจะมันจะเวิร์คนะ  โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "ถ้าทุกครอบครัวทำได้อย่างนี้" นั่นล่ะครับ...ปัญหาใหญ่เลย  ปัญหาคือไม่ใช่ทุกครอบครัวมันทำได้นะสิครับ  เอาตัวอย่างที่ผมเห็นกับตาเลย  แม่ติดเกมส์เล่นอยู่ในร้านเกมส์อย่างนั้นล่ะ  ปล่อยให้ลูกวิ่งเกรียนไปเกรียนมา ไม่ได้เลี้ยงดูลูกเล้ย  เท่าที่ผมลองวิเคราะห์มา  ผมว่าจุดประสงค์ของเคอร์ฟิวจริง ๆ แล้วไม่ได้จะไว้ใช้ปกป้องเด็กจริง ๆ หรอก  แต่เอาไว้ป้องกันไม่ให้เด็กก่อปัญหามากกว่า (คิดแง่ลบสุด ๆ เลย พ่วงกับการที่ รบ. อยากลดอัตราอาชญากรรมลง 20% ด้วย ลดที่เด็กนี่ล่ะ ง่ายดี) อย่างพวกเด็กแว้นเนี่ย  มันไม่จำเป็นต้องมีสถานอโคจรมันก็ป่วนได้ทั้งนั้นล่ะ  ผมเชื่อว่าวิธีที่ท่านกล่าวมาอาจจะดีในผลระยะยาว  แต่การแก้ปัญหาระยะยาวก็ต้องควบคู่กับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วย  ซึ่งผมคิดว่าลองบังคับใช้กฎเคอร์ฟิวมันก็ไม่เลวเลย  ความจริงถ้าเด็กต้องออกมาดึก ๆ ดื่น ๆ ก็ควรมีผู้ปกครองติดตามมาด้วย มันควรจะเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว  ซึ่งมันก็เหมือนกับทำให้ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบลูกหลานกลาย ๆ ด้วยอีกที
ผมเองก็ไม่ทราบหรอกว่าจะมีปัญหาในอนาคตหรือเปล่า (ซึ่งผมคิดว่ามีแน่  แต่จะออกมาในรูปแบบไหนนี่สิ) แต่ผมว่าน่าจะลองให้บังคับใช้ดูนะ
ผมไม่คิดว่าความคิดผมถูกที่สุดหรอก  แต่ผมว่าดีกว่าที่ยังไม่ได้ลองนะ
PS. เจ้าเป็ดน้อย เจ้าอยู่แห่งหนใด มาให้เราเซ็งเสียดี ๆ
ต่ำกว่า18ไม่ควรออกจากบ้านก่อนสี่ทุ่มคับ มันวัยคะนอง+วิจารณญาณยังไม่ดีพอ
เกิดอะไรขึ้นมาข้างนอกบ้านคนเดียว งานงอกแน่ครับ
ไม่ใช่ผมไม่ไ้ว้ใจเด็กนะ เด็กดีๆที่ตัดสินใจเก่งก็มีหลายคน แต่ส่วนใหญ่พวกที่ออกจากบ้านหลังสี่ทุ่มทั้งที่อายุต่ำกว่า18...ถ้าไม่ใช่แว้น ขายบริการ ก็น้อยคนที่จะออกไปทำงานสุจริตกลางคืน
ปล อย่าว่าอะไรเลย อายุเลย18ไปแล้วบางคนออกไปนอกบ้านสี่ทุ่ม กลับบ้านมาแบบสารรูปไม่ดี กลับมาแบบไม่ครบ32 หรือไม่ได้กลับบ้าน(นอนโรงพยาบาล หรือนอนวัด)ก็มี....ฉะนั้นถึงจะดูผมหัวโบราณ แต่ผมห่วงใยลูกหลานคับ
อนึ่ง.....ผมคิดว่ามันจะเปิดช่องให้ตำรวจมีช่องทางทำมาหากินรึเปล่า
แต่โดยส่วนตัวเห็นด้วย อย่างน้อยมันก็ลดปัญหาบางอย่างได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเกิดเด็กบอกว่ามีธุระจำเป็นล่ะ....แล้วจะเอาอะไรมาวัด โอเคถ้ามากับผู้ปกครองอันนั้นตัดไป
ถ้าเด็กที่ทำงานหาเงินล่ะ หรือที่พักอยู่ไกลล่ะมันจะไม่เป็นการเปิดช่องให้ผู้รักษากฎหมายที่ไม่ดีมีช่องรีดไถหรือ อันนี้สิคือคำถามที่ต้องตอบให้ได้
