Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

>>[[ -PIC ]]->>> !! รูปประวัติศาสตร์หายาก สุดๆๆ มาดูเร็ว

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
 ภาพที่นำมาลงเป็นภาพจริงทั้งหมดนะครับ 

อัพเดท 
ประเทศอังกฤษ
ราชวงศ์วินเซอร์

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร[1] (อังกฤษ: Elizabeth II of the United Kingdom เอลิซาเบธ อะเล็กซานดรา แมรี) (21 เมษายน พ.ศ. 2469-) เป็นพระมหากษัตรีย์แห่งที่ปกครองตนเองโดยอิสระสิบหกรัฐ โดยทรงมีราชบัลลังก์และพระอิสริยยศในแต่ละแห่งอย่างเท่าเทียมกัน พระองค์ทรงประทับร่วมกับพระราชวงศ์อังกฤษในสหราชอาณาจักร ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์มีลักษณะดั้งเดิมทางประวัติศาสตร์

นอกเหนือจากสหราชอาณาจักรแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งแคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จาเมกา บาร์เบโดส หมู่เกาะบาฮามาส เกรนาดา ปาปัวนิวกินี หมู่เกาะโซโลมอน ตูวาลู เซนต์ลูเซีย เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ แอนติกาและบาร์บูดา เบลิซและเซนต์คิตส์และเนวิส ซึ่งมีข้าหลวงใหญ่ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในแต่ละแห่ง ในสิบหกประเทศซึ่งพระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถ เป็นที่รู้จักว่า เครือจักรภพอังกฤษและมีประชากรวมกันทั้งหมดจำนวน 128 ล้านคน

พระองค์เสวยราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ ปากีสถาน และศรีลังกา หลังจากการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระบรมราชชนก เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 เนื่องจากอาณานิคมอื่นๆ ในจักรวรรดิอังกฤษ (ซึ่งตอนนี้คือ เครือจักรภพอังกฤษ) ได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในรัชกาลของพระองค์ พระองค์จึงเสวยราชบัลลังก์ที่เกิดใหม่ในฐานะสมเด็จพระราชินีนาถของดินแดนแต่ละแห่ง ดังนั้นตลอดเวลาหกสิบปีบนพระราชบัลลังก์ พระองค์ได้ทรงเป็นพระประมุขของสามสิบสองชาติ ซึ่งครึ่งหนึ่งได้โปรดฯให้พระราชวงศ์ดำรงตำแหน่งแทนหรือกลายเป็นสาธารณรัฐในบางแห่ง

ในปัจจุบัน พระองค์ทรงเป็นพระประมุของค์เดียวในโลกที่ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐของชาติเอกราชมากกว่าหนึ่งชาติพร้อมกัน ในทฤษฏีทางกฎหมาย พระองค์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐที่ทรงอำนาจมากที่สุดในโลก แม้ว่าในทางปฏิบัติพระองค์จะทรงใช้อำนาจบริหารทางการเมืองส่วนพระองค์เพียงเล็กน้อย

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงดำรงตำแหน่งประมุขแห่งเครือจักรภพแห่งอังกฤษ จอมทัพแห่งกองทัพสหราชอาณาจักร (จอมพล จอมพลเรือ และจอมพลอากาศ) ประมุขสู งสุดคริสตจักรแห่งอังกฤษ (ดำรงพระอิสริยยศ ผู้พิทักษ์ศาสนา) ประมุขแห่งแมนน์และประมุขสูงสุดแห่งฟิจิ ตามราชประเพณี พระองค์ยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งแลงแคสเตอร์และดยุกแห่งนอร์ม็องดี อีกทั้งยังทรงเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพในดินแดนอาณานิคมต่าง ๆ ของพระองค์อีกด้วย

ความงดงามของเพชรเลอค่า .. แห่งพระราชวงศ์วินด์เซอร์ สวมใส่โดย สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่2

The Coronation Necklace and Earrings 1858
Queen Elizabeth II wears the Coronation necklace along with the Imperial State Crown as she and her husband, the Duke of Edinburgh wave from the balcony of Buckingham Palace to the crowds after the Coronation