PS. ไม่เคยใครไม่เคยล้มมาก่อนแต่ นักกีฬาชั้นยอดจะลุกขึ้นมาทันที นักกีฬาทั่วไปจะลุกช้าหน่อย ส่วนไอ้ขี้แพ้ก็จะนอนอยู่อย่างนั้น
เราว่าที่เขามีกม.นี้ขึ้นมาก็คงเพราะเด็กสมัยนี้มีปัญหาเยอะน่ะแหละ
เด็กแว้นป่วนเมืองบ้าง เด็กท้องก่อนวัยอันควรบ้าง จนถึงกระทั่งเด็กที่ติดเกมส์มากจนไม่กลับบ้าน
เขาคงคิดว่าถ้ามีกม.นี้คงแก้ปัญหานี้ได้บ้าง
แต่มันจะได้จริงรึ??
ถ้าให้พูดง่ายๆ กม.อันนี้น่ะจะใช้ได้จริงรึเปล่า? แล้วใช้ได้กี่เปอร์เซ็นต์กัน?
แล้วที่จขกท.พูดน่ะค่ะ โรงเรียนมีกิจกรรมที่ต้องทำถึงดึกนะคะ
อย่างกีฬาสี บางคนถึงกับนอนค้างที่โรงเรียนเลยก็ยังมีนะ
เราเคยไปช่วยพี่กว่าจะกลับก็สามทุ่มกว่า ได้ยินว่าบางสีกลับห้าทุ่มก็มี
ไม่ว่าจะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ทำคัทเอาต์ นักกีฬาหรือฝ่ายเชียร์ก็อยู่กันถึงเย็น
ถ้าคนบ้านไกลกลับบ้านเองแต่กลับไม่ทันสี่ทุ่มล่ะ? แล้วจะเป็นยังไง?
ส่วนตัวแล้วไม่ชอบกม.นี้เท่าไหร่ เพราะคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดจะโดนลูกหลงไปด้วยน่ะสิ
แต่ถ้าลองใช้แล้วดีก็คงคัดค้านอะไรไม่ได้
PS. ~I want Nobody But you~I want Nobody But you~
ผมว่ามันแก้ปัญหาที่ปลายเหตุนะ แต่เอาเถอะ...เมื่อกฏมันหละหลวม ก็ต้องกระชับให้แน่นขึ้น เมื่อคนมันหัวดื้อรักสบาย ก็ต้องใช้ไม้แข็ง เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ก็เอาเถอะครับ
PS. ถ้าเขาว่าผิดผมว่าไม่ผิดแล้วผมต้องผิดใช่ไหม ถ้าเขาว่าถูกผมว่าไม่ถูกแล้วผมต้องเชื่อหรือไง
ถ้าบังคับใช้ได้จริงมันก็แก้ได้ล่ะนะครับ
แต่ว่าผมรู้สึกมันไม่ยั่งยืนเท่าไหร่ เพราะเป็นการบีบให้เด็กกลัวและยอมมากกว่าจะทำให้เข้าใจ
ซึ่งในจุดนี้ผมก็เข้าใจนะว่ามันยาก เพราะวัยเด็กเป็นช่วงที่กำลังคึกคะนอง บางครั้งไม่กลัวอะไรด้วย
ในแง่นี้ผมเ้ลยมองว่าสมควรใช้ แต่ก็ควรจะมีขอบเขตหน่อย คำว่าเคอร์ฟิวมันก็เป็นคำที่ดูรุนแรงไป แล้วใช้ในลักษณะที่ว่า 'ห้าม' เสียมากกว่า
ถ้าปรับเป็น 'ไม่สมควร' น่าจะทำให้รู้สึกเบาขึ้น แล้วในเชิงปฏิบัติแทนที่จะจับก็แค่สอบถามเรียกเตือนตามสมควรแล้วปล่อยไปก่อนน่าจะโอเคกว่า
ต้องเข้าใจในจุดหนึ่งด้วยว่าวิถีชีวิตมันเปลี่ยนไปแล้วครับ สมัยก่อนเด็กนอนไวตื่นไว สมัยนี้ก็ไม่แน่เสมอไป ยิ่งชีวิตเมืองกรุงยิ่งแล้วใหญ่ การมีร้านสะดวกซื้อก็มีส่วนด้วย... อย่างที่บางความเห็นว่า ถ้าเด็กเล่นเกมออนไลน์ไม่ยอมกลับมากลับเอาตอนดึกแล้วถูกจับอันนี้ก็ว่าไป แต่เด็กที่เกิดหิวแล้วออกมาหาซื้ออะไรทานแล้วถูกจับ อันนี้คงไม่ตลกล่ะ... แค่เดินมาซื้อข้าวปากซอยแล้วถูกจับ...