ปัจจุบัน

ประเทศฝรั่งเศส

ราชวงศ์โบนาปาร์ต 

พระนางมารี อองตัวเนต

ห้องและพื้นที่ของพระนางมารี อองตัวเนต
 

ในสายตาของคนทั้งโลกอาจจะมองว่าพระนางทรงเป็นเพียงหญิงสาวผู้นำพาการล่มสลายของราชอาณาจักรฝรั่งเศส แต่ในสายตาของลูกๆนางคือมารดาที่ยิ่งใหญ่ และสำหรับหลุยส์-ออกุสต์สวามีที่รัก พระนางคือสตรีเพียงหนึ่งในใจของพระองค์

สำหรับเรื่องของพระนางแล้วผู้เขียนเรื่องนี้มีความรู้สึกว่านี่ไม่สมควรกับพระนางเลย พระนางก็เป็นเพียงหญิงผู้เป็นเหยื่อของการปฏิวัติ ที่ถูกกระทำและถูกสวมมงกุฎหนามที่พวกปฏิวัติมอบให้ หากได้รู้ความจริงแล้วพระนางคืออิสตรีผู้รักษาความสุขุมและท่าทีอันทรงศักดิ์ไว้จนวาระสุดท้ายของชีวิตก็ยังทรงกล้าหาญเฉกเช่นวันแรกที่ก้าวสู่ดินแดนฝรั่งเศส



มารี-อองตัวเน็ต โฌเซฟ ฌานน์ เดอ ฮับสบูร์ก-ลอแรนน์ (ประสูติ 2พฤศจิกายน พ.ศ.2298 กรุงเวียนนา สิ้นพระชนม์ 16ตุลาคม พ.ศ.2336 กรุงปารีส)เจ้าหญิงแห่งฮังการี และแคว้นโบฮีเมีย อาร์คดัชเชสแห่งออสเตรีย ราชินีฝรั่งเศส และนาวาร์ (แคว้นบาสก์ในปัจจุบัน) (พ.ศ.2317 – พ.ศ.2336)รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า มารี-อองตัวเนตแห่งออสเตรีย พระนางถูกประหารด้วยกิโยตินระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส พระนางคือเหยื่อแห่งการปฏิวัติอันบ้าคลั่ง














เจ้าหญิงธิเบต

Tibetan Lhacham (Princess), Tibet c1879 Sarat Chandra Das





Tibetan Lhacham (Princess), Tibet c1879 Sarat Chandra Das

หมวกแมนจู ชาววัง
ใครที่เคยดูหนังสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งฮิทๆ ก็จะเป็นสมัย คังซี เฉียนหลง หย่งเจิ้น จะเห็นสาวๆแมนจูในวังใส่หมวกแปลก แบนๆ กว้างๆ มีดอกไม้ใหญ่ๆ อยู่ตรงกลาง แล้วมีพู่ประดับสองข้าง แต่ถ้าไม่ได้ใส่หมวกแบบนี้ สาวๆเหล่านั้น ก็จะเกล้าผมเป็นหมวยคล้ายๆ สาวๆในวังสมัยฮั่นเหมือนกันนะครับ ด้วยความอยากรู้เรื่องหัวคนอื่น ผมเลยไปค้นคว้าได้ความมาดังนี้ว่า

หมวกแบบดังกล่าวจะสวมใส่เฉพาะสาวๆในวังแมนจูครับ เรียกว่า "旗头ฤ大拉翅" ("Qi Tou -Da La Ci") 





1.ประเทศเกาหลี ราชวงศ์โซซอน 

ราชวงศ์โชซอน (สะกดไม่เป็นครับ ไม่รู้ออกเสียงยังไง Joseon Dynasty) 
และจักรพรรดิคนสุดท้ายของราชวงศ์นี้ก็คือจักพรรดิชุงจง (Emperor Sunjong) สิ้นสุดลงในปี ค.ศ.1910 ภายหลังการรุกรานของจักรวรรดิญี่ปุ่น และประเทศเกาหลีได้ตกเป็นอาณานิคมของประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 35 ปี เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สุดและญี่ปุ่นเป็นผู้แพ้สงคราม