ผมว่าอยากให้พบกันครึ่งทางเสียมากกว่านะ โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยว่าไม่ควรออกมาตอนดึก เพราะอันที่จริงลำพังตี 1-2 ผู้ใหญ่เองก็ยังไม่อยากไปไหนอยู่แล้วล่ะ เรื่องความปลอดภัยก็เป็นเหตุผลหนึ่งด้วย เด็กเองก็ควรยิ่งระวังตัวเข้าไปใหญ่ แต่กระนั้นก็ไม่ควรไปบีบเกินไป เพราะถึงจะเด็กแต่เขาก็มีเหตุผลของเขา เช่นว่านัดรวมตัวกันอ่านหนังสือสอบโต้รุ่ง แล้วเกิดหิวกลางคืน เดินออกปากซอยซื้ออาหาร แบบนี้ผมว่าเรื่องดีนะครับ...
จะเริ่มต้นด้วยยา่แรงก็ไม่ว่ากระไร แต่ควรมีมาตรการอื่นๆมารองรับ และทำผลการศึกษาไปด้วย มิใช่ว่าบังคับแล้วปล่อยเลยตามเลย มันจะเหมือนยุคคุณธรรมช่วงหนึ่งที่โหมโฆษณาเรื่องห้ามนั่นห้ามนี่วายวอด ไม่พอทีวีแต่ละช่องยังรับลูกด้วยการเบลอยี่ห้อเบียร์กระทั่งข่าวกีฬา แล้วผลล่ะครับเป็นเช่นไร... ตายหนักกว่าปีก่อนเสียอีก อย่าแกล้งลืมเลยท่านผู้ออกนโยบาย ผมจำข่าวได้... แสดงให้เห็นว่าวิธีการที่คุณทำนั้นไม่มีผลด้านบวก (ไม่พอยังกินงบประมาณประเทศอีก) ก็ฝืนใช้กันมาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็เพลาๆไปบ้าง(แต่ยังไม่เลิก)
มาตรการเคอร์ฟิวเด็ก จะใช้ก็ใช้ไปครับ แต่ถ้าทำไปแล้วมันต้องมีการปลูกจิตสำนึกควบคู่ไป อีกทางหนึ่งก็ต้องเพิ่มความรุนแรงของกฎหมายเยาวชน และสำคัญที่สุดต้องใช้ได้จริงไม่ใช่เป็นลูกท่านหลานเธอแล้วปล่อย จะแก้พ่วงให้พ่อแม่รับผิดชอบหนักกว่าเดิมด้วยก็ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องอ้างว่าไม่มีเวลาดูแลลูก
แล้วถ้าทุกอย่างมันเข้าที่ สุดท้ายก็ปลดเคอร์ฟิวออก แล้วเปลี่ยนเป็นขอความร่วมมือผู้ปกครองไม่ให้เด็กออกนอกเคหะสถานยามวิกาล แบบนี้จะโอเคที่สุดแล้ว
ถ้าใช้วิธีแข็งขืนฝืนแบบไม่ดูอะไร เชื่อสิสุดท้ายผมว่าพวกเด็กๆจะหาวิธีอื่นๆที่แปลกๆจนตำรวจปวดหัวที่จะเคลียร์มาเป็นปัญหาสังคมเรื่อยๆ
แล้วจะโทษใครไม่ได้เลย
เพราะคุณไม่ถูกที่คันเอง... ตอนแรกอาจหายคันไปบ้าง แต่สักพักจะทั้งคันทั้งแสบไปพร้อมๆกัน
PS. Ragnarok Fiction - The legend of descendant - เรื่องราวของตำนานรบตำนานรักบทใหม่ มีอา-มังกรน้อยปาฏิหาริย์ - (Master And The Little Dragon) - รักพี่จ๋าที่สุดในโลกเลย !!