ปัจจุบันสุสานของราชวงศ์โชซอนตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล (ย่านคังนัม) เป็นสถานที่สำหรับศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ของราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี ซึ่งได้รับการประกาศจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกด้วย
     

การกลับมาของราชวงศ์เกาหลี เรื่องจริงนะครับ 

่่เกาหลีได้มีการฟื้นฟู ราชวงศ์อีกครั้งในปี พ.ศ. 2549 โดยเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน แต่ไม่ได้เป็นประมุข เพราะเกาหลีมีประธานาธิบดีอยู่แล้ว จักรพรรดิจึงมีไว้เพื่อเป็นประธานในพิธีต่างๆ และพิธีทางศาสนาเท่านั้น ไม่ได้เป็นประมุขหรือสัญลักษณ์ของประเทศแต่อย่างไร โดยเกาหลีมีจักพรรดิซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจมาตั้งแต่ตอนเป็นเมืองขึ้นญี่ปุ่น จนกระทั่งการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายกู จักรพรรดิองค์ก่อน และยังไม่มีผู้สืบทอดจึงทำให้ราชวงศ์สิ้นสุดในปี พ.ศ. 2548 แต่ได้ถูกฟื้นฟูในปี พ.ศ. 2549โดย เจ้าหญิงเฮวอน จักรพรรดนีองค์ปัจจุบัน

เจ้าหญิง ลี เฮวอน แห่งเกาหลี 
ทรงเป็นสมาชิกในราชวงศ์ลีแห่ง เกาหลี ก่อนที่จะถูกล้มล้างไปในช่วงที่ญี่ปุ่นบุกคาบสมุทรเกาหลี เมื่อปี ค.ศ. 1910 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ประสูติ พระองค์ทรงเป็นพระธิดาพระองค์ที่ 2 ใน เจ้าชายกัง พระราชโอรสพระองค์ที่ 5 ใน สมเด็จพระจักรพรรดิโกจง จักรพรรดิพระองค์สุดท้ายแห่งเกาหลี และยังทรงดำรงฐานะเป็น ประมุขแห่ง ราชตระกูลจักรพรรดิเกาหลี (Korean Imperial Household) อีกด้วย

รูปภาพจักรพรรดินี ลีเฮวอน




เจ้าหญิงลี ประสูติที่ ในปีพ.ศ. 2462พระราชวังซาดอง กรุงโซล และ ทรงเจริญวัยในพระราชวังอุนเฮอง พระองค์ทรงเษกสมรสกับ ลี ซุงยู ซึ่งต่อมาถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปในช่วงสงครามเกาหลี ทรงมีพระโอรส 3 พระองค์ และ พระธิดาอีก 1 พระองค์ เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2549 เจ้าหญิงลี ได้ทรงทำพิธีขึ้นครองราชย์ในฐานะประมุขแห่งราชตระกูลจักรพรรดิเกาหลี พระองค์ทรงใช้คำเรียกพระองค์ว่า จักรพรรดินีแห่งเกาหลี และทรงประกาศถึงการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ในประเทศเกาหลีใต้ โดยรัฐบาลกลางเกาหลีมิได้เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือรับรองแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สำนักโพลในประเทศเกาหลีใต้ได้สำรวจแล้วว่า 54.4% สนับสนุนการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ โดยให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหญิงวอนก็ทรงมีศักดิ์เป็นจักรพรรดินีอย่างถูกต้องตาม ธรรมเนียม พิธีการ และพฤตินัย เนื่องจากเป็นผู้สืบทอดของเจ้าชายกู พระจักรพรรดิองค์ก่อน ซึ่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2548 เพียงแต่ทรงขาดสถานะการเป็นประมุข ทำให้ทรงเป็นจักรพรรดิแต่มิได้เป็นประมุขของประเทศ 







สมเด็จพระจักรพรรดินีเมียวซอง (Myon Seong Empress) องค์สุดท้ายเเห่งเกาหลี










2.ประเทศจีน  ราชวงศ์แมนจู(หรือราชวงศ์ชิง นั่งเอง)




สมเด็จพระจักพรรดิ ปูยี หรือ ฮ่องเต้ปูยี


สมเด็จพระจักรพรรดินีหว่าน หลง  หรือ ฮองเฮา หว่านหลง (Wan rong empress) องค์สุดท้ายเเห่งจีน




พระนางซูสีไทเฮา



พระนางซูสีไทเฮา และเหล่าราชนิกุล


ไม่รู้ว่าเป็นเชื่อพระวงศ์หรือเปล่า แต่เค้าเขียนว่า Lady manchu น่าจะเป็นนางใน หรือเชื้อพระวงศ์ นะ


จักพรรดิปูยี ประทับบนบัลลัง ณ พระราชวังต้องห้าม ที่ปักกิ่ง ของจีน



พระนางซูสีไทเฮา กับเหล่าแหม่มราชนิกุลต่างประเทศ



ฮองเฮาหวานหรง




ชนชั้นสูงในสมัยนั้น




หลัง จากที่ราชวงศ์นี้ล่มสลาย ถูกขับไล่ออกจากพระราชวังต้องห้าม แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์ก็ไม่ได้หายไป ก็ยังมีลูก หลาน อยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่ได้มีอำนาจในการปกครองจีนแล้ว 



3.ประเทศรัสเซีย  ราชวงศ์ โรมานอฟ



โรมานอฟ" ราชวงศ์ที่ 2 และราชวงศ์สุดท้ายของรัสเซีย (พ.ศ.2156-2460) ปฐมกษัตริย์คือพระเจ้าซาร์ไมเคิล ปกครองประเทศด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กระทั่งถึงรัชสมัยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 รัสเซียประสบความยุ่งยากจากสงครามกับญี่ปุ่นและสงครามโลกครั้งที่ 1 ประชาชนผู้อดอยากทุกข์ยากและเสื่อมความนิยมในรัฐบาลกษัตริย์อยู่แล้ว เข้าร่วมขบวนการปฏิวัติของพวกบอลเชวิก ซึ่งยึดมั่นในระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์

ซาร์นิโคลัสสละราชสมบัติในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2460 ก่อนถูกปลงพระชนม์พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์จนสิ้นราชวงศ์ในเดือนกรกฎาคม 2461 ตามด้วยเสียงลือที่ไม่มีใครยืนยันข้อเท็จจริงได้ว่ามีพระราชวงศ์องค์หนึ่งหนีรอดมาได้ คือพระธิดาซาร์นิโคลัส "เจ้าหญิงอนาสตาเซีย"ที่ลูกกระสุนปืนยิงไปกระทบกับอัญมณีทำให้เธอรอดตาย  [พระธิดาทุกพระองค์แอบพกอัญมนีติดตัวไว้ อาจจะทำให้อนาสตาเซีย โชคดี แต่อย่าลืม ว่านี่เป็นข่าวลือ]  แต่หลังจากนั้นไปหลายปี ก็ได้มีคนชื่อ แอนนา แอนเดอสีน อ้างตนว่า เธอคือเจ้าหญิงอนาสตาเซีย ที่หนีรอดมาจากการโดนสังหารครั้งนั้น  จนกระทั้งมีการพิสูจน์ต่างๆนาๆ ทั้ง หน้าตา ท่าทางการถ่ายรูป หรือจุดตำหนิที่ร่างกาย มีคล้ายกับอนาสตาเซียทั้งสิ้น เทอได้ฟ้องต่อศาลแต่ศาลยกฟ้อง เพราะไม่มีหลักยืนยัน ทั้งที่มีผู้คนบอกว่าเธอคืออนาสตาเซีย แต่ก็มีบางคนที่บอกว่าไม่ใช่  ทำให้ไม่มีหลักฐาน ตลอดจนวาระสุดท้ายของเทอก็ยังยืนยันว่า เธอคืออนาสตาเซีย หลงัจากนั้นก็ได้มีการขุดพระศพของราชวงศ์โรมานอฟ มาตรวจ ดีเอ็นเอ ปรากฏว่า ไม่ตรงกับของแอนนา แต่ทว่าศพที่ขุดมานั้นอาจจะไม่ใช่ศพของราชวงศ์โรมานอฟก็ได้ เพราะ ศพของราชวงศ์โรมานอฟ โดนทำลาย ด้วยการราดน้ำกรด และเผาไปแล้ว ศพที่ขุดมาอาจไม่ใช่ของเชื่อพระวงศ์ก็ได้ ทำให้ดีเอ็นเอไม่ตรงกันกับของแอนนา ผู้ซึ่งอาจจะเป็นเจ้าหญิงอนาสตาเซียตัวจริง  ซึ่งนั่นแหละ ทำให้การพิสูจไม่สำเร็จ  เพราะไม่รู้ว่าอะไรจริงกันแน่เพราะเป็นข่าวที่ลือกันมา จนทำให้ตัดสินไม่ได้ว่าเป็นเจ้าหญิงจริงๆ แต่สุดท้ายก็มีคนมากมายที่เชื่อว่า แอนนา แอนเดอสัน คือ เจ้าหญิงอนาสตาเซีย