เรามองว่า ไร้าสาระมาก
กฏหมายห้ามเด็กต่ำกว่า 18 เข้าร้านเกม ห้ามเข้าผับเข้าบาร์ มันก็มีอยู่แล้ว
เรื่องเด็กซิ่งมอเตอร์ไซค์ ก็มีห้ามเช่นกัน
ในเมื่อตามสถานที่พวกนี้เขาห้ามเด็กเข้าอยู่แล้ว แล้วออกกฏหมายออกมาให้มันซ้ำซ้อนทำไม ไปจับเด็กตามสถานที่พวกนั้นดีกว่ามานั่งดักว่าเด็กจะออกไปซื้อโค้กที่เซเว่นตอนเที่ยงคืนไหมคะ
โอเคเราอาจจะอคตินะ แต่ถ้าบังคับใช้กันจริงๆ คิดว่าตำรวจจะไปจับเด็กตามผับตามบาร์หรือตามร้านเกมมากกว่านั่งดักที่หน้าปากซอยไหม  ก็ร้านเกม/ผับ/บาร์ เขาจ่ายค่าคุ้มครองแล้วนี่  ดักจับพวกออกมาซื้อของกินนี่แหละง่ายกว่าเยอะ  ไปจับที่บาร์เดี๋ยวทับเส้นขาใหญ่จะโดนย้ายเอา
ส่วนครอบครัวเราไม่เคยมีปัญหาค่ะ ไม่เคยกลับบ้านหลังสี่ทุ่มอยู่แล้ว และผู้ปกครองไปรับ-ส่งตลอด น้องชายเราก็ไม่เที่ยวด้วย ถ้าจะดอทก็ดอทที่บ้านได้ ก็เห็นมันมีโปรแกรมคุยกับเพื่อนได้นิ ตะโกนลั่นบ้านเลย อารมณ์ไม่ต่างจากร้านหรอก
เรื่องเหล้าไม่ต้องห่วงค่ะ ที่บ้านมีหมอฟันคอยขู่ผลเสียของมันกรอกหูทุกวัน  กระดูกละลาย กระดูกละลาย ถอน ถอน ถอนนนนน  อะไรแบบนี้  ไม่รู้ว่าที่ไม่กินนี่รักตัวเองรึกลัวหมอนะ  พอดีหมอเค้าดุ อิอิ
PS. There's no logic in your arguments, if one doesn't listen, doesn't open up, we can't find the answer. Drifting never ends.