ย้อนไปก่อนเข้าพัวพันสงครามโลกครั้งที่ 1 ราชวงศ์โรมานอฟยังมีเรื่องเสื่อมเสียเพราะ "รัสปูติน" หรือ กริกอรี รัสปูติน เขาเกิดเมื่อ พ.ศ.2374 ในครอบครัวเกษตรกรบ้านนอกของไซบีเรีย เขามีอำนาจจิตสูงสามารถสะกดจิตผู้คนให้เคลิ้มหลับได้ ซึ่งในวงการจิตวิทยาเรียกว่า พีเค หรือไซโคคิเนซิส (Psychokinesis) คือการเคลื่อนไหววัตถุด้วยอำนาจจิต ทั้งมีสัมผัสพิเศษ อี เอส พี (Extra Sensory Perception) รู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าด้วย

พ.ศ.2448 รัสปูตินเข้ากรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (เมืองหลวงขณะนั้น) วันหนึ่งสามารถบรรเทาอาการโรคโลหิตไหลไม่หยุด (ฮีโมฟีเลีย) ของเจ้าชายอเล็กซิสได้ เป็นที่ชื่นชมของซาร์นิโคลัสที่ 2 และพระราชมารดาซารีน่าอเล็กซานดร้า รัสปูตินอาศัยอิทธิพลของซารีน่าแผ่อำนาจมิชอบ ก่อเรื่องอื้อฉาวทางกามารมณ์จนร่ำลือทั่วเมืองหลวง มีสตรีจากตระกูลสำคัญๆ จำนวนมากมายเป็นทาสของรัสปูตินอย่างเต็มใจ และสามีของสตรีเหล่านั้นก็ภูมิใจ


รัสปูตินเรืองอำนาจมาได้อีก 9 ปี พ.ศ.2457 พวกชนชั้นสูงที่มีความคิดแบบจารีตนิยมได้ร่วมมือกันลอบฆ่าเขา โดยลวงไปในงานเลี้ยงที่วังเจ้าชายเฟล็กซ์ ยูสซูปอฟ เขากินเค้กใส่ไซยาไนด์ 2 ชิ้น ไวน์ใส่ไซยาไนด์ 2 แก้ว เป็นปริมาณยาพิษที่สามารถฆ่าทหารหนึ่งหมู่ได้สบายๆ แต่รัสปูตินไม่เป็นไร ผู้ก่อการจึงยิงด้วยปืนพกเข้าที่ด้านหลังและศีรษะกว่า 3 นัด กระหน่ำตีด้วยไม้พลองนับไม่ถ้วนครั้ง ก่อนห่อร่างด้วยผืนพรมมัดเชือกแน่นหนานำไปทิ้งปล่องน้ำแข็งแม่น้ำเนวาอันเยือกเย็น 
 