โอ๊ย เคอร์ฟิวส์ไปเหอะ
ถึงเวลาก็๋ม่มีใครสนกฏบ้าบอนี่หรอก
ดูอย่างทุกวันนี้ดิ
เด็กอายุ 15 ยังซื้อเหล้า เข้าผับได้หน้าตาเฉยอยู่เลย
PS. [สถานะ:: มันเป็นเรื่องของโชคชะตา...]// กฎหมาย...ถ้าคนไม่เคารพ มันก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ // It's our "Destiny" // อ๊างงงค์~~~
คิดไปเองหรือเปล่าหว่า รู้สึกว่ามันออกมาโดยมีสาเหตุจากคดีแพรวา เห็นเขาสำรวจความเห็นพวกพ่อแม่ที่มีลูกวัยรุ่นเขาเห็นด้วย แต่เด็กวัยรุ่นบางคนที่ต้องช่วยพ่อแม่ทำงานเขาก็ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ
รู้สึกกฎหมายนี้จะมีเพื่อ "พ่อแม่รังแกฉัน" ด้วยนะ
พวกที่ไปมั่วสุมกลางคืน แล้วพ่อแม่บอกว่าให้ไปซื้อของแทนเพื่อเป็นการแก้ตัว
หากมีกฎหมายนี้ขึ้นมาพ่อแม่ก็จะอ้างแบบนี้ไม่ได้อีก
PS. เราไม่ได้สีแดงนะ แต่-สีเดียว-ต่างหาก
เขาไม่ได้จะแก้ที่เด็กมีโอกาสจะไม่ปลอดภัยหลัง 4 ทุ่ม โดยตรงหรอกค่ะ ^^
เอมว่า กม. ตัวนี้ ออกมาเพื่อไม่ให้เด็กรังแกตัวเองมากกว่า แน่นอนมันไม่เดือดร้อนใครโดยตรง แต่โดยอ้อมแล้วมันกำลังบ่อนทำลายชาติ
เรื่องเปิดทางให้ตำรวจเลวทำมาหากินนั้น มันเป็นส่วนของปัญหาอีกอันหนึ่ง ไม่น่าเอามาคิดรวมกันกับ กม. ตัวนี้เลยนะ
PS. ´¯`Ψ... นิยามความรักก็คือนามปากกา "ดมิศรา... งดงามในความมืด" ...Ψ´¯`
12
ผมคิดว่ามันเป็นคนล่ะเรื่องเดียวกันครับ เพราะตัวบทกฏเกณฑ์นี้มันจะทำยังไงกับเด็กที่มีธุระจำเป็นล่ะครับ เอามาตรฐานตรงไหนมาวัดว่าควรผ่อนปรนหรือไม่ผ่อน ลองคิดถึงผู้ควบคุมกฏหมายดูบ้าง หรือพอถึงเวลาก็ให้จับดะ ผมว่าพอถึงเวลา คนซวยมันจะไม่ใชเด็กที่ไม่สมควรออกจากบ้าน เพียงฝ่ายเดียวน่ะสิครับ ผมว่าเปลี่ยนเป็นเข้มงวดตามสถานที่ต่างๆเช่นผับบาร์ร้านเกมส์ไม่ดีกว่าหรือ... โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นการล้อมคอกจากคดีแพรวาอย่างที่บางท่านพูด
PS. ไม่เคยใครไม่เคยล้มมาก่อนแต่ นักกีฬาชั้นยอดจะลุกขึ้นมาทันที นักกีฬาทั่วไปจะลุกช้าหน่อย ส่วนไอ้ขี้แพ้ก็จะนอนอยู่อย่างนั้น
ถ้ากฎหมายเคอร์ฟิวเด็กแก้ปัญหาได้จริง
อีกหน่อยคงจะมีเคอร์ฟิวผู้ใหญ่ตามมา
PS. In omnibus requiem quaesivi, et nusquam inveni nisi in angulo cum libro.
ข้าพเจ้าสงสัยว่า ตำรวจแกมีอำนาจตามกฎหมายข้อไหนมาจำกัดว่าเด็กต่ำกว่า 18 ห้ามออกจากบ้านหลังสี่ทุ่ม ตงิดๆ ว่ามันไม่ชอบด้วยกฎหมายนะ
PS. For the strength of the Pack is the Wolf, and the strength of the Wolf is the Pack.
@15
ไม่มีกฎหมายตรงตัวห้ามเลย -*-
มีแต่ พรบ. คุ้มครองเด็กมาตรา 26...
สงสัยตำรวจจะเพี้ยน นึกว่าประกาศคณะปฏิวัติมาตรา 17 ยังทำงานอยู่
PS. In omnibus requiem quaesivi, et nusquam inveni nisi in angulo cum libro.
มันอยู่ที่คนบังคับใช้กฎหมาย
PS. คนทุกคนเท่าเทียมกัน แต่บางคนเท่าเทียมมากกว่าคนอื่น (Warhammer 40K) | แนะนำเกมพีซีและอาจมีดาวน์โหลด -> http://teamarcane.blogspot.com/ | เรื่องสนุก โพสไว้ให้ฮา -> http://post4fun.blogspot.com
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?