หลังจากนั้น 3 วัน มีผู้พบศพรัสปูติน เชือกและพรมหลุดออกจากตัว แพทย์ระบุว่ามีสารพิษในเลือด และถูกกระสุนหลายนัด แต่ชี้ว่าตายด้วยน้ำท่วมปอด ขาดอากาศหายใจ ศพรัสปูตินได้รับพระกรุณาฝังอยู่หลังโบสถ์หลังใหม่ในหมู่บ้านซาร์ (วังซาร์สโกเซโล) แต่ต่อมาถูกขุดขึ้นมาเผาทำลายโดยทหารของคณะปฏิวัติ รัสปูตินเป็นเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ราชวงศ์โรมานอฟล่มสลาย ชาวรัสเซียส่วนมากยังชิงชังพฤติกรรมชั่วร้ายของเขามาถึงปัจจุบัน




Queen Alexandra สมเด็จพระราชินีเอล็กซานดร้า


พระเจ้าซานิโคลัสที่2 กับเจ้าชายเอล็กซี่


ราชินีเอล็กซานดร้า กับ พระเจ้าซานิโคลัสที่2


1.เจ้าหญิงมาเรีย 2.เจ้าหญิงทาเทียน่า 3.เจ้าหญิงอนาสตาเซีย 4เจ้าหญิงโอลก้า 5.เจ้าชายเอล็กซี่

    








ชุดในพระราชพิธีต่างๆ


ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่เค้าบรรยายว่า Sister Alexandra  น่าจะเป็นพี่สาวของ ราชินีอเล็กซานดร้า 


พระราชินีเอล็กซานดร้า




เด็กข้างคือเจ้าหญิงอนาสตาเซีย



ราชินีเอล็กซานดร้า ในภาพสีโดยใช้คอมแต่ง


พระเจ้าซานิโคลัสที่2




4.ประเทศพม่า  ราชวงศ์อลองพญา


พระเจ้าสีป่อ กับ ราชินีสุปยาลัต




พระเจ้าลี่ป่อรึเปล่าไม่แน่ใจ



ราชนิกุลอีก1องค์ ไม่ทราบข้อมูล




5 ประเทศฮังการี

สมเด็จพระจักรพรรดินีอลิซาเบธ องค์สุดท้ายเเห่งฮังการี



โหวต+เม้นด้วยนะครับ  ขอบคุงค้าบบ

แสดงความคิดเห็น

>

15 ความคิดเห็น

{Guide✖Book} 20 เม.ย. 55 เวลา 19:35 น. 2
ขอบคุณมากค่ะ เราชอบเรื่องแบบนี้มากกก
ขอบเรื่องของโรมานอฟกับพระนางมารี อองตัวเนตมาก :)


PS.  Don't waste another day. Don't waste another minute ♥
0
วอร์เมซ war maceที่1 21 เม.ย. 55 เวลา 16:56 น. 10

ราชวงศ์โรมานอฟมีแต่คนหน้าตาดีแฮะ...


PS.  ผู้เลือกทางเดินผิดถึงแม้จะกลับมาในทางที่ถูกต้องแล้ว ก้าวย่างที่หนักแน่นในทางเดินที่ผิดนั้นย่อมสร้างรอยตำหนิเอาไว้ลึกยิ่งกว่าผู้หลงทางที่ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าตื้นๆ จึงไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะเดินย้อนกลับไป
0
Brioche 5 ก.ค. 58 เวลา 19:18 น. 15

พระนางมารี ผมว่าท่านน่าสงสารจริงๆนะครับ ท่านแค่เผลอพูดหลุดโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้นแต่มันอาจเป็นจุดจบที่สมควรในความคิดของหลายคนก็ได้

1
Ryuune_chan 13 ม.ค. 61 เวลา 08:12 น. 15-1

ไม่มีหลักฐานว่าพระนางว่าพระนางตรัสแบบนั้นจริง ๆ ด้วยซ้ำไปครับ และอีกหลาย ๆ เรื่องส่วนมากแต่งโดยพวกปฏิวัติที่ต้องการดิสเครดิตทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับระบอบกษัตริย์อยู่แล้ว ลองค้นบทความเกี่ยวกับพระนางมากมายในกูเกิ้ล ส่วนมากมีการนำเสนอในแง่ที่ดีเพิ่มขึ้นมากแล้วด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่ส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนเรื่องประโยคดังนั่น เห็นว่าจริง ๆ แล้วถูกบันทึกในฐานะคำพูดของ "great princess" ซึ่งน่าจะเป็นชายาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ซึ่งบันทึกไว้ก่อนที่พระนางมารี อังตัวเน็ตต์จะเดินทางมาฝรั่งเศสตั้งห้าปี คนเขียนมันยังไม่เคยรู้ว่ามีตัวพระนางในโลกด้วยซ้ำไป อ้างอิงครับ https://en.wikipedia.org/wiki/Let_them_eat_cake แต่บอกตรง ๆ ผมว่าชีวิตและจุดจบของพระนางเนี่ย สะท้อนหลาย ๆ อย่างของมนุษยชาติมาก ทั้งการเลือกที่จะป้ายความผิดให้กับผู้หญิงคนเดียวที่ไร้ทางสู้เพียงเพื่อให้ตัวเองมีชัยชนะและเป็นฝ่ายถูก แม้ตายไปแล้วก็ยังขยี้ซ้ำด้วยประโยคและข่าวลือเสียหายที่ยืนยันความจริงไม่ได้ เพียงเพราะพระนางไม่ได้นิยมระบอบเดียวกับคนส่วนใหญ่ในยุคหลังเท่านั้น หลายครั้งทำเนียนมาอยู่ในมุขตลกเพื่อให้คนที่โต้แย้งดูเป็นคนโง่และบ้าคลั่งเท่านั้น และต่อให้นักประวัติศาสตร์จะพยายามแก้ต่างให้เท่าไหร่ หรือแนวร่วมอยากช่วยแก้ไขให้แค่ไหน สุดท้ายก็ถูกปัดด้วยคำพูดไร้ความรับผิดชอบสั้น ๆ (เช่น แค่ปกป้องผู้หญิงทำเท่ หรือว่า คนอ่อนแอก็แพ้ไป ฯลฯ เท่าที่ผมเคยเจอมานะ ไม่อยากเชื่อเลยนี่คือวิธีคิดของคนที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยที่อ้างว่าดียังโง้นยังงี้) บอกตรง ๆ แม้แต่ฆาตกรโรคจิตในประวัติศาสตร์หลาย ๆ คนยังไม่เคยโดนถึงขนาดนี้ และเชื่อเหอะ ยังมีคนที่ต้องประสบชะตากรรมไม่ต่างจากพระนางอีกมากแม้ในยุคสมัยนี้ เพียงแต่คนปฏิเสธที่จะสนเท่านั้น สุดท้ายผมขอฝากสรุปสั้น ๆ ในความรู้สึกส่วนตัว "จะฝั่งไหน คิดเห็นอย่างไร สุดท้ายแล้วพวกเราที่อยู่คนละยุค ย่อมไม่มีใครรู้ความจริง 100% ทว่า ทำไมมันมักจะมีเพียงแค่ฝั่งเดียวที่มีอิทธิพลมากกว่าและได้รับชัยชนะ และส่วนมากที่ชนะมักจะไม่ใช่ชนชั้นสูงมีการศึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญอย่างที่ใคร ๆ คิด แต่เป็น....กลุ่มฝูงชนที่บ้าคลั่งกับการได้ด่าคนอื่นให้เลวไว้ก่อนเพื่อให้ตัวเองเป็นคนดี ไม่ชอบอ่านหนังสือเกิน 7 บรรทัด และไม่ฟังอะไรเลยนอกจากคำปากต่อปากที่ตรงกับอคติของตัวเอง"

0